สิ่งที่ไร้หนทางที่สุดในชีวิตของคนคนหนึ่งก็คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่าโดนสวมเขาอยู่ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย อีกทั้งยังไม่กล้าทำอะไรกับเมียของตัวเองอีกตอนนี้หลูไคซานหมดหนทางจริงๆจะให้ไปหาเรื่องฉู่เฉินงั้นเหรอ?ตอนนี้ฉู่เฉินเป็นคนที่ตระกูลเฉียวไว้ใจแบบสุดๆ ไปเลยการกล้ายุ่งกับฉู่เฉินก็เหมือนกับไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตระกูลเฉียว ต่อให้หลูไคซานกินดีเสือมา เขาก็ยังไม่กล้าถ้าจะให้ซักถามกับเจียงอิ่ง งั้นเขาก็จะเป็นไอ้โง่คนหนึ่งคาดว่าเจียงอิ่งมาทางฉู่เฉินแบบนี้แล้ว เธอคงอยากจะหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูลหลู แล้วเข้าไปสู่อ้อมกอดของฉู่เฉินหากหลูไคซานถามเธอไปในตอนนี้ เขาจะจบลงด้วยสิ่งที่ไม่ได้อะไรเลย เหมือนกับการตักน้ำด้วยตะกร้าไม้ไผ่ตอนนี้เขารับรู้ได้แล้วล่ะว่าอะไรคือการอดกลั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโห ตามหลังไปก้าวหนึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งเสียเปรียบ หลูไคซานหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แม้แต่เจียงอิ่งเวลาเดินยังต้องจับกำแพงเพื่อพยุงเลย หลูไคซานก็เกิดโทสะภายในใจนังแพศยาคนนี้!เขาต้องอดทนที่จะเข้าไปตบเจียงอิ่ง หลูไคซานสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม รีบเดินเข้าไปประคองเจียงอิ่ง
“ข้าทำไม หรือว่าข้าถูกอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?”ฉู่เฉินแสร้งทำเป็นนวดแขน กวักมือเรียกต้วนหลิงเวยให้เข้ามาในห้องลับเมื่อเห็นแผ่นหลังของฉู่เฉิน อวี้ลู่ก็โมโหจนกระทืบเท้า ทิ้งพู่กันในมือ เดินกลับห้องตัวเองด้วยความโกรธเคืองเธอไม่เคยเห็นใครที่ไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อน!ทั้งๆ ที่เธอช่วยฉู่เฉินไว้ครั้งใหญ่ อีกทั้งยังช่วยสาวรับใช้ของฉู่เฉินไว้อีกด้วยแล้วฉู่เฉินล่ะ?แม้แต่ประโยคขอบคุณสักคำยังไม่มีอีกทั้งยังผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เธอ นี่... นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดีหน้าประตูห้องลับ ต้วนหลิงเวยหันไปมองที่ห้องของอวี้ลู่ พูดขึ้นมาอย่างเบาๆ ว่า “นายท่าน ท่านผู้อาวุโสเธอ...”“อย่าสนใจเธอ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีเขาไม่มีทางประเมินสำนักอวี้ซือต่ำอยู่แล้ว ที่พูดไปเมื่อกี้ก็เพื่อให้อวี้ลู่ไม่อวดดีอีกหลังจากอยู่ด้วยกันมาไม่กี่วันนี้ ฉู่เฉินสรุปหลักการได้หนึ่งอย่างผู้หญิงแบบอวี้ลู่ไม่ควรให้หน้าเธอในด้านที่เธอถนัดเด็ดขาดยิ่งเขายิ่งกดเธอให้ต่ำเท่าไหร่ เธอจะยิ่งอยากพิสูจน์ตัวเอง แบบนี้อวี้ลู่ถึงจะไปจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ในระยะเวลานี้ตอนนี้สถานกา
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าจำกัดสำนักอวี้ซือเลย!”อวี้ลู่หยิบทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำมันที่ติดตรงมุมปาก เธอหายใจหอบหนักขณะที่แลบลิ้นน้อยๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเผ็ดร้อนมากแต่แบบนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งมือน้อยๆ ของเธอที่ไปหยิบบาร์บิคิวด้วยความรวดเร็วยิ่งเผ็ดยิ่งฟิน ยิ่งเผ็ดยิ่งอยากกินตอนนี้เธอตกอยู่ในกับดักของอร่อยที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถหนีได้ และเธอก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้เช่นกัน“พี่สบายใจเถอะครับ ผมไม่มีทางให้พี่เข้าไปเกี่ยวข้องเด็ดขาด พี่ทำแค่มองดูความครึกครื้นจากข้างหลังผมก็พอ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยาง หรือสำนักอวี้ซือ ผมสามารถจัดการได้ครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะหืม?อวี้ลู่ได้ยินประโยคนี้ เธอก็อึ้งไปเลย อมลูกชิ้นปลาเอาไว้ในปาก กะพริบตา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายของฉู่เฉินทันทีมีเธอระดับเทวะมากความสามารถแบบนี้คอยหนุนหลังฉู่เฉินไว้ ใครจะกล้าทำอะไรฉู่เฉินล่ะ?สำนักอวี้ซืองั้นเหรอ?หากพูดในสายตาของทุกคน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเต๋าระดับทารกวิญญาณก็ยังไม่มี เมื่อถึงตอนนั้นสำนักอวี้ซือคงจะอยู่ในน้ำมือของเขาคนที่สามารถกำราบสำนักอวี้ซือได้นั่นก็คืออวี้ลู่ แต่ฉู
“นายท่านใหญ่ ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ผมว่าไม่ใช่คนที่ตระกูลหยางของเราจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ ผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะฆ่าผู้อาวุโสต่ง เธอยังประกาศว่าจะจำกัดสำนักอวี้ซือให้สิ้นซาก”หยางเทียนหมิงสีหน้าไร้หนทางมองไปยังหยางติ่งเทียนเมื่อถึงคราวที่ต้องต่อสู้กันระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋า พวกเขาไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ตระกูลหยางก็ไม่ได้ทำถูกต้องตั้งแต่แรกแล้วสมมุติฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามายังสำนักอวี้ซือ ผลลัพธ์คงไม่อาจคาดเดาแน่ๆ !หยางติ่งเทียนหรี่ตาลง สีหน้าดูวิตกกังวลเล็กน้อย “อย่าพึ่งกังวลไป ให้ฉันคิดก่อน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางติ่งเทียนเดินไปเดินมาในห้องโถง“นายท่านใหญ่ ตระกูลหยางของเราจะล่มสลายเพราะหยางเส้าหัวคนเดียวไม่ได้นะครับ!”หยางเทียนฉีที่ก่อนหน้าเอาแต่เรียกร้องให้ฉีกร่างฉู่เฉินออกเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้กลับยอมแพ้กลัวหัวหดในเมื่อหยางเทียนฉีเป็นแค่สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลหยางวันนี้แม้ว่าทายาทจะถูกสังหาร แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากมายกับตระกูลหยางในเมืองหลงเฉิงแต่ว่าหากไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุแล้ว ตระกูลหยางก็จะตกอยู่ในความอันตรายหยางเทียนเสียงลุกยืนพร้อมพูดขึ้นมาว่า “นายท่านใหญ่ ในฐานะล
ต้วนหลิงเวยสองพี่น้อง ก็ตามหลังของฉู่เฉินเดินออกไปที่ประตูใหญ่ด้วยกันในตอนที่ถึงหน้าประตูแล้ว ก็อึ้งเกือบทุกคนพวกเขาเห็นชายแก่หัวขาว พาหยางเทียนหลงและชายวัยกลางคนอีกคน และชายหนุ่มอีกยี่สิบกว่าคนคุกเข่าที่หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่แม้แต่ฉู่เฉินก็มองไปที่ชายแก่หัวขาวด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่า ท่านกำลัง...”“ผมคือหยางติ่งเทียน ตั้งใจมาขอโทษและน้อมรับความผิดกับคุณฉู่ครับ!”ในระหว่างที่พูด หยางติ่งเทียนก็ใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือสะกิดหยางเทียนหลงที่อยู่ข้างๆหยางเทียนหลงก็รับคุกเข่าคลานไปข้างหน้าฉู่เฉิน “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณฉู่ได้โปรดเมตรและปล่อยตระกูลหยางของผมด้วยเถอะครับ”พูดจบหยางเทียนหลงก็หมอบลงไปที่พื้น พร้อมทั้งโขกหัวไปที่พื้นเสียงดังลั่นฉู่เฉินใช้สายตามองหยางเทียนหลงและหยางติ่งเทียนทั้งสองคน ผ่านไปสักพักถึงจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมเหรอครับ ส่งคนมาฆ่าผมแต่ไม่สำเร็จ แล้วยังจะอยากใช้ไม้อ่อนจัดการผมอีกเหรอครับ?”ประโยคนี้ออกไป หยางติ่งเทียนและคนอื่นๆ รีบส่ายมือ “ไม่กล้าหรอกครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ”“คุณฉู่ ก่อนหน้าน
โดยเฉพาะผิวของเธอที่นุ่มลื่นเหมือนผ้าซาติน แม้ว่าจะเอื้อมมือไปสัมผัสแค่ครู่หนึ่ง ก็ทำเอาฉู่เฉินใจสั่นไปหมด“หลีกไป!”อวี้ลู่ปัดมือของฉู่เฉินออก พร้อมทั้งถลึงตาใส่ฉู่เฉินเจ้าหมอเด็กนี่นับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นทุกวัน กล้าฉวยโอกาสกับเธอหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ของกิน ไม่อย่างนั้นเธอคงสั่งสอนฉู่เฉินไปแล้วล่ะ!หึ!อวี้ลู่ส่งเสียงพึมพำ อวี้ลู่นำมือทั้งสองข้างไพล่ไว้ที่หลัง เดินเข้าไปในห้องเมื่ออวี้ลู่เดินออกไปไกลแล้ว หยางติ่งเทียนจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาพูดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า “ตระกูลหยางของผมยินดีติดตามคุณฉู่ บุกน้ำลุยไฟไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ!”“หากผิดคำสาบาน พวกเรายินดีให้สายฟ้าผ่าลงมา ให้ลูกศรธนูปักเข้ามายังที่กลางใจของพวกเรา!”หลังจากที่คำพูดของหยางติ่งเทียนจบลง คนอื่นๆ ก็ทำตามฉู่เฉินวาดยันต์ยื่นสัตย์สาบานกลางอากาศ พร้อมทั้งชี้ไปทางคนของตระกูลหยางตู้ม!ทันใดนั้นก็เหมือนมีพลังงานลึกลับบางอย่าง ทะลุเข้ามาภายในร่างกายของคนตระกูลหยางแม้แต่หยางเทียนหมิงที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์ ก็สามารถสัมผัสถึงร่างกายของเขาถูกพลังงานบางอย่างผูกมัดไว้ “คุณอยู่ตรงนี้ก่อน ส่วนคนอื่นอ
เช้าวันที่สอง หลังจากที่ฉู่เฉินกินข้าวเช้าแล้ว เขาก็ขับรถมายังโรงพยาบาลประชาชนเมื่อถึงหน้าประตูก็ต่อสายหาหลี่จิงจิง เพื่อถามห้องผู้ป่วยของท่านเฉียว หลังจากนั้นเขาถึงเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่ชั้นบนสุด รอบๆ ไม่เพียงแต่ตำรวจของเจียงจงคอยเฝ้ายามเอาไว้ อีกทั้งยังมีชายฉกรรจ์ที่สวมหูฟังสื่อสารใส่ชุดสูทสีดำคอยเฝ้าเวรยามอยู่รอบๆ อีกด้วยฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยคนพวกนี้ไม่เหมือนบอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไป บนร่างของพวกเขามีความอำมหิตและโหดร้ายแฝงอยู่กลิ่นอายนั้นเป็นกลิ่นที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมีมันได้ แต่เป็นกลิ่นอายจากคนที่ผ่านศึกมามากมาย อีกทั้งมือยังเคยเปื้อนเลือดมาก่อนหรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า คนพวกนั้นคือนักรบ!“หยุดนะ!”ไม่รอช้าให้ฉู่เฉินได้เข้าใกล้ห้องผู้ป่วยของท่านเฉียว เขาก็ถูกชายในชุดสูทสองคนขวางทางเอาไว้“ฉันมาหาท่านเฉียว”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย“แสดงบัตรประชาชนของคุณหน่อยครับ!”หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ฉู่เฉินหัวเราะเจื่อนๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมลืมไว้ที่บ้าน แต่ว่าพวกคุณลองไปแจ้งให้ผู้ว่าการเฉียวดูก็ได้นะครับ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าท่านผู้เฒ่าท่านนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก แต่สาเหตุที่ว่าทำไมถึงมีร่องรอยของการเสียชีวิต อันนี้ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจครับ”ความหมายในคำพูดของฉู่เฉินชัดเจนเป็นอย่างมาก นั่นก็คือท่านหลงไม่ได้มีโรคภัยอะไร แต่จะตายโดยอุบัติเหตุ“บังอาจ!”ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ฉู่เฉินพูดจบ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านขวาของท่านหลงก็ยืนขึ้นมา ถลึงตาดุร้ายราวกับเสือ พร้อมทั้งเดินมาข้างหน้าอย่าดุร้าย!รอบๆ ตัวของเขามีกลิ่นอายของผู้ฝึกปราณชั้นหกคละคลุ้งออกมา!แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ที่เป็นบุคคลสูงส่งขนาดนี้ก็ยังรับไม่ไหวกับความน่าเกรงขามของเขาไม่ได้ ถึงกลับต้องถอยไปข้างหลังท่านหลงกลับยิ้มไม่พูดอะไรมองไปที่ฉู่เฉินเมื่อเห็นฉู่เฉินไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่อย่างไร ยังคงดื่มชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย และเขาก็ชื่นชมในตัวฉู่เฉินมากยิ่งขึ้นอีกด้วยหนักแน่นดั่งเขาไท่ซาน!เด็กหนุ่มแบบนี้ตอนนี้มีไม่มากเท่าไหร่แล้ว“ที่ผมพูดล้วนแต่เป็นความจริง ดังนั้นนายท่านใหญ่ช่วงนี้ให้ระวังตัวเป็นพิเศษหน่อยนะครับ หลีกเลี่ยงเผื่อจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ เมื่อถ
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้