Home / โรแมนติก / ปวีญา...ฉันรักเธอ / ตอนที่ 6 : ทางเลือกของชีวิต

Share

ตอนที่ 6 : ทางเลือกของชีวิต

Author: NATO87
last update Last Updated: 2025-05-30 23:36:31

เจนรบยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปตามปกติ และเขาพยายามจัดสรรเวลาในการคบหากับปวีณา ด้วยความตั้งใจว่าสักวันหนึ่งถ้าถึงเวลาเหมาะสม เขาจะเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อสู่ขอปวีณากับภาคภูมิและปิยะวรรณที่เป็นเพื่อนและแฟนเก่าของเขา

หนุ่มใหญ่ดูสดชื่นมากขึ้น จนถูกลูกน้องแซวว่าเขากำลังมีความรัก เจนรบได้แต่ยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะยังอยากให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้หัวใจของเขามีแต่น้องปลาเท่านั้น เวลาว่าง ทั้งคู่ก็พูดคุยกันทางไลน์ พอเสาร์-อาทิตย์ ถ้ามีโอกาส เจนรบและปวีณาก็นัดพบกันเพื่อไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และบางครั้งปวีณาก็ไปนอนค้างที่บ้านของเจนรบอีกด้วย

“เราจะต้องหลบซ่อนสถานะของเราสองคนแบบนี้อีกนานไหมคะลุงจอม?” ปวีณาเอ่ยปากถามเจนรบ

“อีกไม่นานหรอก” เจนรบตอบ “ถ้าหนูเรียนจบเมื่อไร ลุงจะไปสู่ขอหนูกับไอ้ภาคและเปิ้ลนะ แล้วมาทำงานกับลุงนะ ลุงอยากมีเลขาส่วนตัวอยู่พอดีเลย”

“ลุงก็!!!” ปวีณายิ้มเขิน “หนูคงช่วยอะไรลุงไม่ได้หรอก หนูไม่ได้เก่งแบบลุงนะ”

“เชื่อลุงเถอะ ลุงว่าหนูช่วยลุงได้มากแน่” เจนรบยิ้มหวาน “หนูเป็นคนเก่ง เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ความรู้ และความสามารถแบบนี้ นะจ๊ะ มาเป็นเลขาส่วนตัว มาเป็นแม่ศรีเรือนของลุงนะน้องปลา”

“ลุงเป็นคนปากหวานมากเลยอ่ะ ชมซะจนหนูตัวลอยเลยนะ” ปวีณายิ้มหวานจนเห็นแผงฟันขาว เจนรบก็โอบศีรษะของสาวน้อยแล้วจูบกลางหน้าผากของเธออย่างมีความสุข “ค่ะ…ตามนั้น”

เป็นคำสัญญาที่เจนรบให้กับปวีณา ว่าทั้งคู่จะต้องได้อยู่ร่วมกันอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าอะไรมันไม่ได้ดูง่ายดายอย่างที่คาดฝัน เพราะปวีณาเองก็ถูกคาดหวังจากพ่อและแม่ว่าอยากให้เธอไปเรียนต่อที่เมืองนอกเมืองนาเพื่อให้กลับมาช่วยงานธุรกิจที่บ้านในอนาคต

แล้วสิ่งที่เจนรบกลัวก็เริ่มก่อตัว เมื่อภาคภูมิและปิยะวรรณกำลังสงสัยในความสัมพันธ์ของเจนรบและปวีณา จากการที่มีคนรู้จักไปเจอทั้งคู่เดินด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้า ภาคภูมิไม่ใช่คนโง่ เขาเคยแย่งปิยะวรรณมาจากเจนรบ เขาจึงไม่แปลกใจว่าเจนรบอาจคิดแก้แค้นพวกเขาอยู่เช่นกัน

หลังจากเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าราวสองอาทิตย์ ภาคภูมิที่เคลียร์ธุระส่วนตัวที่เชียงใหม่เสร็จ ได้ตัดสินใจเดินทางลงมาที่กรุงเทพเพียงคนเดียว โดยมีเพียงแค่ปิยะวรรณเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเพราะภาคภูมิต้องการแน่ใจว่าเจนรบกับปวีณากำลังแอบคบหากันจริงหรือไม่

พอเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง ภาคภูมิโทรศัพท์หาเจนรบ เพื่อขอนัดพบตามภาษาเพื่อนฝูง แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น จากหลักฐานที่นักสืบส่งมาให้ มีแนวโน้มว่าเจนรบกับปวีณามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริง

“ฮัลโหล ไอ้จอม สบายดีไหมมึง?”

“เออ สบายดี มีอะไรวะไอ้ภาค?”

“กูลงมาทำธุระที่กรุงเทพ มึงว่างป่ะ กูมีอะไรอยากจะคุยกับมึงหน่อย”

“เรื่องอะไรของมึงวะไอ้ภาค?” เจนรบถาม

“เรื่องสำคัญบางอย่าง กูอยากจะพูดกับมึงเป็นการส่วนตัว” ภาคภูมิตอบไปตามตรง จนเจนรบรู้สึกได้ว่ามันคงเป็นเรื่องสำคัญ “กูอยากคุยกับมึงให้เร็วที่สุด”

แล้วเจนรบก็ตอบตกลง ว่าจะมาเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวห้าแยกลาดพร้าว ภาคภูมิที่มาถึงก่อนนั่งละเลียดกาแฟระหว่างรอเจนรบตามมาสมทบทีหลัง

“ไงไอ้ภาค มีอะไรจะคุยกับกูวะ?” เจนรบเดินสะพายกระเป๋าหนังสีดำมาทักทายเพื่อนรักที่กำลังนั่งละเลียดกาแฟอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าดัง

“นั่งก่อนซิวะไอ้จอม” ภาคภูมิวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “อยากดื่มอะไรก็สั่งมา กูมีเรื่องต้องคุยกับมึงเป็นการส่วนตัวเยอะเลย”

“ขอเอสเปรสโซ่ครับ” เจนรบสั่งเครื่องดื่มกับบริกร

“ชอบดื่มอะไรเข้มๆ ตลอดเลยนะมึง” ภาคภูมิยิ้ม

“มีอะไรก็ว่ามาซิไอ้ภาค” เจนรบถาม “มึงมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับกูวะ?”

“เดี๋ยวก่อนซิ กูอยากคุยเรื่องอื่นก่อน” ภาคภูมิตอบ “เป็นไงบ้าง ชีวิตมึงช่วงนี้ โอเคไหม?”

“ก็เรื่อยๆ ว่ะ” ทนายความพยักหน้า หนุ่มใหญ่เริ่มรู้สึกว่าภาคภูมิต้องมีอะไรบางอย่างเก็บซ่อนอยู่ในใจอย่างแน่นอน

พอบริกรเอากาแฟมาเสิร์ฟให้เจนรบบนโต๊ะแล้ว ภาคภูมิก็ให้เพื่อนรักได้ละเลียดรสชาติเข้มข้นของกาแฟ ก่อนเริ่มเปิดประเด็นสำคัญ

“เอาละ กูว่ากูต้องเริ่มเปิดประเด็นแล้ว” ภาคภูมิประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะ “ไอ้จอม กูอยากจะคุยเรื่องนี้กับมึงมาก เป็นเรื่องสำคัญที่กูต้องพูดกับมึง และนี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะพูดเรื่องนี้”

“เรื่องอะไรของมึงไอ้ภาค?” เจนรบร่นคิ้ว

“เรื่องลูกสาวกู”

“กูบอกแล้วไง กูกับหนูปลาไม่ได้มีอะไรกัน มึงเข้าใจผิดแล้ว”

“มึงยังจะโกหกกูอีกเหรอไอ้จอม” ภาคภูมิย้อนถาม “เมื่อสามสิบปีก่อน กูยอมรับว่ากูผิด ที่ไปแย่งเปิ้ลมาจากมึง ถึงเปิ้ลจะบอกว่าตัวเองเป็นคนปันใจมาจากมึงเอง กูอยากให้มึงพูดออกมาตามตรง ไม่ต้องมาโกหกกัน ถ้ามึงยังเห็นว่ากูเป็นเพื่อนอยู่”

“กูไม่คุยเรื่องนี้ว่ะไอ้ภาค” เจนรบพยายามปฏิเสธ

“มึงต้องพูดว่ะไอ้จอม!!” ภาคภูมิขึ้นเสียง จนลูกค้าโต๊ะอื่นหันมามอง นักธุรกิจจากภาคเหนือจึงได้ลดโทนเสียงให้เบาลงอีกหน่อย “กูมีหลักฐานว่ามึงกับลูกสาวกูอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เลิกเอาความเป็นทนายมาคุยกับกูซะไอ้จอม เอาความเป็นลูกผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษมาคุยกันดีกว่า”

แล้วภาคภูมิก็หยิบเอาภาพถ่ายของเจนรบและปวีณาจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะ ภาพเหล่านั้นทำให้เจนรบหน้าถอดสีด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าภาคภูมิจะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและปวีณา

“ไอ้ภาค…” เจนรบส่งรูปภาพคืนให้เพื่อนรัก “กูขอโทษ มาถึงจุดนี้กูคงปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

“ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้จอม?” ภาคภูมิย้อนถามถึงศีลธรรมในตัวของเจนรบ “นั่นมันลูกสาวกูนะ ลูกปลาเป็นลูกสาวกูกับเปิ้ล มึงทำแบบนี้ มึงต้องการล้างแค้นกูกับเปิ้ลใช่ไหม?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น…” เจนรบตอบ “กูกับน้องปลา เรารักกัน”

“มึงกับน้องปลารักกัน มึงกล้าพูดได้ไงวะ?” ภาคภูมิแสยะยิ้ม “นั่นลูกสาวกูนะ น้องปลายังเด็ก ยังไม่มีวิจารณญาณพอจะตัดสินว่าเรื่องไหนเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่มึง มึงเป็นผู้ใหญ่ มึงทำแบบนี้กับลูกสาวกูเหรอ!!!”

“กูขอโทษเพื่อน” เจนรบหมดสภาพต่อสู้ “กูรักลูกสาวมึงว่ะ ไอ้ภาค”

“รักลูกสาวกู…” ภาคภูมิจ้องหน้าเจนรบตาขวาง “ก็เลยเอาลูกสาวกูเป็นเมียว่างั้น!! ไอ้แม่ย้อย!!”

“กู…กูไม่รู้จะพูดอะไรวะไอ้ภาค” ทนายความสารภาพ “แต่กู กูรักน้องปลา กูยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ถ้ามึงให้โอกาส กูสัญญาว่ากูจะดูแลน้องปลาให้ดีที่สุด”

“ก็ยังดี…” ภาคภูมิเอนตัวพิงเก้าอี้ “ที่มึงกล้ายอมรับความจริงแบบลูกผู้ชาย แต่กูคงยอมให้มึงกับน้องปลารักกันไม่ได้ว่ะ กูทำใจไม่ได้ที่อยู่ดีๆ จะมีเพื่อนอย่างมึงเป็นลูกเขย มึงเข้าใจความรู้สึกกูตรงนี้ใช่ไหม?”

“กูเข้าใจ…” เจนรบถอนหายใจ “ยังไงมึงกับเปิ้ลคงไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ได้”

“ไอ้จอม ลูกสาวกูปีนี้อายุ 20 อีกไม่กี่ปีข้างหน้า น้องปลาจะเรียนจบและต้องไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก กูอยากให้ลูกสาวกูมีอนาคตที่ดี และได้เจอผู้ชายที่เหมาะสม ทั้งความรู้ วัยวุฒิ และฐานะ” ภาคภูมิอธิบาย “มึงเป็นคนดีนะไอ้จอม กูมั่นใจว่ามึงน่ะจะดูแลลูกสาวกูได้ แต่ปัญหาคือ มึงเป็นเพื่อนกู แล้วมึงกับกูตอนนี้อายุเท่าไร อีกสิบปีข้างหน้าลูกสาวกูจะมีอายุ 30 เธอจะเป็นสาวสวยสะพรั่ง แต่กูกับมึงจะมีอายุ 62 เราจะเป็นเพียงแค่ไอ้แก่ที่หมดสภาพ มึงไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวเหรอวะ ที่น้องปลาต้องมาดูแลคนแก่อย่างมึง กูอยากให้ลูกสาวของกูได้เจอคนที่ดีและหนุ่มแน่นกว่านี้ แล้วมึงลองคิดดูนะไอ้จอม ถ้าเกิดมึงกับน้องปลามีลูกด้วยกัน มึงไม่สงสารลูกมึงที่เกิดมาเหรอวะ? มึงจะมีเวลาอยู่บนโลกกับน้องปลาและลูกสาวมึงอีกกี่ปี? กูไม่รู้มึงคิดยังไงนะ แต่กูยอมให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้”

คำพูดของภาคภูมิมันแทงใจดำอย่างจัง... จริงอย่างที่มันว่า อีกสิบปีข้างหน้าเขาก็คงเป็นแค่ตาแก่คนหนึ่ง ในขณะที่ปลาเพิ่งจะสามสิบ... เธอสมควรจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ คนที่หนุ่มแน่นพอจะอยู่เคียงข้างเธอไปได้นานกว่าเขา... ความกลัวที่เคยผลักไสเธอไปในตอนแรก มันย้อนกลับมาตอกย้ำอีกครั้ง... บางที การปล่อยเธอไปตอนนี้ อาจจะเป็นการทำเพื่อเธอจริงๆ ก็ได้ แม้ว่ามันจะทำให้เขาเจ็บปวดแทบขาดใจก็ตาม

“พูดอีกก็ถูกอีก…” เจนรบยอมรับ “กูไม่มีอะไรจะโต้แย้ง”

“ก็ดี…” ภาคภูมิหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแก้กระหาย “งั้นกูขอเลยนะไอ้จอม เลิกติดต่อกับลูกสาวกูตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ถ้ามึงยังไม่เลิก เราคงได้เห็นดีกัน”

ภาคภูมิลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจจากภาคเหนือหันมาพูดบางอย่างกับเจนรบ

“กูพูดทุกอย่างเคลียร์แล้ว หวังว่ามึงคงเข้าใจนะ” ภาคภูมิจ้องหน้าเพื่อนรักที่นั่งอยู่อย่างเอาเรื่อง “แล้วกูก็หวังว่ากูกับมึงคงไม่เจอหน้ากันอีกนะ”

เจนรบได้แต่นั่งเงียบครุ่นคิดถึงสิ่งที่ภาคภูมิพูด ทุกอย่างมันก็จริงในมุมของไอ้ภาคมัน เจนรบคิด เป็นเขาเองที่ผิดเอง ที่ไม่หักห้ามใจให้มากกว่านี้ จนพาตัวเองและน้องปลามายืนในจุดนี้ ถ้าแบบนั้นแล้ว บางทีเขาคงต้องแก้ไขในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ใช่เพราะใคร แต่เพื่อน้องปลานั่นเอง

ในคืนนั้น เจนรบได้พูดคุยกับปวีณาทางโทรศัพท์ ตอนแรกเขาเองก็อยากจะตัดการติดต่อจากเด็กสาว เพียงแต่เขาประเมินสถานการณ์ดูแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกปลาสามารถมาหาเขาได้ ณ ที่ทำงาน และเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวมันบานปลาย เจนรบจึงตัดสินใจเปิดใจคุยกับปวีณาอย่างตรงไปตรงมาในคืนนั้น

นิ้วที่กดเบอร์โทรศัพท์สั่นเทา หัวใจบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย ไม่อยากทำร้ายหัวใจของเธอ... แต่เขาต้องทำ... เพื่ออนาคตของปลา... เขาต้องใจแข็ง...

“ลุงคิดว่าเราจำเป็นต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วล่ะนะปลา….”

“ลุงจอมหมายความว่ายังไงคะ?” ปวีณาถาม “ปลางงไปหมดแล้ว”

“ลุงคิดว่าเราเลิกกันเถอะ” เจนรบตอบ

“อะไรนะ?” น้ำเสียงของสาวน้อยเริ่มสั่นเครือ “ลุง…ลุงพูดอะไรของลุง?”

“เราเลิกกันเถอะ อย่ามาติดต่อพบเจอกันอีก” เจนรบจำใจต้องพูดทั้งน้ำตา

“ไม่จริง!! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลุงอยากจะพูดออกมา มันต้องมีอะไรที่หนูไม่รู้” ปวีณาตอบ “เรื่องพ่อกับแม่หนูใช่ไหมคะลุงจอม?”

“มันไม่เกี่ยวกับไอ้ภาคและก็เปิ้ล” ทนายความตอบทั้งน้ำตา “ลุงแค่เบื่อ ลุงเบื่อหนูแล้วปลา ลุงเบื่อหนูเต็มทนแล้ว!!! ที่ผ่านมาลุงแค่แกล้งทำว่ารักหนูไปแบบนั้นแหละ อย่ามายุ่งกับชีวิตลุงอีก ลุงมันแก่แล้ว หูตามันกำลังจะฝ้าฟาง เด็กสาวอย่างหนูไม่ควรมาเสียเวลากับลุง!!”

ทุกคำที่พูดออกไปเหมือนมีดกรีดหัวใจตัวเอง เขาต้องฝืนพูดคำโกหกที่โหดร้ายที่สุด เพื่อให้เธอตัดใจ เพื่อให้เธอเกลียดเขา... มันเจ็บปวดเหลือเกิน แต่เขาต้องทน... ขอโทษนะปลา... ลุงขอโทษจริงๆ...

คำว่า 'เบื่อ' มันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ปวีณาน้ำตาร่วงเผาะ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง... ลุงจอมที่เคยอ่อนโยน ที่เคยบอกรักเธอ ทำไมถึงพูดจาทำร้ายกันได้ขนาดนี้... ไม่จริง... มันต้องไม่ใช่แบบนี้... หรือว่า... หรือว่าพ่อมาคุยอะไรกับลุงจอม? ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นท่ามกลางความเสียใจ

“เหรอคะ? ที่ผ่านมาลุงแค่แกล้งทำว่ารักปลาใช่ไหม?” เสียงสะอื้นของปวีณาดังเล็ดลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ของเจนรบ “หนูว่ามันต้องเกี่ยวกับพ่อและแม่ของหนูแน่ๆ เลย ลุงจอม ลุงไม่ต้องมาโกหกหรอก ถ้าลุงอยากจะเลิกก็บอกมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อมค้อม!!”

“ลุงจำเป็นต้องทำนะปลา” น้ำเสียงของเจนรบเริ่มสั่นเครือ “ลุงอยากให้หนูได้มีอนาคตที่ดี”

“ทำไมคนนั้นคนนี้ต้องมาตัดสินอนาคตหนูด้วย ทั้งพ่อกับแม่ และตอนนี้ก็เป็นลุงอีกคน!!” ปวีณาตัดพ้อ “ความสุขของหนูคือการได้อยู่กับลุง ได้ดูแลลุง แต่ในเมื่อลุงไม่ต้องการปลาอีกต่อไป ก็ได้ค่ะ ปลาจะไปจากชีวิตลุงเอง!!”

แล้วปวีณาก็กดตัดสายเจนรบทิ้งทั้งน้ำตา หนุ่มใหญ่และสาวน้อยต่างปล่อยโฮออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย

ทันทีที่กดวางสาย กำแพงที่พยายามสร้างไว้ก็พังทลาย เจนรบทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น... เขาเพิ่งทำลายหัวใจของผู้หญิงที่เขารักที่สุด และทำลายหัวใจของตัวเองไปพร้อมกัน... โลกของเขากลับไปมืดมนอีกครั้ง

“ลุงรักปลานะ/หนูรักลุงจอม” ทั้งคู่ต่างพูดในสิ่งที่หัวใจตนเรียกร้อง ในวันที่ความรักต้องห้ามนี้จบลง

หลายเดือนผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เจนรบก็กลับมาเป็นหนุ่มใหญ่ที่เคร่งขรึมและจริงจังไปเสียทุกอย่างอีกครั้ง ในขณะที่ปวีณาก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ตอนนี้เธอขึ้นสู่ชั้นปีที่สามของคณะนิเทศศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นปวีณาก็จบการศึกษา ภาคภูมิรู้สึกพึงพอใจมาก ที่เจนรบทำตามที่ตนเองร้องขอ เว้นเสียแต่ปิยะวรรณ ที่สังเกตว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านดูเศร้าสร้อยและชอบเหม่อลอยเสมอ ทุกอย่างรอบตัวดูว่างเปล่า เสียงหัวเราะที่เคยมีเหือดหายไป เหลือเพียงความเงียบและความเจ็บปวดที่เกาะกินหัวใจ เธอพยายามจะเข้มแข็ง พยายามจะเข้าใจเหตุผลที่ลุงจอมบอก... แต่ทำไมมันถึงเจ็บแบบนี้นะ... เจ็บจนไม่อยากจะทำอะไรอีกต่อไป

ปิยะวรรณมองลูกสาวด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เธอรู้ดีว่าปลาเสียใจเรื่องอะไร... สงสารลูกจับใจ แต่ก็เข้าใจเหตุผลของสามี... และลึกๆ เธอก็อดสงสารเจนรบไม่ได้เช่นกัน... เวรกรรมมันมีจริงสินะ... สิ่งที่เราเคยทำไว้กับจอมเมื่อสามสิบปีก่อน มันกำลังย้อนกลับมาหาลูกของเรา

“คิดอะไรอยู่เหรอลูกแม่?” ปิยะวรรณเดินเข้ามาถามความรู้สึกของลูกสาวที่ยืนเหม่ออยู่ริมระเบียงบ้าน

“ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องค่ะ” ปวีณาหันไปยิ้ม

“เหรอจ๊ะ? ไม่ใช่ว่าคิดถึงหนุ่มคนไหนที่กรุงเทพหรอกเหรอ?” ปิยะวรรณแกล้งถามเล่น

“ไม่มีหรอกค่ะแม่…” ปวีณาตอบ “หนูยังไม่คิดเรื่องแฟน”

“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว” ปิยะวรรณโอบกอดลูกสาวด้วยความรัก เธอรู้มาจากปากของภาคภูมิที่เป็นสามีว่าเขาไปคุยเรื่องนี้กับเจนรบด้วยตัวเอง แน่นอนว่าปิยะวรรณก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ภาคภูมิเสนอให้เจนรบ แต่บางครั้งปิยะวรรณก็อดสงสารลูกสาวไม่ได้ และอาจจะรวมไปถึงตัวเจนรบด้วยเช่นกัน

ปิยะวรรณรู้ดีว่าตัวเองมีส่วนผิด เพราะปันใจไปหาภาคภูมิ จนทำให้คนที่มีความรักจริงอย่างเจนรบต้องช้ำใจ และเลือกครองตนเป็นโสดอยู่นานถึง 30 ปี บางทีถ้าเจนรบได้เจอกับผู้หญิงที่ดีคนอื่น เธออาจจะยินดีไปกับอดีตคนรักเก่า แต่นี่กลับเป็นปวีณา ลูกสาวของเธอและภาคภูมิ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

“แม่คะ หนูถามอะไรหน่อยได้ไหม?” ปวีณาหันไปมองหน้าปิยะวรรณ

“มีอะไรจะถามแม่เหรอ น้องปลา?” ปิยะวรรณยิ้มหวานให้ลูกสาว

“แม่รักพ่อเพราะอะไรคะ?” คำถามนี้ทำเอารอยยิ้มของปิยะวรรณเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

“ปลา…” อดีตดาวคณะอักษรศาสตร์เรียกชื่อลูกสาวด้วยความตกใจ “ถามอะไรของลูกเนี่ย?”

“หนูแค่อยากรู้ว่าแม่รักพ่อเพราะอะไร?” ปวีณาย้ำคำถามอีกครั้ง “บอกหนูหน่อยได้ไหมคะแม่”

เธอเล่าความจริงในมุมของเธอให้ลูกฟัง หวังว่ามันจะช่วยให้ปลาเข้าใจอะไรมากขึ้น... แม้จะรู้สึกผิดต่อเจนรบอยู่เสมอ แต่เธอก็ไม่เคยเสียใจที่เลือกภาคภูมิ... ความรักมันซับซ้อนเสมอ และตอนนี้ เธอก็ได้แต่หวังว่าลูกสาวของเธอจะผ่านมันไปได้

“แค่นั้นเองเหรอคะ?” ปวีณาถาม “หนูแค่สงสัยว่า การที่แม่เปลี่ยนใจจากลุงจอมมารักพ่อ มันน่าจะมีเหตุผลอะไรที่มากกว่าการที่พ่อเป็นคนดี เพราะหนูคิดว่าลุงจอมเองก็เป็นคนดีไม่ต่างจากพ่อเลย”

“ปลา…” คำพูดของลูกสาวทำให้ปิยะวรรณถึงกับหน้าซีดเผือด สาวใหญ่ควรจะตอบลูกสาวแบบไหนดีนะ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่ปิยะวรรณยังเป็นสาวสวยประจำคณะอักษรศาสตร์ เธอคบหากับเจนรบที่เป็นเดือนคณะนิติศาสตร์ ทั้งคู่เป็นคู่รักตัวอย่างที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยชื่นชมด้วยความหล่อและสวยบวกกับความสามารถ ทำให้ทุกคนคาดหวังว่าเจนรบและปิยะวรรณจะได้แต่งงานกันหลังเรียนจบ แต่สายตาของปิยะวรรณกลับไม่ได้มองแค่เจนรบเพียงคนเดียว สายตาของหญิงสาวแบ่งปันไปยังภาคภูมิ ที่แอบมองเธออยู่ไม่ไกล โดยที่เจนรบไม่มีทางรู้ตัว

ปิยะวรรณไม่ชอบเวลาที่เจนรบยืนสูบบุหรี่ เธอเกลียดผู้ชายสูบบุหรี่ เพราะพ่อของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด หญิงสาวพยายามห้ามแฟนหนุ่ม แต่กลับถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไม่มีเยื่อใย

“ก็เราเป็นผู้ชายอ่ะเปิ้ล ผู้ชายก็ต้องกินเหล้าสูบบุหรี่บ้างซิ เวลาผู้ชายเข้าสังคมกันมันก็ต้องมีบ้างเถอะ”

“แล้วภาคล่ะ ภาคก็เป็นผู้ชาย เปิ้ลไม่เห็นภาคสูบบุหรี่เลย อย่างมากก็กินแค่เหล้าเวลาเข้าสังคม”

“นั่นมันไอ้ภาค ไม่ใช้จอมสักหน่อย” เจนรบตอบ จนทำให้ปิยะวรรณรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง บางครั้ง ปิยะวรรณก็อยากให้เจนรบมีมุมอ่อนโยน โรแมนติกบ้าง เวลาที่ภาคภูมิหยิบกีตาร์ขึ้นมาร้องเพลงเล่น หญิงสาวรู้สึกว่าภาคภูมิดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ในขณะที่เจนรบกลับนั่งเคร่งเครียดกับตำราเรียนกฎหมายมากเกินไป จนบางครั้งเขาก็ไม่มีเวลาเอาใจแฟนสาวเท่าที่ควร

“ภาคเล่นกีตาร์เก่งนะจอม” ปิยะวรรณหันไปมองภาคภูมิที่ยืนเล่นกีตาร์ในงานโอเพ่นเฮาส์ของมหาวิทยาลัย “จอมน่าจะหัดร้องหัดเล่นกีตาร์บ้างนะ”

“ไม่เอาอ่ะเจ็บนิ้ว แล้วก็ไม่รู้จะหัดไปเพื่ออะไรด้วย” เจนรบปฏิเสธ “เราอยากเอาเวลามาอ่านหนังสือทบทวนตำรามากกว่า เราตั้งใจเรียนแล้วจบมาเป็นทนาย เพื่อจะได้ดูแลเปิ้ลไง เปิ้ลว่าไม่ดีกว่าเหรอ?”

“อืม…” ปิยะวรรณได้แต่ถอนหายใจ เธออยากให้เจนรบมีมุมโรแมนติกแบบภาคภูมิบ้าง

สำหรับปิยะวรรณแล้ว เธอคิดว่าภาคภูมิดูมีเสน่ห์มากกว่าเจนรบ ภาคภูมิอาจไม่ได้มีผลการเรียนโดดเด่นเท่าเจนรบก็จริง แต่ในด้านกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือดนตรี ภาคภูมิเหนือกว่าเจนรบอย่างเห็นได้ชัด

ตัดมาที่ปัจจุบัน ปิยะวรรณคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต เพื่อเรียบเรียงหาคำตอบที่ดีที่สุดให้แก่ลูกสาวที่ยืนฟังอยู่

“แม่จะตอบให้ก็ได้” ปิยะวรรณยิ้ม เธอเอื้อมแขนจับไหล่ของลูกสาว “สาเหตุที่แม่เลือกพ่อ แทนที่จะเป็นลุงจอม เพราะอะไรรู้ไหม?”

“เพราะอะไรคะ?” ปวีณาตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบของแม่

“เพราะพ่อของลูกดูอ่อนโยนและผ่อนคลายกว่าลุงจอมยังไงล่ะ” ปิยะวรรณตอบ “ลุงจอมน่ะเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะ เพียงแต่แม่รู้สึกว่าการอยู่กับลุงจอม สำหรับแม่มันอึดอัดเกินไป เพราะจอมเป็นคนที่คาดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่างไว้สูงมาก จนแม่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดีสำหรับลุงจอมได้”

“งั้นเหรอคะ?” ปวีณาพยักหน้า เธอรู้สึกคล้อยตามในสิ่งที่แม่ของเธอพูด เพราะตลอดเวลาที่เธออยู่กับลุงจอม เธอรู้สึกว่าลุงจอมดูจริงจังและซีเรียสจนเกินไป ถึงแม้ภายหลังเจนรบจะดูผ่อนคลายลงเวลาอยู่กับเธอก็ตาม

“แม่เองก็รู้สึกเสียใจนะ ที่เป็นคนหักอกลุงจอมมาหาพ่อของลูก” ปิยะวรรณสารภาพตามตรง “แต่ความรักมันก็แบบนี้ บางครั้งผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการรักผู้ชายที่ดีที่สุด แต่เราแค่ต้องการรักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นมากที่สุด อยู่แล้วสบายใจที่สุด ก็เท่านั้นเอง”

“คุยอะไรกันอยู่เหรอสองสาว?” ภาคภูมิที่แอบยืนฟังเข้ามาแทรกขัดจังหวะ “เปิ้ล ปลา พ่อว่าเย็นนี้เราไปหาข้าวเย็นกินกันข้างนอกดีกว่า”

“คุณ!? มาตอนไหนเนี่ย?” ปิยะวรรณตกใจที่ภาคภูมิปรากฏตัวโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

“ก็ได้สักพักแล้ว” ภาคภูมิยิ้ม “แอบฟังสองสาวนินทาพ่ออยู่น่ะ”

“นิสัยไม่ดีเลยนะคุณ!!” ปิยะวรรณค้อนใส่ภาคภูมิผู้เป็นสามีที่เดินเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง “ไม่ต้องมาประจบเลย!!”

“มาเถอะสองสาว ไปหาข้าวเย็นกินกันข้างนอกบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศ” ภาคภูมิยิ้มหวาน “นะ พ่อหิวแล้ว ไปกันเถอะ”

สำหรับปวีณาแล้ว ภาคภูมิอาจดูเป็นพ่อที่เข้มงวด แต่ความจริงแล้วเขาคือแฟมิลี่แมน ที่ดูแลปิยะวรรณและเธอเป็นอย่างดี แทบเรียกได้ว่าภาคภูมิไม่เคยทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจเลยแม้แต่น้อย อย่างที่แม่เธอพูดนั่นแหละ ผู้หญิงไม่ได้รักใครสักคนที่เขาเป็นคนดี แต่รักเพราะอยู่กับเขาและสบายใจ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขกว่า เธอคิดว่าหากแม่ของเธออยู่กับลุงจอม เธอคงไม่ได้เกิด และแม่ของเธอคงไม่มีความสุขเท่ากับที่อยู่กับพ่อของเธออย่างภาคภูมิ

ภาคภูมิพาปิยะวรรณและปวีณามากินข้าวที่ร้านภัตตาคารหรูย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ ขากลับปวีณาขออาสาเป็นคนขับรถให้ ทำให้คู่สามีภรรยาเริ่มสงสัยมากขึ้น

“ไปแอบฝึกหัดขับรถตอนไหนเหรอ?” ภาคภูมิถามลูกสาวอย่างอารมณ์ดี แต่ความจริงเขาพอเดาออกอยู่แล้วว่าเจนรบเป็นคนสอนขับรถให้

“หัดกับเพื่อนค่ะ” ปวีณาตอบ เธอโกหกเพราะคิดว่าพ่อของเธอยังไม่รู้ความจริง ภาคภูมิยิ้มให้ลูกสาว และเริ่มเกริ่นถึงเรื่องอนาคตทางการศึกษาของปวีณา

“อีกหนึ่งปีก็จะจบปริญญาตรีแล้วซินะปลา” ภาคภูมิเอ่ยปาก “ตัดสินใจหรือยังว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน?”

“อเมริกาค่ะ” ปวีณาตอบ “หนูอยากไปเรียนที่อเมริกา”

“ดีแล้ว” นักธุรกิจรีสอร์ตพยักหน้า “พ่อกับแม่รอคอยความสำเร็จของลูกอยู่นะ”

ปวีณายิ้มรับ ขณะกำลังก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็นต่อไป ปิยะวรรณขมวดคิ้วใส่ภาคภูมิ เพราะไม่เห็นด้วยที่สามีไปชวนลูกคุยเรื่องซีเรียสแบบนี้ตอนมื้อเย็น ความจริงแล้วภาคภูมิเองก็หวังดีกับปวีณา เพียงแต่เขาต้องการมั่นใจว่าลูกสาวของเขากับเจนรบจะห่างกันด้วยระยะทาง เพราะนักสืบแอบมารายงานว่าพบความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ที่เหมือนยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่

ครั้งหนึ่งปวีณาเคยเดินทางไปที่สำนักงานทนายความของเจนรบ แต่เจนรบติดธุระด้านนอก ทั้งสองเลยไม่ได้เจอกัน ส่วนเจนรบเอง ก็เคยแอบแวะมาที่หน้ามหาวิทยาลัย เพื่อดักเจอหนูปลา เพียงแต่เจนรบเลือกไม่ปรากฏตัว เพราะไม่อยากให้เด็กสาวลำบากใจ

“คือคุณจะมาทำตัวหัวหมอแบบนี้ไม่ได้นะ การที่เจ้าบ้านไม่ได้มาดูแลที่ดิน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาอ้างสิทธิ์ให้อีกฝ่ายมาเปิดทางภาระจำยอม คุณก่อสร้างตึกหันมาทางที่ดินของอีกฝ่าย ทั้งที่หน้าบ้านคุณติดถนนใหญ่ ผมมองว่าคุณมีเจตนาไม่บริสุทธิ์”

เจนรบออกโรงว่าความให้ฝ่ายโจทก์ในชั้นศาลอย่างออกรส หลังจากที่ฝ่ายจำเลยพยายามรุกล้ำที่ดินของอีกฝ่าย โดยอ้างว่าตนเองไม่มีเส้นทางออกสู่ถนนใหญ่

“ทนายเจนรบ คุณไม่มีสิทธิ์มาว่ากล่าวหาลูกความผมนะครับ!!!” ทนายความฝ่ายจำเลยลุกขึ้นมากลางศาล

“ผมไม่ได้กล่าวหา ผมพูดตามข้อเท็จจริง!!” เจนรบโต้แย้ง “ศาลที่เคารพครับ ลูกความของผมเคยทำเรื่องขอรังวัดที่ดินไปแล้วเมื่อสองปีก่อน แน่นอนว่าทางฝ่ายโจทก์ได้มีการบันทึกภาพหมุดที่แบ่งเขตที่ดินไว้แล้ว คือฝ่ายจำเลยจะมาอ้างว่าฝ่ายโจทก์ไม่มาดูแลที่ดินคงเป็นไปไม่ได้”

เจนรบเดินหน้าว่าความให้ฝ่ายโจทก์จนได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ก่อนหน้านั้นทนายฝ่ายจำเลยเคยพยายามเจรจากับเขาเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะเขาไม่อยากเสียประวัติเพราะแพ้คดี และฝ่ายจำเลยเองก็ลงทุนไปมากกับอพาร์ทเมนต์ที่สร้างขึ้นมา แต่เจนรบเลือกปฏิเสธกลับไป เพราะเขาไม่สามารถทรยศต่อลูกความและอาชีพของเขาได้

“คุณกำลังทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากนะเจนรบ” ทนายความฝ่ายจำเลยยืนเผชิญหน้ากับเจนรบ หลังศาลมีคำสั่งตัดสินให้ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ชนะ “ความจริงเรื่องนี้เราน่าจะหาทางออกร่วมกันได้โดยไม่มีใครต้องแพ้”

“คุณมาเป็นทนายความ เพราะสนแค่เรื่องแพ้ชนะหรอกเหรอ?” เจนรบในชุดครุยทนายความหันไปถาม “แต่สำหรับผม ผมไม่ใช่ ผมมาเป็นทนาย เพื่อช่วยเหลือคนยากจนและยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ขอโทษนะ อุดมการณ์ของผมกับคุณมันต่างกัน”

เจนรบเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจนได้รับคำยกย่องจากชาวบ้าน และในระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับจากชลบุรีมุ่งตรงสู่กรุงเทพอยู่นั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อมีชายลึกลับขับรถบิ๊กไบค์มาประกบรถยนต์ของเขาที่กำลังแล่นอยู่บนถนนบางนา-ตราด

ด้วยสัญชาตญาณ เจนรบรู้ดีว่าชายลึกลับสองคนนั้นมีเจตนาร้าย เขาก็เลยหักพวงมาลัยหวังชนกับรถบิ๊กไบค์ของมือปืน ที่พยายามหักหลบ จนก่อให้เกิดหนังแอ็คชั่นไล่ล่าบนถนนบางนา-ตราด ขึ้นมา

“เก่งนักใช่ไหมมึง!?” มือปืนที่ซ้อนท้ายควักปืน 9 มม. ขึ้นมาแล้วกระหน่ำยิงใส่กระจกท้ายรถ เจนรบเห็นท่าไม่ดีเลยพยายามหักหลบซิกแซก กระจกหลังรถของเจนรบแตกจากกระสุนปืน

“บ้าเอ้ย!!!” เจนรบพยายามควบคุมพวงมาลัยรถ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บตรงบริเวณไหล่ซ้าย ที่เกิดจากกระสุนปืนถาก และด้วยความเร็วของตัวรถที่มากเกินไป เลยทำให้รถเสียหลักตกลงไปคูน้ำข้างทาง

มือปืนรีบเร่งรถหนี เพราะเห็นตำรวจที่แวะซื้อกาแฟกินอยู่แถวปั๊มกำลังเรียกกำลังเสริม เป็นอันว่าเจนรบรอดตายอย่างหวุดหวิด

“โอย…ช่วยด้วย” เจนรบในสภาพบอบช้ำสุดขีดพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะขาดหายไป ภาพในอดีตสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาย้อนกลับมา ภาคภูมิ ปิยะวรรณ พ่อและแม่ของเขา และภาพสุดท้ายก่อนที่เจนรบจะหมดสติไป ก็คือภาพของปวีณา เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเจนรบนั่นเอง

ปวีณาและก๊วนเพื่อนกำลังกินข้าวเที่ยงในโรงอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไปอย่างออกรส

“นี่ปลา ถ้าแกเรียนจบ แกจะเอาไงต่อกับชีวิตอ่ะ?”

“ชั้นว่าชั้นจะไปเรียนต่อที่อเมริกา” ปวีณาตอบ

“ดีว่ะ ชั้นก็ว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเหมือนกัน ว่าแต่แกจะไปเรียนต่อในรัฐไหนวะ?”

“แคลิฟอร์เนีย” ลูกปลาตอบ “พอดีว่าป้าชั้นได้กรีนการ์ดเปิดร้านอาหารไทยที่แอลเอ พ่อชั้นเลยจะฝากให้ชั้นไปทำงานกับป้าที่นั่นด้วย”

“ดีว่ะแก มีญาติที่อเมริกา ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น” เพื่อนสาวของปวีณายิ้ม ก่อนสายตาของเธอเหลือบไปเห็นข่าวด่วนบนโทรทัศน์ “เฮ้ย…นั่นมันทนายเจนรบนี่หว่า”

“มีรายงานด่วนเข้ามานะครับว่าตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกิ่งอำเภอบางเสาธงได้รับแจ้งเหตุมีรถยนต์คว่ำตรงบริเวณถนนบางนาตราด กิโลเมตรที่ 20 เมื่อตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุก็พบกับรถยนต์สีดำพลิกคว่ำอยู่ตรงคูน้ำข้างทาง เมื่อตรวจสอบก็พบร่องรอยกระสุนตรงท้ายรถของคุณเจนรบ ที่เป็นทนายความขวัญใจคนจน โดยมีรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคุณเจนรบที่เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส”

“ลุงจอม….” ปวีณาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อทราบว่านั่นเป็นข่าวของลุงจอม ที่ขาดการติดต่อจากเธอไปนานหลายเดือน

“ตอนนี้ทนายเจนรบได้ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อนะครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณเจนรบเอง โดยตำรวจสันนิษฐานว่าเหตุเกิดจากความขัดแย้งของคู่กรณีที่เสียผลประโยชน์จากการว่าความอย่างตรงไปตรงมาของทนายเจนรบนั่นเอง”

พอได้ยินแบบนั้น ปวีณาเลยลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหยิบจานไปเก็บ จนเพื่อนของเธอสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“คลาสบ่ายชั้นไม่เข้านะ ชั้นต้องไปทำธุระข้างนอก” ปวีณาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอต้องไปหาลุงจอมให้ได้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม จนเพื่อนพ้องของปวีณาตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 3 : บททดสอบของหัวใจ

    เวลาผ่านไปอีกราวสองปี น้องอุ้มบุญ กันยกร ในวัยสามขวบ กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และพลังงานอันล้นเหลือ บ้านหลังใหญ่ของเจนรบและปวีณาที่เคยมีแต่ความสงบ (หรือความหวานชื่นของคู่รัก) บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เสียงเรียก “พ่อจ๋า” “แม่จ๋า” และเสียงวิ่งตึงตังของเจ้าตัวเล็กที่พร้อมจะสำรวจโลกกว้างตลอดเวลาเช้าวันเสาร์ เจนรบในวัยใกล้จะเกษียณอายุราชการ ถ้าหากเขารับราชการ แต่ในความเป็นจริงคือทนายความอาวุโสชื่อดังวัย 56 ปี ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างเตียง“พ่อจ๋า...ตื่น...เล่น...” น้องอุ้มบุญในชุดนอนลายการ์ตูน กำลังใช้มือป้อมๆ เขย่าแขนพ่อปลุก ดวงตากลมใสแป๋วแหววไร้เดียงสา“อุ้มบุญเหรอลูก?” เจนรบลืมตาขึ้น ปากก็ยิ้มรับลูกสาว แต่ร่างกายกลับประท้วงเบาๆ ด้วยความปวดเมื่อยหลังจากโหมงานเอกสารและเตรียมตัวสำหรับรายการทีวีมาทั้งสัปดาห์ “จ๊ะลูก...พ่อตื่นแล้ว...แต่อุ้มบุญให้พ่อพักอีกแป๊บได้ไหมจ๊ะ?”“ม่ายอาววว...เล่นเยย...” เด็กน้อยไม่ยอมง่ายๆ เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียง ทิ้งตัวลงบนอกพ่ออย่างแรง“โอ๊ย!! จุกนะลูก!!” เจนรบร้องเบาๆ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ คว้าตัวลูกสาวมากอดฟัด จั๊กจี้จนเสียงห

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 2 : หนึ่งปีแห่งความสุข

    เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอเพียงชั่วพริบตาเดียว นางฟ้าตัวน้อยของบ้านทนายเจนรบและปวีณา—เด็กหญิงกันยกร หรือน้องอุ้มบุญ—ก็อายุครบหนึ่งขวบพอดิบพอดี จากทารกน้อยที่นอนร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขน วันนี้กลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เริ่มตั้งไข่ หัดเดินเตาะแตะ และส่งเสียงอ้อแอ้เรียก “ป้อ” “แม่” ได้เป็นคำๆ สร้างความสุขและความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านหลังใหญ่ที่เคยเงียบเหงาได้อย่างน่าอัศจรรย์“ป้อ!! ป้อ!! แม่!!”“น่ารักน่าชังจริง ๆ ลูกพ่อ!!”“หนึ่งขวบแล้วน๊า น้องอุ้มบุญ!!”เช้าวันเกิดขวบปีแรกของน้องอุ้มบุญอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของแพนเค้กฟักทองเนื้อนุ่มที่ปวีณาตั้งใจทำให้ลูกสาวเป็นมื้อพิเศษ เจนรบนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สายตาจับจ้องมองสองแม่ลูกด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข หนึ่งปีที่ผ่านมา เขาแทบไม่เชื่อว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ จากทนายความผู้เคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว มีแต่งานเป็นเพื่อน ตอนนี้เขากลายเป็น “พ่อ” เต็มตัว เป็นสามีของหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ และเป็นโลกทั้งใบของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังใช้มือเล็กๆ พยายามหยิบแพนเค้กเข้าปากอย่างเงอะงะ“ค่อย ๆ ซิจ๊ะลูกแม่ เลอะหมดแล้วเห็นไหม” ปวี

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนพิเศษ 1 : ความสุขที่รอคอย

    พาดหัวข่าวตัวไม้บนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับ และฟีดข่าวที่ร้อนแรงในโลกโซเชียลมีเดีย ต่างประโคมข่าว ‘วิวาห์หวานชื่น…ทนายดังต่างวัยคว้าลูกสาวเพื่อนสนิทเข้าประตูวิวาห์’ ภาพของเจนรบ ทนายความชื่อดังขวัญใจคนยากจน วัย 54 ปี ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ยืนเคียงข้าง ปวีณา เจ้าสาวแสนสวยวัย 22 ปี ทายาทคนเล็กของนักธุรกิจรีสอร์ตหรูแห่งเชียงเหนือ ในชุดไทยล้านนาประยุกต์อันงดงาม กลายเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพียงชั่วข้ามคืนคอมเมนต์หลั่งไหลเข้ามามากมายราวกับสายน้ำหลาก บ้างแสดงความยินดี บ้างตั้งคำถามถึงความเหมาะสม บ้างก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวสูงวัยที่ได้ภรรยาสาวสวยราวกับนางฟ้ามาครองไม่ได้“อิจฉาคนแก่ว่ะ! มีดีอะไร สาวสวยถึงได้ยอมแต่งด้วย?”“สายเปย์รึเปล่า? แต่บ้านฝ่ายหญิงก็รวยนะ”“ไม่แน่...ฝ่ายชายอาจจะเกาะฝ่ายหญิงก็ได้ ใครจะรู้”“หรือว่าเขารักกันจริงๆ ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอกน่า อย่าคิดอกุศลเลย”เจนรบและปวีณาเตรียมใจรับมือกับกระแสสังคมเหล่านี้ไว้แล้ว ทั้งคู่เลือกให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงไม่กี่แห่งเท่าที่จำเป็น โดยเน้นย้ำถึงความรักความเข้าใจที่ทั้งสองมีให้กัน และการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่ได

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 10 : เข้าถ้ำเสือ

    “ทำไมหนูไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะว่าจะทำงานอยู่กรุงเทพ?” เจนรบเอ่ยปากถามปวีณา“หนูบอกแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ยอม” ปวีณาตอบ “ลุงจะให้หนูทำยังไงละคะ?”ปวีณาบอกกับเจนรบว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ภาคภูมิและปิยะวรรณเรียกเธอกลับไป ช่วยงานธุรกิจรีสอร์ตทางบ้านที่เชียงใหม่ระหว่างรอรับปริญญาตรีและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ อเมริกา เจนรบเริ่มรู้สึกว่ามันคือแผนการที่เพื่อนรักทั้งสองคิดเอาไว้ คือไม่ปฏิเสธ การคบหากันของเจนรบและปวีณา แต่จะใช้วิธีแยกให้คนทั้งคู่ห่างกันไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเจนรบและปวีณาก็ห่างจนต่อกันไม่ติดในวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ภาคภูมิส่งคนมาช่วยขนของกลับบ้านที่เชียงใหม่ และไม่เปิดโอกาสให้ปวีณาได้ร่ำลาเจนรบ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ช่วงเวลาที่แสนหวานของเจนรบและปวีณากำลังจะจบลง แต่โชคยังดีที่มีสื่อโซเชียล เลยทำให้เจนรบและปวีณาได้พูดคุยกันผ่านทางไลน์ เด็กสาวบอกกับเจนรบว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เธอไปช่วยงานธุรกิจที่บ้านระหว่างรอรับปริญญา“ลุงจอม…” ปวีณาไลน์คุยกับเจนรบ “หนูว่าพ่อกับแม่กำลังพยายามกีดกันหนูจากลุง”“ไม่ต้องกลัวนะปลา” เจนรบไลน์ตอบ “ลุงจะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง ไปคุยกับไอ้ภาคและเปิ้ล ลุง

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 9 : อยากรักก็ต้องเสี่ยง

    ตอนนี้ปวีณากำลังศึกษาอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการประชาสัมพันธ์ในชั้นปีที่สี่ อีกแค่เพียงปีเดียวเท่านั้น สาวน้อยก็จะเรียนจบในระดับชั้นปริญญาตรี และเตรียมพร้อมสู่การเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาภาคภูมิและปิยะวรรณตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยอมเปิดทางให้เจนรบและปวีณาได้คบหากัน พอได้รับไฟเขียวจากเพื่อนรักและอดีตแฟนเก่าเช่นนั้น เจนรบก็รับปากว่าจะขอดูแลลูกปลาเป็นอย่างดี และจะรอคอยจนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เมื่อถึงตอนนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองถึงจะยินยอมให้เจนรบและปวีณาได้ครองคู่กันฟังดูความรักระหว่างเจนรบและปวีณากำลังไปได้สวย แต่ว่าด้วยระยะทางและภาระหน้าที่ของแต่ละคน เจนรบวุ่นวายกับการเดินทางไปถ่ายทำรายการกฎหมายน่ารู้ทางโทรทัศน์ และล่าสุดเจนรบได้เปิดช่องยูทูบเพื่อทำเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้ความรู้ผู้คนทั่วไปเพื่อหารายได้เสริม ส่วนหนังสือกฎหมายที่เพิ่งตีพิมพ์ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนอ่าน ด้วยภาษาเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็เลยทำให้หนังสือกฎหมายของเจนรบได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองและสามตามลำดับฝ่ายเจนรบเอง ก็ครุ่นคิดว่าช่วงนี้แทบไม่ได้เจอปลาเลย งานของเขาก็ยุ่ง ส

  • ปวีญา...ฉันรักเธอ   ตอนที่ 8 : เงื่อนไขของพ่อกับแม่

    หลังจากสอบเสร็จปลายภาคในช่วงชั้นปีที่สาม เจนรบตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่รอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับเพื่อนรักทั้งสองอย่างตรงไปตรงมาเสียที“ลุงจอม? ไหนลุงว่าจะรอให้หนูเรียนจบปริญญาตรีก่อนไง?” ปวีณาที่กลับเชียงใหม่ไปก่อนแล้วถึงกับตกใจ เมื่อทราบข่าวว่าลุงจอมตัดสินใจจะเดินทางตามมาด้วยเพื่อพูดคุยกับภาคภูมิและปิยะวรรณถึงเรื่องขอหมั้นหมายกับเธอก่อน “ถ้าพ่อกับแม่หนูรู้ หนูตายแน่!!”“ไม่ต้องกลัวหรอก ลุงคิดว่าไอ้ภาคกับเปิ้ลน่าจะมีเหตุผลพอ” เจนรบตอบ ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงต้องขึ้นเครื่องก่อน แล้วเจอกันที่เชียงใหม่นะคนดีของลุง”สุดท้ายปวีณาก็ไม่อาจทัดทานความต้องการของเจนรบได้ สาวน้อยเลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับปิยะวรรณผู้เป็นแม่ ที่รับรู้ทุกอย่างและมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังเธอ“มีอะไรเหรอจ๊ะปลา?” ปิยะวรรณที่กำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในห้องทำงานของตัวเองเอ่ยปากถามลูกสาว“เอ่อ…หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่ค่ะ” ปวีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status