ผู้หญิงคนนั้นยิ้มหวานจนแก้มปริ มือที่ควงแขนพ่อของเธอนั่นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงใช้มารยาหลายร้อยเล่มเกวียนหว่านเสน่ห์ใส่พ่อของเธอจนหลงหัวปักหัวปำ หญิงสาววัยสิบแปดคิดอย่างมีอคติ
แน่ละ ขึ้นชื่อว่าแม่เลี้ยงแล้วมีที่ไหนจะมาใจดีรักลูกเมียเก่าของสามีได้สนิทใจ
“เรียกฉันว่ามะ...เอ้อ ‘น้าปู’ ก็ได้ค่ะ” ฝ่ายนั้นรีบกดลิ้นเปลี่ยนสรรพนามที่ตั้งใจจากคำว่าแม่เป็นน้าทันทีเมื่อเห็นนัยน์ตาวาวโรจน์เอาเรื่องของลูกเลี้ยง แต่ยังไม่ละความพยายามที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานมาผูกมิตร
“นี่เหรอคะคุณหนูส้มของคุณ ได้ยินชื่อมานาน เพิ่งได้เจอตัวจริงกันวันนี้เอง น่ารักกว่าที่คุณพ่อโฆษณาไว้เสียอีกนะคะ”
“ไว้สนิทกันกว่านี้เถอะคุณจะรู้ว่าแม่ตัวเล็กของผมนี่แสบกว่าพริกขี้หนูทั้งสวนอีกนะ ฮ่าๆ” ดวงตาคนพูดมองลูกสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ แต่น่าเสียดายที่คนเป็นลูกกลับมองไม่เห็น
“ดูคุณว่าลูกสิ” ปุริมาค้อนสามี พร้อมตีแขนเบาๆ อย่างสนิทสนม
“แหม ไม่ทันไรคุณก็เข้าข้างยายหนูของผมแล้วเหรอ มันน่าน้อยใจจริงๆ”
ความหวานชื่นที่ปรากฏตรงหน้าทำให้วิศรารู้สึกถึงคำว่า...ส่วนเกิน ขึ้นมาทันที หญิงสาวมองหน้าพ่อและแม่เลี้ยงคนใหม่อย่างบึ้งตึง เธอเคยเป็นที่หนึ่งของบ้าน เป็นยอดดวงใจของพ่อ อยากได้อะไรต้องได้ แต่วันนี้พ่อของเธอกำลังแบ่งปันความรักให้คนอื่นต่อหน้าต่อตา ใครจะไปทนไหว
“กระเป๋านี่ให้ไว้ไหนดีครับพี่ปู”
วิศราปรายตามองเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่น่าจะราวๆ 180 เซนติเมตร ที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่ ดูแข็งแรงกำยำ ทำให้ผู้ชายตรงหน้าเหมือนยักษ์ปักหลั่นสำหรับเธอที่สูงเพียงแค่ 160 เซนติเมตร เท่านั้น ใบหน้าคมคาย คิ้วเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสัน และดวงตาสีนิลทอประกายที่ทำให้รู้สึกถึงเสน่ห์ล้ำลึกของบุรุษเพศ คำว่า...หล่อเข้ม...คงเป็นคำจำกัดความของคนตรงหน้านี่เอง แต่นั่นแหละเมื่ออคติบังตาความหล่อนั้นจึงไม่อาจทำอะไรวิศราได้เลยแม้แต่น้อย
‘เชอะ! หน้าตาก็บ้านๆ งั้นๆ แหละน่า ไอ้ฆาตกรไร้สำนึก!’
ราวกับเขาได้ยินความในใจของเธอ ชายหนุ่มเงยหน้ามองสบตามาพอดี คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆ
“วางไว้ตรงนี้ก่อนก็ได้จ้ะปราบ มานี่ก่อน พี่จะแนะนำให้รู้จักลูกสาวคุณวิศ นี่ หนูส้ม วิศรา ที่พี่เคยเล่าให้ฟังไงจ๊ะ ส่วนนี่ก็พี่ปราบดา น้องชายแท้ๆ ของฉันเองค่ะ รู้จักกันไว้สิ”
“แน่ะ เรียกพี่ได้ยังไง เป็นน้องของแม่ก็ต้องเป็นน้าปราบต่างหาก จริงไหมปราบ” วิศรุตเอ่ยอย่างกันเอง เขารู้สึกเอ็นดูน้องชายของภรรยาใหม่ไม่น้อย ด้วยความที่เคยอยากมีลูกชายสักคน แต่ภรรยาก็มาด่วนจากไปเสียก่อนทำให้ความหวังลึกๆ นั่นไม่เคยเป็นจริง
เมื่อแรกที่ได้พบปราบดา วิศรุตจึงรู้สึกถูกชะตา ยิ่งได้รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านอกจากรูปหล่อแล้วยังเรียนเก่งชนิดหาตัวจับยาก ท่าทางก็สุภาพนอบน้อม แล้วยังใฝ่ดีเอาการเอางาน ปราบดาทำงานทุกอย่างเพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ แถมยังคอยดูแลปกป้องปุริมาผู้เป็นพี่สาวคนเดียวอย่างดีชนิดที่กว่าวิศรุตจะผ่านด่านชนะใจน้องชายของภรรยามาได้นั้นก็เกือบแย่เหมือนกัน
“เรียกพี่ดีกว่าครับ เรียกน้าแล้วฟังแปลกพิกล” ชายหนุ่มเอ่ย ดวงตาจับจ้องน้องสาวคนใหม่อย่างเป็นมิตร แต่ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นแววเหยียดหยามราวกับเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อนตอบกลับมาจากดวงตาสวยๆ คู่นั้น
“เอ้า...ก็ตามใจ พี่ก็พี่ ไหว้ทักทายพี่เขาสิยายหนู” ผู้เป็นพ่อบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาที่มองบุตรีคนเดียวเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยม แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ทันเห็น เพราะถูกอคติมาบดบังดวงตาจนมืดมิด
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่