Home / รักโบราณ / ปริศนาชะตาชายารัก / บทที่11 เจินเจินจะย้ายเรือน

Share

บทที่11 เจินเจินจะย้ายเรือน

last update Last Updated: 2025-12-23 12:30:12

ในช่วงเวลานี้เอง หลิวรุ่ยหลินเริ่มใช้เหยาปิงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการทำความเข้าใจสถานะใหม่ของตน นางใช้ภาษาที่ง่ายและคำถามที่ดูไร้เดียงสาเพื่อให้เหยาปิงเล่าเรื่องในอดีตของเหยาหลิงเจินตัวจริง เพื่อให้ตนเองสามารถแสดงบทบาทได้อย่างสมจริงและแนบเนียนที่สุด

ทุกครั้งที่เหยาปิงป้อนอาหารหรือคอยดูแลเสื้อผ้า หลิวรุ่ยหลินจะเรียกนางเข้ามานั่งใกล้ๆ

“ปิงปิง... เล่าเรื่อง... ท่านพ่อ... ท่านแม่... ให้ข้าฟังหน่อย”

เหยาปิงเล่าเรื่องราวความรัก ความผิดหวัง และความเสียใจของคนในตระกูลโหวอย่างละเอียด นางเล่าถึงน้ำตาที่ท่านโหวและฮูหยินเคยเสียไปเมื่อคุณหนูป่วยหนัก เล่าถึงความอ่อนโยนของพี่ชายทั้งสองคนที่ไม่เคยละทิ้งน้องสาวที่ไร้สติ หลิวรุ่ยหลินฟังทุกเรื่องเล่าอย่างตั้งใจ และวิเคราะห์ความรู้สึกเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง

เมื่อได้ยินว่าความรักความผูกพันของครอบครัวนี้เป็นของแท้และเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่มีเงื่อนไข หลิวรุ่ยหลินก็ยืนยันกับตนเองได้ทันทีว่าร่างกายนี้ปลอดภัยจากคนในสกุลเหยา ไม่มีความจำเป็นต้องหวาดระแวงพวกเขา และจากการรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน เหยาหลิงเจินตัวจริงไม่ได้มีความลับหรือศัตรูที่สำคัญใดๆ นางเป็นเพียงเด็กหญิงที่โชคร้ายที่ป่วยมานานเท่านั้น

แต่ถึงแม้ตอนนี้นางจะกลายเป็นคุณหนูจวนโหวผู้สูงศักดิ์ กินอิ่ม นอนอุ่น ชีวิตสุขสบายไร้กังวล ไม่ต้องคอยหวาดระแวงถึงภัยคุกคาม ทว่าความทรงจำที่แตกสลายและความรู้สึกลึกๆ ที่ต้องการรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองก่อนหน้านี้ เป็นเสมือนหนอนแมลงที่กัดกินจิตใจของหลิวรุ่ยหลิน ทำให้นางฝันร้ายแทบทุกคืน

“ขืนเป็นแบบนี้ข้าได้เป็นบ้าไปจริงๆ แน่” นางกระฟัดกระเฟียดหลังจากสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

แน่นอนว่าตัวตนเดิมของนางคือ เจ้าสำนักอสนีเมฆา ซึ่งเป็นสำนักที่ยึดถือเรื่องคุณธรรม ไม่รับงานสกปรก พิทักษ์ผู้บริสุทธิ์ ไม่สังหารคนส่งเดช จึงขึ้นชื่อและเป็นที่นับหน้าถือตาในยุทธภพ ภาพลักษณ์ที่ดีเช่นนี้ คงมีแต่พวกสำนักฝ่ายอธรรมเท่านั้นที่จะเกลียดชังนาง

หรือว่านางไปมีเรื่องกับใครสักคนแล้วถูกฆ่าตาย?

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องดูว่าใครสามารถพอ เพราะถึงจะเป็นสตรี แต่วรยุทธ์ของนางนั้นก็นับว่าร้ายกาจไม่แพ้ผู้ใดในยุทธภพ หากให้ต่อสู้กันตัวต่อตัว ย่อมไม่ตกเป็นรองใครง่ายๆ และคนที่ฝีมือทัดเทียมพอจะสังหารนางได้นั้น หากนับนิ้วก็คงไม่เกินสิบนิ้ว

แต่ไม่ว่าจะพยายามเค้นความทรงจำมากแค่ไหน นางก็ยังไม่สามารถปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่นำไปสู่การตายของตนเองได้อย่างชัดเจน มันราวกับถูกลบเลือนไปจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ

“โอ๊ย!!!” อาการปวดหัวกำเริบขึ้นทันที ราวกับสวรรค์ไม่อยากให้นางคิดเรื่องเหล่านี้ และอยากให้พอใจกับชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องทุกข์ร้อนนี้ต่อไปเสียมากกว่า

เอาเถอะ เร่งรีบไปก็ไม่ได้ความ ยังไงสภาพในตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมให้เคลื่อนไหวมากนัก พอคิดได้เช่นนั้นหลิวรุ่ยหลินก็สงบใจลง แล้วนอนพักให้อาการปวดหัวทุเลา

...................

การฟื้นตัวของเหยาหลิงเจินเป็นไปอย่างราบรื่น ท่านหมอจางประกาศว่าอาการของนางดีขึ้นจนไม่ต้องตรวจทุกวันแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงการพักฟื้นและบำรุงเท่านั้น

คำประกาศของท่านหมอนับว่าเป็นผลดี เพราะหลังจากที่นางฟื้นคืนสติ และทุกคนได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นนางถูกปฏิบัติด้วยอย่างโหดร้าย ทั้งท่านโหว ฮูหยิน และคุณชายทั้งสองก็ไม่วางใจอีกต่อไป ทำให้ช่วงนี้เรือนพักของนางมีแต่คนแวะเวียนเข้าออกจนขาดความเป็นส่วนตัว นางจะต้องจัดการกับเรื่องนี้เป็นอันดับแรก เพราะการจะฟื้นฟูวรยุทธ์ต้องอาศัยสมาธิ และยังต้องหลบเลี่ยงไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้

เช้าวันหนึ่ง เหอเหมียวลี่มาเยี่ยมเยือนบุตรสาว หลิวรุ่ยหลินจึงอาศัยจังหวะนี้ ร้องขอเรือนหลังใหม่ที่สงบกว่าเดิม

“ท่านแม่ ที่นี่ไม่สวยเลย มีแต่คนผ่านไปผ่านมา เสียงก็ดัง เจินเจินปวดหัวมากเจ้าค่ะ” นางอ้อนขณะที่เหอเหมียวลี่กำลังป้อนรังนกให้

“ที่นี่ไม่สวย แถมยังเสียงดังหรือ?” เหอเหมียวลี่มองไปรอบๆ แล้วก็คิดได้ว่า หลายปีมานี้บุตรสาวต้องนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับถูกสาวใช้ตัวดีพวกนั้นละเลย นางคงจะฝังใจสะเทือนใจจนไม่อยากอยู่ที่เรือนหลังนี้อีกต่อไปเป็นแน่ นางจึงรีบตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะสงสารบุตรสาวจับใจ “ได้สิเจินเอ๋อร์ เจ้าอยากอยู่เรือนไหนก็ได้ทั้งนั้น แม่จะจัดการให้เจ้าทันที”

“ท่านหมอบอกให้เจินเจินพักผ่อนมากๆ ต้องอยู่ในที่เสียงเบาๆ เจ้าค่ะ” นางเสริมเหตุผลให้น่าเชื่อถือขึ้นอีก เรือนหลังปัจจุบันนี้อยู่ใกล้กับทางเข้าออกหลักทำให้มีคนผ่านไปผ่านมาบ่อยครั้ง นางจึงอยากได้ที่สงบๆ ไกลหูไกลตาคนสักหน่อย

ฮูหยินเจิ้นหนิงโหวครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบบุตรสาวอย่างเอ็นดู “แม่ให้เจ้าย้ายไปที่เรือนซ่อนไผ่ก็แล้วกัน ที่นั่นเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักฟื้นที่สุด”

“ท่านแม่ใจดีที่สุดเลย เจินเจินจะได้เรือนใหม่แล้ว!” หลิวรุ่ยหลินปรบมือ ทำท่าดีอกดีใจเหมือนเด็กน้อยได้ของรางวัล

เหอเหมียวลี่ก็ไม่รอช้า นางรีบสั่งคนไปจัดการทำความสะอาดและตกแต่งเรือนซ่อนไผ่ทันที พวกเขาใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น คุณหนูสี่ก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนใหม่ที่ทั้งสวยงาม สงบเงียบ และกว้างขวางกว่าเดิม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่12 คืนแรกในเรือนซ่อนไผ่  

    เรือนซ่อนไผ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวนเจ้าเมืองฉางซา แม้จะอยู่ไกลจากเรือนหลักไปสักหน่อย ทว่ากลับเป็นสถานที่ที่งดงามและสงบเงียบที่สุด รอบเรือนโอบล้อมด้วยป่าไผ่เขียวขจีที่พลิ้วไหวตามสายลม เสียงใบไผ่เสียดสีกันดังซ่าๆ คล้ายเสียงคลื่น ช่วยกลบเสียงอึกทึกจากภายนอก และทำให้รู้สึกสงบได้เป็นอย่างดีเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนใหม่ ในฐานะหัวหน้าสาวใช้ เหยาปิงดูมีความมั่นใจมากขึ้น ท่าทางฉะฉานในการสั่งงานสาวใช้ใหม่ทั้งสามคนอย่าง เหยาฉิน เหยาจู และเหยาฮวา ทำให้เรือนหลังนี้มีระเบียบวินัยตั้งแต่วันแรกในช่วงกลางวันขณะที่แสงแดดอุ่นๆ ลอดผ่านกิ่งไผ่เข้ามาในชานเรือน หลิวรุ่ยหลินที่แสร้งนั่งเล่นตุ๊กตาผ้าอยู่บนตั่งไม้ นิ่งฟังการพูดคุยและบริหารจัดการเรือนของเหยาปิงอย่างพอใจ“เหยาฉิน เจ้าดูแลเรื่องตู้เสื้อผ้าและเครื่องประดับของคุณหนูสี่ให้ดี ของทุกชิ้นห้ามให้มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว” เหยาปิงออกคำสั่งพลางเดินตรวจตรา “ส่วนเหยาจู เจ้ามีหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณหนู ใครไปใครมาในจวน หรือมีข่าวคราวอะไรสำคัญ จงจดจำม

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่11 เจินเจินจะย้ายเรือน

    ในช่วงเวลานี้เอง หลิวรุ่ยหลินเริ่มใช้เหยาปิงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการทำความเข้าใจสถานะใหม่ของตน นางใช้ภาษาที่ง่ายและคำถามที่ดูไร้เดียงสาเพื่อให้เหยาปิงเล่าเรื่องในอดีตของเหยาหลิงเจินตัวจริง เพื่อให้ตนเองสามารถแสดงบทบาทได้อย่างสมจริงและแนบเนียนที่สุดทุกครั้งที่เหยาปิงป้อนอาหารหรือคอยดูแลเสื้อผ้า หลิวรุ่ยหลินจะเรียกนางเข้ามานั่งใกล้ๆ“ปิงปิง... เล่าเรื่อง... ท่านพ่อ... ท่านแม่... ให้ข้าฟังหน่อย”เหยาปิงเล่าเรื่องราวความรัก ความผิดหวัง และความเสียใจของคนในตระกูลโหวอย่างละเอียด นางเล่าถึงน้ำตาที่ท่านโหวและฮูหยินเคยเสียไปเมื่อคุณหนูป่วยหนัก เล่าถึงความอ่อนโยนของพี่ชายทั้งสองคนที่ไม่เคยละทิ้งน้องสาวที่ไร้สติ หลิวรุ่ยหลินฟังทุกเรื่องเล่าอย่างตั้งใจ และวิเคราะห์ความรู้สึกเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งเมื่อได้ยินว่าความรักความผูกพันของครอบครัวนี้เป็นของแท้และเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่มีเงื่อนไข หลิวรุ่ยหลินก็ยืนยันกับตนเองได้ทันทีว่าร่างกายนี้ปลอดภัยจากคนในสกุลเหยา ไม่มีความจำเป็นต้องหวาดระแวงพวกเขา และจากการรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน เหยาหลิงเ

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่10 ก้าวแรกสู่การเป็นคุณหนูจวนโหว

    หลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวันทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิงท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานานเหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงา

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่9 จุดจบของสาวใช้ตัวดี

    เหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดีความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตามแต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรื

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่8 ปาฏิหาริย์เจ็ดปี

    ไม่นานนัก เหยาจิ้นทงและเหอเหมียวลี่ก็มาถึงหน้าเรือนพำนักของเหยาหลิงเจิน ทั้งสองยืนมองประตูด้วยความรู้หลากหลาย แต่ก็ยังไม่เข้าไป จนกระทั่งเหยาฉีและเหยาหมิงมาถึง “ท่านพ่อ ท่านแม่” เหยาหมิงร้องเรียกบิดามารดา แล้วเดินปรี่เข้ามา “เจินเอ๋อร์ คืนสติแล้วจริงหรือขอรับ”“แม่กับพ่อของเจ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” เหอเหมียวลี่ตอบบุตรชายเสียงเครือ“ในเมื่อพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปดูให้เห็นกับตาเถิดขอรับ” เหยาฉีพูดพลางมองประตูเรือนของน้องสาวคนเล็กอย่างมีความหวังเหยาจิ้นทงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งให้เหยาปิงไปเปิดประตูเรือน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินตามนางเขาไปด้านในด้วยหัวใจระทึกพวกเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูทันที เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยาหลิงเจินยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองครอบครัวด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าครั้งใดเหอเหมียวลี่พลันร้องไห้โหออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างบุตรสาว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจและห่วงหา“เจินเอ๋

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่7 ในที่สุดคุณหนูสี่ก็ได้สติแล้ว

    หลิวรุ่ยหลินวางกระโถนลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากร่างกายของเหยาหลิงเจินในตอนนี้ยังไม่สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักหน่วงขนาดนั้นได้นานการลงโทษสาวใช้ตัวดีทั้งสองสำเร็จอย่างงดงาม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ร่างกายนี้ต้องถูกพวกนางเหยียดหยามมาถึงเจ็ดปีเต็ม สิ่งโสโครกเพียงกระโถนเดียวคงไม่พอให้วิญญาณของเหยาหลิงเจินตัวจริงพอใจแน่เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนอนด้านใน จนทำให้เหยาปิงที่กำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังเรือนได้ยิน นางพลันตื่นตระหนก คิดว่าเหยาซานกับเหยาซื่อรังแกคุณหนูอีก นางจึงรีบวิ่งมาที่ห้องของนอนของเหยาหลิงเจินทันทีแต่พอนางเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเหยาหลิงเจินนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ แต่สภาพรอบห้องนั้นเลวร้ายอย่างที่สุด กลิ่นฉุนของปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลแทบทำให้นางหายใจไม่ออก“คุณหนู ท่านถูกสองคนนั้นรังแกหรือ” เหยาปิงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่เนื้อตัวของคุณหนูนั้นสะอาดสะอาด นางจึงมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง จนเห็นร่องรอยน้ำเปียกโชกที่ลากเป็นทางออกไปจากห้อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status