เจี่ยนอันอันรู้ว่าเฉียวอี้กังวลเรื่องอะไรแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของเฉียวอี้ไม่ให้แพร่กระจายสู่คนอื่นต่อ นางจำเป็นต้องทำแบบนี้“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแต่รักษาอาการป่วยของเจ้า ไม่ได้จะทำอันตราย”คำพูดของเจี่ยนอันอันเป็นดังเสียงวิเศษที่ทำให้เฉียวอี้ซึ่งเป็นกังวลค่อยๆ ผ่อนคลายลงเฉียวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอย่างเขินอายว่า “เนื้อตัวข้าสกปรก ให้ข้าไปล้างตัวก่อนค่อยรักษาดีกว่า”เขาว่าจบก็วิ่งออกไป ฉู่จวินสิงตามออกจากวัดร้างเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เจี่ยนอันอันก็ได้ยินเฉียวซื่อร้องเรียกมาจากห้องด้านหลัง“แม่นาง ท่านช่วยมาที่นี่สักครู่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเลิกม่านประตูเดินเข้าไปพบว่าเฉียวซื่อได้ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแสดงความซับซ้อน“มีอะไรหรือ ไม่สบายที่ใดหรือ?”เจี่ยนอันอันถามแล้วก็จะจับชีพจรให้เฉียวซื่อเฉียวซื่อส่ายหน้ายิ้ม “ข้ามองออกว่าแม่นางเป็นคนดี ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าสมควรที่ต้องตอบแทน”“เมื่อครู่นี้ข้าตัดสินใจได้แล้ว ข้าไม่คิดที่จะเก็บหยกพกชิ้นนั้นไว้ ขอมอบให้ท่านดีกว่า”เฉียวซื่อพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะเดินกะเผลกออกไปเจี่ยนอันอันไม่เข้าใ
นางไม่ได้ถามออกไป เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ว่า “ท่านปู่เฉินสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแม้แต่น้อย”“เหอะ…” เฉียวซื่อหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง “ตัวเขาสุขสบายดีแต่กลับทำร้ายสามีของข้า”มือทั้งสองข้างของนางกำแน่นเป็นหมัด ปากกัดริมฝีปากล่างแน่น แววตาเปี่ยมด้วยความเกลียดชังเจี่ยนอันสงสัยหนักเข้าไปอีก สามีของเฉียวซื่อไปรู้จักกับท่านปู่เฉินได้อย่างไร?เจี่ยนอันอันถามด้วยความสงสัย “บอกข้าได้หรือไม่ว่าระหว่างสามีของท่านกับท่านปู่เฉินมีความแค้นอะไรกัน?”เฉียวซื่อกัดฟันแน่นก่อนจะเล่าเรื่องของสามีออกมาในที่สุดสามีของนางเฉียวมีนามว่าเฉียวว่านหลิน เปิดร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางแม้ฐานะครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เมื่อสามปีก่อน ท่านปู่เฉินจากหมู่บ้านชิงสุ่ยได้มาซื้อเครื่องมือเหล็กที่อำเภอไถหยางและได้พบกับร้านของสกุลเฉียวการได้พูดคุยกันทำให้ทั้งสองคนค่อยๆ สนิทกันมากขึ้นท่านปู่เฉินบอกว่าเขาต้องการสร้างอาวุธที่เข้ามือเขาต้องการไปตามหาคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยเฉียวว่านหลินเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยเช่นกันแต่เขามองว่ามันเป
เมื่อครู่นี้เขาวิ่งออกไปตักน้ำจากบ่อที่ที่ลานวัดร้างมาราดใส่ตัวน้ำบ่อเย็นยะเยียบทำให้เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาวหลังจากราดน้ำใส่ไปหลายถัง สิ่งสกปรกบนใบหน้าเขาก็ถูกล้างสะอาดในที่สุดมุมปากของเจี่ยนอันอันกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นเฉียวอี้กลับมาในสภาพตัวเปียกโชก นี่เขาไม่ถอดเสื้อผ้าเวลาอาบน้ำหรือ?เฉียวอี้ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาเคยชินกับการล้างตัวแบบนี้มานานแล้วเจี่ยนอันอันพูดว่า “เจ้าถอดเสื้อผ้าออกเถิด ข้าจะดูว่าร่างกายเจ้ามีการติดเชื้อเป็นบริเวณกว้างหรือไม่”เฉียวอี้มองแม่ของตัวเองปราดหนึ่ง เห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ เขาถอดเสื้อผ้าออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในโชคดีว่าบริเวณที่ติดเชื้อของเฉียวอี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่บริเวณหลังไปถึงลำคอมีพื้นขนาดใหญ่ที่แสดงถึงการเป็นหนองเจี่ยนอันอันนำกระเป๋าเข็มออกมาแล้วพูดกับเฉียวอี้ “ข้าจะทำการฝังเข็มที่หลังเจ้า ทนเจ็บหน่อยนะ”เฉียวอี้ได้ยินว่าจะฝังเข็มให้ก็กัดฟันทันที “ข้าทนได้ ท่านลงมือเถิด”ขอเพียงรักษาโรคเรื้อนได้ เขาจะไม่กลัวการถูกฝังเข็มเจี่ยนอันอันฝังเข็มสิบกว่าเล่มลงที่หลังและคอของเฉียวอี้เฉียวอี้หน้าตาบ
“พี่รอง พี่สะใภ้รอง ในที่สุดก็หาพวกท่านเจอ” ฉู่อันเจ๋อวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจเมื่อวานนี้ฉู่จวินสิงออกมาตามหา แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะพาเจี่ยนอันอันกลับมาเสียทีคนที่บ้านต่างเป็นกังวล ฮูหยินใหญ่จึงให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าออกมาตามหาเหยียนเซ่าทำความเคารพเมื่อมาถึงเบื้องหน้าฉู่จวินสิง“นายน้อย ข้ากับนายน้อยอันเจ๋อตามหาพวกท่านมาตลอดทั้งสาย”เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าการออกมาข้างนอกครั้งหนึ่งของตัวเองจะทำให้คนเป็นห่วงมากมายขนาดนี้นางส่งยิ้มให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าด้วยความขอโทษแต่ไม่ได้พูดอะไรฉู่จวินสิงถามว่า “ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านใช่หรือไม่?”เหยียนเซ่าตอบด้วยความเคารพ “ที่บ้านไม่ได้มีเรื่องอะไรขอรับ เพียงแต่กำลังรอให้พวกท่านกลับไปอยู่”เจี่ยนอันอันเห็นว่าทั้งสองคนเดินเท้ามา เกรงว่าคงเหนื่อยจากการเดินนางรีบร้อนที่จะตามหารถม้าของบ้านตัวเองมากขึ้นฉู่จวินสิงเดินออกมาด้วยกันกับนาง ไม่ได้จูงรถม้าของบ้านเสิ่นจือเจิ้งออกมาด้วยเมื่อนึกได้ว่ารถม้าคันนั้นยังจอดอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอนางก็ให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าไปที่ที่ว่าการอำเภอเพื่อจูงรถม้าของบ้านเสิ่นจือเจิ้งมาก หลังจากที
สี่เอ๋อร์เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก็วิ่งไปทำอาหารที่ห้องครัวอย่างมีความสุขนางเองก็เป็นห่วงมานานเช่นกัน ตอนนี้สามารถเบาใจลงในที่สุดสี่เอ๋อร์กับสาวใช้อีกสองคนทำอาหารเสร็จแล้วยกออกมาวางบนโต๊ะในลานบ้าน ทั้งครอบครัวนั่งทานอาหารร่วมกัน ฮูหยินใหญ่ถามเจี่ยนอันอันว่าสองวันนี้ไปพบเรื่องราวอะไรมาบ้างเจี่ยนอันอันเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างง่ายๆ ทุกคนฟังแล้วอกสั่นขวัญหายนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะถูกเจ้าคนที่มีนามว่ากู้มั่วหลีจับตัวไปหากนางไม่ได้หนีออกมาจากห้องลับนั่นจะทำอย่างไร?ไม่แน่ว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง นางจะกลายเป็นศพไปแล้วฮูหยินใหญ่ยิ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอันหนักกว่าเดิมเมื่อคิดถึงตรงนี้นางดึงมือเจี่ยนอันอันมาจับพลางพูดด้วยความเป็นห่วง “อันอัน ต่อไปอย่าอยู่ห่างจากจวินสิงอีก”“ข้ากลัวว่าคนผู้นั้นจะลงมือต่อเจ้าซ้ำสอง”เจี่ยนอันอันส่งรอยยิ้มปลอบประโลมให้ฮูหยินใหญ่ “ท่านแม่วางใจเถิด ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไรเจ้าค่ะ”เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉู่จวินสิงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เช่นกันไม่ว่าต่อไปนี้เจี่ยนอันอันจะไปที่ใด เขาก็จะไม่อยู่ห่างแม้แต่ครึ่งก้าวหลังจากกินข้าวเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กลับเ
ฉู่จวินสิงถือโอกาสกดตัวไปข้างหน้าและจุมพิตนับครั้งไม่ถ้วนลงที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอัน ในตอนนี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียงของสี่เอ๋อร์ดังเข้ามา “นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรอง อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรีบผลักฉู่จวินสิงออก นางสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกไปโชคดีว่าสี่เอ๋อร์มาเคาะประตูได้ถูกเวลามาก มิเช่นนั้นประเดี๋ยวนางคงได้กลายเป็นขนมแป้งทอดที่ถูกฉู่จวินสิงพลิกไปมามุมปากของฉู่จวินสิงมีรอยยิ้มประดับ เขาสวมเสื้อผ้าแล้วตามออกไปเช่นกัน หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็เรียกฉู่จื่อซีมาคุยด้วยนางยังไม่ลืมเรื่องที่จะส่งนกพิราบสื่อสารสองตัวไปให้เซิ่งฟาง “อาสะใภ้รอง ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือขอรับ?”ฉู่จือซีกะพริบดวงตาคู่โตของตัวเองเงยหน้ามองเจี่ยนอันอัน เจี่ยนอันอันลูบศีรษะน้อยๆ ของเขาพลางยิ้มว่า “จื่อซีช่วยเรียกนกพิราบมาให้สักสองตัวได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องใช้งาน”ฉู่จื่อซีว่ามีเรื่องที่จะได้ใช้ความสามารถของตัวเองในที่สุดก็วิ่งออกไปด้วยรอยยิ้มทันทีไม่นาน บนบ่าของเขาก็มีนกพิราบสีขาวกับสีเทาบินมาเกาะฉู่จื่อซีพานกพิราบกลับมาหาเจี่ยนอันอัน “อาสะ
ลูกเตะทลายเมฆาของฉู่จวินสิงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะรับมือได้ท่านปู่เฉินเห็นดังนี้ก็หมุนตัวหลบเท้าของฉู่จวินสิงเตะถูกต้นไม้ด้านหลัง ลำต้นส่ายไหวอย่างรุนแรงหลายครั้งและเกือบถูกถอนออกทั้งราก“แม่นางเจี่ยน นี่พวกท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ช่วยอธิบายให้กระจ่างได้หรือไม่?”ท่านปู่เฉินไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกเขามาตั้งแต่แรก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ลงมือต่อสู้กับฉู่จวินสิงทว่าภาพที่เขาหลบการโจมตีของฉู่จวินสิงได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวล้วนตกอยู่ในสายตาของเจี่ยนอันอันลูกเตะของฉู่จวินสิงรวดเร็วมาก หากเป็นคนธรรมดาก็ไม่มีทางที่จะหลบพ้น แต่นี่ท่านปู่เฉินกลับหลบได้อย่างว่องไว เรื่องนี้พิสูจน์ว่าศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ได้อ่อนแอ นางพูดกับฉู่จวินสิงว่า “ท่านพี่ พอแล้วเจ้าค่ะ”ฉู่จวินสิงกลับไปยืนข้างเจี่ยนอันอันและมองนางอย่างไม่เข้าใจเช่นกันเจี่ยนอันอันยิ้มว่า “ท่านปู่เฉิน ท่านไม่ได้อ่อนแอแบบที่เห็น”“ท่านเก็บซ่อนศิลปะการต่อสู้ของตัวเองมาโดยตลอด ข้าคิดว่าท่านเป็นคนธรรมดาเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ เสียอีก”ท่านปู่เฉินคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะทำแบบนี้เพื่อดูว่าเขามีศิลปะการต่อสู้หรือไม่หากเขาไม่มีศิ
เมื่อสามปีก่อน ท่านปู่เฉินได้รู้ว่าเมืองอินเป่ยมีคลังสมบัติจากปากของเฉินหย่งเหนียนเหตุสังหารหมู่เมื่อตอนนั้นเกิดขึ้นเพราะคลังสมบัตินี้เช่นกันแต่พวกคนของราชวงศ์ไม่พบตำแหน่งของคลังสมบัติแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้จึงเปิดฉากสังหารอย่างโจ่งแจ้งบรรดาผู้ที่สังหารหมู่ทำการสังหารคนชรา คนป่วยและคนพิการทิ้งทั้งหมดเหลือไว้เพียงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อนี้คนในหมู่บ้านชิงสุ่ยต้องใช้ชีวิตแบบอดมื้อกินมื้อหลังจากที่ท่านปู่เฉินได้ยินเรื่องคลังสมบัติในเมืองอินเป่ย เขาก็เกิดความคิดที่จะตามหามันแต่ลำพังแค่เขาเพียงคนเดียวคงไม่มีทางเจอตำแหน่งของคลังสมบัติเพราะขนาดคนของราชวงศ์ก็ยังหาไม่เจอ เช่นนั้นตัวเขาที่เป็นแค่หัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะหาเจอได้อย่างไรด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้มีการรวบรวมคนจำนวนหนึ่งเพื่อไปตามหาที่ตั้งของคลังสมบัติด้วยกันหากเจอคลังสมบัติจริงๆ เขาก็สามารถใช้เงินพวกนั้นมาช่วยให้หมู่บ้านชิงสุ่ยผ่านพ้นจากวิกฤตและพวกชาวบ้านก็จะได้ไม่ต้องทนถูกครอบครัวของจางต้ากลั่นแกล้งอีกต่อไปเดิมทีแล้วเขามีเจตนาที่ดี แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นการทำร้ายเฉียวว่านหลินตอนนั้นพวกเขาห้าคนช่วยกันตา
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ