“เจ้านึกว่าข้ากับเหวยป๋อจื่อชอบเจ้าจริงๆ จึงรั้งตัวให้อยู่ข้างกายน่ะหรือ?”“หญิงแพศยาเช่นเจ้า เห็นชายใดก็คิดจะทอดร่างให้เขาเชยชม มีแต่กลายเป็นของเล่นสำหรับพวกเรามากกว่า”“และบัดนี้เหวยป๋อจื่อได้ตายไปแล้ว ไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีก”“จงรอความตายอยู่นี่เถอะ”กู้มั่วหลีกล่าวจบ มุมปากเหยียดรอยยิ้มหยันออกมาเขาหันหลังไป พร้อมก้าวเท้าออกจากห้องนอนเจี่ยนหลิงเยว่พยายามจะลุกขึ้น เพื่อไปจากที่นี่เสียและทันทีที่นางขยับกาย ทั่วทั้งร่างกายพลันเกิดเสียงกระดูกหักดังขึ้น ‘กึกกัก’ ความเจ็บปวดแสนสาหัสสากรรจ์ ยิ่งกว่านางกินยาพิษเข้าไปหลายเท่านัก ไม่นานในห้องนอนได้มีเสียงเจี่ยนหลิงเยว่กรีดร้องดังขึ้น ตามด้วยเสียง ‘ปัง’ ที่ดังตามมา เจี่ยนหลิงเยว่ถูกระเบิดฉีกร่างจนแหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดีขณะกู้มั่วหลีได้ยินเสียงระเบิดนั้น ฝีเท้าจะหยุดชะงักสักนิดก็หาไม่บัดนี้เขาไม่เพียงได้ขจัดวิชาไสยศาสตร์ในตัว แม้แต่พิษร้ายก็ถูกถอนไปสิ้นเขาไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจผู้ใดอีกแล้ว สามารถมีอิสระได้อย่างเต็มที่แม้จะไปหาเจี่ยนอันอันอีกครั้ง ก็ไม่มีใครขัดขวางเขาได้อีกเพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่คิดทำเช่นนั้นเพราะเขาได้ทำข้อต
กู้มั่วหลีเดินมายังข้างเตียงด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาเหี้ยมเกรียมขณะก้มมองดูเจี่ยนหลิงเยว่ซึ่งมีท่าทีตกใจอยู่บนเตียงสายตาที่จ้องมา ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่หวาดกลัวจนตัวสั่นนางเข้าใจแววตาประเภทนี้ดี ทุกครั้งที่กู้มั่วหลีคิดเอาชีวิตใครสักคน มักปรากฏแววตาในลักษณะนี้เสมอหรือว่า อีกประเดี๋ยวเขาคิดจะเอาชีวิตนางแล้ว?ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว เจี่ยนหลิงเยว่ทนฝืนความเจ็บปวดของร่างกายไว้ พลางคลานขึ้นจากเตียง คว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อของกู้มั่วหลี“คุณชายกู้ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ อนาคตท่านจะให้ข้าทำสิ่งใด ข้าล้วนยินดี”“เจ้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อข้าจริงหรือ?”ขณะกู้มั่วหลีเอ่ยปาก แววตาได้แฝงรอยยิ้มออกมาเจี่ยนหลิงเยว่พยักหน้าไม่หยุด แม้จะให้นางเปลื้องผ้าตอนนี้และขึ้นเตียงกับเขาในบัดดล นางก็ล้วนยินดี“เช่นนั้นก็ได้ เจ้าถอดเสื้อผ้าก่อน”กู้มั่วหลีกล่าวพลาง สายตามีแววสัพยอก“ได้ ข้าถอด ข้าถอดเดี๋ยวนี้”ขอเพียงไว้ชีวิตนาง นางไม่สนใจแล้วว่าจะทำเรื่องน่าอดสูกับกู้มั่วหลีถึงเพียงไหนเจี่ยนหลิงเยว่มือสั่นระริก ฝืนทนความเจ็บในร่างกายไว้ ค่อยๆ ถอดเสื้อออกทีละชั้นร่างบอบบางอ้อนแอ้นนั้น ไม่นานก็ปรากฏอยู
จ้าวจวี้มองดูฉู่จวินหลุนด้วยอาการชะงักงัน จากเครื่องแต่งกายของเขาพอดูออกว่า คงไม่ใช่สามัญชนทั่วไปรวมถึงรูปลักษณ์ที่ดูมีคุณธรรม และบุคลิกอันสูงส่งนั่นอีกเล่าดูอย่างไรก็คล้ายผู้เป็นอ๋องมากกว่าส่วนฉู่จวินหลุนก็ดูคนแม่นมาแต่ไหนแต่ไร นับแต่เห็นจ้าวจวี้แวบแรก ก็ดูออกแล้วว่าเขารู้วรยุทธ์หนำซ้ำเขาและลูกเมียต่างใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแน่นอนเมื่อครู่ยิ่งได้เห็นเขาร่ายรำกระบี่ ฉู่จวินหลุนก็ยิ่งต้องการได้ตัวเขามาเป็นบริวารจนหลังจากแสดงท่าเพลงทวนเสร็จแล้ว ความคิดนี้ก็ยิ่งมั่นใจจ้าวจวี้กระซิบถามเจี่ยนอันอัน “ท่านหมอเทวดาหญิง พวกเขาเป็นใครกัน?”เจี่ยนอันอันกล่าวตอบยิ้มๆ “ท่านนี้เป็นพี่ชายของสามีข้า ชื่อฉู่จวินหลุน”“ส่วนอีกคนเป็นน้องสามของสามีข้า ชื่อฉู่อันเจ๋อ”จ้าวจวี้ได้ยินว่าอีกฝ่ายแซ่ฉู่ พลันนึกได้ว่าฮ่องเต้แคว้นไท่ยวนก็แซ่ฉู่เช่นกันหรือว่าพวกเขาจะเป็นคนในราชสำนัก?ซึ่งเขาก็เคยได้ยินมาว่า ครอบครัวเยียนอ๋องได้ถูกเนรเทศจนมาอยู่เมืองอินเป่ยหรือว่า พวกเขาก็คือญาติพี่น้องของเยียนอ๋องที่ถูกเนรเทศจริงๆ?ไม่ทันรอให้จ้าวจวี้ได้เอ่ยปากถามต่อ ฉู่จวินหลุนรีบเปิดเผย
ดูท่าแขกที่ดื่มจนเมามายผู้นั้นยังคงโกรธแค้นจ้าวจวี้อยู่ในใจ จึงแอบมาวางยาลูกสองคนของเขาก็เป็นได้ส่วนจะใช้วิธีใดในการวางยานั้น คงไม่อาจรู้ได้เจี่ยนอันอันเห็นถึงความคลางแคลงใจของจ้าวจวี้ จึงนำเรื่องที่เด็กสองคนถูกยาพิษ บอกเล่ให้เขาฟังฉีซื่อได้ยินว่าลูกทั้งสองถูกวางยา นางยิ่งตกใจจนหน้าตาซีดเผือดแต่คำพูดถัดมาของเจี่ยนอันอัน ค่อยทำให้ความกังวลของนางบรรเทาลงบ้าง“แต่พวกเจ้าวางใจได้ พิษชนิดนี้แก้ได้ไม่ยาก รอให้ข้าปรุงยาเสร็จเมื่อใด ให้พวกเขาดื่มเสียก็จะหมดเรื่อง”ฉีซื่อค่อยถอนหายใจโล่งอก พร้อมรีบขอบคุณเจี่ยนอันอันเป็นการใหญ่เพียงไม่นานเจี่ยนอันอันก็ปรุงยาเสร็จ นางแบ่งยาออกเป็นสองชาม ให้ฉีซื่อยกให้ลูกทั้งสองได้กินเจี่ยนอันอันเก็บหม้อต้มยาขึ้น แล้วจึงเดินออกมาจากในครัวฉีซื่อพักยาจนเย็นก่อน ค่อยนำไปให้เสี่ยวเหนียนกินเพื่อถอนพิษไม่นานเสี่ยวเหนียนก็บอกว่าร่างกายหายเจ็บปวดแล้วฉีซื่อดีใจยิ่ง พร้อมนำยาอีกชามที่พักจนเย็นแล้ว ไปให้เสี่ยวลี่ดื่มต่อไม่นานพิษในตัวเด็กทั้งคู่ ก็ถูกถอนจนหมดสิ้นฉีซื่อและจ้าวจวี้ได้ยินว่าลูกหายดีแล้ว จึงรีบกล่าวขอบคุณต่อเจี่ยนอันอัน“ท่านหมอเทวดาหญิง
สิ่งที่เจี่ยนอันอันเห็นภายในบ้านจ้าวจวี้ มีทวนยาวและกระบี่แขวนไว้ แสดงว่าเขาน่าจะเป็นผู้รู้วรยุทธ์เพียงแต่อาจไม่มีวิชาตัวเบา หาไม่คงไม่วิ่งจนเหงื่อโทรมกายเช่นนี้ภรรยาของจ้าวจวี้คือฉีซื่อเห็นมีคนมาบ้าน จึงรีบวิ่งออกมาจากด้านในเมื่อนางเห็นเจี่ยนอันอัน ความกังวลบนใบหน้าก็ค่อยคลี่คลายลง“ท่านพี่ ท่านได้เชิญหมอเทวดาหญิงมาจริงๆ ลูกเรามีหวังรอดแล้ว”ฉีซื่อกล่าวพลาง รีบแสดงความคารวะต่อเจี่ยนอันอันหลายวันนี้นางกลุ้มอกกลุ้มใจเสียจนผมแทบหงอก เมื่อมองดูบุตรทั้งสองคนโอดครวญว่าปวดเนื้อปวดตัว ทำให้นางร้อนใจเป็นอย่างมากโชคดีที่จ้าวจวี้พาหมอเทวดาหญิงมาถึง ลูกของนางจะต้องได้รับการรักษาให้หายขาดฉีซื่อรีบบอกเจี่ยนอันอัน “ท่านหมอเทวดาหญิง ลูกอยู่ด้านในเจ้าค่ะ เชิญท่านตามข้าไปดูเถอะ”เจี่ยนอันอันติดตามฉีซื่อเข้าไปในบ้าน จึงเห็นเด็กชายสองคนนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆ ซีดเซียวราวกับกระดาษเด็กทั้งสองคนป่วยหนักจนพูดจาไม่ออก เนื้อตัวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวยามนี้ได้แต่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกำผ้าห่มไว้แน่น ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดเจี่ยนอันอันรีบเดินไปข้างเตียงเพื่อตรวจชีพจรให้แก่เด็กทั้งสองคนไ
ตอนนั้นเจ้าของร่างเดิมถูกไสยศาสตร์เข้าควบคุมทำให้หมดสติไป ดีที่ได้เจี่ยนอันอันช่วยแก้ให้แต่เขาก็รู้ดีว่า แต่ก่อนเจี่ยนอันอันไม่ได้รู้เรื่องเหล่านี้เลยหรือว่านับแต่มาอยู่ในยุคนี้ ทำให้นางใช้วิธีครูพักลักจำจนเรียนรู้วิชานอกรีตเหล่านี้เข้า?เจี่ยนอันอันดูออกว่าเสิ่นจือเจิ้งเกิดควางสงสัย นางจึงกล่าวยิ้มๆ “พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไว้กลับไปแล้วข้าค่อยอธิบายให้ฟัง ตอนนี้เรารีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา เสาหินและประตูจวนเสวียนเยว่จึงค่อยหยุดการสั่นไหวเจี่ยนอันอันจึงกล่าว “เอาล่ะ ไสยศาสตร์ที่ประตูได้ถูกแก้แล้ว พวกเราออกไปจากที่นี่ได้”เจี่ยนอันอันเดินนำไปก่อน พร้อมผลักประตูจวนเสวียนเยว่ให้ออกกว้างฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อรีบติดตามไป เมื่อทั้งสี่ออกจากจวนได้แล้ว จึงรีบขึ้นหลังม้าเนื่องจากทั้งสามคนมากับม้าสามตัว เจี่ยนอันอันจึงต้องขี่ร่วมกับเสิ่นจือเจิ้งฉู่จวินหลุนไม่อาจขี่ม้าร่วมกับเจี่ยนอันอันได้ เพราะในความคิดหัวโบราณของเขา ถือคติชายหญิงห้ามอยู่ใกล้ชิดขนาดขาที่บาดเจ็บยังไม่ยอมให้เจี่ยนอันอันรักษา จึงยิ่งไม่ยอมให้คนนอกพบเห็นว่า เขาขี่ม้าตัวเดียวกับน้องสะใภ้ของตน
เขาวางกระบี่ในมือลง สายตาที่มองเจี่ยนอันอันแฝงด้วยความหมองเศร้า เจี่ยนอันอันไม่นำพาต่อความรู้สึกในแววตากู้มั่วหลี นางสาวเท้าไปหาเสิ่นจือเจิ้งกับพวก “พี่ใหญ่ เหตุใดจวินสิงไม่ได้ติดตามมาด้วย เขาเกิดเรื่องใช่หรือไม่?” ฉู่จวินหลุนพยักหน้าหนักแน่น “จวินสิงถูกวิชาไสยศาสตร์ของเหวยป๋อจื่อทำร้ายเข้า จนป่านนี้ยังไม่ฟื้นมา” เจิ่นจือเจิ้งกล่าวตาม “ก่อนหน้านี้ข้ากับฉู่จวินสิงเคยมาหาเจ้าที่นี่ แต่เขาไปแตะถูกกลไกเข้า จึงถูกวิชาไสยศาสตร์แทรกซึมเข้าร่างกาย” หัวใจของเจี่ยนอันอันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มนานแล้ว หากนางไม่รีบกลับไปอีก เห็นทีฉู่จวินสิงคงจะไม่รอดเป็นแน่ “เรารีบไปจากที่นี่เถอะ ถึงบ้านแล้วข้าจะขจัดวิชาไสยศาสตร์ให้เขาเอง” เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง คิดจะออกจากจวนเสวียนเยว่ไป กู้มั่วหลีเห็นดังนี้ จึงรีบพุ่งตัวมาขวางอยู่เบื้องหน้า ยับยั้งทางไปของนาง “กู้มั่วหลี เจ้ารั้งข้าไว้ไม่อยู่หรอก ขอเตือนให้เลิกล้มความคิดนี้โดยเร็ว” “มิฉะนั้นข้าถอนพิษให้เจ้าได้ ก็สามารถวางยาที่ร้ายแรงกว่าเดิมได้อีก” คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้กู้มั่วหลีเกิดความเครียดในใจ สายตาที่จ้องมองนางเปี่ยมด้วยความชอกช้ำ หลั
เขายังไม่ทันได้ถามต่อ ร่างกายพลันเกิดเสียง ‘ปัง’ ขึ้น เขาทำการระเบิดตัวเอง เศษเนื้อเยื่อและโลหิตกระจายไปทั่ว เจี่ยนอันอันรีบถอยหลังไปหลายก้าว จึงไม่ถูกเลือดเนื้อของเหวยป๋อจื่อกระเด็นใส่ ในขณะที่เสิ่นจือเจิ้งกับพวก ก็รีบกระโดดถอยหลังไปไกลเช่นกัน จึงไม่ถูกซากร่างของเหวยป๋อจื่อกระแทกเข้า หลังจากเหวยป๋อจื่อเสียชีวิต กู้มั่วหลีซึ่งหมดสติอยู่บนพื้นก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา เขาสัมผัสถูกคราบเหนียวเหนอะบนใบหน้า เมื่อเอามาดูเบื้องหน้าชัดๆ กลับกลายเป็นเลือดเนื้อเต็มไปหมด เดิมทีเขาเป็นคนรักสะอาดอยู่แล้ว จึงอดรู้สึกขยะแขยงไม่ได้ จนต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้หมด พร้อมใช้กำลังภายใน ทำให้ผ้าเช็ดหน้ากลายเป็นเถ้าธุลีไปเสีย กู้มั่วหลีลุกขึ้นยืน จึงเห็นร่างของเหวยป๋อจื่อซึ่งถูกระเบิดจนกลายเป็นชิ้นๆ เจี่ยนอันอันปัดเสื้อผ้าของตน พร้อมเดินมาหากู้มั่วหลี เดิมทีนางยังคิดหลอกใช้เจี่ยนหลิงเยว่ เพื่อเล่นงานเหวยป๋อจื่อ แต่ตอนนี้ดูแล้วคงไม่ต้องใช้นางอีก เพียงแค่เนื้อหาในคัมภีร์แผดเผาวิญญาณ ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตเหวยป๋อจื่อได้แล้ว เจี่ยนอันอันเดินมายังเบื้องหน้ากู้มั่ว
แต่ไฉนจึงมีพวกเขาแค่สามคน เหตุใดฉู่จวินสิงจึงไม่มา?คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ?เพียงคิดว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะเกิดเรื่องกับฉู่จวินสิงระหว่างตามหาตนเอง หัวใจของเจี่ยนอันอันก็กระดอนขึ้นมาจุกที่คอหอยนางเห็นกู้มั่วหลียืนอยู่บริเวณห่างออกไปไม่ไกล เขากอดอกชมดูความครึกครื้นโดยไม่สะทกสะท้านวรยุทธ์ของพวกเสิ่นจือเจิ้งและฉู่จวินหลุนทั้งสามคนล้วนไม่อ่อนด้อย ขณะที่เหวยป๋อจื่อใช้คุณไสยมาต่อกรกับพวกเขาขณะเหวยป๋อจื่อกำลังจะเพลี่ยงพล้ำก็เห็นว่าเขาพลันหมุนตัว มุ่งหน้าตรงเข้ามาหาเจี่ยนอันอันเมื่อครู่เขาเห็นแล้วว่าเจี่ยนอันอันออกมาจากเรือนตะวันออกจึงคิดว่าคนที่อ่อนแอที่สุดในที่นี้ก็คือเจี่ยนอันอันแล้วขอแค่จับเจี่ยนอันอันมาข่มขู่ คนพวกนั้นจะต้องไม่กล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอนขณะที่เหวยป๋อจื่อกำลังจะมาถึงเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันนั่นเอง กู้มั่วหลีลงมือได้อย่างทันกาลเขาฟาดฝ่ามือไปทางเหวยป๋อจื่อ เหวยป๋อจื่อรีบร้อนพลิกตัวหลบเขาใช้คุณไสยต่อกรกับกู้มั่วหลี ไอดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งตรงมายังกลางฝ่ามือกู้มั่วหลีกู้มั่วหลีรีบเก็บมือกลับไปแล้วถอยหลังไปหลายก้าว ทั้งยังสะบัดแขนเสื้อพัดไอดำนั้นแตกกระจายไปทั