Masuk“กระรอกนั่นน่ะ เจ้าตัดใจได้แล้วใช่ไหม?”
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเซรัสตอบคำถามของไคเอลแบบผ่าน ๆ แต่ ณ เวลานี้เขากลับหอบร่างกระรอกหางรุ้งที่นอนนิ่งในย่ามออกมาจากด้านหลังของปราสาท ทางไม่ได้ถูกถางไว้สำหรับให้คนทั่วไปเดินมันจึงไม่ง่ายนักที่จะผ่านแต่ละช่วงไปแต่นั่นคือความตั้งใจของเซรัส เพื่อทำให้บ้านพักแห่งนี้ห่างไกลจากผู้คนมากที่สุด เขาจึงทำให้ข้างนอกมันดูเก่าและโทรมตลอดเวลา หากเขาเป็นคนที่พลัดมาเจอคงจะไม่กล้าเข้าใกล้ ผ่านเลยไปและคงไม่เก็บไปพูดถึง เซรัสมองดูรอบ ๆ ดอกไม้กลีบอ่อนที่ปลูกเอาไว้ยังคงช่อสดเช่นเดิมเขาจึงหยิบกุญแจที่ซ่อนเอาไว้ในซอกหินแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว จัดการปิดประตูแล้วหยิบกระรอกหางรุ้งมาวางบนเบาะรองที่มีโคมไฟสีส้มอยู่ด้านบน เขาปรับระดับมันให้เฉียงออกเล็กน้อยไม่นานนักลำตัวมันก็กระเพื่อมน้อย ๆ พร้อมกับเสียงลมหายใจของเซรัสที่ระเบิดออกมา “เกือบไปแล้วไหมล่ะ” ว่าพลางเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมเอนกายรับแสงแดดที่ลอดเข้ามา เมื่อมันกลับมาหายใจเขาจึงได้พัก ภายใต้ชายคาของบ้านพักเขาจะหลับตาได้โดยไม่ห่วงว่าชีวิตไหนจะมีอันตราย เขาหลับตาลงช้า ๆ ลาจากเจ้ากระรอกที่ค่อยลุกลืมตาขึ้นมา ร่างทั้งร่างหนักอึ้งแม้กระทั่งหนังตาที่เขาต้องฝืนลืมมันขึ้นมาเพื่อมองสิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ แขน เจ้ากระรอกน้อยย้ายมาอยู่ในวงแขนแล้วมุดตัวหาที่อุ่น ๆ เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ จากเซรัส ชายหนุ่มขยับเล็กน้อยพอให้ตรงพื้นเก้าอี้เป็นหลุมรับร่างเล็ก ๆ ที่เริ่มแสดงท่าทางกระวนกระวาย ต่างจากเมื่อครู่ “นี่…แกเป็นอะไรเนี่ย” เซรัสดันตัวลุกขึ้นมองอาการนั้นก่อนจะได้คำตอบจากเสียงที่อยู่ด้านนอก “มันคงใกล้จะคลอดลูก” น้ำเสียงเรียบเอ่ยก่อนที่ร่างหลังประตูจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า เจ้าของเล็บสีแดงสดดันผ้าคลุมศีรษะออกแล้วหันไปมองรอบ ๆ เศษผ้าที่กองอยู่ข้างตู้ยาเหมาะที่จะเป็นรังของกระรอกหางรุ้งและลูก ๆ ของมัน เธอวางมันลงแล้วกุมไว้ครู่หนึ่ง ถอยออกมารอให้กระรอกท้องแก่สำรวจมัน เซรัสเองก็ถอยออกมามองเพื่อนตัวเล็กสลับกับไคเอลที่ตามเข้ามาแล้วออกสีหน้าฉงนไม่ต่างกัน “เจ้ารู้ไหมว่ามันท้อง” หญิงสาวถามเสียงเรียบ เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับลากชายผ้าคลุมตามไปด้วย แบ่งระยะระหว่างตนและชายหนุ่มทั้งสองชัดเจน “ไม่รู้ ข้าก็เพิ่งรู้เมื่อครู่นี่ล่ะ” เซรัสตอบพร้อมส่ายหน้า แล้วก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “นี่เทร่าเจ้าจะพูดอะไรก็รีบพูด วางท่าแต่ไม่มีข้อมูล คนรอฟังมันท้อนะรู้ไหม” เจ้าของชื่อหันไปจิ๊ปากใส่ไคเอล กอดอกยืดหลังแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “เจ้ารอลุ้นเอาแล้วกันว่าลูกของมันจะสมบูรณ์หรือว่าจะต้องฝังลงดิน” “นี่ ยัยแม่มด เจ้าจะพูดแต่เรื่องร้าย ๆ ตลอดเวลาเลยหรือไง อย่างนี้คนช่วยก็ใจฝ่อหมดสิ” เซรัสเอื้อมไปแตะไคเอลแล้วดึงให้เขานั่งลงข้าง ๆ เมื่อหันไปสบตาเทร่าหญิงสาวก็เบนไปทางอื่นแทน “เพราะยานั่นใช่ไหม เรื่องที่เจ้าพูด” ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงน้อย ๆ ทั้งที่หันไปทางอื่น “ข้าไม่รู้ แต่ไม่ใช่ว่าข้าไม่ผิด แต่ว่าข้าเชื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นเจ้าจะช่วยข้าได้” เธอหันหน้ามาช้า ๆ เพ่งมองไปที่เจ้าของประโยคเมื่อครู่แล้วส่ายหน้าพร้อมกับแววตาแสนหน่าย ก่อนจะหยัดกายยืนแล้วเดินไปดูรอบ ๆ “ข้าไม่เคยบอกนะว่าข้าให้ของพวกนั้นมากับเจ้า ไม่เคยบอกว่าให้เจ้าใช้ได้ตามใจชอบ” “แต่เจ้าบอกข้าเองนะว่าให้ใช้เมื่อยามจำเป็น การที่พากระรอกนั่นออกมาจากสวนก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น” ไคเอลสวน “แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันจำเป็นสักหน่อย กระรอกตัวเท่าฝ่ามือเจ้าไม่มีทางอื่นที่จะพาออกมาเลยหรือไง” เทร่าพูดดังขึ้น หันหน้าไปหาไคเอลเต็มตัว “ทางอื่นก็คงพาเจ้าเข้าไปแล้วเสกให้กระรอกนั่นล่องหนก่อนจะพาออกมา” “นี่คือหัวคิดของนักประดิษฐ์และรัชทายาทเหรอเนี่ย…” แม่มดสาวกัดฟันกรอด เดินเลี่ยงจากคนทั้งสองไปมองเจ้ากระรอกที่นอนทับก้อนชีวิตสีแดงพลันรับรู้ถึงลมหายใจของตนว่ามันดังเพียงใดตอนเห็นก้อนเนื้อนั่นเต้นตุบ ๆ “เจ้า…เซรัส เจ้าดูซิว่ามันเป็นอย่างไร” เซรัสถึงตัวกระรอกน้อยก่อนที่ไคเอลจะพูดจบประโยค เขาสำรวจด้วยสายตาแล้วถอยออกมาไม่มีคำตอบใดให้ ไคเอลจึงต้องเข้าไปดูเองทีแรกจะจับตัวอ่อนพลิกไปมาแต่ก็ยั้งมือเอาไว้แล้วถอนหายใจเฮือก “ยังหายใจ แขนขาครบ” เทร่าส่ายหน้าปัดผ้าที่กองอยู่มาคลุมโซฟานั้นเอาไว้แล้วเดินไปทิ้งตัวบนเก้าอี้ในครัว “ก่อนจะพูดอะไรเจ้าจำไว้นะว่านี่คือว่าที่รัชทายาท” ไคเอลชิงเอ่ยปราม เทร่าถอนหายใจส่ายหน้าปัดคำพูดพวกนั้นให้พ้นจากความคิดแล้วทอดสายตามองเซรัสและขวดยาในมือ เธอปัดปลายนิ้วเข้าหาตัวพร้อมกับขวดยาที่ลอยลิ่วมาอยู่บนโต๊ะ ร่ายมนตร์ผนึกฝาขวดเอาไว้ให้แน่นหนาแล้วลุกขึ้นคำนับให้เซรัส “ขออภัยที่เสียมารยาทเพคะ ว่าที่รัชทายาท” เซรัสส่ายหน้าแล้วหันไปหยิกไคเอลที่อยู่ใกล้มือแทน “พวกเจ้าสองคนเลิกแกล้งเราสักทีเถอะ กว่าจะออกมาได้ก็ลุ้นใจแทบขาด” เซรัสส่ายหน้าแล้วนั่งตรงข้ามกับเทร่าที่กลับลงมานั่งเช่นกัน “ก็ดูเพื่อนเจ้าสิ วัน ๆ ก่อแต่ปัญหา ซ้ำยังมาเอาของฉันไปอีก” “นี่ ก่อนจะโทษว่าฉันขโมย เธอต้องโทษตัวเองก่อนนะว่าเก็บของไม่ดี แล้วก็พูดไม่ชัด” ไคลเอลสไลด์มาหย่อนก้นข้าง ๆ เทร่าพิงศีรษะกับมือที่เท้าบนโต๊ะหันหน้ามาหาเธอแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้ซ้ำ ๆ ดันให้เทร่าเบือนหน้าไปอีกทาง “สรุปว่า เจ้าไปขโมยมาหรอกเหรอ?” เซรัสหันมา ไคเอลหลบสายตา เทร่ากลายเป็นผู้ชม ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมักจะสลับบทบาทระหว่างเทร่ากับเซรัส แต่ไคเอลเป็นคนที่ถูกสอบสวนเช่นเดิม รอบนี้ก็เหมือนกัน “จะ…ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะน่า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนอย่างไง แค่ตอนที่ข้าไปรับยามาน่ะ นางไม่อยู่” “เทร่าออกไปข้างนอกเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เดือนละครั้ง” เซรัสแย้ง “แต่ข้าก็แค่หยิบผิด ขวดยามันสีเดียวกันหมด” “ข้าเคยบอกแล้วว่ายารักษาอยู่ในขวดแก้วสีใส” “แต่ขวดนั่นก็ไม่ได้ทำสนิทสักหน่อย” เทร่ากอดอกมองหน้าไคเอลแล้วส่ายหน้าเมื่ออีกคนเสมองไปทางอื่นทั้งที่หางตาเหลือบเห็นอาการไม่พอใจของเธอ เธอจึงตัดจบด้วยเสียงถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงนั่ง “เอาน่า ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ไม่มีใครเจ็บหรือเป็นอันตราย” เซรัสไกล่เกลี่ย แล้วหันไปมองคนทั้งสองที่ต่างหันหน้าหนีกัน “เจ้าคงไม่ได้มาแค่เรื่องยานี่หรอกใช่ไหม” “อือ ข้าเห็นฝูงนกปากมรกตบินกันจ้าละหวั่น เหมือนว่าจะมีภัยกับพวกมันที่ชายป่าตรงนั้น แต่ข้าไม่เคยจะข้ามไปถึงสักที” เซรัสมองหน้า เทร่าส่ายหน้าเป็นการจบบทสนทนา ในป่านี้ใช่ว่าทุกที่เทร่าหรือเซรัสจะย่างกรายเข้าไปได้ เป็นเพียงเขตปกครอง แต่ไม่ใช่ที่ที่จะควบคุม“ถ้าข้าปฏิเสธ พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือไง?” เซรัสและไคเอลมองหน้าก่อนจะตอบออกมาพร้อมกัน“ไม่” แม่มดสาวถอนหายใจแล้วล้วงของที่อยู่ในแขนเสื้อตัวเองออกมา”“งั้นก็มาพูดเรื่องแผนกันเถอะ”“แผนที่บอกว่าจะสำรวจแผนที่ป่าใหม่ทั้งหมดเพื่อให้รู้ว่าตรงนั้นมีสัตว์อะไรบ้างแล้วค่อยนำไปประกบกับแผนที่งานประเพณีน่ะเหรอ?” ครั้งนี้สองเพื่อนรักมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครรับว่าเป็นคนหลุดปาก“ไม่ต้องหาหรอก ต่อให้พวกเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ได้อยู่ดี แต่แผนของพวกเจ้ามันสิ้นเปลืองเวลาไปหน่อยนะ”“สิ้นเปลืองอะไรก็ในเมื่อต้องทำแผนที่ใหม่อยู่แล้ว” ไคเอลเถียง จะมีหัวใครปราดเปรื่องเท่าหัวนักประดิษฐ์อย่างเขา ในเมืองนี้ไม่มีเทียบอีกแล้ว“เรายังคงต้องทำแผนที่เหมือนเดิม แต่จะทำตามแผนที่งานประเพณี” ไคเอลกำลังจะเถียงแต่ถูกเซรัสยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน“พูดต่อสิ”“ไม่เจ้า ก็เจ้า ต้องเข้าไปหาแผนที่งานประเพณีแล้วนำมันออกมาก่อนที่จะถึงวันงาน จากนั้นเราจะสำรวจป่ารอบ ๆ แต่เรามีเวลาแค่สามคืนในการสำรวจ”“ทำไมแค่สามคืน ไม่ใช่สามวันหรือ?” ครั้งนี้เป็นเซรัสที่ถาม“ถ้าทำตอนกลางวันมันจะเป็นที่น่าสนใจเกินไป อีกอย่างสัตว์บางตัวหาง่ายแค่ตอนกลางคืน ถ้าอยากจะรู
มันคงจะไม่น่ารักเท่าไรหากให้แขกนอนตรงโซฟาแล้วเจ้าของบ้านนอนในห้องตัวเอง ยิ่งเป็นเจ้าของบ้านผู้ชายกับแขกผู้หญิงที่ยังบาดเจ็บยิ่งไม่ควร แต่มันคงจะลดโทษลงมาได้นิดหน่อยหากเจ้าของบ้านนั้นต้องออกมานอนที่ห้องนั่งเล่นดมกลิ่นอาหารและยาสมุนไพรโดยมีแขกผู้บาดเจ็บนอนในห้องหนังสือที่มีเพียงโซฟาหวายตัวยาวเป็นที่นอน ที่เป็นแบบนี้เหตุก็เพราะเพื่อนชายนักประดิษฐ์ของเขาปิดการพบเจอผู้คนเป็นวันที่สอง การดูแลผู้บาดเจ็บจึงต้องเป็นตามมีตามเกิด เซรัสอุ่นกับข้าวเมื่อวานในหม้อ พยายามเลี้ยงไฟให้มันเดือดน้อย ๆ อยู่ตลอดเพื่อที่มันจะมีอายุจนถึงพรุ่งนี้ จะให้เข้าไปในวังบ่อย ๆ แล้วแอบขนอาหารออกมามันก็กินพลังงานไม่น้อย และหากการเตรียมตัวของเทร่าและไคเอลพร้อมเขาคงจะต้องเข้าไปเล่นละครในวังอีกหลายวัน ฉะนั้นขอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ สักหน่อยแล้วค่อยออกไปสู้ศึก“ท่าน...จะนอนตรงนี้จริง ๆ เหรอ” แต่มันก็คงจะไม่ง่ายนักเมื่อเขาต้องลุกขึ้นมาอธิบายเพื่อให้เฟย์ลินสบายใจ หญิงสาวกอดผ้าห่มมองเขาแววตาเจือความรู้สึกผิดอยู่นานสองนานซึ่งจะพูดเท่าไรหญิงสาวก็ไม่เข้าใจ“ฉันนอนได้จริง ๆ เธอไปนอนให้สบายเถอะ”“กลางคืนมันจะหนาว ฉันไม่ควรรบกว
ลูกแก้วสองลูกหมุนวนไปมาอยู่ในมือขณะที่สายตาทอดมองนาฬิกาทรายอย่างใจเย็น ชายหนุ่มปรายตามองสาวรับใช้แล้วสะบัดหน้าไปทางประตูเป็นสัญญาณว่าให้พวกหล่อนออกไป แต่ก่อนที่จะออกพวกเธอเดินเข้ามาเตรียมจะเก็บถาดอาหารของที่เซรัสทานไปได้เพียงครึ่งทว่าเขากลับยกมือห้ามแล้วสะบัดมือบอกให้พวกเธอออกไปอีกครั้ง เมื่อประตูห้องปิดลงแล้วก็วางลูกแก้วคู่นั้นลงบนโต๊ะแล้วหันกลับไปลงกลอนปิดประตูให้สนิท แล้วรีบวิ่งไปหยิบห่อผ้ามาคลุมอาหารแห้ง ๆ เอาไว้ เขาตักแต่ละสิ่งเพียงเล็กน้อยไม่ให้เสียหน้าตาเดิมแล้วซ้อนมันอีกชั้นด้วยผ้าตาถี่ที่มักใช้ห่ออาหารหนีออกหลังวังตอนที่เล่นกับไคเอลเขาปีนออกทางด้านหลังซึ่งเชื่อมกับทางเดินมืดอย่างที่เคย ไม่นานนักเท้าก็สัมผัสพื้นดินจึงรีบวิ่งไปทางเดิมไม่ลืมระวังอาหารให้อยู่ในสภาพดีเช่นเดิม ชุดที่ใส่ออกมาถูกกิ่งไม้ฟาดจนเป็นรอยดินรอยยางอีกครั้ง ระหว่างที่เปลี่ยนความเร็วเป็นและปรับจังหวะจากวิ่งเป็นเดินเขาก็มองรอยพวกนั้นพลางคิดในใจว่าคงจะต้องทิ้งเสื้อตัวนี้อีกแล้ว แต่อย่างไรเสียใครจะมาสนใจว่าเสื้อผ้าของเขามีครบหรือไม่ หากเขาไม่โวยวายขึ้นมาใครจะกล้าสงสัยเป็นเรื่องปกติที่เซรัสจะมาหยุดที่หน้าบ้านไม้
เทร่าหันหลังไม่ถึงสามนาทีไคเอลก็หันมายิ้มให้เขาพร้อมกับท่าทีร่าเริงเกินขอบเขตจนเขาต้องส่ายหัว“งั้น ข้าคงต้องยึดห้องนอนเจ้าสักสามวัน ถ้านอนห้องสมุดไม่สบายเจ้าก็ไปนอนที่วังเจ้านะ” พูดจบก็วิ่งเข้าห้องนอนของเซรัสโดยไม่รอให้เจ้าของอนุญาต ปิดประตูปังแล้วลงล็อกเหมือนกับประกาศว่าสามวันต่อจากนี้ไคเอลจะอยู่ในที่ของตน เซรัสส่ายหัวเล็กน้อยแต่ไม่มีก้อนความขุ่นเคืองติดมา เขาเดินไปหยิบแก้วน้ำผึ้งที่เทร่าผสมทิ้งไว้ให้หมุนแก้วเบา ๆ ให้สิ่งที่อยู่ข้างในเข้ากันก่อนจะเดินไปดูหม้อยาก็พบว่ามันยังไม่ยุบตามที่แม่มดสาวบอก แล้วจึงลงไปยังห้องสมุดชั้นล่างมองร่างบางที่นอนอยู่ผ่านประตูที่แง้มเอาไว้ เธอยังคงนอนนิ่งแต่เสียงลมหายใจยังดังเป็นระยะ เซรัสวางแก้วนั้นลงที่โต๊ะข้างโซฟาปิดมันไว้ด้วยหนังสือหนึ่งเล่มแล้วนั่งลงข้าง ๆ ถือวิสาสะประคองมือนางขึ้นมาสัมผัสเบา ๆ บริเวณชีพจรนับครั้งและจังหวะมันว่าปกติจึงวางลงเขาพินิจใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดเจ็บแต่ไม่อาจกลบประกายสีน้ำนมที่สะท้อนจากผิวของหล่อนได้ เปลือกตาของนางวิบวับเหมือนมีผงไข่มุกเจือตัดกับแพขนตาสีดำสนิทที่เรียงเส้นแต่พองาม มันไม่ใช่เชื้อพันธุ์ของหญิงสาวในอาณาจั
เทร่าปล่อยให้ไคเอลวุ่นวายกับเสียงความคิดแล้วหันมาหาเซรัสที่เอาแต่ปิดปากเงียบทั้งที่เธอพูดไปแทบจะหมดแล้ว“ว่าอย่างไร เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ข้าว่าเจ้าต้องเป็นคนอธิบายมากที่สุดเลยนะ” เธอกอดอกทิ้งสะโพกพิงโต๊ะอาหาร นาทีนี้เทร่าคือผู้เหนือกว่าเพราะเรื่องของเธอไม่ใช่ความลับและไม่มีอะไรเสียหายหรือจะทำให้ใครเสี่ยงอันตราย แต่กับเซรัสเขาเหยียบอะไรอยู่บ้างก็ไม่รู้ดวงตาเฉี่ยวปรายมองคนที่เบนหน้าไปทางอื่น แม้เสี้ยวหนึ่งหางตาของเขาจะหันมาแต่ก็หาได้หันกลับมาสบตากันตรง ๆ“จะอยู่แบบนี้ได้ทั้งวันจริง ๆ เหรอ? มีอะไรที่อยากขอข้าหรือเปล่า” เทร่าเปิดปากอีกครั้ง“ข้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรต่างหาก ใช่ว่าอยากจะปิดเงียบเสียที่ไหน” เซรัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันไปมองไคเอลที่ บิ ขนมปัง ใส่ปากด้วยดวงตาเหม่อลอย“เพราะเจ้านั่นแหละที่ยึดห้องนอนข้าเอาไปเป็นห้องนักประดิษฐ์น่ะ”“อะไร? ทำไมวนมาที่ข้า เจ้าเป็นคนไปพานางมาเองไม่ใช่เหรอ หรือนางลอยมาจากไหนเจ้าก็พูดไปสิจะมาโยนให้ข้าทำไมล่ะ” ไคเอลฉุนนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก“เข้าเรื่องสักทีเถอะเซรัส เพราะอะไรนางถึงมาอยู่ตรงนี้” เทร่าพูด“เมื่อคืน ข้าออกไปหลังบ้าน แล้วก
แสงประกายสีม่วงสว่างวาบท่ามกลางความมืด ปลายนิ้วเรียวกรีดวนรอบลูกแก้วสีดำสนิท กระทั่งมีเงาน้ำหมุนวนกลืนกินสีของมันจนเหลือเพียงลูกแก้วว่าง ๆ ที่คอยฉายภาพบ้านไม้กลางป่า มันยังเงียบสงบเช่นเดิม ทว่าเธอไม่สามารถเข้าไปภายในบ้านได้ ไม่เห็นแม้การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ในนั้นแปะ!เทร่าแปะมือบนลูกแก้ว พลันเปลี่ยนเป็นสีดำพร้อมกับภาพนั้นที่หายไป เธอคว้าเสื้อคลุมและไม้คู่กายก่อนจะหายไปด้วยคาถาที่ทิ้งกลิ่นไฟเอาไว้กองไฟโหมขึ้นหน้าบ้านเพียงครู่ก็ปรากฏร่างหญิงสาวในผ้าคลุมสีดำ พร้อมกับไคเอลที่เดินงัวเงียออกมาจากบ้าน เขาประคองสิ่งประดิษฐ์มั่นแม้จะตกใจเล็กน้อยที่เจอหน้าเธอในตอนเช้า“ไฟอะไรหอบเจ้ามาที่นี่แต่เช้าเลยแม่มด”“ข้างในมีอะไร”“ข้างใน? ไม่มีนี่ ข้าไม่ได้ขโมยอะไรเจ้ามานะ” เขาวางสิ่งประดิษฐ์ลงบนพนักนั่งหน้าบ้านแล้วรีบยกมือเหมือนจะให้อีกฝ่ายค้นตัว ทว่าเทร่าเมินแล้วเดินผ่านเขาไป ไคเอลยกมือเกาหัวแกรก ๆ มองตามคนกันเองที่ทำตัวห่างไกล ทว่ากลับกล้าเข้าไปค้นทุกซอกทุกมุมในบ้าน“นี่ ข้าเป็นเจ้าของร่วมกับเซรัสนะ จะมีอะไรเจ้าก็ต้องบอกข้าหน่อยไหม” ไคเอลเดินเข้ามาเคียง พยายามดึงความสนใจ แต่ก็ถูกเทร่าหันมาจิ๊ปากใส่แล้







