Share

บทที่ 4 ไม่ยอมรับ

last update Last Updated: 2025-01-15 05:36:33

4ปีต่อมา

ภาพวิวทิวทัศน์ของสองข้างทางที่ดูแปลกตาไปจากเดิมตกอยู่ในสายตาคมเข้มของคนที่จากบ้านไปนานตลอดทาง เป็นเวลากว่าสี่ปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่ สถานที่เกิดและเติบโตขึ้น และแม้ว่ามันจะยาวนานในความรู้สึกของใครหลายq คน แต่สำหรับธีรเดชแล้ว  มันเหมือนเรื่องทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานก็ไม่ผิดเพี้ยน!

เขาที่ตอนนี้ได้เลิกกับคนรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สาเหตุของการเลิกลากันนั้นเกิดจากหลายๆ สิ่งที่นับวันก็เหมือนจะยิ่งไม่ลงตัว โดยเฉพาะเมื่อปวีณ์นุชได้เจอกับคนที่ดีกว่า เขาก็ไม่คิดที่จะรั้งเธอไว้ ในเมื่อคนหมดรักกันแล้ว     รั้งให้ตายอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์อยู่ดี

ทุกความคิดหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปพบเข้ากับร่างอ้วนป้อมของเด็กคนหนึ่งที่ข้างทางเข้า เมื่อมองแล้วไม่พบใครอื่นจึงตัดสินใจชะลอรถเพื่อลงไปสอบถาม   ด้วยกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้น

“หนู! มาเดินอะไรตรงนี้คนเดียวครับ แล้วนี่พ่อแม่หนูอยู่ไหน” ถามไปแล้วใจเจ้ากรรมก็กระตุกวูบเบาๆ ยามเมื่อใบหน้าน่ารักหันกลับมามองกันตาแป๋ว แต่เด็กน้อยที่มีความสูงเพียงเข่าก็ยังเงียบอยู่

“…..”

“ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบ”

“แม่ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าค่ะ” เสียงเล็กน่าฟังตอบกลับเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ ช่างน่าเอ็นดูในความรู้สึกคนมองยิ่ง หากดูไม่ผิดธีรเดชเหมือนจะเห็นความเป็นนักสู้ในนั้น ซึ่งมันช่างเหมือนกับใครบางคนที่เขารู้จัก แต่นึกไม่ออกว่าใคร

“ฉันชื่อธีรเดช เป็นลูกชายเจ้าของไร่นี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน” คิดเช่นนั้นธีรเดชจึงแนะนำตัว ก่อนจะลอบมองท่าทีของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน ปกติแล้วเขาไม่ค่อยถูกโรคกับเด็กสักเท่าไหร่ แต่กับเด็กตรงหน้าคนนี้คงต้องยกเว้น

“หนูชื่อธีรนาถค่ะ เป็นลูกสาวของแม่ไหม กำลังจะเดินไปหาคุณปู่คุณย่าที่บ้านค่ะ” ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับทำให้ธีรเดชโดนน็อกกลางอากาศ เขาได้แต่จ้องมองภาพเด็กผู้หญิงตรงหน้า ท่ามกลางความรู้สึกที่ยากจะบรรยายได้ถูกว่าระหว่างตกใจจนช็อกกับดีใจ ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำแท้งอย่างที่เคยนึกกลัว  อะไรมีมากกว่ากัน!

“ปู่กับย่าเหรอ ปู่กับย่าหนูชื่ออะไร!”

“ปู่ชื่อวรุฒ ย่าชื่อวิมล สุรีวรรณวงศ์ค่ะ”

            หลังจากหายตกใจเขาก็ยืนเกลี้ยกล่อมอยู่พักใหญ่แม่เด็กช่างพูดถึงได้ยอมขึ้นรถมาด้วยกัน เมื่อมาถึงแม่คุณก็วิ่งขึ้นบ้านราวกับคุ้นเคยกับสถานที่ตรงหน้าดี ซึ่งก็เหมือนจะเป็นจริงอย่างที่คิด เพราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน ภาพของเด็กนั่นที่กำลังโผเข้าไปกอดพ่อกับแม่ของเขานั้นก็ตกอยู่ในสายตาทันที ซึ่งพวกท่านเองก็อ้าแขนรับ ครู่ใหญ่เห็นจะได้   ที่ผู้เป็นพ่อหันมาเห็นการมีตัวตนของเขาเป็นคนแรก

            “โผล่หัวกลับมาได้สักทีนะไอ้ตัวดี!”

 นั่นคือคำทักทายแรกที่ดังขึ้นก่อนที่เสียงกรีดร้องของคุณนายวิมลจะดังขึ้นพร้อมกับใครหลายๆ คน ที่ต่างก็พากันตกใจกับการมาของเขา นั่นเป็นเพราะเขาเลือกที่จะไม่บอกใคร กะมาเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนตกใจเล่น  ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาถูกเซอร์ไพรส์เสียเอง

“ผักบุ้งเอ้ย มานี่มา! มากราบคุณลุงเดชเร็วๆ” เมื่อหายตกใจคุณวิมล  ก็ไม่ลืมกวักมือเรียกธีรนาถให้เข้ามาหาลูกชายด้วยรอยยิ้ม

นางเชื่อสนิทใจ ว่าธีรเดชจะต้องตกหลุมรักเด็กคนนี้เหมือนที่นางกับทุกคนหลง

ก็แม่คุณน่ารักน่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่กัน

“หนูกราบไปแล้วค่ะคุณท่าน” เด็กน้อยตอบกลับด้วยวาจาที่น่าฟัง ไม่เพียงเท่านั้นยังเดินมาล้มลงที่ตักมารดาเขาหน้าตาเฉย   ท่าทีสนิทสนมของทั้งคู่นั้น   ไม่อาจหลุดรอดไปจากสายตาเขาได้เลย

“บอกให้เรียกย่าไงเจ้าเด็กคนนี้”

“แม่ไม่ให้เรียกค่ะ ถ้าเรียกให้ได้ยินเรียกจะถูกตี” เด็กน้อยตอบไปตามประสา โดยหารู้ไม่ว่าคำตอบที่เพิ่งจะพูดออกไปกำลังสร้างความไม่พอใจแก่อีกคนทันทีที่ได้ยินเข้า มันพาลทำให้ธีรเดชนึกโกรธไปถึงแม่ของลูก      คนที่ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้วตอนนี้

หล่อนถือดียังไงมาสั่งไม่ให้ลูกของเขาเรียกย่าว่าย่า!

แม้จะโกรธแสนโกรธแต่ธีรเดชก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาให้ใครเกิดความสงสัย เขาเฝ้ารออย่างใจเย็นกระทั่งถึงมื้อเย็น ภาพของใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับท่าทีที่เหมือนจะตกใจไม่น้อยเมื่อเจอกัน

“แม่ไหม!”

เป็นธีรนาถที่ร้องเรียกผู้เป็นมารดาเสียงใส หากแต่เด็กน้อยกลับยังคงนั่งปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับมาหา และเธอคงไม่รู้สึกอะไรหากสถานที่ที่ลูกสาวกำลังนั่งส่งยิ้มมาให้อยู่นั้นไม่ใช่ตักของเขา

 “ผักบุ้ง มาหาแม่ลูก” แม้จะตกใจกับการพบกันในรอบสี่ปี แต่เธอก็ไม่แสดงอาการใดๆ  ออกมา   นอกจากเรียกลูกสาวขึ้นเบาๆ

“เด็กมันยังกินข้าวคาปากอยู่จะให้ลุกไปได้ยังไง!” เป็นธีรเดชที่ตวาดขึ้นก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาถึงสี่ปีเต็มอย่างคาดโทษ แต่หล่อนกลับทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรเลยนอกจากความถือดีที่ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด

“ขึ้นมานี่สิแม่ไหม มาทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับ”

“ไหมเรียบร้อยมาจากที่ทำงานแล้วค่ะคุณท่าน ถ้ายังไงไหมขอออกไปรอลูกที่หน้าบ้านนะคะ ผักบุ้งลูก ทานข้าวเสร็จแล้วออกไปหาแม่ข้างนอกนะคะ” ครั้งนี้ลูกสาวยอมพยักหน้ารับ เธอจึงวางใจเดินมานั่งรอลูกอยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน ในใจก็ขบคิดถึงการกลับมาของเขาไม่ขาด

เธอไม่ได้เตรียมตัวมารับมือกับสิ่งนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะกลับมาวันนี้ เพราะหากรู้เธอคงทำทุกวิถีทางให้ลูกอยู่ให้ไกลจากเขา

ไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี!

“คิดไม่ถึง...ว่าเธอจะเลือกเก็บเด็กไว้”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ป่วนรัก พิพากษาหัวใจ   ตอนพิเศษ2

    เพื่อนๆ ของเขาทยอยกลับไปกันหมดแล้ว หากแต่จานชามที่ต้องล้างกลับทำให้ม่านไหมต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการกับพวกมันให้เรียบร้อย จนเมื่อทุกอย่างเสร็จหญิงสาวจึงลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน “ใจคอเธอจะอ่อยผู้ชายทุกคนที่เจอเลยรึไงห๊ะ!” แต่คำถามที่จู่ๆ ก็มาพร้อมแรงกระชากทำให้เธอตกใจจนเกือบส่งเสียงร้อง โชคดีที่เธอหยุดตัวเองเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคนทั้งบ้านคงได้แตกตื่น “คุณเดช! ไหมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เขาหรือจะเชื่อ “ฉันเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น ผู้หญิงอย่างเธอมันดีอะไรดีนักหนาวะ ใครต่อใครถึงได้พากันหลงรักนัก!” คำถามนั้นเหมือนกับว่าเขาตั้งใจจะถามตัวเองมากกว่า และหนนี้ไม่ถามเปล่า เขายังใช้สายตามองสำรวจคนตรงหน้าขึ้นลองไปพร้อมกัน ก็แค่หน้าตาน่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย หุ่นสวย ขาเรียว ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน ถ้าให้เทียบกับแฟนของเขายัยนี่ยังถือว่าธรรมดามาก แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกบางทีหล่อนอาจมีดีกว่าที่ตาเห็นก็ได้ ใครจะรู้! “มะ...ไหมล้างจานเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” เห็นชัดว่าป่วยการจะอธิบาย ม่านไห

  • ป่วนรัก พิพากษาหัวใจ   ตอนพิเศษ

    ความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครได้ทันคาดคิดส่งผลให้ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เดือดร้อนผู้เป็นป้าที่ต้องประคับประคองร่างของหลานสาวที่น่าสงสาร เข้ามากอดปลอบ “ตัดอกตัดใจเสียเถอะลูกไหม พ่อแม่เราเขาไปดีแล้ว จากนี้ไปไหมก็อยู่กับป้าเสียที่นี่เถอะนะ ป้าจะดูแลไหมเอง” ม่านไหมวัยแปดขวบได้แต่พยักหน้ารับอยู่ในอกของผู้เป็นป้า ผู้ซึ่งเปรียบได้กับญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ และแม้จะเป็นแค่เด็ก อย่างไรเสียก็ต้องพามาแนะนำให้เจ้านายได้รู้จักเสียหน่อย “นี่รึหลานสาวที่ว่า” คุณวิมลกล่าวขึ้นเมื่อหนึ่งในลูกจ้างจูงมือหลานสาวเข้ามาขอพบ เรื่องที่ได้รับรู้ทำให้รู้สึกเวทนาในโชคชะตาของเด็กคนนี้อยู่มากทีเดียว “ใช่ค่ะ รีบกราบคุณท่านเร็วๆ เข้าสิลูกไหม” เด็กน้อยทำตามคำสั่งของผู้เป็นป้าในทันทีและไม่ลืมที่จะก้มหน้านิ่งอย่างคนเจียมตัว “เอาล่ะๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรนักหรอกนะ ในเมื่อไม่มีที่ไปก็อยู่ช่วยป้าเธอที่นี่ก็แล้วกัน ไหนขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้ฉันดูหน้าชัดๆ หน่อยสิ” หนนี้เด็กสาวมีท่าทีลังเลอยู่ครู่ จนเมื่อผู้เป็นป้าพยักหน้าให้นั่นเองถึงได้กลับขยับเข้า

  • ป่วนรัก พิพากษาหัวใจ   บทส่งท้าย

    หลังจากขับรถไปส่งหลานสาวสุดที่รักที่โรงเรียนแทนพี่ชายกิ่งกมลก็ไม่ลืมแวะมาที่วัด เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญที่เธอไม่เคยลืม ทุกปีของวันนี้เธอจะมาที่นี่เพื่อทำบุญให้ลูกที่จากไป อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น และก็เป็นแบบนั้นอยู่พักใหญ่ก่อนทุกอย่างจะหายไปเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า “พี่วัชร” จะเรียกว่าโชคร้ายก็คงได้เมื่อเขาเองก็เห็นเธอเช่นกัน “เดี๋ยวก่อนกิ่ง!” วินาทีที่หมุนตัวเตรียมจะเดินหนีเธอก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงที่มาพร้อมแรงฉุดเบาๆ ที่ต้นแขนของอดีตสามีตัวเอง “กิ่งมาทำบุญให้ลูกเหรอ” เห็นชัดว่าเขาเองก็คงมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน นั่นจึงทำให้เธอตอบรับกลับไปอย่างไม่คิดปกปิด “ค่ะ” “พอจะมีเวลาไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยไหม พี่มีเรื่องอยากคุยกับกิ่ง”แม้ใจอยากปฏิเสธเขาแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอยอมเดินตามแรงฉุดน้อยๆ นั่นมาถึงศาลาท่าน้ำข้างวัดเข้าจนได้ “กิ่งเป็นยังไงบ้าง” “กิ่งสบายดีค่ะ พี่วัชรล่ะคะ” “ก็เรื่อยๆ” เธอไม่ได้ถามต่อถึงคำว่า ‘เรื่อยๆ’ ของเขาว่าดีหรือไม่ด

  • ป่วนรัก พิพากษาหัวใจ   บทที่ 21 คนดีของบ้าน

    วันแรกของการไปโรงเรียนในชั้นอนุบาลของเด็กหญิงธีรนาถค่อนข้างเป็นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควรเมื่อผู้เป็นพ่อ อา และย่าพร้อมใจกันไม่ยอมให้ดวงใจของบ้านเข้าห้อง เดือดร้อนครูประจำชั้นที่ต้องเดินออกมาตามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จ “หนูจำที่พ่อบอกได้ไหมคะผักบุ้ง ห้ามคุยหรือไปเล่นกับเด็กผู้ชายเด็ดขาด ถ้ามีใครแกล้งก็ให้รีบไปบอกคุณครูทันที และที่สำคัญ...ถ้าหนูคิดถึงพ่อ ก็บอกให้ครูโทรไปที่เบอร์นี้ พ่อจะรีบมารับ” “ค่ะคุณพ่อ” เด็กน้อยในชุดนักเรียนน่ารักตอบกลับผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มสดใส พร้อมกันนั้นยังหันไปหาผู้เป็นย่ากับอาที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อไม่ให้ทั้งสองน้อยใจ ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้องเรียนในที่สุด ภาพคนสี่คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในเสาต้นเดียวกันเพื่อแอบดูเด็กน้อยนั้น ก่อให้เกิดรอยยิ้มจากใครต่อใครที่บังเอิญผ่านมาเห็น หลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จ พ่อของลูกก็มีสภาพอย่างที่คิดไว้นั้นคือนั่งหงอยอยู่ที่บันไดบ้านราวกับจะรอการกลับมาของลูกสาวสุดที่รักอยู่ตรงนั้น เดือดร้อนม่านไหมที่ต้องเดินเข้าไปดูอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่อยากเห็น

  • ป่วนรัก พิพากษาหัวใจ   บทที่ 20 ชีวิตคู่

    ปวีณ์นุชไม่ได้ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ได้รู้ เธอแค่กลับไปตั้งหลักก่อนจะกลับมาหาอดีตคนรักอีกครั้งพร้อมกับความมั่นใจว่าเขายังรักกันอยู่ และที่เขาต้องรับผิดชอบสองแม่ลูกนั่นเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก“นุชยังรักเดชนะคะ! แล้วนุชก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณจะหมดรักนุชแล้วจริงๆ” เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นอกมั่นใจแบบนี้มาจากไหน และก็ไม่ได้สนใจจะถามเพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร“ผมก็ไม่ได้ขอให้คุณมาเชื่อ คุณอยากจะเชื่อแบบไหนก็ตามใจคุณ แต่จะให้ผมกลับไปรักผู้หญิงที่ทิ้งผมไปเอาฝรั่งผมไม่ทำ!” เป็นอีกครั้งที่ธีรเดชเลือกที่จะตอบตรงๆ ยอมรับว่าเขารำคาญและอยากที่จะจบเรื่องบ้าๆ นี่ให้ไวที่สุดก่อนที่ปัญหาใหญ่จะตามมา“เดช!”“อันที่จริงผมนึกไม่ออกเลยว่าหลงรักอะไรในตัวคุณมาตั้งหลายปี! ขอบคุณนะครับที่ทิ้งกันไป เพราะมันทำให้ผมได้เจอกับผู้หญิงที่ผมรักจริงๆ เสียที!” ต่อให้ม่านไหมจะมีแค่ตัว เขาก็ยังรู้สึกรักเธออยู่ดี อดีตที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าไม่ควรมองคนแต่ภายนอก เพราะบางคนก็ไม่ได้น่ารักเหมือนกับหน้าตาเสมอไป“นังไหมน่ะเหรอคะ! มันมีดีกว่านุชตรงไหน นุชสวยกว่า รวยกว่า ดีกว่าทุกด้าน!” หากเทียบกันอย่างที่เธอว่าก็คงเป็นตามน

  • ป่วนรัก พิพากษาหัวใจ   บทที่ 19 พยายามให้หนัก

    ตกเย็น“มะ...เมื่อกี้เธอว่าไงนะ ขออีกที ชัดๆ”“ไหมว่าไหมจะยกผักบุ้งของคุณเดช แล้วไปจากที่นี่ค่ะ” ม่านไหมเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยคำพูดเดิมๆ ก่อนจะลอบมองท่าทีของอีกคนไปด้วย เธอทำทุกอย่างตามแผลการที่กิ่งกมลวางไว้ไม่ให้ขาดตอน“วันนี้ไปล้มหัวกระแทกที่ไหนมารึเปล่า!” เขาถามก่อนจะเดินตรงเข้ามาสำรวจร่างกายกันด้วยการจับเธอพลิกไปมาราวกับจะหาร่องรอยจากบาดแผล แต่ยิ่งไม่พบก็ยิ่งหงุดหงิดกับความคิดอีกฝ่าย“ไหมสติดีทุกอย่างค่ะ”“คนสติดีที่ไหนจะมีความคิดทิ้งลูกทิ้งผัว! เป็นอะไรของเธอ!”“คุณเดชไม่ดีใจเหรอคะที่จะได้อยู่กับลูกอย่างที่ต้องการ แถมยังจะไม่ต้องมีไหมเป็นตัวถ่วงในชีวิตด้วย” บทที่ท่องจำมาตลอดทั้งวันถูกเอ่ยกลับออกไป ก่อนที่ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง“ฉันเคยพูดเหรอว่าเธอเป็นตัวถ่วง!”“กะ...ก็ไม่เคย”“แล้วเธอไปเอาความคิดบ้าๆ แบบนี้มาจากไหน!” ไม่มีทางที่จู่ๆ จะเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาเองได้ ต้องมีใครพูดอะไรสักอย่างแน่“ก็แล้วจะให้ไหมอยู่ในฐานะอะไรคะ” ในเมื่อเป็นเขาเองที่ไม่ให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักอย่าง แล้วจะให้เธอเชื่อมั่นอะไรได้ความจริงแล้ว..มันไม่ใช่ความผิดของเธอด้วยซ้ำที่จะรู้ส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status