จางเฉวียนรีบบอกให้พวกเขาหยุดก่อน เขาดูจากปากแผลของทหารพวกนั้นก็มองออกว่าพวกเขาล้วนถูกพิษเขาร้อนใจขึ้นมา หากปล่อยไว้เช่นนี้เกรงว่าทหารพวกนี้คงต้องตายเพราะถูกพิษแล้ว“รีบไปเชิญหมอจากในเมืองมาเร็วเข้า!”จางเฉวียนรีบบอกให้ทหารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไปตามหมอมารักษาหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้อนธูป ทหารก็เชิญหมอสองคนมาได้อย่างรวดเร็วหมอทั้งสองดูอาการทหารพิทักษ์เมืองเหล่านั้นสักพักก็ทยอยส่ายหน้าไปมา“นายทหารจาง คนเหล่านี้ถูกพิษซึมลึกเกินไป นอกจากนี้ วิธีการของผู้ใช้พิษก็พิสดารนัก โปรดอภัยที่ข้าไม่สามารถแก้พิษนี้ได้”หมอคนหนึ่งลุกขึ้นมาส่ายหน้าให้จางเฉวียนหมออีกคนก็ลุกขึ้นมาในเวลานั้นเช่นกัน เขาก็พูดแบบเดียวกันเห็นว่าหมอสองคนล้วนไม่สามารถแก้พิษให้พวกทหารได้ จางเฉวียนกำดาบยาวในมือแน่นด้วยความโมโหจนข้อกระดูกซีดขาว“ไปเชิญหมอคนอื่นมาอีก!”จางเฉวียนสั่งทหารเหล่านั้น แต่เหล่าทหารมองหน้ากันโดยไม่มีทีท่าว่าจะจากไป“พวกเจ้ายืนบื้ออยู่ตรงนี้ทำไม ยังไม่รีบไปตามหมอมาอีก!”จางเฉวียนตวาดใส่ทหารเหล่านั้นเสียงเกรี้ยวเหล่าทหารเชื่อฟังจางเฉวียนมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่คราวนี้พวกเขาล้วนไม่อาจทำตามคำสั่งข
พวกเขารีบร้อนก้มหน้า ไม่รู้ว่ากู้มั่วหลีลงมือตั้งแต่เมื่อไรร่างกายของพวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บหนักเบาไม่เท่ากันกู้มั่วหลีแสยะยิ้มเย็นพลางหยิบผ้าผืนสี่เหลี่ยมออกมาเช็ดเลือดบนกระบี่“พวกเจ้าถูกยาพิษของข้าแล้ว ถ้าไม่เปิดประตูเมือง ข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเสียเดี๋ยวนี้”ทหารเหล่านั้นไม่เชื่อคำพูดของกู้มั่วหลี แต่เมื่อพวกเขากำลังจะโจมตีกู้มั่วหลีอีกครั้งก็รู้สึกชาวาบบริเวณปากแผลไปทั้งแถบความชานั้นลุกลามไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วในไม่ช้าพวกเขาก็ทยอยล้มลงบนพื้นเสียงดังโครมทหารบนหอประตูเมืองเห็นดังนั้นก็ถือดาบทยอยวิ่งลงมาจางเฉวียนก็ได้ยินทหารมารายงานแล้วเช่นกันว่ามีคนพยายามฝ่าออกไปนอกเมืองจางเฉวียนหยิบดาบยาวบนโต๊ะขึ้นมาทันทีแล้วตามพวกทหารลงไปจากหอประตูเมือง“เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้กล้ามาทำร้ายพี่น้องข้าเช่นนี้!”จางเฉวียนถลึงตามองกู้มั่วหลี เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นดวงตาของคนผู้นี้จากที่ไหนมาก่อนแต่ตอนที่เขาเจอกู้มั่วหลีในปีนั้น กู้มั่วหลียังสวมหน้ากากเงินอยู่เขาเพียงจำดวงตาคู่นั้นได้ แต่กลับไม่กล้าเชื่อมโยงคนผู้นี้เข้ากับคนที่สังหารหมู่เมืองอินเป่ยในปีนั้นกู้มั่วหลีสบ
ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองล้วนดีใจจนยิ้มไม่หุบฮูหยินใหญ่วางแผนว่าจะไปอำเภอไถหยางสักครั้งเพื่อซื้ออาภรณ์ชุดใหม่กลับมาให้เจี่ยนอันอันสักชุดเจี่ยนอันอันยิ้มพลางส่ายหน้าน้อยๆ “ท่านแม่ ท่านกับฮูหยินรองเพิ่งกลับมา พักผ่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”“นอกจากนี้ข้ามีอาภรณ์ชุดใหม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อเลยเจ้าค่ะ”ในมิติมีอาภรณ์ชุดใหม่ที่ไม่เคยสวมมาก่อนอยู่มากมาย ทั้งยังตัดจากผ้าชั้นดีทั้งสิ้นนางไม่อยากให้ฮูหยินใหญ่เดินทางไปอำเภอไถหยางเพื่อตนเองฮูหยินใหญ่ส่ายศีรษะพลางยิ้มปลาบปลื้ม “จ้ะๆๆ อันอันบอกว่าไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ”“เดี๋ยวข้าจะไปทำผ้านวมให้ทุกคน พออากาศหนาว ทุกคนจะได้มีผ้านวมห่ม”วันนี้ฮูหยินใหญ่อารมณ์ดียิ่ง แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะเป็นชายาอดีตอ๋อง แต่งานเย็บปักก็หาได้น้อยหน้าผู้อื่นครั้นฮูหยินรองเห็นว่าเจี่ยนอันอันตั้งครรภ์ก็เริ่มจะร้อนใจเรื่องงานมงคลของฉู่อันเจ๋อขึ้นมาแต่ตอนนี้ฉู่อันเจ๋อไม่มีแม้กระทั่งคนที่ชอบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีหลานให้นางอุ้มนางมาหาฉู่อันเจ๋อแล้วกระซิบกับเขาว่า “พี่สะใภ้รองเจ้าตั้งครรภ์แล้ว เมื่อไรเจ้าจะมีหลานให้ข้าอุ้มเสียที?”“ท่านแม่ ตอนนี้แม้แต่คนที่ชอบข้า
ฉู่จวินสิงมองดูใบหน้าเล็กเปี่ยมด้วยความดีใจของฉู่จื่อซี จึงถามเสียงอ่อนโยน “จื่อซีอยากมีน้องสาวหรือน้องชายอีกคนหรือไม่?”ฉู่จื่อซีเบิกตาโพลง มองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความฉงน“ท่านอารอง น้องสาวน้องชายข้าอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงชี้นิ้วไปที่ท้องของเจี่ยนอันอัน“น้องสาวและน้องชายเจ้า อยู่ในครรภ์ของอาสะใภ้รอง”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้ทุกคนในบ้านตระกูลฉู่ต่างตกตะลึงพรึงเพริด“อันอัน เจ้าตั้งครรภ์หรือนี่?”ฟางอิ๋งรีบมาจับมือเจี่ยนอันอันไว้ พลางมองสำรวจใบหน้านาง เรื่อยไปจนถึงหน้าท้องเจี่ยนอันอันมองไปยังทุกคน คนอื่นก็จ้องมองนางตาไม่กะพริบเช่นกันนางมองหน้าฉู่จวินสิงคล้ายกับนึกตำหนิ เพราะเรื่องนี้ยังไม่คิดจะเปิดเผยเร็วเกินไปไม่นึกว่าฉู่จวินสิงจะรีบบอกทุกคนเสียก่อนฉู่จวินสิงกล่าวยิ้มแย้มด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยความรัก “เรื่องนี้ช้าเร็วทุกคนก็ต้องรู้อยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องปิดบังหรอก”เจี่ยนอันอันนึกๆ ไปก็เห็นด้วย เพราะท้องเริ่มจะใหญ่ขึ้นทุกวัน จะปิดบังก็ได้ไม่นานนางจึงบอกทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งครรภ์จริงๆ นี่ก็ได้สองเดือนกว่าแล้ว”“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้าสมควรจะบอกให้เรารู้แต่แรก”ฟางอิ๋งดีใ
เขาต้องลงมือเอาชีวิตหญิงผู้นั้นเป็นแน่ทั้งคู่เดินเตร่อยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยรอบหนึ่ง จึงมุ่งไปยังทิศทางที่จะกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านนั้น กลับได้พบเสิ่นจืออวี้เข้าเสิ่นจืออวี้เห็นคนทั้งคู่ จึงเกิดอาการตกตะลึง“แม่นางเจี่ยน คุณชายฉู่ พวกท่านมาอยู่นี่ได้อย่างไร?”เพราะน้อยครั้งจะได้เห็นทั้งสองคนมาเดินเตร่อยู่ในหมู่บ้านเช่นนี้ฉู่จวินสิงปั้นสีหน้าก่อนกล่าวตอบ “เรามาเดินเล่นในหมู่บ้าน แล้วเจ้าจะไปที่ใด?”เสิ่นจืออวี้ไม่คิดปิดบัง จึงบอกว่าเขาจะไปหากวนเจี๋ยเจี่ยนอันอันเพิ่งสังเกตเห็นว่า ในมือเสิ่นจืออวี้ได้หิ้วเป็ดและไก่อย่างละตัวไว้แสดงว่าคงจะนำไปมอบให้กวนเจี๋ย เพื่อให้เขาและบ่าวไพร่ได้กินเป็ดไก่ที่เลี้ยงเองบ้าง“เมื่อคุณชายเสิ่นมีธุระ งั้นเราก็ไม่รบกวนแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง จากไปพร้อมกับฉู่จวินสิงเมื่อกลับถึงบ้าน ฉู่จื่อซีลากเท้าน้อยๆ รีบวิ่งมาหาพลางรีบกอดเข่าเจี่ยนอันอันไว้ พร้อมแหงนหน้ามองดูนาง“อาสะใภ้รอง ข้าอยากกินมันเผาอีก”เจี่ยนอันอันลูบศีรษะฉู่จื่อซีด้วยความเอ็นดู“ข้าจะเผาให้เจ้ากินเดี๋ยวนี้”ฉู่จื่อซีดีใจจนปรบมือใหญ่ พร้อมรีบวิ่งไปหาหลี่หวายชิงและหลี่ห
เมื่อเห็นสีหน้าเป็นปลื้มของถังหมิงเซวียน เจี่ยนอันอันเหยียดปากเล็กน้อยนางกล่าวสัพยอก “ในเมื่อเหยียนซวงชื่นชมเจ้าเช่นนี้ ไฉนจึงไม่บอกฐานะแท้จริงของตนให้นางรู้เสียเล่า?”ถังหมิงเซวียนได้ยินดังนี้ แววตาปลื้มปีติแต่แรกกลับค่อยๆ หม่นลง“ตอนนี้ข้ายังไม่กล้าเผยฐานะตัวเอง ด้วยเกรงว่าหากเหยียนซวงรู้เข้า นางจะทิ้งข้าไป”เขาสู้พยายามกว่าจะได้ใกล้ชิดเหยียนซวงเช่นนี้ และได้รับความไว้วางใจจากนางโดยเฉพาะคราวก่อนที่ช่วยต่อรองราคาให้นาง ทำให้เหยียนซวงมั่นใจในสายตาถังหมิงเซวียนมากขึ้นจึงยอมให้เขาช่วยเหลือ โดยไปซื้อผ้าที่อำเภอไถหยางกลับมาหากเขาเปิดเผยว่าแท้จริงเขาคือคู่หมั้นของนาง บอกให้เหยียนซวงได้รู้เกรงว่าความเชื่อมั่นเพียงน้อยนิดก็อาจเลือนหายในบัดดลหลายวันนี้ที่ได้คลุกคลีกับเหยียนซวง ทำให้เขาพอรู้นิสัยของนางบ้างเหยียนซวงเคยกล่าวไว้ว่า ชั่วชีวิตเกลียดชังการหลอกลวงที่สุดท่านอารองกับอาสะใภ้รองเกือบนำนางไปขาย นี่คือเสี้ยนหนามในใจนางมากที่สุดแล้วชาตินี้นางจะไม่มีวันให้อภัยพวกเขาเลย เมื่อได้ฟังคำจากเหยียนซวง ทำให้ถังหมิงเซวียนยิ่งไม่กล้าเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนเจี่ยนอันอันเห็นแวว