Home / รักโบราณ / ปริศนาชะตาชายารัก / บทที่12 คืนแรกในเรือนซ่อนไผ่  

Share

บทที่12 คืนแรกในเรือนซ่อนไผ่  

last update Last Updated: 2025-12-23 12:31:36

เรือนซ่อนไผ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวนเจ้าเมืองฉางซา แม้จะอยู่ไกลจากเรือนหลักไปสักหน่อย ทว่ากลับเป็นสถานที่ที่งดงามและสงบเงียบที่สุด รอบเรือนโอบล้อมด้วยป่าไผ่เขียวขจีที่พลิ้วไหวตามสายลม เสียงใบไผ่เสียดสีกันดังซ่าๆ คล้ายเสียงคลื่น ช่วยกลบเสียงอึกทึกจากภายนอก และทำให้รู้สึกสงบได้เป็นอย่างดี

เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนใหม่ ในฐานะหัวหน้าสาวใช้ เหยาปิงดูมีความมั่นใจมากขึ้น ท่าทางฉะฉานในการสั่งงานสาวใช้ใหม่ทั้งสามคนอย่าง เหยาฉิน เหยาจู และเหยาฮวา ทำให้เรือนหลังนี้มีระเบียบวินัยตั้งแต่วันแรก

ในช่วงกลางวันขณะที่แสงแดดอุ่นๆ ลอดผ่านกิ่งไผ่เข้ามาในชานเรือน หลิวรุ่ยหลินที่แสร้งนั่งเล่นตุ๊กตาผ้าอยู่บนตั่งไม้ นิ่งฟังการพูดคุยและบริหารจัดการเรือนของเหยาปิงอย่างพอใจ

“เหยาฉิน เจ้าดูแลเรื่องตู้เสื้อผ้าและเครื่องประดับของคุณหนูสี่ให้ดี ของทุกชิ้นห้ามให้มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว” เหยาปิงออกคำสั่งพลางเดินตรวจตรา “ส่วนเหยาจู เจ้ามีหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณหนู ใครไปใครมาในจวน หรือมีข่าวคราวอะไรสำคัญ จงจดจำมาเล่าให้คุณหนูฟังเพื่อให้นางได้เพลิดเพลิน และเหยาฮวา เจ้าต้องดูแลเรื่องอาหารและยาบำรุงร่วมกับข้า ฟืนในห้องครัวต้องแห้งสนิทเพื่อไม่ให้มีควันรบกวนจมูกของคุณหนู เข้าใจหรือไม่!”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ พี่เหยาปิง” สาวใช้ทั้งสามรับคำอย่างพร้อมเพรียง

เหยาปิงเดินเข้ามาหาหลิวรุ่ยหลินที่นั่งตาแป๊วอยู่ นางย่อกายลงพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “คุณหนูเจ้าค่ะ เรือนใหม่นี้อากาศดีนัก ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ”

“สบาย... ลมเย็น...” หลิวรุ่ยหลินตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแสร้งทำเป็นเคลิ้มไปกับลมที่พัดผ่าน ทว่านัยน์ตาที่หรี่ลงกึ่งหนึ่งกลับกำลังประเมินภาพตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ

สำหรับหลิวรุ่ยหลินที่เคยอยู่จุดสูงสุดของสำนักอสนีเมฆา ความจงรักภักดีไม่ใช่สิ่งใหม่ นางเคยมีลูกสมุนฝีมือดีห้อมล้อมมานับไม่ถ้วน แต่การได้เห็นความใส่ใจอย่างไม่มีวาระซ่อนเร้นของสาวใช้กลุ่มนี้ ก็ทำให้ความระแวงที่เคยตั้งไว้สูงลิบเบาบางลงไปบ้าง นางไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งจนอยากโผเข้าหา แต่เป็นการยอมรับในแบบผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ว่าคนเหล่านี้ ‘สอบผ่าน’ และคู่ควรที่จะอยู่ในวงล้อมการคุ้มครองของนางในฐานะคนในอาณัติ

‘อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้เริ่มชีวิตใหม่ด้วยการมีหูมีตาของศัตรูอยู่ข้างเตียง’ นางคิดพลางวางมาดเป็นคุณหนูที่ว่างเปล่าต่อไป ‘ในเมื่อพวกเจ้าตั้งใจรับใช้ข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จะถือว่าพวกเจ้าเป็นคนของข้า หากวันหน้ามีใครกล้ารังแกคนในเรือนซ่อนไผ่... ข้าจะถือว่ามันผู้นั้นรนหาที่ตายเอง’

...................

เมื่อรัตติกาลมาเยือน เรือนซ่อนไผ่จมดิ่งสู่ความเงียบสงัด มีเพียงเสียงจักจั่น และเสียงยอดไผ่ที่เสียดสีกันเบาๆ เมื่อเหยาปิงและสาวใช้คนอื่นๆ ดับตะเกียงและเข้านอนในห้องพักข้างเคียงเรียบร้อยแล้ว หลิวรุ่ยหลินก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาที่เคยใสซื่อแปรเปลี่ยนเป็นคมกล้าและเปี่ยมไปด้วยอำนาจ

นางหยิบห่อสมุนไพรบำรุงล้ำค่าที่สะสมไว้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาออกมา ทั้งโสมพันปีและบัวหิมะที่ท่านพ่อและท่านแม่ประโคมให้ นางนำมาเคี้ยวและกลืนกินอย่างช้าๆ เพื่อใช้ตัวยาเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงในการชำระล้างเส้นลมปราณที่ตีบตันมานานถึงเจ็ดปี

หลิวรุ่ยหลินขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงไม้หนานมู่ แผ่นหลังเหยียดตรงอย่างสง่างาม นางหลับตาลงและเริ่มเข้าสู่สภาวะสมาธิขั้นลึก โคจรพลังปราณตามเคล็ดวิชา ‘คัมภีร์อสนีเมฆา’ ขั้นพื้นฐานที่หยั่งรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณ

ทันใดนั้น ร่างกายที่เคยอ่อนแอพลันเกิดการตอบสนองอย่างรุนแรง กระแสพลังงานจากสมุนไพรหายากถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น มันหลอมรวมกลายเป็นสายธารปราณบริสุทธิ์สีฟ้าอ่อนๆ เรืองรองออกมาจางๆ รอบกายของนาง พลังปราณเหล่านั้นไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณหลักที่เคยถูกทำลายและแห้งเหือดไป ความรู้สึกเจ็บจี๊ดคล้ายถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทงแล่นพล่านไปทั่วร่าง แต่นางยังคงนิ่งสงบราวกับหินผา

เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นตามไรผม ขณะที่กระแสปราณค่อยๆ ทะลวงจุดชีพจรที่อุดตันไปทีละจุด ในที่สุดพลังงานเหล่านั้นก็ไหลกลับเข้าสู่จุดตันเถียนอย่างเป็นระเบียบ

“สำเร็จ... อย่างน้อยพลังขั้นพื้นฐานก็กลับมาแล้ว” นางพึมพำกับตนเอง ร่างกายนี้แม้จะยังไม่แข็งแรงเท่าเดิม แต่รากฐานสำคัญได้ถูกวางไว้ใหม่อย่างมั่นคงแล้ว

หลิวรุ่ยหลินลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังความมืดมิดภายนอกสวนไผ่ ความคิดนับพันหลั่งไหลเข้ามาในหัว ในที่สุดนางก็แน่ใจแล้วว่าชีวิตใหม่ในฐานะเหยาหลิงเจินนั้นปลอดภัยและมั่นคง ร่างกายนี้ได้รับความรักอย่างล้นเหลือจากคนสกุลเหยา ซึ่งนางพอจะยอมรับให้เป็นครอบครัวของตนเองได้อย่างไม่ฝืนความรู้สึกเท่าใดแล้ว

ทว่า... แม้ชีวิตใหม่จะสงบสุขเพียงใด แต่ปริศนาการตายของร่างเดิมยังคงเป็นหนามยอกในอก ว่าใครกันที่ลงมือกับนาง?

“หลิวรุ่ยหลินตายไปแล้ว...” นางรำพึงกับตนเองเบาๆ สายตามองทอดไปไกล “การจะกลับไปในจุดเดิมนั้นคงไม่มีประโยชน์อันใด ในโลกนี้จะมีใครเชื่อเรื่องการข้ามภพสลับวิญญาณกันเล่า หากข้ากลับไปปรากฏตัวในร่างเด็กสาวเช่นนี้ มิใช่แค่นำพาความโกลาหลมาสู่ผู้คนหรอกหรือ”

นางยกยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มของคนที่หมายจะปล่อยวางในลาภยศ แต่นางยังไม่อาจปล่อยวางในความแค้น

“ตำแหน่งเจ้าสำนักคงกลับคืนมามิได้แล้ว แต่ข้ายังปรารถนาความจริงได้” นัยน์ตาที่สุกใสราวลูกกวางพลันมีประกายวาบผ่าน “หากใครมีบุญคุณ ข้าย่อมทดแทน แต่หากก่อความแค้นไว้ ข้าก็จะไปชำระให้มันสิ้นซาก”

นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้หลิวรุ่ยหลินที่ตายไปแล้วได้ และหากทำสำเร็จ นางคงสามารถนอนหลับได้เต็มตาเสียที แต่หากจะเริ่มต้นสืบ สถานที่เหมาะสมที่สุดย่อมต้องเป็น ศูนย์รวมข่าวสาร อย่างเมืองหลวง ทว่านางในตอนนี้ยังคงอยู่ไกลถึงเมืองฉางสา และร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวก็ยังไม่พร้อมสำหรับการเดินทางไกล

“เมืองหลวงงั้นหรือ...” นางถอนหายใจออกมาเบาๆ “คงรอให้ข้าแข็งแรงและพร้อมกว่านี้ ค่อยหาทางขอไปเที่ยวเมืองหลวงดูก็แล้วกัน”

พอคิดได้ดังนั้น หลิวรุ่ยหลินก็กลับไปเอนกายลงนอนอย่างใจเย็น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่12 คืนแรกในเรือนซ่อนไผ่  

    เรือนซ่อนไผ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวนเจ้าเมืองฉางซา แม้จะอยู่ไกลจากเรือนหลักไปสักหน่อย ทว่ากลับเป็นสถานที่ที่งดงามและสงบเงียบที่สุด รอบเรือนโอบล้อมด้วยป่าไผ่เขียวขจีที่พลิ้วไหวตามสายลม เสียงใบไผ่เสียดสีกันดังซ่าๆ คล้ายเสียงคลื่น ช่วยกลบเสียงอึกทึกจากภายนอก และทำให้รู้สึกสงบได้เป็นอย่างดีเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนใหม่ ในฐานะหัวหน้าสาวใช้ เหยาปิงดูมีความมั่นใจมากขึ้น ท่าทางฉะฉานในการสั่งงานสาวใช้ใหม่ทั้งสามคนอย่าง เหยาฉิน เหยาจู และเหยาฮวา ทำให้เรือนหลังนี้มีระเบียบวินัยตั้งแต่วันแรกในช่วงกลางวันขณะที่แสงแดดอุ่นๆ ลอดผ่านกิ่งไผ่เข้ามาในชานเรือน หลิวรุ่ยหลินที่แสร้งนั่งเล่นตุ๊กตาผ้าอยู่บนตั่งไม้ นิ่งฟังการพูดคุยและบริหารจัดการเรือนของเหยาปิงอย่างพอใจ“เหยาฉิน เจ้าดูแลเรื่องตู้เสื้อผ้าและเครื่องประดับของคุณหนูสี่ให้ดี ของทุกชิ้นห้ามให้มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว” เหยาปิงออกคำสั่งพลางเดินตรวจตรา “ส่วนเหยาจู เจ้ามีหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณหนู ใครไปใครมาในจวน หรือมีข่าวคราวอะไรสำคัญ จงจดจำม

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่11 เจินเจินจะย้ายเรือน

    ในช่วงเวลานี้เอง หลิวรุ่ยหลินเริ่มใช้เหยาปิงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการทำความเข้าใจสถานะใหม่ของตน นางใช้ภาษาที่ง่ายและคำถามที่ดูไร้เดียงสาเพื่อให้เหยาปิงเล่าเรื่องในอดีตของเหยาหลิงเจินตัวจริง เพื่อให้ตนเองสามารถแสดงบทบาทได้อย่างสมจริงและแนบเนียนที่สุดทุกครั้งที่เหยาปิงป้อนอาหารหรือคอยดูแลเสื้อผ้า หลิวรุ่ยหลินจะเรียกนางเข้ามานั่งใกล้ๆ“ปิงปิง... เล่าเรื่อง... ท่านพ่อ... ท่านแม่... ให้ข้าฟังหน่อย”เหยาปิงเล่าเรื่องราวความรัก ความผิดหวัง และความเสียใจของคนในตระกูลโหวอย่างละเอียด นางเล่าถึงน้ำตาที่ท่านโหวและฮูหยินเคยเสียไปเมื่อคุณหนูป่วยหนัก เล่าถึงความอ่อนโยนของพี่ชายทั้งสองคนที่ไม่เคยละทิ้งน้องสาวที่ไร้สติ หลิวรุ่ยหลินฟังทุกเรื่องเล่าอย่างตั้งใจ และวิเคราะห์ความรู้สึกเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งเมื่อได้ยินว่าความรักความผูกพันของครอบครัวนี้เป็นของแท้และเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่มีเงื่อนไข หลิวรุ่ยหลินก็ยืนยันกับตนเองได้ทันทีว่าร่างกายนี้ปลอดภัยจากคนในสกุลเหยา ไม่มีความจำเป็นต้องหวาดระแวงพวกเขา และจากการรวบรวมข้อมูลอย่างรอบด้าน เหยาหลิงเ

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่10 ก้าวแรกสู่การเป็นคุณหนูจวนโหว

    หลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวันทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิงท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานานเหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงา

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่9 จุดจบของสาวใช้ตัวดี

    เหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดีความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตามแต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรื

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่8 ปาฏิหาริย์เจ็ดปี

    ไม่นานนัก เหยาจิ้นทงและเหอเหมียวลี่ก็มาถึงหน้าเรือนพำนักของเหยาหลิงเจิน ทั้งสองยืนมองประตูด้วยความรู้หลากหลาย แต่ก็ยังไม่เข้าไป จนกระทั่งเหยาฉีและเหยาหมิงมาถึง “ท่านพ่อ ท่านแม่” เหยาหมิงร้องเรียกบิดามารดา แล้วเดินปรี่เข้ามา “เจินเอ๋อร์ คืนสติแล้วจริงหรือขอรับ”“แม่กับพ่อของเจ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” เหอเหมียวลี่ตอบบุตรชายเสียงเครือ“ในเมื่อพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปดูให้เห็นกับตาเถิดขอรับ” เหยาฉีพูดพลางมองประตูเรือนของน้องสาวคนเล็กอย่างมีความหวังเหยาจิ้นทงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งให้เหยาปิงไปเปิดประตูเรือน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินตามนางเขาไปด้านในด้วยหัวใจระทึกพวกเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูทันที เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยาหลิงเจินยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองครอบครัวด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าครั้งใดเหอเหมียวลี่พลันร้องไห้โหออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างบุตรสาว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจและห่วงหา“เจินเอ๋

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่7 ในที่สุดคุณหนูสี่ก็ได้สติแล้ว

    หลิวรุ่ยหลินวางกระโถนลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากร่างกายของเหยาหลิงเจินในตอนนี้ยังไม่สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักหน่วงขนาดนั้นได้นานการลงโทษสาวใช้ตัวดีทั้งสองสำเร็จอย่างงดงาม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ร่างกายนี้ต้องถูกพวกนางเหยียดหยามมาถึงเจ็ดปีเต็ม สิ่งโสโครกเพียงกระโถนเดียวคงไม่พอให้วิญญาณของเหยาหลิงเจินตัวจริงพอใจแน่เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนอนด้านใน จนทำให้เหยาปิงที่กำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังเรือนได้ยิน นางพลันตื่นตระหนก คิดว่าเหยาซานกับเหยาซื่อรังแกคุณหนูอีก นางจึงรีบวิ่งมาที่ห้องของนอนของเหยาหลิงเจินทันทีแต่พอนางเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเหยาหลิงเจินนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ แต่สภาพรอบห้องนั้นเลวร้ายอย่างที่สุด กลิ่นฉุนของปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลแทบทำให้นางหายใจไม่ออก“คุณหนู ท่านถูกสองคนนั้นรังแกหรือ” เหยาปิงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่เนื้อตัวของคุณหนูนั้นสะอาดสะอาด นางจึงมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง จนเห็นร่องรอยน้ำเปียกโชกที่ลากเป็นทางออกไปจากห้อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status