Home / โรแมนติก / ปวีญา...ฉันรักเธอ / ตอนที่ 5 : ความลับแตก

Share

ตอนที่ 5 : ความลับแตก

Author: NATO87
last update Last Updated: 2025-05-30 23:35:37

เจนรบเปิดประตูเข้ามาในสำนักงานทนายความด้วยรอยยิ้ม หนุ่มใหญ่พูดคุยกับลูกความทางโทรศัพท์มือถือตามปกติ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปจนลูกน้องของเขาสังเกตได้ ก็คือน้ำเสียงและสีหน้าของเจนรบดูอิ่มเอิบขึ้น ซึ่งปกติแล้ว เจนรบเป็นคนที่ค่อนข้างตึงเครียดและจริงจังกับงานมาก คงเพราะกำลังมีความรัก เลยทำให้เขาดูสดใสสดชื่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง” เจนรบคุยโทรศัพท์กับลูกความด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ “เดี๋ยวผมจะไปทำเรื่องขอถอนภาระจำยอมที่ดินให้นะครับ โอเคครับ”

พอกดวางโทรศัพท์ สุภาพบุรุษทนายความก็ลุกขึ้นหยิบซองเอกสารใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมไปดำเนินเรื่องที่กรมที่ดินตามที่ได้พูดคุยกับลูกความของตัวเองเอาไว้

“เดี๋ยวผมไปกรมที่ดินก่อนนะ อาจจะไม่กลับเข้ามาที่ออฟฟิศอีก เพราะเดี๋ยวผมต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ ถ้ามีอะไรโน้ตทิ้งไว้หรือถ้าด่วนที่สุด โทรมาหาผมนะ”

“ได้ค่ะ” เลขาของเจนรบยิ้มรับ มองแผ่นหลังเจ้านายที่เดินออกประตูออฟฟิศไป

“แก แกว่าคุณเจนรบแปลกไปป่ะวะ?” พนักงานเอกสารแวะมานินทาเจ้านายกับเลขาของเจนรบ

“ชั้นก็ว่าคุณเจนรบเปลี่ยนไปอ่ะ เหมือนคนกำลังมีความรัก”

“พูดเป็นเล่น!!!” พนักงานเอกสารยิ้ม

“ก็วันก่อนน่ะ มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักมาหา บอกว่าเป็นหลานคุณเจนรบ” เลขาออกโรงนินทาเจ้านาย “ชั้นว่าดีไม่ดี เจ้านายเรากำลังเลี้ยงต้อยเด็กมหาลัยอยู่ก็ได้”

“จริงดิ!!!” พนักงานเอกสารคนเดิมรีบเอามือปิดปาก แววตาดูตื่นเต้น

แล้วเจนรบก็ตกเป็นเป้าหมายของเหล่าลูกน้องจอมเม้าท์ทั้งหลายอย่างออกรส ซึ่งถ้าหากเป็นเมื่อก่อน คนอย่างเขาคงไม่ยอมลดราวาศอกอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ เจนรบกำลังอินเลิฟ เขาเองก็รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเสีย

เจนรบขับรถไปกรมที่ดินย่านรามอินทราเพื่อดำเนินเรื่องเอกสารสำคัญเกี่ยวกับที่ดินให้ลูกความไปตามหน้าที่ พอเสร็จแล้วเขาก็ขับรถไปพูดคุยกับลูกความคนอื่นจนเสร็จภารกิจ ก็เลยขับรถแวะห้างย่านลาดพร้าวเพื่อหาอะไรกินแล้วเดินตากแอร์เล่น ก่อนขับรถกลับบ้าน

เจนรบนั่งดื่มกาแฟและขนมหวานชั้นใต้ดินของห้าง มือก็ปาดสมาร์ทโฟนดูข่าวสารบ้านเมืองไปตามเรื่อง สักพักเสียงไลน์ก็ดังขึ้น พอทนายความเปิดดู ก็พบว่าข้อความดังกล่าวเป็นของปวีณา

“ลุงจอม อยู่ไหนคะ?”

“อยู่ที่ห้าง…” เจนรบยิ้มหวาน พิมพ์ตอบเด็กสาวไปอย่างอารมณ์ดี

“ง่า...เที่ยวไม่ชวน โกรธละ”

“ลุงแวะมาหาอะไรกินก่อนกลับน่ะ” เจนรบพิมพ์ไลน์ตอบปวีณา

“วันนี้จะมาหาหนูไหม?” ปวีณาพิมพ์ถามเจนรบ ก่อนทิ้งท้ายด้วยตัวการ์ตูนน่ารัก

“ลุงก็อยากไปนะ แต่ว่ารถมันเริ่มติดแล้ว” เจนรบตอบ

“ใช่ซิ เบื่อหนูแล้วใช่ไหม?” สาวน้อยเริ่มงอน

“ไม่ใช่อย่างนั้น รถมันติดจริงๆ หนูปลา” เจนรบพิมพ์ตอบกลับไป

“ถ้างั้นให้หนูนั่งบีทีเอสไปหาป่ะ? หนูเบื่อห้องง่า อยากเจอลุง”

“เริ่มงอแงแล้วนะเราน่ะ” เจนรบยิ้มกับอารมณ์ออดอ้อนของปวีณา “ก็มาซิจ๊ะ ถ้าอยากมา”

“งั้นรอหนูก่อนแล้วกัน เดี๋ยวหนูนั่งบีทีเอสไปหา ถึงแล้วจะโทรบอก”

เจนรบไม่อยากปฏิเสธเด็กสาว ก็เลยนั่งรอที่ร้านอยู่นานเกือบชั่วโมง จนปวีณาโทรเข้ามา ทั้งคู่ก็เลยนัดเจอกันที่ชั้นหนึ่งของห้าง

“ลุงจอม!!” ปวีณาในชุดเครื่องแบบนักศึกษาสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมที่ลุงจอมซื้อให้เมื่อวันก่อนพนมมือไหว้เจนรบด้วยรอยยิ้ม “รอปลาอยู่นานไหมคะ?”

“ไม่นานหรอก” เจนรบในชุดสูทสีดำยิ้ม “หิวไหม? กินอะไรมาหรือยังล่ะ? อยากกินไรบอกซิ เดี๋ยวลุงพาไป”

แล้วนักศึกษาสาวคนสวยกับทนายความหนุ่มใหญ่ก็เดินกลับไปชั้นล่าง เพื่อไปหาราเมนญี่ปุ่นกิน ปวีณาสั่งราเมนกับน้ำชาเขียวมากินด้วยความหิว ส่วนเจนรบก็ดื่มน้ำเปล่าไป เพราะกินข้าวมาแล้ว

“อิ่มแล้วจะไปไหนต่อดีจ๊ะ?” เจนรบถาม

“กลับหอค่ะ” ปวีณาละเลียดเส้นราเมนและน้ำซุปด้วยความเอร็ดอร่อย

“นี่มาหาลุง คือให้ลุงเลี้ยงราเมนเนี่ยนะ?” เจนรบยิ้มหวาน

“ล้อเล่นค่า…” ปวีณาวางตะเกียบและช้อน ก่อนหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก “แล้วลุงอยากให้หนูไปเที่ยวบ้านลุงป่ะละ?”

“ก็อยากให้ไปนะ แต่…” หนุ่มใหญ่ขยับแว่น “ลุงว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า”

“ทำไมละคะลุงจอม?” สาวน้อยร่นคิ้วใส่เจนรบ “เบื่อหนูแล้วใช่ไหม?”

“เปล่าจ๊ะ…” เจนรบตอบ “เมื่ออาทิตย์ก่อนหนูก็เพิ่งมาบ้านลุงนะ ลุงว่าเราสองคนต้องระมัดระวังสักหน่อยนะ”

“เบื่อหนูก็บอกมาเถอะค่ะ!!!” ปวีณาเหมือนเริ่มงอแงใส่ลุงจอม

“ไม่ใช่อย่างนั้น!! ปลาเข้าใจลุงผิดแล้ว” หนุ่มใหญ่พยายามอธิบาย “คือลุงไม่อยากให้หนูเสียการเรียน ยังไงหนูก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่นะ ลุงอยากให้หนูมีอนาคตที่ดี ที่ลุงพูดแบบนี้ เพราะลุงหวังดีและรักหนูนะ”

พอได้ยินคำว่ารักจากลุงจอม ปวีณาก็เลยยิ้มหวาน รอยยิ้มของสาวน้อยทำให้หัวใจของเจนรบพองโต ทั้งคู่ยิ้มให้กันด้วยท่าทางเหนียมอาย

“หนูแค่อยากอยู่ใกล้ๆ ลุงเท่านั้นเอง” ปวีณาตัดพ้อ

“ลุงก็อยากอยู่กับหนูนะปลา” เจนรบอธิบาย “แต่เราต้องคิดถึงสถานะและตัวตนของอีกฝ่ายเหมือนกันนะ ลุงอยากให้หนูปลามีอนาคตที่ดี ลุงถึงพูดแบบนี้ไง”

ปวีณาเหมือนจะผิดหวังไม่น้อย แต่ก็เข้าใจได้ สุดท้ายเจนรบเลยพาเธอไปเดินเที่ยวชั้นบนดูเสื้อผ้าไปตามเรื่อง

แต่โชคร้ายเสียหน่อย ที่วันนั้น เป็นวันที่ป้าจุ๊ จรัญลักษณ์ ที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของภาคภูมิมาเที่ยวที่ห้างแถวนั้นพอดี

“หนูปลา? นั่นหนูปลาใช่ไหม?” สาวใหญ่เรียกชื่อเด็กสาว

“ตายแล้ว!!! ป้าจุ๊” ปวีณาที่กำลังเดินคุยกับเจนรบถึงกับสะดุ้ง หน้าถอดสีเมื่อเห็นหญิงสูงวัยในชุดเดรสหรูที่คุ้นเคยยืนอยู่ไม่ไกล จะหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว สุดท้ายสาวน้อยจึงรีบปรับสีหน้า หันไปยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะป้าจุ๊”

“อ้าว น้องปลา มาทำอะไรที่นี่จ๊ะ?” ป้าจุ๊ยิ้มแย้มตามประสาผู้ใหญ่ แต่สายตากวาดมองชายภูมิฐานที่ยืนอยู่ข้างๆ และสังเกตเห็นอาการลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยของปวีณา “แล้วนี่...มากับใครจ๊ะ?”

ใจของเจนรบหล่นวูบเมื่อเห็นว่าเป็นใคร แย่แล้ว! ถ้าป้าจุ๊เอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้ภาคกับเปิ้ลล่ะก็... เขารีบปรับสีหน้าให้ดูสุขุมที่สุด ก้าวเข้าไปบังปวีณาเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ พยายามคิดหาคำตอบที่แนบเนียนที่สุดในเสี้ยววินาที

“สวัสดีครับคุณป้า” เจนรบรีบก้าวเข้ามาบังเล็กน้อยพร้อมยกมือไหว้ “ผมเจนรบครับ พอดีเป็น...เป็นญาติห่างๆ ของน้องปลาเขา บังเอิญเจอกันเลยชวนน้องหาอะไรทานน่ะครับ” เขาพยายามใช้ท่าทีสุภาพและมั่นคงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

“อ๋อ...เหรอคะ” ป้าจุ๊รับไหว้ มองเจนรบและปวีณาสลับกัน แม้คำอธิบายจะฟังดูปกติ แต่แววตาและท่าทีที่ดูสนิทสนมเกินกว่าจะเป็นแค่ญาติอย่างที่กล่าวอ้าง โดยเฉพาะสายตาที่เจนรบใช้มองปวีณานั้น ทำให้เธอรู้สึกเอะใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อไปเสียทีเดียว “ดีจังเลยนะปลาที่เจอผู้ใหญ่ใจดี ว่าแต่ปิดเทอมเมื่อไรจะกลับเชียงใหม่ล่ะจ๊ะ เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง?”

จรัญลักษณ์ชวนคุยต่อด้วยเรื่องทั่วไปอีกสองสามประโยค พยายามสังเกตท่าทีของทั้งคู่ ปวีณาดูตอบคำถามอย่างระมัดระวัง ส่วนเจนรบก็พยายามช่วยตอบเสริมอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ป้าจุ๊ก็ยังรู้สึกถึงความไม่ปกติบางอย่างในบรรยากาศระหว่างคนทั้งสอง

“สอบไฟนอลเสร็จเมื่อไร ก็กลับเชียงใหม่ทันทีเลยค่ะป้า” ปวีณาพยายามยิ้มและตอบคำถามป้าจุ๊ให้ดูเป็นปกติที่สุด แต่หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา มือเย็นเฉียบ เธอลอบมองเจนรบ หวังว่าเขาจะช่วยแก้สถานการณ์ได้ กลัวเหลือเกินว่าป้าจุ๊จะสังเกตเห็นความผิดปกติ

“โอเค งั้นป้าไม่รบกวนเวลาส่วนตัวแล้วจ๊ะ” ป้าจุ๊ตัดสินใจไม่เซ้าซี้ต่อ แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ “ไว้เจอกันที่เชียงใหม่นะ” สาวใหญ่คนนี้ยิ้มแย้มและโบกมือลาปวีณาและพยักหน้ารับเจนรบ ก่อนจะเดินแยกไป...แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า “ญาติห่างๆ” คนนี้ดูจะมีความสำคัญกับหลานสาวเพื่อนเป็นพิเศษ คงต้องลองบอกให้ภาคภูมิรู้ เผื่อว่าจะมีอะไรที่เขาควรกังวล

“ตายแล้ว ปลาต้องตายแน่ๆ เลยค่ะลุง” ปวีณาหันไปมองเจนรบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ทำไมเหรอ?” เจนรบร่นคิ้วด้วยความสงสัย

“ก็ป้าจุ๊น่ะรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ แล้วแกก็รู้ว่าใครเป็นญาติกับครอบครัวของปลาเป็นอย่างดี นี่ถ้าป้าจุ๊เอาเรื่องไปบอกพ่อกับแม่ ลุงกับหนูต้องแย่แน่ ๆ เลยอ๊า!!”

เจนรบถึงกับเงียบ เอาแล้วไง ความลับจะแตกก็คราวนี้แหละ แต่ด้วยความเก๋าเกม เจนรบขยับแว่นแล้วกุมมือนักศึกษาสาวเดินไปข้างหน้า เพื่อหาหนทางแก้ไขสถานการณ์

“หนูก็บอกไปว่าเจอลุงที่ห้างแล้วกัน” เจนรบตอบ

“จะให้บอกพ่อกับแม่ว่าหนูกับลุง…”

“ไม่ใช่ หนูก็บอกไปว่ามาทำงานส่งอาจารย์แล้วเจอลุงที่นี่ อะไรก็ว่าไป ระหว่างทางก็เลยเดินคุยไปตามเรื่อง” เจนรบอธิบายถึงแผนการเอาตัวรอดในขั้นแรก “ถ้าไอ้ภาคกับเปิ้ลถามหนู หนูก็ตอบแบบนี้นะจ๊ะปลา”

“ค่ะลุง…” ปวีณารู้สึกโล่งอก “แต่หนูว่ายังไงพ่อกับแม่หนูก็ต้องสงสัยอยู่ดี”

“ก็ปล่อยให้สงสัยต่อไป แต่เราต้องระมัดระวังมากขึ้น” เจนรบตอบ

หลังจากนั้นเจนรบกับปวีณาก็แยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง เป็นอย่างที่เจนรบคาดไว้ไม่มีผิด ป้าจุ๊จอมจุ้นโทรไปฟ้องภาคภูมิว่าลูกสาวคนสวยของตัวเองเดินกับหนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐาน จนทำให้ภาคภูมิที่ปกติเป็นคนหวงลูกสาวต้องรีบโทรมาถามความจริงจากปากของปวีณา

“ฮัลโหล มีอะไรเหรอคะพ่อ?” ปวีณากดรับสายขณะยืนรอรถไฟฟ้าตรงสถานีบีทีเอสห้าแยกลาดพร้าว

“ปลา ตอนนี้ลูกอยู่ไหน?” น้ำเสียงของภาคภูมิดูขึงขังและดุดันกว่าที่เคย

“อยู่บีทีเอสลาดพร้าวค่ะพ่อ หนูมาทำงานส่งอาจารย์ ก็เลยแวะหาอะไรกินแถวนี้ กำลังจะกลับหอแล้วค่ะ” ปวีณาตอบตามที่ได้เตี้ยมกับลุงจอมเอาไว้

“ไปกี่คน?” ภาคภูมิถาม “ตอบมาตามตรง”

“หนูมาคนเดียวค่ะพ่อ” ปวีณาตอบ

“แน่ใจเหรอ? มีคนบอกว่าหนูแอบหนีเที่ยวกับผู้ชาย?” ภาคภูมิทำเสียงดุ “อธิบายพ่อได้ไหมว่ามันเกิดอะไร?”

คำถามของพ่อเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ ปวีณาพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น *พ่อรู้ได้ยังไง? หรือว่าป้าจุ๊โทรไปฟ้องแล้ว?* เธอต้องรีบปฏิเสธตามที่เตี๊ยมกับลุงจอมไว้ แต่ความรู้สึกผิดมันจุกอยู่ที่ลำคอ

“คนที่บอกพ่อคือป้าจุ๊ใช่ไหมคะ?” ปวีณาถามกลับ “คือหนูมาหาอะไรกินที่ห้าง แล้วมาเจอลุงจอม ก็เลยเดินคุยกันนิดหน่อย แล้วป้าจุ๊มาเห็นหนูกับลุงจอมค่ะพ่อ”

“งั้นเหรอ? ลุงจอมเนี่ยนะ?”

“ค่ะพ่อ” ปวีณาตอบ ในใจก็ลุ้นว่าจะรอดไหมนะคราวนี้

“แล้วคุยเรื่องอะไรกับลุงจอม?” ภาคภูมิถาม

“ก็เรื่องทั่วไปนี่แหละคะ” ปวีณาตอบเสียงอ่อย พยายามนึกหาคำตอบที่ดูมีเหตุผลที่สุด แต่สมองกลับตื้อไปหมด เรากำลังโกหกพ่อ... พ่อต้องจับได้แน่ๆ เลย... ทำยังไงดี...

“เรื่องทั่วไปที่ว่าน่ะ พ่ออยากถามว่าคุยกันเรื่องอะไรบ้าง?” ภาคภูมิเริ่มสงสัยพฤติกรรมของลูกสาว เลยรุกเร้าหนักขึ้น

“ก็เรื่องเรียน เรื่องชีวิตทั่วไปนี่แหละค่ะ” ปวีณาเริ่มกังวล “พ่อคะ มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่พ่อคิดเลยนะ”

“พ่อแค่ถามลูกดู จะร้อนตัวทำไมถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด?” ภาคภูมิทำเสียงดุใส่ลูกสาว “เราเองก็รีบกลับหอไปทบทวนตำราเรียนได้แล้ว อย่าเอาแต่เที่ยวสนุกไปวันๆ พ่อไม่ชอบ”

แล้วภาคภูมิก็กดวางสายโดยไม่เปิดโอกาสให้ปวีณาได้ตอบอะไร สาวน้อยได้แต่กุมมือถือเอาไว้ ขณะกำลังเดินเข้าไปในโบกี้รถไฟฟ้าที่จอดเทียบท่าอยู่

“จะรอดไหมนะเรา?” ปวีณาครุ่นคิดในใจ “ขอให้ความลับอย่าเพิ่งแตกตอนนี้เลยนะ ถ้าพ่อกับแม่รู้ แกตายแน่ยัยปลา!!”

ขณะเดียวกันทางฝั่งเจนรบ ที่กำลังขับรถกลับบ้าน ก็มีสายเรียกเข้า ซึ่งทนายความเดาไว้ไม่มีผิดเลยว่าเดี๋ยวภาคภูมิต้องโทรมาถามความจริงอย่างแน่นอน เจนรบเสียบสมอลทอล์คใส่หูฟังโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักสมัยวัยเรียน

“ฮัลโหล มีอะไรไอ้ภาค?”

“ไอ้จอม ตอนนี้มึงอยู่ไหน?”

“มึงถามอะไรของมึงเนี่ย? กูกำลังขับรถกลับบ้านกู”

“มึงคุยอะไรกับลูกสาวกูที่ห้าง?”

“อ้อ!! กูก็คุยเรื่องทั่วไป ถามเรื่องการเรียน ชีวิตในกรุงเทพ” เจนรบตอบ “มีอะไรเหรอวะไอ้ภาค?”

“งั้นเหรอ? แค่นั้นจริงเหรอ?” ภาคภูมิเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อในสิ่งที่เจนรบพูด อาจเป็นเพราะความหวาดระแวง กลัวว่าเจนรบกำลังคิดแก้แค้นเขาสมัยก่อนที่ไปแย่งเปิ้ลมาก็เป็นได้ “กูถามมึงหน่อยนะไอ้จอม แบบลูกผู้ชายเลย มึงจะตอบกูได้ไหมวะ?”

“มีอะไรก็ถามมาได้เลย” เจนรบพยายามยิ้ม แต่นัยน์ตาของหนุ่มใหญ่กลับแฝงด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“มึงไม่ได้คิดอะไรกับลูกสาวกูใช่ไหม?” ภาคภูมิยิงคำถามเด็ดใส่เจนรบ

“เห้ย!!! อะไรของมึงเนี่ยไอ้ภาค?” เจนรบพยายามทำใจดีสู้เสือ “กูเจอกับปลา ก็เลยทักทาย คุยอะไรกันนิดหน่อย ไม่ได้มีอะไร นี่มึงคิดไปไกลถึงไหนแล้วเนี่ย?”

คำถามตรงๆ ของภาคภูมิเหมือนค้อนทุบลงมา เจนรบใจหายวาบ รู้สึกเหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขา เขาอยากจะตอบตามความจริง อยากจะบอกเพื่อนไปว่าเขารักปวีณาแค่ไหน แต่...เขาทำไม่ได้ เขาทำร้ายเพื่อนไม่ได้ ทำร้ายปลาไม่ได้... เขาต้องโกหก...

“มึงตอบไม่ตรงคำถามไอ้จอม ตอบกูมาตามตรงเดี๋ยวนี้”

“กับน้องปลา กูคิดกับน้องเขาเหมือนลูกเหมือนหลานไอ้ภาค” เจนรบจำใจต้องตอบไปแบบนั้น เพราะยังไม่พร้อมเปิดเผยความจริง เพราะกลัวว่าน้องปลาจะเดือดร้อน “มึงคิดอะไรของมึงอยู่เนี่ยไอ้ภาค?”

“เพราะมีคนรู้จักโทรมาบอกกู” ภาคภูมิตอบ “แล้วเจอมึงกับลูกสาวกูเดินคุยอยู่ด้วยกันตั้งนานสองนาน ถึงจะเข้าไปทัก กูเลยสงสัยว่ามึงจะคุยอะไรกับลูกสาวกูตั้งนานขนาดนั้น”

“ไอ้ภาค มึงก็คิดมากเกินไปแล้ว” เจนรบพยายามอธิบาย “กูกับปลาไม่ได้มีอะไรอย่างที่มึงคิด”

“มึงกล้าสาบานไหมล่ะไอ้จอม?” ภาคภูมิยิงประโยคเด็ด จนเจนรบเริ่มรู้สึกไม่พอใจ

“ไอ้ภาค ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ” เจนรบเริ่มขึ้นเสียง “กูว่ากูพูดชัดเจนแล้วนะ นี่มึงจะเอายังไงกับกู?”

“กูถามว่ามึงกล้าสาบานไหม?” ภาคภูมิย้ำคำถามอีกครั้ง “กูรู้สึกว่าเวลากูพาเปิ้ลกับลูกสาวไปหามึง กูเห็นสายตาของมึงกับลูกสาวกูมันดูแปลกๆ กูว่ากูคิดไม่ผิด กูว่ามึงกับลูกสาวกูต้องมีความลับอะไรปิดบังอยู่แน่นอน”

“ไอ้ภาค มึงพูดจาอะไรระวังปากให้ดีนะ กูเป็นทนาย มึงระวังให้ดีนะ กูถือว่ากูเตือนมึงแล้วนะ” เจนรบเริ่มไม่ยอมให้ภาคภูมิต้อนอยู่ฝ่ายเดียว “กูยังเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกูนะไอ้ภาค กูตอบชัดเจนแล้วว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับน้องปลา มึงจะถามเซ้าซี้อะไรนักหนาวะ?”

แล้วปลายสายก็เงียบไปชั่วขณะ จนกระทั่งภาคภูมิปริปากออกมาด้วยประโยคบางคำ

“โอเค กูขอโทษ สงสัยกูระแวงมึงมากเกินไป” หนุ่มใหญ่นักธุรกิจจากเชียงใหม่สารภาพ “ขอโทษที่รบกวนมึงว่ะไอ้จอม ขอโทษจริงๆ เว้ย”

“เออ…” เจนรบพยักหน้า “มีอะไรอีกหรือเปล่ามึง?”

“ไม่มีแล้ว แค่นี้แหละไอ้จอม” แล้วภาคภูมิก็กดวางสาย ในขณะที่เจนรบได้แต่ครุ่นคิดว่าคนอย่างไอ้ภาคไม่ใช่คนโง่ จากนี้ไปเขากับน้องปลาจะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเวลาพบกันมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ที่เชียงใหม่ ภาคภูมิยืนอยู่ริมระเบียงบ้านขนาดใหญ่ ที่มองออกไปเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ภาคภูมิกำลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาระหว่างเขากับเจนรบ

ย้อนกลับไปเมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ตอนที่เจนรบ ภาคภูมิ และปิยะวรรณยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยบัณฑิตทวีปัญญา ภาคภูมิและเจนรบได้รับการบรรจุเป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัยในการลงแข่งฟุตบอลกับมหาวิทยาลัยอื่น และในการแข่งขันฟุตบอลครั้งนั้น ภาคภูมิคือคนยิงประตูพาให้ทีมชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 ในขณะที่เจนรบได้รับบาดเจ็บ จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงต้นครึ่งหลัง

ปิยะวรรณที่รับบทเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยบัณฑิตทวีปัญญาเข้ามาแสดงความยินดีกับภาคภูมิระหว่างจบเกม ส่วนเจนรบกำลังทำการพักฟื้นอยู่ข้างสนาม

“เก่งจังเลยนะภาค” ปิยะวรรณแสดงความยินดีกับภาคภูมิ หัวหอกตัวเก่งของทีมมหาวิทยาลัยที่ยิงประตูชัยให้ทีมชนะ “ถ้าไม่ได้ภาค ทีมเราคงไม่ชนะแน่”

“ไม่ใช่แค่ภาคหรอก เป็นเพราะทุกคนต่างหาก” ภาคภูมิในชุดนักฟุตบอลยิ้ม แม้เนื้อตัวจะชุ่มไปด้วยเหงื่อไคลและเศษหญ้าเศษดิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปิยะวรรณ ดาวคณะอักษรศาสตร์รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก” ปิยะวรรณยิ้ม “ภาคเป็นคนเก่ง เดี๋ยวเปิ้ลขอตัวไปดูอาการของจอมก่อนนะ”

“ได้ซิ…” ภาคภูมิยิ้ม ขณะกำลังถูกกลุ่มเพื่อนนักฟุตบอลและทีมงานสต๊าฟเข้ามาเฮแสดงความยินดีที่ชายหนุ่มยิงประตูให้ทีมชนะ

ตัดมาที่เจนรบ ชายหนุ่มหยิบเอาน้ำแข็งมาประคบข้อเท้าที่กำลังบวมจากการถูกเสียบสกัดโดยกองหลังอีกฝ่าย ชายหนุ่มเหลือบมองภาคภูมิด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังที่ตัวเองไม่สามารถช่วยทีมได้มาก

“จอม เป็นยังไงบ้าง?” เปิ้ลก้มลงดูอาการของแฟนหนุ่ม ที่กำลังนั่งประคบน้ำแข็งอยู่ริมสนาม

“ก็ปวดน่ะเปิ้ล” เจนรบตอบ “แต่ยังพอยืนทรงตัว เดินไหวอยู่ แต่ทิ้งน้ำหนักลงเต็มที่ไม่ได้”

“หายเร็วๆ นะจอม” ปิยะวรรณให้กำลังใจแฟนหนุ่ม “ถ้าไม่ไหว ก็ไปหาหมอซะนะ”

ในจังหวะนั้น เปิ้ลก็ได้ยินเสียงเฮมาจากด้านหลัง พอหญิงสาวหันไป ก็พบว่าภาคภูมิกำลังถูกกลุ่มเพื่อนนักฟุตบอลและทีมงานสต๊าฟจับโยนขึ้นฟ้าเพื่อแสดงความยินดี

“เฮ้ย!!! รับดีๆ นะเว้ย เดี๋ยวกูตก!!!” ภาคภูมิร้องบอกเพื่อนด้านล่างด้วยท่าทางตื่นเต้น และวินาทีนั้น นัยน์ตาของภาคภูมิก็เหลือบมองมาที่ปิยะวรรณ ที่กำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยความชื่นชม

ทั้งคู่ยิ้มให้กัน โดยที่เจนรบไม่รู้ตัว และนั่นเป็นครั้งแรกที่ปิยะวรรณและภาคภูมิเริ่มสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนไป

ตัดมาที่ปัจจุบัน ภาคภูมิวางโทรศัพท์ลง แต่ความรู้สึกไม่สบายใจยังคงค้างคา คำตอบของเจนรบมันดูมีพิรุธ สายตาของมันตอนเจอกันครั้งล่าสุด... แล้วไหนจะคำบอกเล่าของป้าจุ๊อีก... *หรือว่าเราคิดมากไปเอง? ไอ้จอมมันอาจจะแค่เอ็นดูลูกเราจริงๆ ก็ได้...* เขาพยายามหาเหตุผลมาปลอบใจ แต่สัญชาตญาณบางอย่างมันร้องเตือนอยู่ลึกๆ... *ไม่ได้การ! เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ ล่ะก็...* เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ค้นหาเบอร์ติดต่อที่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้...

“สวัสดีครับ ที่นี่สำนักงานนักสืบประสิทธิชัย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณภาคภูมิ?”

“ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อย…” ภาคภูมิยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินหน้านิ่ง เขารู้สึกสังหรณ์ใจมาตั้งนานแล้วว่าทำไมเจนรบถึงเปลี่ยนไป ทั้งที่คนอย่างเขามันจมปลักกับความทุกข์ในอดีตมานานขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเขามีความสุขหรอกนะ ที่เห็นเพื่อนไม่มีความสุข เพียงแต่เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของเพื่อนรักของเขาอย่างเจนรบและลูกสาวของเขาอย่างปวีณาที่แอบมองกันมันดูผิดปกติ

ตอนแรกปิยะวรรณก็ไม่เห็นด้วย คิดว่าภาคภูมิคิดมากไป แต่ภาคภูมิยืนยันว่าเขารู้สึกไม่สบายใจจริงๆ จนกระทั่งหุ้นส่วนของเขาอย่างจรัลลักษณ์โทรมาบอกว่าเห็นน้องปลาเดินคุยกับลุงจอม ก็เลยทำให้ภาคภูมิยิ่งสงสัยมากขึ้น

“ได้ครับ แล้วผมจะจัดการให้เร็วที่สุด” สำนักงานนักสืบตอบก่อนวางสาย

“ไอ้จอม กูขอให้กูคิดผิดอย่างที่มึงว่าเถอะ” ภาคภูมิครุ่นคิดในใจ

หลายวันผ่านไป เจนรบได้พาปวีณามาสอนขับรถภายในถนนหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ เด็กสาวเป็นคนหัวไวเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้เจนรบไม่ต้องสอนอะไรมากมายนัก

“เริ่มขับคล่องแล้วนะเราน่ะ” เจนรบที่รับบทเป็นครูสอนขับรถหันไปยิ้มให้ลูกปลาที่เริ่มขับรถคล่องขึ้น

“งั้นให้หนูขับออกถนนใหญ่ได้แล้วใช่ไหมคะ?” ปวีณาหันไปยิ้มให้เจนรบขณะกำลังขับรถอยู่ในถนนหมู่บ้าน

“หันกลับไปน้องปลา มองที่ถนนซิ เวลาขับรถอยู่จะหันหน้ามาคุยกับลุงไม่ได้นะ!!” เจนรบทำเสียงดุ “ยังไม่ถึงเวลา หนูต้องไปสอบใบขับขี่ให้ได้ก่อน”

“โหย…อีกนานเลย” ปวีณาถอนหายใจยาว “แต่เอาเถอะ หนูว่ากลับไปเชียงใหม่คราวนี้ พ่อกับแม่หนูแปลกใจแน่นอนว่าหนูไปหัดขับรถตั้งแต่เมื่อไร”

“ยังไงก็อย่าไปบอกว่าลุงสอนนะ” หนุ่มใหญ่ยิ้ม “เดี๋ยวเราจะซวยเอา ลุงว่าพอได้แล้ว เดี๋ยวขับรถเลี้ยวกลับบ้านเถอะนะ”

“ค่ะ...”

แล้วปวีณาก็ขับรถเลี้ยวกลับเข้าบ้านของเจนรบ พอกลับเข้ามา ลุงจอมและน้องปลาก็เดินเข้าครัวเพื่อเตรียมทำกับข้าวเย็นไว้กินกันสองคน

“ลุงช่วยล้างผักให้หน่อยนะคะ เดี๋ยวปลาจะหั่นใส่แกงจืด” ปวีณายื่นถุงผักที่ซื้อมาจากตลาดสดให้ลุงจอมนำไปล้างน้ำทำความสะอาด แล้วสองลุงกับหลานก็ช่วยกันทำมื้อเย็นแสนอร่อยได้สำเร็จ

“ฮัดชิ่ว!!!!” ปวีณาจามขณะกำลังผัดกะเพราในห้องครัว ส่วนเจนรบกำลังเตรียมจานชามอยู่ด้านนอก

เจนรบยิ้มอย่างมีความสุข เขารู้สึกว่าบ้านที่แสนเงียบเหงาหลังนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น หลังจากมีน้องปลามาช่วยดูแลงานบ้านงานเรือนให้ บ้านช่องก็ดูสะอาด แถมบางครั้งก็ยังมีอาหารรสเด็ดจากฝีมือน้องปลาอีกต่างหาก

“ลุง!! มาช่วยหนูหน่อยเร็ว เอากับข้าวไปวาง หนูหิวแล้วนะ!!” ปวีณาเรียกให้ลุงจอมเดินเข้ามาในครัวเพื่อหยิบจานกับข้าวไปวางบนโต๊ะ เมนูมื้อเย็นวันนี้ประกอบไปด้วย แกงจืดหมูสับเต้าหู้ไข่ กะเพราหมูสับ แล้วก็ไข่เจียวหมูสับ ทั้งหมดล้วนเป็นเมนูที่แสนเรียบง่าย แต่สำหรับเจนรบแล้ว มันเป็นเมนูที่แสนวิเศษที่สุดในชีวิตเลย

เจนรบตักข้าวมาเสิร์ฟ, น้องปลากำลังปลดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้บนขอบราวตากผ้าในห้องครัว ก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะแล้วเริ่มกินข้าวโดยไม่รอลุงจอมที่กำลังเดินไปหยิบน้ำอัดลมในตู้เย็น

“หนูไม่รอแล้วนะลุง ตอนนี้หนูหิวมาก ให้ทำกับข้าวแบบนี้ทุกวัน หนูทำไม่ไหวหรอก” ลูกปลาตัวน้อยเริ่มบ่นเหมือนคนแก่ขณะกำลังตักกับข้าวใส่จานอย่างเอร็ดอร่อย “อืม!!! ฝีมือยังไม่ตกแฮะ!!”

เจนรบรินน้ำอัดลมให้แม่ครัวคนเก่งด้วยรอยยิ้ม ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงนั่งร่วมวงกินข้าวกับเด็กสาว หนุ่มใหญ่ถึงกับอึ้งเมื่อพบว่ารสชาติกับข้าวฝีมือของปวีณานั้นอร่อยมาก

“หนูทำกับข้าวขายได้เลยนะเนี่ย!!” ลุงจอมเอ่ยปากแซวปวีณา “นี่ถ้าลุงได้หนูปลามาเป็นแม่บ้านให้ลุงก็คงจะดีซิเนี่ย”

“ลุงก็ไปขอหนูกับพ่อและแม่ซิคะ” ปวีณาเคี้ยวกับข้าวในปากแก้มตุ่ย “เป็นไงบ้างคะ อร่อยไหม?”

“อร่อยซิจ๊ะ อร่อยมาก!!” เจนรบตักผัดกะเพราหมูใส่จานแล้วกินกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ปวีณายิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นเจนรบกินกับข้าวฝีมือของเธอได้ “ให้ลุงกินกับข้าวฝีมือปลาทุกวัน ลุงก็กินได้นะ”

“หนูทำทุกวันไม่ไหวหรอกค่ะลุง” ปวีณาตอบ “หนูไม่ได้ขยันขนาดนั้นนะ”

“นี่ใครสอนหนูทำกับข้าวเนี่ย? เปิ้ลเหรอ?” เจนรบเอ่ยปากถาม

“แม่กับยายค่ะ” ปวีณาตอบ “สอนหนูตั้งแต่ยังเด็ก ว่าเป็นผู้หญิงต้องทำกับข้าวเป็นบ้าง จะได้ไม่อดตาย แล้วก็เวลาแต่งงานออกเหย้าออกเรือนไปจะได้ทำกับข้าวให้สามีกินได้”

“แบบนี้ลุงก็โชคดีแล้วละซิ ได้เมียเก่งรอบด้านแบบนี้” เจนรบเอ่ยปากแซวเด็กสาวยกใหญ่ ทำเอาปวีณายิ้มเขิน

“ลุงฝ่าด่านพ่อกับแม่หนูให้ได้ก่อนเถอะ” ปวีณาตอบ “ถ้าพ่อกับแม่รู้ความจริงเรื่องนี้ หนูว่าเราสองคนแย่แน่”

“ถึงเวลาเหมาะสม ลุงจะบอกเอง” เจนรบตอบ “เอาไว้ให้หนูเรียนจบ ลุงจะบอกทั้งไอ้ภาคและเปิ้ลเอง ว่าลุงรักหนู เราสองรักกันนะ”

“จะคอยดูแล้วกัน ไม่ใช่ว่าลุงจะเบื่อหนูไปซะก่อนนะ” ปวีณาแกล้งทำมึนแก้เขินไปตามเรื่อง “อ่ะลุง กินเยอะๆ นะคะ”

“โห ตักมาเยอะขนาดนี้ ลุงกินไม่ไหวหรอก” เจนรบมองไข่เจียวหมูสับที่ปวีณาตักใส่จานมาให้

“ก็กินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หมดเองแหละลุงจอม” ลูกปลาตัวน้อยตอบ

แล้วคู่รักต่างวัยก็กินมื้อเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนช่วยกันล้างทำความสะอาดจานชามในห้องครัวเสร็จแล้ว ลุงจอมกับน้องปลาก็มานั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องดูโทรทัศน์แก้เซ็งไปตามเรื่อง ระหว่างนั่งดู ภาคภูมิก็โทรมาพูดคุยกับลูกสาวเป็นปกติ ส่วนใหญ่ก็ถามว่าตอนนี้อยู่ไหน ทำอะไรอยู่

“อยู่หอเพื่อนค่ะพ่อ กำลังติวหนังสืออยู่” ปวีณาตอบ แต่ความจริงแล้วเธอกำลังอยู่บ้านลุงจอม

“โอเค ตั้งใจเรียนนะลูกนะ พ่อกับแม่รอคอยความสำเร็จจากลูกอยู่” ภาคภูมิตอบ “ถ้าจบปริญญาตรีแล้ว พ่ออยากให้หนูคิดถึงเรื่องเรียนต่อปริญญาโทนะ พ่ออยากให้หนูเลือกว่าจะไปอังกฤษหรืออเมริกา ไม่ต้องกลัวนะเรื่องเงิน พ่อพร้อมสนับสนุนหนูทุกอย่าง”

“เอาไว้จบค่อยพูดเรื่องเรียนต่อก็ได้ค่ะพ่อ” ปวีณาตอบ

เจนรบที่ได้ยินเหลือบไปมอง เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้วว่าในอนาคตความรักระหว่างเขาและลูกปลาอาจจบลงไม่สวยงามอย่างที่วาดฝันได้ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะภาคภูมิและปิยะวรรณต่างคาดหวังให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านมีความรู้และการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตของตัวเองในอนาคต จะให้จบแค่ระดับปริญญาตรีภายในประเทศคงเป็นไปไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขเรื่องชื่อเสียงและหน้าตาของวงศ์ตระกูล พอกดวางสาย ปวีณาก็เดินกลับมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างลุงจอม สาวน้อยซบไหล่ของหนุ่มใหญ่ด้วยความรู้สึกกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

“ได้ยินแล้วใช่ไหมคะลุงจอม” ปวีณาเอ่ยปากก่อน “ว่าเรื่องของเรามันไม่ง่ายอย่างที่คิด”

“ลุงรู้…” เจนรบพยายามฝืนยิ้ม “ไว้เรียนจบปริญญาตรี ลุงจะลองไปคุยกับไอ้ภาคดูก่อน อย่างน้อยถ้าลุงจะขอหมั้นกับหนู ก็น่าจะ….”

“มันไม่ง่ายแบบนั้นนะซิคะลุงจอม” สาวน้อยร่นคิ้วใส่เจนรบ “พ่อกับแม่หนูไม่มีทางยอมหรอกค่ะ เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก”

ปวีณาซบไหล่และโอบกอดเจนรบด้วยความกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่ว่าจะมองมุมไหน ปวีณาก็พบว่ามันไม่ง่ายเลยที่เรื่องราวระหว่างเธอและลุงจอมจะลงเอยด้วยกันได้ พอรู้สึกตัวอีกที เจนรบก็ได้ยินเสียงสะอื้นของปวีณาดังขึ้นมาแข่งกับเสียงโทรทัศน์ สุดท้ายด้วยความรักของเจนรบ หนุ่มใหญ่ก็เลยหยิบรีโมตขึ้นมากดสวิตช์ปิดโทรทัศน์

“นี่ก็ดึกแล้ว ไปนอนกันเถอะนะปลา ลุงง่วงแล้ว” เจนรบลุกขึ้นแล้วจูงมือเด็กสาวขึ้นชั้นสอง ความจริงแล้วตอนนี้เพิ่งจะสองทุ่ม แต่ลุงจอมต้องการอะไรมากกว่านั้น เขาอยากใช้เวลากับเด็กสาวทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุด

ในตอนนั้นเอง ปวีณาเองก็รู้ดีว่าเจนรบต้องการอะไร สาวน้อยเดินตามลุงจอมขึ้นชั้นสอง ต่างฝ่ายต่างช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของกันและกันจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ต่างหยอกเย้าคลอเคลียด้วยความรักและความเสน่หาที่มีอยู่เต็มหัวใจ

“ขอลุงนะหนูปลา”

“ยังต้องขออีกเหรอคะลุงจอม”

“ก็ต้องขอซิ สุภาพบุรุษต้องไม่เอาเปรียบสุภาพสตรี”

“อร๊ายย…ลุงจอม” พอได้ยินแบบนี้ ปวีณาก็ยิ้มแก้มแดงและพยักหน้า เจนรบจึงได้ละเลียดส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของสาวน้อย ที่นอนครวญครางเสียงหวานจนน้ำเสียงพร่ามัว เมื่อใกล้ถึงแดนสวรรค์ ลูกปลาตัวน้อยแอ่นสะโพกสูงขึ้น สูงมากขึ้น ร่างกายของเธอกระตุก ก่อนที่ลุงจอมจะใช้มือรองรับแผ่นหลังของปวีณาที่อ่อนระโหยโรยแรงไม่ให้กระแทกกับเตียงนอน

“ไม่ต้องกลัวนะ ลุงจอมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราอยู่ด้วยกัน” เจนรบยิ้มหวาน ใบหน้าของหนุ่มใหญ่ชุ่มไปด้วยน้ำหวานจากถ้ำสาวของปวีณา เด็กสาวยิ้มรับ ก่อนที่เจนรบจะใช้มือแยกขาของเด็กสาวให้กว้างขึ้น และแทรกตัวเข้าไปนั่งตรงกลาง ก่อนจัดแจงท่อนเนื้อแห่งความเป็นชายเข้าไปสำรวจภายในถ้ำสาวของปวีณาที่ชุ่มฉ่ำและร้อนฉ่า

“อือ…” ปวีณาครวญครางเสียงหวาน ขณะเจนรบกำลังดุนดันแท่งทองเข้าไปสำรวจภายในร่างกายของเธอ เด็กสาวอ้าปากครวญครางหายใจรวยระริน มือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความเจ็บปนสุขสมจากรสรักที่ลุงจอมกำลังปรนเปรอให้เธอ

“อูยยย….” ความคับแน่นภายในถ้ำสาวของปวีณาสร้างความสุขให้กับเจนรบเป็นอย่างมาก หนุ่มใหญ่พยายามใจเย็นกับส่วนที่เปราะบางที่สุดของเด็กสาว เขาอยากมอบรสรักที่แสนหวานเพื่อย้ำเตือนว่าเขารักน้องปลามากเพียงใด

หน้าขาของเจนรบเปียกชื้นไปด้วยน้ำหวานจากถ้ำสาวของปวีณาที่เสร็จสมอารมณ์หมายไปแล้วก่อนหน้า แม้ภายในถ้ำสาวของลูกปลาตัวนี้จะคับแน่นและตอดรัดอย่างรุนแรง แต่ความชุ่มฉ่ำได้ช่วยให้ทุกท่วงทำนองของจังหวะรักดำเนินต่อไป ทุกรสสัมผัสภายในถ้ำสาวของปวีณา สร้างความซาบซ่านให้กับเจนรบที่ต้องเกร็งบั้นท้ายและกลั้นหายใจขณะกำลังร่วมรัก เพราะไม่อยากถึงแดนสวรรค์เร็วจนเกินไป

“ลุง…ปลาจะเสร็จอีกแล้ว!!” ปวีณาขมวดคิ้ว เกร็งตัวขณะกำลังจะถึงฝั่งฝันเป็นครั้งที่สอง “อือ….”

แล้วเจนรบก็เร่งจังหวะ เพื่อให้เขาได้ขึ้นสวรรค์พร้อมกับปวีณาหลานสาวคนสวย เจนรบทิ้งตัวนอนทับร่างของปวีณาขณะกำลังหลั่งครีมข้นสีขาวเข้าไปในกายของปวีณาที่กระตุกอย่างรุนแรง ต่างฝ่ายต่างได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า เจนรบจูบกรามของปวีณา ในขณะที่ปวีณาก็จูบปลายจมูกของเจนรบ สองลุงกับหลานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดต่างหยอกเย้า คลอเคลียด้วยความอารมณ์รักและเสน่หาอยู่เต็มหัวใจ

นั่นคือบางส่วนของเกมรักในค่ำคืนที่แสนหวานคืนนี้ เพราะหลังจากเจนรบฟื้นตัว เขาได้ทำการร่วมรักกับปวีณาในทุกท่วงท่าที่เขานึกออกและพากันขึ้นแดนสวรรค์ชั้นฟ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกจนถึงกลางดึก

“อ๊ะ…อืออออ…อืมมม” ปวีณาที่สวมบทเป็นจ็อกกี้ควบม้าให้เจนรบร้องครวญครางออกมาขณะกำลังถึงจุดสุดยอด เธอจำไม่ได้เสียแล้วว่าค่ำคืนที่แสนหวานระหว่างเธอกับลุงจอม ทั้งคู่เสร็จสมอารมณ์หมายไปแล้วกี่ครั้ง สาวน้อยทิ้งตัวลงไปนอนทับร่างของเจนรบ ที่ก็หมดสภาพไม่ต่างกัน

เตียงนอนยับยู่ยี่และสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากเหงื่อไคล แม้แอร์ภายในห้องจะเย็นสักเพียงไหนก็ไม่อาจช่วยดับไฟรักระหว่างคู่รักอย่างเจนรบและปวีณาได้ หนุ่มใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเด็กสาว พลางระดมจูบแก้มที่เปียกชื้นของปวีณาด้วยความรักที่ยังมีอยู่เต็มหัวใจ

“ขืนให้ต่ออีกยก มีหวังลุงได้ตายคาอกหนูแน่” ลุงจอมมองปวีณาตาปรือ พลางใช้มือเสยปอยผมที่ปิดหน้าของเด็กสาว

“หนูก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะลุงจอม” ปวีณายิ้มหวานมองลุงจอมตาปรือไม่ต่างกัน “หนูมีความสุขที่สุดเลย เวลาได้อยู่กับลุงจอม”

“ลุงก็เหมือนกันจ๊ะ” หนุ่มใหญ่จูบกลางหน้าผากของเด็กสาว “สักวันหนึ่ง เราสองคนจะต้องได้อยู่ด้วยกัน ลุงสัญญา”

“พูดแล้วต้องไม่คืนคำนะคะลุง” ปวีณาซบกลางอกเปลือยเปล่าของเจนรบ “หนูจะรอวันนั้นนะคะ”

ต่างฝ่ายต่างคลอเคลียด้วยความรักก่อนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย โชคดีที่วันพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ก็เลยทำให้เจนรบและปวีณาสามารถนอนตื่นสายได้ และกว่าทั้งคู่จะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงวัน เจนรบที่เป็นฝ่ายตื่นนอนขึ้นมาก่อน ก็เลยลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนเดินกลับมาปลุกปวีณาให้ตื่น และไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวกลับห้อง ทั้งคู่อยู่ในสภาพอิดโรยไม่ต่างกัน ปวีณาบ่นลุงจอมชุดใหญ่ เพราะรอยรักที่เจนรบฝากไว้ที่ต้นคอของเธอจากเกมรักที่แสนหวานเมื่อคืน ทำเอาเจนรบต้องขอโทษขอโพยสาวน้อยยกใหญ่

“เอาปลาสเตอร์ไปปิดก่อนแล้วกัน ถ้าใครถามก็บอกว่าแมลงกัดนะ” เจนรบตอบ

“แมลงบ้าอะไรละ!! ลุงนั่นแหละดูดคอหนู!!” ปวีณาค้อนใส่ลุงจอม

แม้จะอยู่ในสภาพอิดโรย แต่ทั้งคู่ก็ยังหยอกเย้ากันอย่างมีความสุขและยังยิ้มได้ เพราะยังอยากใช้เวลาที่เหลือกับปวีณาอีกหน่อย เจนรบก็เลยพาสาวน้อยไปหาข้าวกินในห้างใหญ่แถวบางกะปิ ก่อนขับรถพาเด็กสาวไปส่งที่หอพักที่อารีย์

กว่าจะถึงหอพักของลูกปลาเวลาก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองโมง สาวน้อยโบกมือลาลุงจอมที่ขับรถมาส่ง ก่อนเดินกลับเข้าไปในหอพัก โดยเจ้าตัวไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังถูกสะกดรอยตามโดยชายนิรนามคนหนึ่ง ที่กำลังซุ่มบันทึกภาพการเคลื่อนไหวของเธอด้วยกล้อง DSLR และเลนส์ชั้นดีราคาเหยียบแสน

พอกลับขึ้นห้อง ปวีณาก็นอนพักอีกสักหน่อยเพราะยังรู้สึกอ่อนเพลียจากเกมรักเมื่อคืน สาวน้อยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบ 6 โมงเย็น เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าจากภาคภูมิผู้เป็นพ่อ

“ฮัลโหล…” ปวีณาพยายามตั้งสติและพูดให้ดูเป็นปกติที่สุด “มีอะไรหรือคะพ่อ?”

“กลับมาถึงห้องยังจ๊ะลูก” ภาคภูมิถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

“กลับมาถึงแล้วค่ะพ่อ” ปวีณาตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังดูงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

“นี่นอนอยู่เหรอ?” หนุ่มใหญ่ถามลูกสาว “แล้วกลับมาถึงห้องกี่โมงจ๊ะปลา?”

“ก็….” ด้วยความอ่อนล้า เลยทำให้สมองของเด็กสาวไม่โปร่งเหมือนที่เคย ปวีณาก็เลยตอบแบบขอไปที “กลับมาเมื่อเช้าค่ะ”

“งั้นเหรอ?” ภาคภูมิตอบ “แล้วยังไงต่อลูก ทบทวนบทเรียน ได้เรื่องอะไรไหม?”

“ก็โอเคค่ะ ช่วยได้เยอะ” ปวีณาพยายามตั้งสติ “คุณพ่อไม่ต้องห่วงปลานะคะ ปลาดูแลตัวเองได้”

“แล้วพอกลับมาที่ห้องเมื่อตอนเช้า หนูปลาได้ไปไหนต่อไหม?”

“พ่อถามอะไรของพ่อคะเนี่ย?” ปวีณาเริ่มไม่สบอารมณ์ “ปลาก็พักผ่อน ทบทวนหนังสือแล้วก็ลงไปหาอะไรกินตามปกตินะคะ”

“โอเค พ่อขอโทษที พ่อกับแม่เป็นห่วงปลาก็เลยโทรมาถาม” ภาคภูมิตอบ “ไว้ถ้าวันไหนว่าง พ่อกับแม่จะลงไปเยี่ยมลูกที่กรุงเทพนะ”

“ค่ะพ่อ แล้วเจอกันค่ะ” ปวีณากดวางสายแล้วทิ้งตัวลงไปนอนต่อ ตอนแรกเธอก็รู้สึกเอะใจว่าทำไมพ่อถึงถามอะไรแปลกๆ แต่ด้วยความที่ปวีณายังมองโลกในแง่ดี ก็เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก

ตัดมาที่รีสอร์ตหรูในจังหวัดเชียงใหม่ ภาคภูมิเลื่อนแทปเล็ตดูรูปภาพที่นักสืบส่งมาให้ มันเป็นภาพของเจนรบและปวีณาตามสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งในหมู่บ้านของเจนรบ

ภาพที่ทำให้ภาคภูมิเลือดขึ้นหน้า ก็คือภาพแอบถ่ายที่เจนรบกำลังสอนปวีณาขับรถภายในหมู่บ้าน มันทำให้คนอย่างภาคภูมิโกรธจนแทบอยากจะจองตั๋วลงกรุงเทพ เพื่อจัดการคิดบัญชีกับไอ้เพื่อนทรยศที่ชื่อเจนรบซะเดี๋ยวนี้เลย

“ผมสืบข่าวของหนูปลาและคุณเจนรบมาให้แล้วนะครับ” ตัวแทนสำนักงานนักสืบคุยกับภาคภูมิทางโทรศัพท์ “ผมจำเป็นต้องพูดตามหลักฐานที่ปรากฏว่าทั้งคู่มีโอกาสที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันครับ”

แน่ล่ะ ใกล้ชิดกับลูกสาวเพื่อนซะขนาดนั้น มันไม่ใช่ในฐานะลุงกับหลานแล้ว แต่มันเป็นในฐานะคนรัก ภาคภูมิกระดกบรั่นดีย้อมใจในห้องทำงานของตัวเอง จนกระทั่งปิยะวรรณเปิดประตูเข้ามา

“ภาค!!! นี่มันอะไรกัน!!??” ในตอนแรก ปิยะวรรณดูโกรธสามีเป็นอย่างมากที่เขากินเหล้าตอนทำงานแบบนี้ “ภาคกินเหล้าเหรอ? ทำไมภาคถึงทำแบบนี้!!”

“เปิ้ล ก่อนเปิ้ลจะว่าผม ผมว่าเปิ้ลมาดูอะไรก่อนดีกว่า” ภาคภูมิโบกมือเรียกภรรยา “มาดูให้เห็นกับตาว่าลูกสาวของเรา กับแฟนเก่าของคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ มันน่าเจ็บใจนัก!!”

“ปลากับจอมนะเหรอ?” ปิยะวรรณร่นคิ้วด้วยความสงสัย แต่ไม่วายเดินเข้ามานั่งดูแทปเล็ตที่ภาคภูมิยื่นให้ภรรยาดู “ตายแล้ว!!”

มือของปิยะวรรณสั่นเทาเมื่อเลื่อนดูภาพแต่ละภาพ ภาพลูกสาวของเธอ...อยู่กับเจนรบ...ในท่าทางที่สนิทสนมเกินกว่าคำว่าลุงหลาน... ภาพเจนรบสอนลูกเธอขับรถ... ภาพที่พวกเขาเดินในห้าง... หัวใจเธอเหมือนถูกบีบ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งตกใจ ผิดหวังในตัวลูกสาว โกรธเจนรบที่ทำลายความไว้ใจ แต่ลึกๆ... ก็มีความรู้สึก... สงสาร หรือเข้าใจ... ที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก มันซับซ้อนเกินไป... ไม่จริงน่า...ปลา...จอม...ทำไมถึงทำแบบนี้...

“แฟนเก่าคุณมันจับลูกสาวเราทำเมีย!!!” ภาคภูมิกัดฟันแน่นด้วยความแค้น “มันอยากแก้แค้นผมจากเรื่องที่ผมเคยแย่งคุณมาจากมัน ผมว่าผมจะลงไปกรุงเทพ จะไปเอาเลือดชั่วของมันออกมาจากหัวของมัน!! ไอ้เพื่อนเลว!!”

“ปลา ลูกนะลูก ไม่น่าทำแบบนี้เลย!!!” ปิยะวรรณถึงกับหน้าถอดสีกับภาพที่เห็น และที่น่าตกใจที่สุดก็คือภาคภูมิที่หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์และความโกรธ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจรีสอร์ตกำหมัดแน่นด้วยความแค้นที่มันแน่นอยู่ในหัวอกของลูกผู้ชาย

ใช่ สมัยก่อนเขาเคยแย่งคนรักมาจากเจนรบ แต่นั่นก็เกิดจากฝ่ายหญิงที่ปันใจมาหาเขาเอง ความจริงแล้วเจนรบและภาคภูมิได้เคลียร์ใจจนกลับมาเป็นเพื่อนรักกันได้เหมือนเดิม ก่อนหน้านั้นเจนรบยังบอกด้วยซ้ำว่าเขาปล่อยวางเรื่องอดีตไปแล้ว และเขากำลังพบรักกับหญิงสาวปริศนา อย่างที่เขาเคยบอกกับภาคภูมิและปิยะวรรณจากการพบเจอกันเมื่อครั้งก่อน

แต่ภาคภูมิคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวปริศนาคนนั้น จะเป็นปวีณาลูกสาวของเขาเอง เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ยอมกันไม่ได้ เห็นทีเพื่อนรักต้องมาแตกหักกันอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 3 : บททดสอบของหัวใจ

    เวลาผ่านไปอีกราวสองปี น้องอุ้มบุญ กันยกร ในวัยสามขวบ กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และพลังงานอันล้นเหลือ บ้านหลังใหญ่ของเจนรบและปวีณาที่เคยมีแต่ความสงบ (หรือความหวานชื่นของคู่รัก) บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงเรียก “พ่อจ๋า” “แม่จ๋า” และเสียงวิ่งตึงตังของเจ้าตัวเล็กที่พร้อมจะสำรวจโลกกว้างตลอดเวลาเช้าวันเสาร์ เจนรบในวัยใกล้จะเกษียณอายุราชการ ถ้าหากเขารับราชการ แต่ในความเป็นจริงคือทนายความอาวุโสชื่อดังวัย 56 ปี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างเตียง“พ่อจ๋า...ตื่น...เล่น...” น้องอุ้มบุญในชุดนอนลายการ์ตูน กำลังใช้มือป้อมๆ เขย่าแขนพ่อปลุก ดวงตากลมใสแป๋วแหววไร้เดียงสา“อุ้มบุญเหรอลูก?” เจนรบลืมตาขึ้น ปากก็ยิ้มรับลูกสาว แต่ร่างกายกลับประท้วงเบาๆ ด้วยความปวดเมื่อยหลังจากโหมงานเอกสารและเตรียมตัวสำหรับรายการทีวีมาทั้งสัปดาห์ “จ๊ะลูก...พ่อตื่นแล้ว...แต่อุ้มบุญให้พ่อพักอีกแป๊บได้ไหมจ๊ะ?”“ม่ายอาววว...เล่นเยย...” เด็กน้อยไม่ยอมง่ายๆ เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียง ทิ้งตัวลงบนอกพ่ออย่างแรง“โอ๊ย!! จุกนะลูก!!” เจนรบร้องเบาๆ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ คว้าตัวลูกสาวมากอดฟัด จั๊กจี้จนเสียงห

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 2 : หนึ่งปีแห่งความสุข

    เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอเพียงชั่วพริบตาเดียว นางฟ้าตัวน้อยของบ้านทนายเจนรบและปวีณา—เด็กหญิงกันยกร หรือน้องอุ้มบุญ—ก็อายุครบหนึ่งขวบพอดิบพอดี จากทารกน้อยที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขน วันนี้กลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เริ่มตั้งไข่ หัดเดินเตาะแตะ และส่งเสียงอ้อแอ้เรียก “ป้อ” “แม่” ได้เป็นคำๆ สร้างความสุขและความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านหลังใหญ่ที่เคยเงียบเหงาได้อย่างน่าอัศจรรย์“ป้อ!! ป้อ!! แม่!!”“น่ารักน่าชังจริง ๆ ลูกพ่อ!!”“หนึ่งขวบแล้วน๊า น้องอุ้มบุญ!!”เช้าวันเกิดขวบปีแรกของน้องอุ้มบุญอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของแพนเค้กฟักทองเนื้อนุ่มที่ปวีณาตั้งใจทำให้ลูกสาวเป็นมื้อพิเศษ เจนรบนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สายตาจับจ้องมองสองแม่ลูกด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข หนึ่งปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่เชื่อว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ จากทนายความผู้เคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว มีแต่งานเป็นเพื่อน ตอนนี้เขากลายเป็น “พ่อ” เต็มตัว เป็นสามีของหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ และเป็นโลกทั้งใบของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังใช้มือเล็กๆ พยายามหยิบแพนเค้กเข้าปากอย่างเงอะงะ“ค่อย ๆ ซิจ๊ะลูกแม่ เลอะหมดแล้วเห็นไหม” ปวี

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 1 : ความสุขที่รอคอย

    พาดหัวข่าวตัวไม้บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับ และฟีดข่าวที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดีย ต่างประโคมข่าว ‘วิวาห์หวานชื่น…ทนายดังต่างวัยคว้าลูกสาวเพื่อนสนิทเข้าประตูวิวาห์’ ภาพของเจนรบ ทนายความชื่อดังขวัญใจคนยากจน วัย 54 ปี ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ยืนเคียงข้าง ปวีณา เจ้าสาวแสนสวยวัย 22 ปี ทายาทคนเล็กของนักธุรกิจรีสอร์ตหรูแห่งเชียงเหนือ ในชุดไทยล้านนาประยุกต์อันงดงาม กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพียงชั่วข้ามคืนคอมเมนต์หลั่งไหลเข้ามามากมายราวกับสายน้ำหลาก บ้างแสดงความยินดี บ้างตั้งคำถามถึงความเหมาะสม บ้างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวสูงวัยที่ได้ภรรยาสาวสวยราวกับนางฟ้ามาครองไม่ได้“อิจฉาคนแก่ว่ะ! มีดีอะไร สาวสวยถึงได้ยอมแต่งด้วย?”“สายเปย์รึเปล่า? แต่บ้านฝ่ายหญิงก็รวยนะ”“ไม่แน่...ฝ่ายชายอาจจะเกาะฝ่ายหญิงก็ได้ ใครจะรู้”“หรือว่าเขารักกันจริงๆ ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอกน่า อย่าคิดอกุศลเลย”เจนรบและปวีณาเตรียมใจรับมือกับกระแสสังคมเหล่านี้ไว้แล้ว ทั้งคู่เลือกให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงไม่กี่แห่งเท่าที่จำเป็น โดยเน้นย้ำถึงความรักความเข้าใจที่ทั้งสองมีให้กัน และการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่ได

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 10 : เข้าถ้ำเสือ

    “ทำไมหนูไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะว่าจะทำงานอยู่กรุงเทพ?” เจนรบเอ่ยปากถามปวีณา“หนูบอกแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม” ปวีณาตอบ “ลุงจะให้หนูทำยังไงละคะ?”ปวีณาบอกกับเจนรบว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ภาคภูมิและปิยะวรรณเรียกเธอกลับไป ช่วยงานธุรกิจรีสอร์ตทางบ้านที่เชียงใหม่ระหว่างรอรับปริญญาตรีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ อเมริกา เจนรบเริ่มรู้สึกว่ามันคือแผนการที่เพื่อนรักทั้งสองคิดเอาไว้ คือไม่ปฏิเสธ การคบหากันของเจนรบและปวีณา แต่จะใช้วิธีแยกให้คนทั้งคู่ห่างกันไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเจนรบและปวีณาก็ห่างจนต่อกันไม่ติดในวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ภาคภูมิส่งคนมาช่วยขนของกลับบ้านที่เชียงใหม่ และไม่เปิดโอกาสให้ปวีณาได้ร่ำลาเจนรบ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ช่วงเวลาที่แสนหวานของเจนรบและปวีณากำลังจะจบลง แต่โชคยังดีที่มีสื่อโซเชียล เลยทำให้เจนรบและปวีณาได้พูดคุยกันผ่านทางไลน์ เด็กสาวบอกกับเจนรบว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เธอไปช่วยงานธุรกิจที่บ้านระหว่างรอรับปริญญา“ลุงจอม…” ปวีณาไลน์คุยกับเจนรบ “หนูว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามกีดกันหนูจากลุง”“ไม่ต้องกลัวนะปลา” เจนรบไลน์ตอบ “ลุงจะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง ไปคุยกับไอ้ภาคและเปิ้ล ลุง

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 9 : อยากรักก็ต้องเสี่ยง

    ตอนนี้ปวีณากำลังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ในชั้นปีที่สี่ อีกแค่เพียงปีเดียวเท่านั้น สาวน้อยก็จะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี และเตรียมพร้อมสู่การเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาภาคภูมิและปิยะวรรณตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยอมเปิดทางให้เจนรบและปวีณาได้คบหากัน พอได้รับไฟเขียวจากเพื่อนรักและอดีตแฟนเก่าเช่นนั้น เจนรบก็รับปากว่าจะขอดูแลลูกปลาเป็นอย่างดี และจะรอคอยจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เมื่อถึงตอนนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองถึงจะยินยอมให้เจนรบและปวีณาได้ครองคู่กันฟังดูความรักระหว่างเจนรบและปวีณากำลังไปได้สวย แต่ว่าด้วยระยะทางและภาระหน้าที่ของแต่ละคน เจนรบวุ่นวายกับการเดินทางไปถ่ายทำรายการกฎหมายน่ารู้ทางโทรทัศน์ และล่าสุดเจนรบได้เปิดช่องยูทูบเพื่อทำเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเพื่อหารายได้เสริม ส่วนหนังสือกฎหมายที่เพิ่งตีพิมพ์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนอ่าน ด้วยภาษาเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็เลยทำให้หนังสือกฎหมายของเจนรบได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองและสามตามลำดับฝ่ายเจนรบเอง ก็ครุ่นคิดว่าช่วงนี้แทบไม่ได้เจอปลาเลย งานของเขาก็ยุ่ง ส

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 8 : เงื่อนไขของพ่อกับแม่

    หลังจากสอบเสร็จปลายภาคในช่วงชั้นปีที่สาม เจนรบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่รอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักทั้งสองอย่างตรงไปตรงมาเสียที“ลุงจอม? ไหนลุงว่าจะรอให้หนูเรียนจบปริญญาตรีก่อนไง?” ปวีณาที่กลับเชียงใหม่ไปก่อนแล้วถึงกับตกใจ เมื่อทราบข่าวว่าลุงจอมตัดสินใจจะเดินทางตามมาด้วยเพื่อพูดคุยกับภาคภูมิและปิยะวรรณถึงเรื่องขอหมั้นหมายกับเธอก่อน “ถ้าพ่อกับแม่หนูรู้ หนูตายแน่!!”“ไม่ต้องกลัวหรอก ลุงคิดว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลน่าจะมีเหตุผลพอ” เจนรบตอบ ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงต้องขึ้นเครื่องก่อน แล้วเจอกันที่เชียงใหม่นะคนดีของลุง”สุดท้ายปวีณาก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของเจนรบได้ สาวน้อยเลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับปิยะวรรณผู้เป็นแม่ ที่รับรู้ทุกอย่างและมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังเธอ“มีอะไรเหรอจ๊ะปลา?” ปิยะวรรณที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในห้องทำงานของตัวเองเอ่ยปากถามลูกสาว“เอ่อ…หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่ค่ะ” ปวีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status