กู้มั่วหลีวางชามและตะเกียบลง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก “เจ้าอยากออกไปมากเช่นนี้ ไม่กลัวหรือว่าคนของที่ว่าการจะมาจับเจ้าไป?”เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นมองไปที่กู้มั่วหลี คำพูดนี้ของเขาหมายความว่าอะไรกัน?เรื่องของเจ้าเมืองจงโจว จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด หากว่ามีคนของทางการมาจับตัวนาง ก็คงจะส่งคนมาจับเสียนานแล้วคงจะไม่รอจนถึงตอนนี้ถึงได้เริ่มจับเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันมองมายังตนเองโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด กู้มั่วหลีก็ลุกขึ้นยืนเขาส่งเสียงพูดออกมา “เจ้ากินต่อไปเถอะ ข้าอิ่มแล้ว”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินมายังกำแพงหินที่เพิ่งจะเปิดออกเมื่อครู่นี้และไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับกำแพงหิน ไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกกู้มั่วหลีก้าวขาออกไปได้เพียงแค่ก้าวเดียว เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไปเจี่ยนอันอันก็รีบส่งเสียงเรียกออกมา “เจ้ารอก่อน เดี๋ยวค่อยไป”กู้มั่วหลีดึงเท้ากลับมา แล้วหันไปมองเจี่ยนอันอัน “อะไรกัน ตัดใจให้ข้าจากไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เขาพูดขึ้น มุมปากก็ยกเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเจี่ยนอันอันกลอกตามองบน แล้วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ข้าเพียงแต่อยากจะถามคำถามเจ้
เรื่องที่มีระเบิดนั้น มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่รู้เกรงว่าทั้งชาตินี้กู้มั่วหลีก็ไม่มีทางที่จะคาดถึงว่านางจะใช้วิธีการนี้หลบหนีออกไปเมื่อคิดถึงตรงนี้เจี่ยนอันอันก็อารมณ์ดีขึ้นมากนางยังรู้สึกได้ว่าอาหารดูน่าอร่อยเป็นพิเศษอาศัยในตอนที่กู้มั่วหลียังไม่กลับมา เจี่ยนอันอันก็รีบกินอาหารให้เสร็จแล้ววิ่งไปยังกำแพงหินที่เพิ่งเปิดออกเมื่อครู่นี้นางคิดจะใช้ดินปืนระเบิดกำแพงหินนี้ออก แต่เมื่อคิดอีกทีหากว่ากู้มั่วหลียังไปได้ไม่ไกลนางใช้ดินปืนระเบิดจะต้องเกิดเสียงดังขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นกู้มั่วหลีจะต้องกลับมาจับนางดูเหมือนว่านางคงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน รอเมื่อกู้มั่วหลีกลับมาแล้วนางค่อยคิดหาวิธีออกไปเจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าด้านนอกตอนนี้นั้นเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนนางอยู่ในห้องลับนี้อย่างเบื่อหน่ายจึงเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำในห้วงมิติรอจนเมื่อนางออกมาแล้วกลับได้ยินเสียงของกำแพงหินดัง ‘ครืด’ ขึ้นอีกครั้งกู้มั่วหลีเดินเข้ามาเขามองไปยังเจี่ยนอันอันที่กำลังนั่งอยู่บนฟูกอย่างว่าง่ายดูไม่มีทีท่าร้อนรนจะออกไปเหมือนกับก่อนหน้านั้นกลิ่นหอมลอยอวลอยู่ในห้องลับ กู้มั่วหลีหรี่
นางพบว่ากู้มั่วหลีทำท่าทางนั้นอยู่บนกำแพงหินอยู่สามรอบ กำแพงหินถึงได้เปิดออกเจี่ยนอันอันรีบวิ่งกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมกู้มั่วหลีหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองยังเจี่ยนอันอัน“รอข้ากลับมาอย่างว่าง่าย ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขทั้งกายทั้งใจจนตลอดชีวิตนี้ไม่อาจลืมข้าได้”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินก้าวใหญ่ออกไปเจี่ยนอันอันเหวี่ยงหมัดไปด้านหลังกายของเขา โกรธเสียจนอยากจะวิ่งไปทุบตีเขารอจนเมื่อกู้มั่วหลีเดินออกไปไกลแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบวิ่งไปยังด้านหน้าของกำแพงหิน แล้วทำท่าทางมือเช่นเดียวกับเขาบนกำแพงหินไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะออกไปนั้น ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาว่า นางไม่ควรจะออกไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนางซื้อหุ่นไม้และผมปลอมออกมาจากร้านค้าก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตนเอง แล้วสวมลงบนหุ่นไม้ แล้วนำหุ่นไม้ย้ายไปด้านหลังโต๊ะ ให้มันนั่งลงอยู่ตรงนั้นเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็นำอีกชุดหนึ่งออกมา แล้วรีบสวมใส่เข้าไปก่อนจะเหลือบมองไปยังหุ่นไม้อย่างพึงพอใจ นางจึงรีบพุ่งออกไปในตอนที่นางออกจากห้องลับนั้น กำแพงหินก็ปิดลงเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไ
ฉู่จวินสิงหันกลับมาทันทีก็มองเห็นคนที่กอดเขาอยู่นั้นเป็นเจี่ยนอันอันที่เขาตามหามาตลอดทั้งคืนเขากอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่นอย่างตื่นเต้นหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาในที่สุดก็วางลงได้“ทั้งคืนมานี้เจ้าถูกจับไปไว้ที่ใดกัน แล้วเจ้าหนีมาได้อย่างไร?”น้ำเสียงทุ้มลึกของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้เจี่ยนอันอันพูดออกมาสั้นๆถึงเรื่องที่นางถูกขังเอาไว้ในห้องลับ“จวินสิงพวกเราตอนนี้รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ หากกู้มั่วหลีพบว่าข้าลอบหนีออกมาแล้วจะต้องตามมาจับข้าแน่”ฉู่จวินสิงพยักหน้ากอดเจี่ยนอันอันแล้วลอยทยานลงมายังรถม้าเขาขับรถม้ารีบออกไปจากเมืองหลักทางด้านของกู้มั่วหลีหลังจากที่จัดการกับเหล่าสมาชิกในครอบครัวหญิงเหล่านั้นแล้ว ก็กลับมายังห้องลับที่ขังเจี่ยนอันอันเอาไว้เขามองเห็นเจี่ยนอันอันกำลังนั่งหันหลังให้กับเขาอยู่ด้านหลังโต๊ะ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองใดกู้มั่วหลีพูดขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะว่าง่ายเช่นนี้ นี่กำลังรอข้ากลับมากอดเจ้าอย่างนั้นหรือ”เมื่อเห็นว่า ‘เจี่ยนอันอัน’ ไม่แม้แต่จะตอบกลับ กู้มั่วหลีก็กอด ‘เจี่ยนอันอัน’ ด้วยรอยยิ้
นางเหยียดแขนทั้งสองออก แล้วโอบรอบคอของฉู่จวินสิงเอาไว้ ก่อนจะจูบไปยังริมฝีปากของเขาฉู่จวินสิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สามที่เจี่ยนอันอันเป็นคนจูบเขาก่อนเขากอดเจี่ยนอันอันเข้ามาในอ้อมแขน จูบลงบนริมฝีปากของนางเบาๆผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่จวินสิงถึงได้ยอมละจากริมฝีปากของนาง"จวินสิง ข้าพักผ่อนจนพอแล้ว เปลี่ยนให้ท่านพักบ้าง""เรียกข้าสามี!" ฉู่จวินสิงยกมือขึ้นลูบแก้มเจี่ยนอันอันเบาๆเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อย ร้องเรียกเสียงไพเราะ "สามี สามี สามี!"อันที่จริงแล้วนางไม่คุ้นเคยกับการเรียกสามีคำนี้ ทว่าฉู่จวินสิงชื่นชอบถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางก็เรียกมันออกมาให้มากเสียหน่อยฉู่จวินสิงยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาทำให้ใบหน้าที่เดิมทีก็หล่อเหลาเป็นอย่างมาก ยิ่งดูน่ามองมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพักผ่อนจนเพียงพอแล้ว นางยังคงคิดถึงอาการป่วยของสวีจงฉือหากว่าไม่รีบรักษาอาการป่วยของเขาให้หายโดยเร็ว เกรงว่าคนอื่นๆ ในที่ว่าการอำเภอนี้ จะต้องติดเชื้อจากเขาเป็นแน่"สามี ข้าอยากจะรักษาอาการป่วยของสวีจงฉือให้หายโดยเร็ว ข้าไม่อาจทำให้ล่าช้าอีกต่อไป"ฉู่จวินสิงเองก็เข้าใจ อาการป่วยของสวีจงฉือสา
นางแกะเปลือกที่ห่ออยู่ด้านนอกออกตั้งแต่อยู่ในห้วงมิติเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทางการที่คอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ก็ไม่มีทางสงสัยอะไรฉู่จวินสิงหิวแล้วจริงๆ ก่อนหน้านั้นเพื่อตามหาเจี่ยนอันแล้ว เขาจึงไม่รู้สึกหิวทว่าตอนนี้เมื่อผ่อนคลายลงแล้ว ท้องก็ส่งเสียงคำรามออกมาไม่หยุดฉู่จวินสิงเองก็ไม่เกรงใจแล้ว รับขนมมากินเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างเอร็ดอร่อย เจี่ยนอันอันก็พึ่งพอใจกับขนมที่ตัวเองเลือกมาดูเหมือนว่าขนมเหล่านี้จะถูกปากฉู่จวินสิงมากเจ้าหน้าที่ทางการที่เฝ้าอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างอร่อยเขาก็อดที่จะกลืนน้ำลายที่กำลังจะไหลออกมาตรงมุมปากไม่ได้เจี่ยนอันอันสังเกตุเห็นเจ้าหน้าที่ทางการที่กลืนน้ำลาย นางก็หัวเราะออกมา แล้วหยิบขนมออกมาหลายชิ้น ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการชิ้นหนึ่ง"เจ้าเองก็คอยปกป้องคอยเฝ้าข้าอย่างรอบคอบอยู่เช่นนี้ ก็กินสักชิ้นเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการรีบเช็ดมือตัวเองกับเสื้อผ้า ก่อนจะรับขนมไป"ขอบคุณแม่นางเจี่ยน" เจ้าหน้าที่ทางการพูดขึ้น แล้วนำขนมส่งเข้าปากไปขนมอ่อนนุ่มเข้าปาก เต็มไปด้วยกลิ่นนมเจ้าหน้าที่ทางการยังไม่เคยกินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก
ในที่สุดหลังจากที่ป้อนยาจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็ช่วยประคองสวีจงฉือให้นอนลง นางตรวจชีพจรให้สวีจงฉือ อาการป่วยนี้เพียงแค่สองสามวันไม่อาจรักษาให้หายได้ บวกกับบาดแผลบนกายเขา ไม่อาจจะหายได้อย่างรวดเร็วเขาไอออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่ส่งผลกับบาดแผลบนกาย นี้ยังทำให้เขายิ่งต้องทนต่อความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพูดกับสวีจงฉือ “ข้าจะเปิดเสื้อผ้าของเจ้าออก ดูว่าบาดแผลของเจ้าดีขึ้นหรือไม่” สวีจงฉือพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขาคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดเวลาในใจเขาคอยคิด หากว่าเจี่ยนอันอันยังไม่ได้แต่งงานก็คงจะดีเสียดายก็เพียงแต่ว่าเขาปรากฏตัวออกมาช้าจนเกินไป ตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เจี่ยนอันอันเปิดเสื้อคลุมของสวีจงฉือออก ก่อนจะแกะผ้าพันแผลที่ผันอยู่รอบกายเขาแต่ละบาดแผลบนนั้นล้วนแต่ดูน่าตื่นตกใจ ตรงบาดแผลที่ถูกดึงมีดออกมามีเลือดไหลออกมาบางส่วน มีบางที่ที่กลายเป็นหนองเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหมอเมื่อวานนี้ที่รักษาให้สวีจงฉือ ไม่นำยาชนิดพิเศษใดออกมา เจี่ยนอันอันหยิบสำสีที่ใช้ทางการแพทย์ออกมาจากห้วงมิติ จุ่มลงไปในไอโอโดฟ
พวกเขาออกกันมานานมากแล้ว คนที่บ้านจะต้องกังวลเป็นอย่างมากหากว่ายังไม่กลับไปอีก เกรงว่าคนที่บ้านคงจะส่งคนออกมาตามหาแล้วทั้งสองคนมายังด้านนอกห้องพิจารณาคดี เมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางกำลังตัดสินคดีอยู่และดีที่คดีนี้ค่อนข้างง่าย เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยระหว่างเพื่อนบ้านเท่านั้นเซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาถึง ก็พูดว่าเลิกศาล แล้วเดินออกมา “น้องอันอัน เจ้าพักผ่อนพอแล้ว นี่จะกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา “พวกเราออกมานานแล้ว คนที่บ้านจะต้องรอพวกเรากลับไป”เซิ่งฟางอยากจะให้ทั้งสองคนอยู่ต่อกินข้าวกันสักมื้อแล้วค่อยไป แต่กลับถูกทั้งสองคนปฏิเสธเซิ่งฟางเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก จึงส่งพวกเขาจากไปเจี่ยนอันอันกลับแย่งพูดขึ้นมา “พี่เซิ่ง ท่านนำกระดาษกับปากกามาหน่อย ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้สวีจงฉือ”เซิ่งฟางรีบให้เจ้าหน้าที่ทางการไปนำกระดาษกับปากกามารอจนเมื่อเจี่ยนอันอันเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว เขาถึงได้พูดขึ้น “ระหว่างทางที่พวกเจ้ากลับไป จะต้องระมัดระวังให้มาก”“กู้มั่วหลีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร กลัวว่าจะลอบสังหารพวกเจ้าระหว่างทางเข้า”“จากที่ข้ามอง ข้าว่าส่งค
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ