ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้เรียกร้องแต่หล่อนไม่เอาเองมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา เธอเลือกที่จะไม่รับเงินนั่นก็เท่ากับว่าทุกอย่างก็ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ จากนี้ไปเขาจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมด!
จะคิดเสียว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!
“เดชคะ!” ภาพของคนรักที่โผเข้ามากอดทันทีที่พบหน้าสร้างความตกตะลึงแก่คนที่หายตัวไปค่อนคืนไม่น้อยเมื่อมาถึงหน้าบ้าน จนเมื่อหันไปเห็นสภาพรถของตัวเองเข้า ถึงได้เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้มารวมตัวกันที่นี่
“คุณหายไปไหนมา รู้ไหมว่านุชกับคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแค่ไหน” คนถูกถามยิ้มได้เมื่อได้เห็นท่าทีห่วงใยจากคนรักที่มอบให้ อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นห่วงกันอยู่ ถึงจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาก็เถอะ
ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของเธอเลยสักนิดที่ยังไม่พร้อม แต่เป็นเขาเองที่ใจร้อน เอาแต่ใจตัวจนลืมคิดถึงความรู้สึกเธอ
“เมื่อคืนผมเมาแล้วรถเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่อยากทำให้ทุกคนตกใจเลยไปนอนบ้านไอ้ภีมมา ขอโทษครับที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ทำพ่อกับแม่ใจหายหมด หนูนุชเขาเป็นห่วงแกมากเลยนะรู้ไหม ทีหลังมีอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหาแบบนี้อีก” ปวีณ์นุชยิ้มรับก่อนจะจูงมือคนรักมาหาที่เงียบๆ เพื่อปรับความเข้าใจถึงเรื่องเมื่อคืน
“นุชขอโทษนะคะ” หากไม่เป็นเพราะเธอ อุบัติเหตุก็อาจไม่เกิดขึ้นกับคนรัก ปวีณ์นุชจึงเลือกที่จะโทษตัวเอง แต่หากจะให้เธอเปลี่ยนใจยอมแต่งงานกับเขาตอนนี้เธอก็คงไม่ทำ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักเขา แต่เป็นเพราะเธอกับเขาล้วนแต่อายุน้อยด้วยกันทั้งคู่ เธออยากใช้ชีวิตอิสระให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็จนกว่าเธอและเขาจะเรียนจบ
“นุชตัดสินใจแล้วค่ะ เราไปเรียนต่อที่อังกฤษด้วยกันนะคะ เรียนจบเมื่อไหร่นุชสัญญาว่าจะให้คำตอบคุณอีกครั้งเรื่องแต่งงาน” ธีรเดชยิ้มเมื่อได้ยิน ก่อนที่เขาจะคว้าตัวคนรักมากอดในนาทีต่อมา
“ตกลงครับ! ผมจะไปกับนุช ผมรักนุชนะครับ ถ้านุชอยากให้รอ...ผมก็จะรอ” หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มรับ ไม่ได้บอกรักเขากลับไปเพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่มีต่อธีรเดชนั้นมันเป็นความรักในรูปแบบไหนกันแน่ และสี่ปีหลังจากนี้เธอจะใช้ทุกนาทีเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเอง และไม่ว่าสุดท้ายแล้วคำตอบของเธอจะออกมาในรูปแบบไหน เธอก็อยากให้เขาเคารพการตัดสินใจของเธอ เพราะอย่างน้อยๆ ก็เพื่อความสัมพันธ์ที่เคยดีงาม
ม่านไหมถึงกลับจับไข้ ตลอดสามวันที่ผ่านมาเด็กสาวนอนซมด้วยพิษไข้ ขณะที่ข่าวการไปเรียนต่อของลูกชายคนใจร้ายก็แพร่สะพัดไปพร้อมกัน หญิงสาวไม่ได้มีความรู้สึกใดกับเรื่องราวที่ได้รู้ เพราะแค่ต้องนอนร้องไห้ให้กับความสาวที่เสียไปเธอก็แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะไปคิดถึงได้อีก ยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคร่ำครวญถึงสิ่งที่เสียไป เพราะไม่ว่ายังไงก็เรียกคืนกลับมาไม่ได้
สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้ในตอนนี้คือทำใจ คิดเสียว่ามันคือเวรกรรมที่ทำให้เธอต้องไปรักผู้ชายใจร้ายแบบนั้น
ใช่! เธอแอบรักลูกชายเจ้าของไร่ตั้งแต่วันแรกที่เจอ หากแต่ความรักของเธอนั้นเป็นไปได้เพียงรักข้างเดียวที่เขาจะไม่มีวันรู้ เพราะเธอรู้ตัวดีว่าตัวเองกับเขาต่างกันแค่ไหน ไม่มีวันที่เขาจะมาสนใจหลานสาวคนงานอย่างเธอ ไม่มีวันที่รักครั้งนี้จะสมหวังเหมือนในนิยายที่ใครต่อใครชอบอ่าน
หญิงสาวยังคงใช้ชีวิตต่อไปโดยพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบหน้า ’เขาคนนั้น’ แต่เพราะหน้าที่ทำให้เธอไม่อาจเลี่ยงที่จะพบเขาไปได้ สุดท้ายก็ต้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามก้มหน้าก้มตาเก็บใบชาไปพร้อมกับคนงานคนอื่นๆ กระทั่งเสียงเข้มของบางคนดังขึ้น
“เหนื่อยไหมครับไหม ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนจะได้ชื่นใจ” วัชระเอ่ยขึ้นและไม่รีรอที่จะยื่นน้ำไปให้สาวในดวงใจที่ทำให้เขารู้สึกหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็เหมือนอีกคนจะยิ่งพยายามตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“คุณวัชร มาหาคุณท่านเหรอคะ” หากจะให้บอกตามจริงคือเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวคืออยากเจอหน้าเธอ แต่เพราะไม่รู้ว่าหากพูดออกไปแล้ว เธอจะยังยอมคุยด้วยรึเปล่าจึงได้แต่เก็บมันไว้ในใจ
“พอดีคุณแม่ของผมท่านเพิ่งกลับจากยุโรปเลยวานให้ผมเอาของฝากมาให้คุณป้า ส่วนนี่ของคุณไหมครับ คุณแม่ท่านฝากมาให้ ตอบแทนที่คุณไหมไปช่วยสอนพิเศษยัยน้องให้ที่บ้านเมื่อคราวก่อน”
ถุงใบหนึ่งถูกยื่นส่งมาให้ทันทีที่เขาพูดจบ หากแต่อีกคนกลับไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือไปรับ เพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะหลุดไปถึงหูของใครบางคนเข้า และหากมันเป็นเช่นนั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คงเป็นเธอ
“พี่วัชร! มาหากิ่งเหรอคะ!”
เสียงของใครอีกคนที่ดังขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้ม่านไหมตกใจจนต้องถอยหนี แม้แต่วัชระเองก็เช่นกัน
เพื่อนๆ ของเขาทยอยกลับไปกันหมดแล้ว หากแต่จานชามที่ต้องล้างกลับทำให้ม่านไหมต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการกับพวกมันให้เรียบร้อย จนเมื่อทุกอย่างเสร็จหญิงสาวจึงลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน “ใจคอเธอจะอ่อยผู้ชายทุกคนที่เจอเลยรึไงห๊ะ!” แต่คำถามที่จู่ๆ ก็มาพร้อมแรงกระชากทำให้เธอตกใจจนเกือบส่งเสียงร้อง โชคดีที่เธอหยุดตัวเองเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคนทั้งบ้านคงได้แตกตื่น “คุณเดช! ไหมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เขาหรือจะเชื่อ “ฉันเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น ผู้หญิงอย่างเธอมันดีอะไรดีนักหนาวะ ใครต่อใครถึงได้พากันหลงรักนัก!” คำถามนั้นเหมือนกับว่าเขาตั้งใจจะถามตัวเองมากกว่า และหนนี้ไม่ถามเปล่า เขายังใช้สายตามองสำรวจคนตรงหน้าขึ้นลองไปพร้อมกัน ก็แค่หน้าตาน่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย หุ่นสวย ขาเรียว ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน ถ้าให้เทียบกับแฟนของเขายัยนี่ยังถือว่าธรรมดามาก แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกบางทีหล่อนอาจมีดีกว่าที่ตาเห็นก็ได้ ใครจะรู้! “มะ...ไหมล้างจานเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” เห็นชัดว่าป่วยการจะอธิบาย ม่านไห
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครได้ทันคาดคิดส่งผลให้ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เดือดร้อนผู้เป็นป้าที่ต้องประคับประคองร่างของหลานสาวที่น่าสงสาร เข้ามากอดปลอบ “ตัดอกตัดใจเสียเถอะลูกไหม พ่อแม่เราเขาไปดีแล้ว จากนี้ไปไหมก็อยู่กับป้าเสียที่นี่เถอะนะ ป้าจะดูแลไหมเอง” ม่านไหมวัยแปดขวบได้แต่พยักหน้ารับอยู่ในอกของผู้เป็นป้า ผู้ซึ่งเปรียบได้กับญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ และแม้จะเป็นแค่เด็ก อย่างไรเสียก็ต้องพามาแนะนำให้เจ้านายได้รู้จักเสียหน่อย “นี่รึหลานสาวที่ว่า” คุณวิมลกล่าวขึ้นเมื่อหนึ่งในลูกจ้างจูงมือหลานสาวเข้ามาขอพบ เรื่องที่ได้รับรู้ทำให้รู้สึกเวทนาในโชคชะตาของเด็กคนนี้อยู่มากทีเดียว “ใช่ค่ะ รีบกราบคุณท่านเร็วๆ เข้าสิลูกไหม” เด็กน้อยทำตามคำสั่งของผู้เป็นป้าในทันทีและไม่ลืมที่จะก้มหน้านิ่งอย่างคนเจียมตัว “เอาล่ะๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรนักหรอกนะ ในเมื่อไม่มีที่ไปก็อยู่ช่วยป้าเธอที่นี่ก็แล้วกัน ไหนขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้ฉันดูหน้าชัดๆ หน่อยสิ” หนนี้เด็กสาวมีท่าทีลังเลอยู่ครู่ จนเมื่อผู้เป็นป้าพยักหน้าให้นั่นเองถึงได้กลับขยับเข้า
หลังจากขับรถไปส่งหลานสาวสุดที่รักที่โรงเรียนแทนพี่ชายกิ่งกมลก็ไม่ลืมแวะมาที่วัด เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญที่เธอไม่เคยลืม ทุกปีของวันนี้เธอจะมาที่นี่เพื่อทำบุญให้ลูกที่จากไป อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น และก็เป็นแบบนั้นอยู่พักใหญ่ก่อนทุกอย่างจะหายไปเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า “พี่วัชร” จะเรียกว่าโชคร้ายก็คงได้เมื่อเขาเองก็เห็นเธอเช่นกัน “เดี๋ยวก่อนกิ่ง!” วินาทีที่หมุนตัวเตรียมจะเดินหนีเธอก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงที่มาพร้อมแรงฉุดเบาๆ ที่ต้นแขนของอดีตสามีตัวเอง “กิ่งมาทำบุญให้ลูกเหรอ” เห็นชัดว่าเขาเองก็คงมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน นั่นจึงทำให้เธอตอบรับกลับไปอย่างไม่คิดปกปิด “ค่ะ” “พอจะมีเวลาไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยไหม พี่มีเรื่องอยากคุยกับกิ่ง”แม้ใจอยากปฏิเสธเขาแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอยอมเดินตามแรงฉุดน้อยๆ นั่นมาถึงศาลาท่าน้ำข้างวัดเข้าจนได้ “กิ่งเป็นยังไงบ้าง” “กิ่งสบายดีค่ะ พี่วัชรล่ะคะ” “ก็เรื่อยๆ” เธอไม่ได้ถามต่อถึงคำว่า ‘เรื่อยๆ’ ของเขาว่าดีหรือไม่ด
วันแรกของการไปโรงเรียนในชั้นอนุบาลของเด็กหญิงธีรนาถค่อนข้างเป็นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควรเมื่อผู้เป็นพ่อ อา และย่าพร้อมใจกันไม่ยอมให้ดวงใจของบ้านเข้าห้อง เดือดร้อนครูประจำชั้นที่ต้องเดินออกมาตามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จ “หนูจำที่พ่อบอกได้ไหมคะผักบุ้ง ห้ามคุยหรือไปเล่นกับเด็กผู้ชายเด็ดขาด ถ้ามีใครแกล้งก็ให้รีบไปบอกคุณครูทันที และที่สำคัญ...ถ้าหนูคิดถึงพ่อ ก็บอกให้ครูโทรไปที่เบอร์นี้ พ่อจะรีบมารับ” “ค่ะคุณพ่อ” เด็กน้อยในชุดนักเรียนน่ารักตอบกลับผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มสดใส พร้อมกันนั้นยังหันไปหาผู้เป็นย่ากับอาที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อไม่ให้ทั้งสองน้อยใจ ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้องเรียนในที่สุด ภาพคนสี่คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในเสาต้นเดียวกันเพื่อแอบดูเด็กน้อยนั้น ก่อให้เกิดรอยยิ้มจากใครต่อใครที่บังเอิญผ่านมาเห็น หลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จ พ่อของลูกก็มีสภาพอย่างที่คิดไว้นั้นคือนั่งหงอยอยู่ที่บันไดบ้านราวกับจะรอการกลับมาของลูกสาวสุดที่รักอยู่ตรงนั้น เดือดร้อนม่านไหมที่ต้องเดินเข้าไปดูอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่อยากเห็น
ปวีณ์นุชไม่ได้ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ได้รู้ เธอแค่กลับไปตั้งหลักก่อนจะกลับมาหาอดีตคนรักอีกครั้งพร้อมกับความมั่นใจว่าเขายังรักกันอยู่ และที่เขาต้องรับผิดชอบสองแม่ลูกนั่นเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก“นุชยังรักเดชนะคะ! แล้วนุชก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณจะหมดรักนุชแล้วจริงๆ” เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นอกมั่นใจแบบนี้มาจากไหน และก็ไม่ได้สนใจจะถามเพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร“ผมก็ไม่ได้ขอให้คุณมาเชื่อ คุณอยากจะเชื่อแบบไหนก็ตามใจคุณ แต่จะให้ผมกลับไปรักผู้หญิงที่ทิ้งผมไปเอาฝรั่งผมไม่ทำ!” เป็นอีกครั้งที่ธีรเดชเลือกที่จะตอบตรงๆ ยอมรับว่าเขารำคาญและอยากที่จะจบเรื่องบ้าๆ นี่ให้ไวที่สุดก่อนที่ปัญหาใหญ่จะตามมา“เดช!”“อันที่จริงผมนึกไม่ออกเลยว่าหลงรักอะไรในตัวคุณมาตั้งหลายปี! ขอบคุณนะครับที่ทิ้งกันไป เพราะมันทำให้ผมได้เจอกับผู้หญิงที่ผมรักจริงๆ เสียที!” ต่อให้ม่านไหมจะมีแค่ตัว เขาก็ยังรู้สึกรักเธออยู่ดี อดีตที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าไม่ควรมองคนแต่ภายนอก เพราะบางคนก็ไม่ได้น่ารักเหมือนกับหน้าตาเสมอไป“นังไหมน่ะเหรอคะ! มันมีดีกว่านุชตรงไหน นุชสวยกว่า รวยกว่า ดีกว่าทุกด้าน!” หากเทียบกันอย่างที่เธอว่าก็คงเป็นตามน
ตกเย็น“มะ...เมื่อกี้เธอว่าไงนะ ขออีกที ชัดๆ”“ไหมว่าไหมจะยกผักบุ้งของคุณเดช แล้วไปจากที่นี่ค่ะ” ม่านไหมเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยคำพูดเดิมๆ ก่อนจะลอบมองท่าทีของอีกคนไปด้วย เธอทำทุกอย่างตามแผลการที่กิ่งกมลวางไว้ไม่ให้ขาดตอน“วันนี้ไปล้มหัวกระแทกที่ไหนมารึเปล่า!” เขาถามก่อนจะเดินตรงเข้ามาสำรวจร่างกายกันด้วยการจับเธอพลิกไปมาราวกับจะหาร่องรอยจากบาดแผล แต่ยิ่งไม่พบก็ยิ่งหงุดหงิดกับความคิดอีกฝ่าย“ไหมสติดีทุกอย่างค่ะ”“คนสติดีที่ไหนจะมีความคิดทิ้งลูกทิ้งผัว! เป็นอะไรของเธอ!”“คุณเดชไม่ดีใจเหรอคะที่จะได้อยู่กับลูกอย่างที่ต้องการ แถมยังจะไม่ต้องมีไหมเป็นตัวถ่วงในชีวิตด้วย” บทที่ท่องจำมาตลอดทั้งวันถูกเอ่ยกลับออกไป ก่อนที่ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง“ฉันเคยพูดเหรอว่าเธอเป็นตัวถ่วง!”“กะ...ก็ไม่เคย”“แล้วเธอไปเอาความคิดบ้าๆ แบบนี้มาจากไหน!” ไม่มีทางที่จู่ๆ จะเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาเองได้ ต้องมีใครพูดอะไรสักอย่างแน่“ก็แล้วจะให้ไหมอยู่ในฐานะอะไรคะ” ในเมื่อเป็นเขาเองที่ไม่ให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักอย่าง แล้วจะให้เธอเชื่อมั่นอะไรได้ความจริงแล้ว..มันไม่ใช่ความผิดของเธอด้วยซ้ำที่จะรู้ส