LOGINหลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวัน
ทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
ท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานาน
เหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงานและเชื่อฟังดี นางจึงมีความสุขกับหน้าที่นี้อย่างมาก แต่ถึงจะมีสาวใช้ผู้ช่วยแล้ว ในทุกๆ วันนางจะยังคงนั่งข้างเตียง คอยป้อนอาหารบำรุงให้คุณหนูสี่อย่างอ่อนโยนด้วยตนเองทุกมื้อ
“คุณหนูสี่ ท่านต้องกินให้หมดนะเจ้าคะ ท่านหมอจางบอกว่าถ้าท่านแข็งแรงเร็วขึ้น เราจะไปเดินเล่นในสวนกันได้แล้ว” เหยาปิงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
หลิวรุ่ยหลินในร่างเหยาหลิงเจินพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ใบหน้าที่เคยซีดเซียวเริ่มมีสีเลือดฝาด และดวงตาที่เคยเหม่อลอยก็เต็มไปด้วยความสดใส ความรวดเร็วในการฟื้นตัวนี้เป็นผลจากการที่นางใช้ความรู้ด้านการแพทย์และการบำรุงร่างกายของเจ้าสำนักอสนีเมฆามาใช้อย่างเคร่งครัด นางยังคงรับยาบำรุงและอาหารตามคำแนะนำของท่านหมอจาง แต่ในระหว่างนั้นนางก็ใช้พลังปราณพื้นฐานที่ฟื้นคืนมาเพียงน้อยนิด ควบคุมและซึมซับสารอาหารรวมถึงตัวยาหายากเหล่านั้นเข้าสู่เส้นลมปราณที่แห้งเหือดโดยตรง
บาดแผลและร่องรอยกดทับจากการนอนป่วยเป็นเวลานานกลายเป็นปัญหาสำคัญ เหยาปิงทำหน้าที่ดูแลบาดแผลเหล่านี้ด้วยมือของตัวเองอย่างไม่รังเกียจ นางใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดร่างกายของคุณหนูอย่างละเอียดลออทุกวัน
“คุณหนู บ่าวรู้ว่ามันคงจะเจ็บมาก แต่ท่านทนหน่อยนะเจ้าคะ บ่าวจะทายาให้เบาที่สุด” เหยาปิงพูดพลางทายาหอมสูตรพิเศษที่ฮูหยินส่งมา
“อือ... เจินเจินทนได้” หลิวรุ่ยหลินตอบด้วยเสียงเลียนแบบเด็กน้อยพลางพยักหน้า นางสามารถทนความเจ็บปวดจากการถูกดาบฟันได้สบายๆ แผลแค่นี้ย่อมไม่เป็นปัญหา แต่ความรู้สึกขอบคุณต่อความจงรักภักดีของเหยาปิงนั้นรุนแรงกว่าความเจ็บทางกาย นางจ้องมองเหยาปิงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
เด็กสาวคนนี้ไม่เพียงแต่จงรักภักดีต่อนายที่ป่วยไร้สติ แต่ยังเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องนางจากคำขู่ของพวกสาวใช้สารเลวอีกด้วย
ด้วยความรู้เดิมของหลิวรุ่ยหลิน นางแนะนำเหยาปิงให้ใช้สมุนไพรบางชนิดบดละเอียดผสมกับน้ำผึ้ง เพื่อทาผิวพรรณที่แห้งกร้านและบอบช้ำ
“ปิงปิง... ทา... ตรงนี้...” นางชี้ไปที่ผิวหนังส่วนที่แห้งกร้านที่สุด
“คุณหนูท่านแน่ใจนะเจ้าคะ ว่าทาสิ่งนี้แล้วผิวจะไม่เป็นอะไร” เหยาปิงลังเลเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าสูตรยาทาผิวที่คุณหนูสั่งให้นางทำขึ้นมาจะได้ผล หรือจะทำให้ผิวแย่ลงกว่าเดิม
“มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น ผิวเจินเจินต้องสวยขึ้นแน่นอน ทาไปเถอะน่า” นางแกล้งทำหน้ายู่ พูดอย่างเอาแต่ใจสุดฤทธิ์
“ก็ได้ๆ บ่าวเชื่อท่าน” เหยาปิงเริ่มลงมือทาสมุนไพรบำรุงผิวจนทั่วตามที่คุณหนูของตนเองสั่ง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ผิวพรรณของคุณหนูสี่ก็เริ่มนุ่มนวลและมีน้ำมีนวลราวกับไข่มุกที่ถูกขัดเงาขึ้นมาจริงๆ
เมื่อร่างกายเริ่มแข็งแรงพอที่จะลุกเดินได้คล่องขึ้น หลิวรุ่ยหลินรู้ดีว่านางไม่สามารถฝึกปราณขั้นสูงอย่างลับๆ ได้ เนื่องจากเรือนคุณหนูสี่ยังมีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกปราณต้องใช้เวลาและพื้นที่ในการปรับสมดุล ดังนั้น นางจึงต้องสร้างข้ออ้างสำหรับการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด
ทุกเช้าตรู่ก่อนที่บ่าวไพร่คนอื่นๆ จะเริ่มงาน หลิวรุ่ยหลินจะลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มออกกำลังกาย ทว่าพอเหยาปิงเห็นฉากนี้ครั้งแรก นางถึงกับตกใจจนแทบจะวิ่งไปตามท่านหมอ
“คุณหนู!!! ท่าน... ท่านกำลังทำอะไรเจ้าคะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นท่านต้องบาดเจ็บแน่ๆ” เหยาปิงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
หลิวรุ่ยหลินยืดตัว บิดข้อต่อต่างๆ และเหยียดแขนขาออกในท่าโยคะขั้นสูง ซึ่งเป็นการปรับสมดุลและเปิดเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นมานาน โดยไม่แสดงให้เห็นถึงการโคจรปราณภายในเลย
“ไม่เจ็บ... ปิงปิงทำแบบนี้ได้ไม่เจ็บ... แต่ทำให้สวย แข็งแรง” นางพูดพลางชี้ไปที่กล้ามเนื้อของตนเองที่เริ่มกระชับขึ้น
“ไม่เจ็บจริงๆ หรือ” เหยาปิงยังไม่แน่ใจ แต่พอดูดีๆ ก็เห็นว่าคุณหนูของตนสบายดี จึงเลิกเอะอะโวยวาย “แต่ทำแบบนี้จะแข็งแรงขึ้นจริงๆ หรือ คอคุณหนูจะไม่หักก่อนหรือเจ้าคะ”
“แน่นอน ข้าดูจากตำราเลยนะ ตำราไม่โกหก” นางชี้ไปที่หนังสือภาพจากต่างแดนที่ตนเองลงทุนแอบไปขโมยมาจากห้องหนังสือของเหยาจิ้นทง ดีที่เขามีหนังสือภาพแปลกๆ ที่ได้มาจากต่างแคว้นหลายเล่ม
เหยาปิงจึงไม่กล้าขัดขวางอีก แต่ก็เฝ้ามองอย่างใกล้ชิด ความรู้สึกกังวลค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ เพราะทุกครั้งที่เห็นคุณหนูทำท่าทางแปลกๆ เหล่านี้ ร่างกายของคุณหนูสี่ก็จะดูคล่องแคล่วและมีพละกำลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหยาปิงได้แต่สรุปว่านี่คงเป็นวิธีการฟื้นฟูร่างกายที่มหัศจรรย์ของคุณหนูสี่
หลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวันทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิงท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานานเหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงา
เหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดีความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตามแต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรื
ไม่นานนัก เหยาจิ้นทงและเหอเหมียวลี่ก็มาถึงหน้าเรือนพำนักของเหยาหลิงเจิน ทั้งสองยืนมองประตูด้วยความรู้หลากหลาย แต่ก็ยังไม่เข้าไป จนกระทั่งเหยาฉีและเหยาหมิงมาถึง “ท่านพ่อ ท่านแม่” เหยาหมิงร้องเรียกบิดามารดา แล้วเดินปรี่เข้ามา “เจินเอ๋อร์ คืนสติแล้วจริงหรือขอรับ”“แม่กับพ่อของเจ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” เหอเหมียวลี่ตอบบุตรชายเสียงเครือ“ในเมื่อพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปดูให้เห็นกับตาเถิดขอรับ” เหยาฉีพูดพลางมองประตูเรือนของน้องสาวคนเล็กอย่างมีความหวังเหยาจิ้นทงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งให้เหยาปิงไปเปิดประตูเรือน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินตามนางเขาไปด้านในด้วยหัวใจระทึกพวกเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูทันที เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยาหลิงเจินยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองครอบครัวด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าครั้งใดเหอเหมียวลี่พลันร้องไห้โหออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างบุตรสาว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจและห่วงหา“เจินเอ๋
หลิวรุ่ยหลินวางกระโถนลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากร่างกายของเหยาหลิงเจินในตอนนี้ยังไม่สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักหน่วงขนาดนั้นได้นานการลงโทษสาวใช้ตัวดีทั้งสองสำเร็จอย่างงดงาม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ร่างกายนี้ต้องถูกพวกนางเหยียดหยามมาถึงเจ็ดปีเต็ม สิ่งโสโครกเพียงกระโถนเดียวคงไม่พอให้วิญญาณของเหยาหลิงเจินตัวจริงพอใจแน่เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนอนด้านใน จนทำให้เหยาปิงที่กำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังเรือนได้ยิน นางพลันตื่นตระหนก คิดว่าเหยาซานกับเหยาซื่อรังแกคุณหนูอีก นางจึงรีบวิ่งมาที่ห้องของนอนของเหยาหลิงเจินทันทีแต่พอนางเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเหยาหลิงเจินนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ แต่สภาพรอบห้องนั้นเลวร้ายอย่างที่สุด กลิ่นฉุนของปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลแทบทำให้นางหายใจไม่ออก“คุณหนู ท่านถูกสองคนนั้นรังแกหรือ” เหยาปิงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่เนื้อตัวของคุณหนูนั้นสะอาดสะอาด นางจึงมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง จนเห็นร่องรอยน้ำเปียกโชกที่ลากเป็นทางออกไปจากห้อง
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและฟื้นฟูร่างกายอย่างลับๆ การไม่มีทางลัดสำหรับการเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนสู่กล้ามเนื้อที่อ่อนเปลี้ยของร่างใหม่ มีแต่ต้องอาศัยเวลา และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น แม้ตอนนี้พลังปราณภายในจะฟื้นมาเพียงน้อยนิด ทว่าความแข็งแกร่งทางกายที่คืนกลับมาก็เพียงพอให้นางสามารถจัดการกับคนธรรมดาได้แล้วในเมื่อตอนนี้นางสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ดีขึ้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสแสร้งนอนเป็นผักให้ใครมารังแกง่ายๆ อีกต่อไปได้เวลาที่คุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นหนิงโหวจะมีสติ และลุกขึ้นมาแล้วเช้าวันหนึ่ง หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและแสดงสีหน้าเหม่อลอย รอคอยให้เหยาซานกับเหยาซื่อ สาวใช้ผู้ประพฤติเลินเล่อเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจเช่นเคย“เช้านี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะเหยาซื่อ หากคุณหนูสี่ฉี่รดที่นอนอีกรอบ ข้าจะโยนผ้าทั้งหมดให้เจ้าซักคนเดียว” เหยาซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย“ข้าก็ระวังแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าคนเขลาไร้สติจะปัสสาวะเมื่อไหร่กันล่ะ” เหยาซื่อตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ นางหยิบชามโจ๊กข้าวต้มจืดชืดเข้ามา พร้อมกับช้อนทองเหลืองท
ขณะที่เหยาซานและเหยาซื่อกำลังจะเดินออกไปจากห้อง พลันมีร่างของสาวใช้อีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา นางมีรูปร่างสมส่วน ท่าทางกระฉับกระเฉง และดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลคนผู้นั้นคือ เหยาปิงเหยาปิงหยุดนิ่งทันทีเมื่อสายตาของนางกวาดไปเห็นผ้าห่มและสภาพเตียงนอนที่ดูไม่เรียบร้อย กลิ่นเหม็นอับที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับสาวใช้ทั้งสองด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด“เหยาซาน เหยาซื่อ พวกเจ้ากล้าดียังไง” เหยาปิงตวาดเสียงดัง “ข้าบอกให้พวกเจ้าเปลี่ยนที่ผ้าปูที่นอน และรอทำความสะอาดร่างกายของคุณหนูสี่ให้ดีก่อน ไม่ใช่ทำแค่ถูไถไปวัน ๆ แล้วปล่อยให้คุณหนูนอนจมสิ่งโสโครกของตนเองแบบนี้”เหยาซานเบ้ปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “เหยาปิง วันนี้เจ้าใจกล้าขึ้นนี่ พวกเราก็ทำตามหน้าที่แล้วไงเล่า คุณหนูสี่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่เห็นจะต่างอะไรกัน”เหยาซื่อเองก็หัวเราะเยาะ “ใช่แล้ว คุณหนูสี่ไม่ได้รับรู้อะไรหรอก ไม่ต้องทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมนักก็ได้ เจ้านายที่ไร้อนาคตแบบนี้ดูแลไปก็ไม่มีทางได้ดี”เหยาปิงเดินเข้าไปหาเตียงด้วยสีหน้าเจ็บปวด นางมองดูสภาพของเหยาหลิงเจินด้วยความสงสาร ก่อนจะหันกลับไปมองเหยาซานและเหยาซื่อด้วยควา







