LOGINเหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง
“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”
เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ
“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดี
ความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตาม
แต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี
“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรือไม่” เหอเหมียวลี่กระซิบถามสามี
“เหลวไหล! ปากอัปมงคล!” เหยาปิงทนไม่ได้อีกต่อไป นางเดินเข้ามาข้างหน้าท่านโหวแล้วคุกเข่าลงทันที “เรียนท่านโหว ฮูหยิน คุณหนูสี่ไม่มีทางเป็นผีสางแน่นอนเจ้าค่ะ สวรรค์มีตาจึงเมตตาให้คุณหนูฟื้นคืนสติ แต่พวกนางบังอาจพูดเหลวไหลปากอัปมงคลเช่นนี้ เพราะเกรงว่าจะถูกเอาเรื่องมากกว่า ท่านโหวลองมองรอบๆ ดีๆ สิเจ้าคะ สภาพในเรือนก็เป็นหลักฐาน ตลอดเจ็ดปีพวกนางละเลยคุณหนูจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
เหยาหลิงเจินซึ่งยังคงสวมบทบาทเด็กสาวที่เพิ่งฟื้นและยังไม่สมบูรณ์นัก ก็เริ่มร้องไห้ น้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร นางหันไปหาบิดามารดาด้วยน้ำเสียงที่ยังติดขัดและไม่สมบูรณ์นัก
“ท่านพ่อ... ท่านแม่... สองคนนั้น... สองคนนั้นแกล้งข้า ตีข้า... ไม่ให้ข้าวข้ากิน... ปล่อยให้ข้านอนตัวเปียก... ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง แต่ร่างกายขยับไม่ได้ ขยับไม่ได้เลย” นางสูดหายใจอย่างหนัก ราวกับความเจ็บปวดที่เก็บไว้เจ็ดปีได้ถูกระบายออกมา “วันนี้... ถูกป้อนของร้อนให้ ปากข้าเจ็บ พอข้าลุกขึ้นได้ ก็เลยสั่งสอนสองคนนั้นไป”
คำบอกเล่าของบุตรสาวที่น่าสงสาร ทำให้ท่านโหว ฮูหยิน และพี่ชายทั้งสองคนแทบจะร้องไห้ตามนางไปด้วย
ทันใดนั้นเอง เหยาปิงก็ฉวยโอกาสทองนี้เพื่อตอกย้ำความผิด นางก้มกราบอีกครั้งและกล่าวอย่างหนักแน่น “คำพูดของคุณหนูเป็นความจริงทุกประการเจ้าค่ะ บ่าวพบเห็นการละเลยและความหยาบคายของพวกนางมาตลอด”
“อะไรนะ พวกนางทำอะไรกับเจินเอ๋อร์ของข้า” เหอเหมียวลี่ถามอย่างเดือดดาล
“พวกนางมักจะนำอาหารที่ทั้งร้อนและจืดชืดมาป้อนให้คุณหนูแค่ไม่กี่คำ ซ้ำยังพูดจาหยาบคายเวลาคุณหนูทำเลอะเทอะ บางครั้งก็ทิ้งสิ่งปฏิกูลไว้ในห้องนานนับวัน ไม่ยอมจัดการ พอบ่าวตักเตือนก็ถูกพวกนางข่มขู่ ว่าหากบ่าวกล้านำเรื่องไปฟ้องท่านโหวและฮูหยิน พวกนางจะร่วมกันกล่าวหาว่าเป็นบ่าวต่างหากที่รังแกคุณหนูสี่มาโดยตลอด บ่าวตัวคนเดียวจึงได้แต่ทนอยู่ และคอยดูแลคุณหนูอย่างเต็มที่ในส่วนที่พวกนางละเลยอย่างลับๆ เจ้าค่ะ”
ท่านโหวเหยาจิ้นทงได้ยินดังนั้น ก็โกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ ความโกรธแค้นต่อสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ที่บังอาจทำร้ายบุตรสาวที่กำลังป่วยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ได้ถูกจุดขึ้นอย่างรุนแรง
“บัดซบ! เป็นบ่าวไพร่ แต่กล้าทำร้ายเจ้านายเพียงนี้” เหยาจิ้นทง หันไปสั่งบ่าวอาวุโสที่ติดตามมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ลากเหยาซานและเหยาซื่อไป จัดการขายพวกนางออกจากจวนทันที กำชับกับพ่อค้าทาสให้ขายไปยังที่ห่างไกลและกันดาลที่สุด อย่าให้พวกนางได้มีชีวิตสุขสบาย”
คำสั่งเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการสั่งประหารชีวิต
โทษ ‘การขาย’ นั้นร้ายแรงกว่าการขับออก เพราะพวกนางจะกลายเป็นทาสที่ไร้อิสรภาพและไม่สามารถเลือกนายได้ และส่วนใหญ่ทาสที่เป็นสตรี หากไม่ถูกซื้อไปบำเรอกาม ก็มักถูกบังคับใช้แรงงานจนตาย เพราะร่างกายของหญิงสาวนั้นอ่อนแอกว่าทาสที่เป็นบุรุษ จึงมักไม่รอดชีวิต
เหยาซานและเหยาซื่อกรีดร้องขอความเมตตาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ถูกลากออกไปทันที
เมื่อจัดการเรื่องสาวใช้เนรคุณทั้งสองเสร็จสิ้น หลิวรุ่ยหลินซึ่งยังคงสวมบทบาทของเด็กที่เพิ่งฟื้น ก็หันไปทางบิดาและชี้ไปที่เหยาปิงอย่างซื่อๆ
“ท่านพ่อ... ปิงปิง... ปิงปิงดี... ไม่แกล้งข้า ให้ปิงปิงอยู่กับข้านะ”
เหยาจิ้นทงหันมองเหยาปิงที่คุกเข่าอยู่ เห็นสภาพย่ำแย่เหมือนคนทำงานหนัก ก็พอจะเดาออกว่านางต้องถูกสาวใช้สองคนนั้นกลั่นแกล้งอย่างหนัก แต่นางก็ยังจงรักภักดี และคอยดูแลบุตรสาวของเขาด้วยความจงรักภัคดี สมควรแก่การได้รับรางวัล
“แน่นอนเจินเอ๋อร์!” ท่านโหวตอบอย่างหนักแน่น “เหยาปิง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูสี่ จงดูแลคุณหนูของเจ้าให้ดีล่ะ”
“ขอบคุณท่านโหว ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” เหยาปิงน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจอย่างแท้จริง นางก้มลงกราบขอบคุณท่านโหวและคุณหนูของนางอย่างสุดซึ้งในความเมตตานี้
เหอเหมียวลี่รู้สึกผิดอย่างยิ่ง รู้สึกว่านางไม่ละเอียดรอบคอบทำให้สาวใช้ต่ำต้อยรังแกลูกสาวได้ ครั้งนี้นางจึงเพิ่มสาวใช้ให้บุตรสาวอีกสองสามคน และสั่งให้หมัวมัวคนสนิทคอยส่งคนมาจับตาดูการทำงานของสาวใช้เหล่านั้นอีกทีหนึ่ง เพื่อความมั่นใจ
หลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวันทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิงท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานานเหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงา
เหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดีความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตามแต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรื
ไม่นานนัก เหยาจิ้นทงและเหอเหมียวลี่ก็มาถึงหน้าเรือนพำนักของเหยาหลิงเจิน ทั้งสองยืนมองประตูด้วยความรู้หลากหลาย แต่ก็ยังไม่เข้าไป จนกระทั่งเหยาฉีและเหยาหมิงมาถึง “ท่านพ่อ ท่านแม่” เหยาหมิงร้องเรียกบิดามารดา แล้วเดินปรี่เข้ามา “เจินเอ๋อร์ คืนสติแล้วจริงหรือขอรับ”“แม่กับพ่อของเจ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” เหอเหมียวลี่ตอบบุตรชายเสียงเครือ“ในเมื่อพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปดูให้เห็นกับตาเถิดขอรับ” เหยาฉีพูดพลางมองประตูเรือนของน้องสาวคนเล็กอย่างมีความหวังเหยาจิ้นทงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งให้เหยาปิงไปเปิดประตูเรือน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินตามนางเขาไปด้านในด้วยหัวใจระทึกพวกเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูทันที เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยาหลิงเจินยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองครอบครัวด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าครั้งใดเหอเหมียวลี่พลันร้องไห้โหออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างบุตรสาว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจและห่วงหา“เจินเอ๋
หลิวรุ่ยหลินวางกระโถนลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากร่างกายของเหยาหลิงเจินในตอนนี้ยังไม่สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักหน่วงขนาดนั้นได้นานการลงโทษสาวใช้ตัวดีทั้งสองสำเร็จอย่างงดงาม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ร่างกายนี้ต้องถูกพวกนางเหยียดหยามมาถึงเจ็ดปีเต็ม สิ่งโสโครกเพียงกระโถนเดียวคงไม่พอให้วิญญาณของเหยาหลิงเจินตัวจริงพอใจแน่เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนอนด้านใน จนทำให้เหยาปิงที่กำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังเรือนได้ยิน นางพลันตื่นตระหนก คิดว่าเหยาซานกับเหยาซื่อรังแกคุณหนูอีก นางจึงรีบวิ่งมาที่ห้องของนอนของเหยาหลิงเจินทันทีแต่พอนางเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเหยาหลิงเจินนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ แต่สภาพรอบห้องนั้นเลวร้ายอย่างที่สุด กลิ่นฉุนของปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลแทบทำให้นางหายใจไม่ออก“คุณหนู ท่านถูกสองคนนั้นรังแกหรือ” เหยาปิงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่เนื้อตัวของคุณหนูนั้นสะอาดสะอาด นางจึงมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง จนเห็นร่องรอยน้ำเปียกโชกที่ลากเป็นทางออกไปจากห้อง
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและฟื้นฟูร่างกายอย่างลับๆ การไม่มีทางลัดสำหรับการเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนสู่กล้ามเนื้อที่อ่อนเปลี้ยของร่างใหม่ มีแต่ต้องอาศัยเวลา และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น แม้ตอนนี้พลังปราณภายในจะฟื้นมาเพียงน้อยนิด ทว่าความแข็งแกร่งทางกายที่คืนกลับมาก็เพียงพอให้นางสามารถจัดการกับคนธรรมดาได้แล้วในเมื่อตอนนี้นางสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ดีขึ้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสแสร้งนอนเป็นผักให้ใครมารังแกง่ายๆ อีกต่อไปได้เวลาที่คุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นหนิงโหวจะมีสติ และลุกขึ้นมาแล้วเช้าวันหนึ่ง หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและแสดงสีหน้าเหม่อลอย รอคอยให้เหยาซานกับเหยาซื่อ สาวใช้ผู้ประพฤติเลินเล่อเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจเช่นเคย“เช้านี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะเหยาซื่อ หากคุณหนูสี่ฉี่รดที่นอนอีกรอบ ข้าจะโยนผ้าทั้งหมดให้เจ้าซักคนเดียว” เหยาซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย“ข้าก็ระวังแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าคนเขลาไร้สติจะปัสสาวะเมื่อไหร่กันล่ะ” เหยาซื่อตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ นางหยิบชามโจ๊กข้าวต้มจืดชืดเข้ามา พร้อมกับช้อนทองเหลืองท
ขณะที่เหยาซานและเหยาซื่อกำลังจะเดินออกไปจากห้อง พลันมีร่างของสาวใช้อีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา นางมีรูปร่างสมส่วน ท่าทางกระฉับกระเฉง และดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลคนผู้นั้นคือ เหยาปิงเหยาปิงหยุดนิ่งทันทีเมื่อสายตาของนางกวาดไปเห็นผ้าห่มและสภาพเตียงนอนที่ดูไม่เรียบร้อย กลิ่นเหม็นอับที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับสาวใช้ทั้งสองด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด“เหยาซาน เหยาซื่อ พวกเจ้ากล้าดียังไง” เหยาปิงตวาดเสียงดัง “ข้าบอกให้พวกเจ้าเปลี่ยนที่ผ้าปูที่นอน และรอทำความสะอาดร่างกายของคุณหนูสี่ให้ดีก่อน ไม่ใช่ทำแค่ถูไถไปวัน ๆ แล้วปล่อยให้คุณหนูนอนจมสิ่งโสโครกของตนเองแบบนี้”เหยาซานเบ้ปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “เหยาปิง วันนี้เจ้าใจกล้าขึ้นนี่ พวกเราก็ทำตามหน้าที่แล้วไงเล่า คุณหนูสี่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่เห็นจะต่างอะไรกัน”เหยาซื่อเองก็หัวเราะเยาะ “ใช่แล้ว คุณหนูสี่ไม่ได้รับรู้อะไรหรอก ไม่ต้องทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมนักก็ได้ เจ้านายที่ไร้อนาคตแบบนี้ดูแลไปก็ไม่มีทางได้ดี”เหยาปิงเดินเข้าไปหาเตียงด้วยสีหน้าเจ็บปวด นางมองดูสภาพของเหยาหลิงเจินด้วยความสงสาร ก่อนจะหันกลับไปมองเหยาซานและเหยาซื่อด้วยควา







