นิยายรักโรแมนติก ตลก อีโรติก ครอบครัว จั๊กจี้หัวใจ... เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ พรฟ้าสาวน้อยผู้ความแข็งแกร่ง อดทน มีฐานะค่อนข้างลำบาก ต้องดิ้นรนส่งตัวเองเรียน และพยายามเก็บเงินเรียนต่อต่างประเทศตามคนที่ตัวเองแอบชอบ จับพลัดจับผลูมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกชายสุดดื้อของ “อารัญ” เธอต้องรับมือกับพฤติกรรมของเด็กชาย และต้องเข้าไปวุ่นวายกับบรรดาผู้หญิงของพระเอก“อารัญ” แบบตกกะไดพลอยโจน จนเกิดเป็นความผูกพันและได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น วันนึงดันตกหลุม“อารัญ” แบบไม่รู้ตัว แต่ก็ยังหลอกตัวเองคิดว่าชอบคนที่ตัวเอง ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างความฝันกับความรู้สึกที่แท้จริงของใจ เธอจะเลือกทางใด ???
View Moreฉันไม่ได้ต้องการชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ฉันต้องการชีวิตที่มีความสุข
เพราะความสมบูรณ์แบบของชีวิตคือการที่เราเข้าใจถ่องแท้ว่าชีวิตไม่มีวันสมบูรณ์
ในตอนบ่ายวันหนึ่ง เมื่อกลับจากโรงเรียน พบฟ้าขับรถมอเตอร์ไซด์สีเขียวคู่ใจ ปราดเข้ามาจอดในโรงรถอย่างเช่นเคย หล่อนดับเครื่องและล๊อคกุญแจด้วยความเคยชิน มือเรียวเล็กของหล่อนค่อยๆถอดหมวกกันน็อคออก หล่อนใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงอย่างลวกๆ ทันทีที่เห็นรถกระบะตอนเดียวกลางเก่ากลางใหม่จอดอยู่ข้างรั้วถัดจากประตูหน้าบ้านของหล่อน
“นั่นรถป้าพรรณีนรกแตกนี่ มาทำอะไรแถวนี้นะ”
ความสงสัยเกิดขึ้นและทันใดนั้นเพลิงโทสะก็เจิดจ้าในนัยน์ตาคู่นั้น
“ หรือว่า???? เชี่ยยยย ไม่ได้การละ”
ไวเท่าความคิด พรฟ้าวิ่งกระโจนพรวดพราดเข้าไปในบ้าน เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้น ก็พบพรพรรณ น้องสาวต่างแม่ คนที่มักมองหล่อนด้วยสายตาราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาดอยู่เสมอ และ ไม่เคยพูดคุยกับหล่อนแม้สักประโยคแต่มักนำเรื่องราวของหล่อนไปบอกให้แม่ของเธอ เจ้พรรณี หรืออีกนัยหนึ่ง แม่เลี้ยงของหล่อนนั่นเอง
เด็กสาวยืนอยู่ในห้องรับแขกของหล่อน กำลังรื้อข้าวของออกจากตู้เก็บของ และชั้นวางของอย่างรีบเร่ง โยนใส่กล่องกระดาษสีเทาใบใหญ่ๆ หลายกล่อง ไม่เว้นแม้แต่ผ้าห่มและหมอนสีตุ่นสีมอซอเก่าโกโรโกโส
“เฮ้ย !แกทำอะไรน่ะ หยุดนะ”
พรฟ้าตะคอกถามน้ำเสียงเกรี้ยวกราดด้วยความโมโหอย่างสุดขีด หล่อนมือสั่น ใจสั่น หน้าร้อนผ่าว เม้มปาก หน้าตาถมึงทึง หล่อนเดินกระแทกเท้าเข้ามาในห้อง จ้องมองน้องสาวต่างมารดาด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือกกินเนื้อ
พรพรรณตกใจ หันมามองหล่อนด้วยสายตาหวาดกลัวสั่นศีรษะและชี้ไปทางชานพักบันไดข้างหลัง ที่ซึ่งมีเจ้พรรณีปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้นเอง สตรีร่างสันทัด ออกท้วม ย้อมผมสีม่วงยาวถูกขมวดไว้ที่ท้ายทอยแล้วคลุมด้วยอะไรคล้ายๆ ตาข่าย
ใบหน้ากลมไร้ชั้นคอนั้นถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางหนา รองพื้นไม่เข้ากับผิวจริง จนทำให้ใบหน้าลอยออกมาคล้ายภาพนูนต่ำ ดวงตาถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดสีม่วงช้ำ กรีดอายไลเนอร์บนและล่างสีดำเข้มจนดูคล้ายคนเบ้าตาลึก ริมฝีปากทาทับด้วยลิปสติกสีแดงแปร๊ดฉูดฉาด ราวกับกินเลือดสดมาหมาดๆ
ร่างท้วมนั้นสวมชุดชีฟองสีเขียวฟูฟ่องกรุยกรายยาวกรอมเท้า โดยรวมแล้วคล้ายกับนกแก้วมาคอลอย่างน่าขัน แต่ก็หาได้รู้ตัวไม่ หล่อนพกพาความมั่นใจอยู่เสมอ หล่อนตั้งใจแต่งแบบนี้เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งคุณนายภริยาตำรวจชั้นประทวน ดาบสมพร กว่าหล่อนจะได้เขามาหล่อนสูญเงินไปมากมายเพื่อปรนเปรอเขา กระทั่งยอมเป็นเมียรองของเขา ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า ดาบสมพรนั้นมีลูกเมียอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งก็คือมารดาของพรฟ้านั่นเอง
พรฟ้าหันขวับมามองเจ้พรรณี พร้อมเดินย่างสุขุมเข้าหาเกือบประชิดตัวจนฝ่ายนั้นถอยกรูดไปชิดขั้นบันได เจ้พรรณีใจเสีย แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ของลูกเลี้ยงคนนี้ในเรื่องของความใจกล้า ไม่ยอมใคร ถึงขั้นตีต่อยทำร้ายคน ราวกับเด็กผู้ชาย
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันฟ้องพ่อแกแน่ นังหมาบ้า”
พรฟ้ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เดินขึ้นไปบนชานบันไดเอื้อมมือกระชากผมของเจ้พรรณี มือเล็กๆแต่แข็งแกร่งนั้นลากร่างท้วมให้มาอยู่กลางห้องแล้วผลักออกสุดแรง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของสองแม่ลูก พรพรรณมัวแต่กรีดร้องโวยวาย จึงไม่ทันรับร่างของผู้เป็นมารดา สาวใหญ่ถลาลงพื้นก้นจ้ำเบ้าดังพลั่ก ศีรษะนางถูกกระแทกกับพนักเก้าอี้ นางค่อยๆใช้มือคลำบริเวณที่ถูกกระแทก และพบว่ามีของเหลวเลือดสีแดงติดมือมา ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด เงยหน้ามองพรฟ้าด้วยสายตาโกรธแค้นชิงชัง พลางชี้หน้าสบถคำหยาบ
“อีเด็กชั่ว อีนังเด็กสารเลว แกตั้งใจจะฆ่าฉันใช่ไหม”
“.....” พรฟ้าไม่ตอบ แต่เดินเข้ามานั่งที่โซฟารับแขกอย่างใจเย็น หันหน้าไปมองน้องสาวต่างมารดาด้วยสายตาดุดันคมกริบ ทำเอาผู้ถูกจ้องหันรีหันขวาง ทำตัวไม่ถูก
พรพรรณเห็นแม่ตัวเองถูกกระทำแบบนั้น จึงคิดหนีเอาตัวรอด รีบถอยกรูดออกไปนอกประตูบ้าน ก่อนจะตะโกนบอก
“แม่ หนูว่าหนูไปรอที่รถนะ”
สิ้นเสียงหล่อนก็วิ่งไปที่รถกระบะคันเก่านั้นอย่างไม่รีรอ
“จะไปไหนนังลูกตัวดี !มาช่วยจัดการนังหมาบ้านี่ก่อน”
“หุบปากเน่าๆของแกเดี๋ยวนี้ ! นังแองกรี้เบิร์ด พาลูกนกกระจอกของแกออกไปจากบ้านนี้ซะ และอย่าได้ย่างกรายเข้ามาให้ฉันได้เห็นอีกเป็นอันขาด อย่าแม้แต่จะคิดเอาของในบ้านหลังนี้ไป แม้เศษดินเศษหญ้า ทุกอย่างในบ้านมันเป็นของแม่ฉันและฉัน ฉันจะไม่เตือนแกเป็นครั้งที่ 2 ถ้ายังมาที่นี่อีก ฉันไม่รับรองความปลอดภัยของแกแน่”
ร่างท่วมค่อยๆยันกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล นางพยายามทรงตัวยืนให้มั่น หันมามองพรฟ้าอย่างเกลียดชังปนระแวง แม้จะเจ็บไปทั่วตัว แต่ก็ยังไม่วายชี้หน้าข่มขู่
“แกระวังตัวให้ดี ฉันไม่ปล่อยให้แกลอยหน้าลอยตาแบบนี้ไว้แน่ ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันจะพาตำรวจมาจับแก”
“ฉันไม่รับฝากอะไรทั้งนั้น เชิญไปแจ้งตำรวจเลยจ้า ฉันก็จะแจ้งความกลับว่าป้าและลูกสาว แก๊งค์ปากนกกระจอก บุกรุกบ้านฉันและเข้ามาขโมยของในบ้านฉันด้วย ให้มันรู้ไป ใครกันแน่ที่จะโดนตำรวจจับ”
พรฟ้าสวนตอบอย่างไม่เกรงกลัว หล่อนเดินตรงเข้าไปหาเจ้พรรณีอีกครั้ง ทำเอาร่างท้วมนั้นรีบเดินขโยกเขยกลากขาไปยังรถกระบะที่มีลูกสาวสตาร์ทรถรออยู่ ทันทีที่ผู้เป็นแม่เข้าไปนั่งในรถ พรพรรณก็รีบเร่งคันเร่งออกรถ จนเจ้พรรณีที่ยังไม่ทันตั้งตัวหัวคะมำทิ่มไปข้างหน้ารถ นางตวาดด่าลูกสาวและตบหัวจนพรพรรณหน้าเบ้ แต่ไม่กล้าเถียงผู้เป็นแม่ นางเร่งให้ลูกสาวพาไปคลีนิคเพื่อทำแผล
พรฟ้ายืนกอดอกพิงประตูมองสองแม่ลูกจนลับตา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอต้องรับมือกับความประสาทและเห็นแก่ตัวของเจ้พรรณีผู้เป็นแม่เลี้ยง โดยผู้เป็นพ่อ ดาบสมพร ไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวคนโตอย่างเธอได้เลย ด้วยเหตุเพราะเขายังต้องพึ่งพาอาศัยเงินจากเจ้พรรณีช่วยต่อชีวิตในแต่ละเดือนที่รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะเอาไปลงกับขวดเหล้าจนหมด
พรฟ้ากดข่มอารมณ์เศร้าใจไว้ ฝืนยิ้มออกมาจนสุดกำลัง รอยยิ้มจางๆนั้นคล้ายกับจะยอมรับกับทุกสิ่งใ
“พี่ธันวามาเมื่อไหร่น่ะ ไม่เห็นตั้งนานเลย สบายดีนะพี่”พรฟ้ายิ้มเขินอาย หลบสายตาที่สบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองเพล แต่ก็เก็บอาการไว้ ทำทีทักทายเจ้าของร่างสูงนั้นเหมือนปกติ“มาเมื่อตอนตีสี่กว่าๆวันนี้เอง มากับพายุฝนเลย ฮ่าๆๆๆ”“แล้วยายทับทิมไปไหนล่ะจ๊ะ ปกติแกจะอยู่ขายตลอด”“อ้อ! แม่อยู่ข้างบนตึก กำลังจัดกระเป๋ากันอยู่ เห็นว่าวันนี้แม่พี่จะพาหลานๆไปบ้านพี่สะใภ้ที่ต่างจังหวัดน่ะ พี่ตุลาพี่ชายคนโตเป็นคนขับรถ พี่เขาได้หยุดหลายวันเลยพากันไปพักผ่อน คงอีกสองสามวันกว่าจะกลับมา แล้วเราล่ะสาวน้อย พี่ไม่เห็นเราตั้งนาน ตั้งแต่สามเดือนก่อนโน่นละมั้ง เป็นยังไงบ้าง” เจ้าของเสียงนุ่มทุ่มนั้นถามหล่อนด้วยความเอ็นดู“ก็เรื่อยๆพี่ ตอนนี้กำลังหางานเป็นหลักเป็นแหล่งอยู่ ระหว่างนี้ก็ขับวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยเรานี้ไปก่อน”ชายหนุ่มหันมามองพรฟ้าอย่างเต็มตา สายตานั้นชื่นชมและเห็นใจหล่อนไม่น้อย เขานั้นรับรู้เรื่องราวของหล่อนมาตั้งแต่เด็ก เห็นหล่อนช่วยแม่ทำกับข้าวและขนมขายหน้าบ้าน เขาเองช่วยอุดหนุนบ่อยครั้ง แม้ทั้งคู่จะลำบากแค่ไหนแต่เคยปริปากขอความช่วยเหลือจากใครเลย“ให้พี่ช่วยไหม เ
“เปรี้ยงๆๆๆๆเปาะ แปะ เปาะ แปะ ๆๆๆ” เสียงคำรามของฟ้าผ่า ก้องสนั่นดังก่อนที่ฝนตกกระทบหลังคาค่อยๆดังขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนพรฟ้าสะดุ้งตื่นขึ้น หล่อนงัวเงียค่อยๆยื่นมือควานหาปุ่มเปิดไฟหัวเตียงอย่างสะเปะสะปะ แสงสว่างสลัวจากโคมไฟขนาดเล็กปรากฎขึ้น หล่อนพยายามลืมตาขึ้น มือเรียวนั้นคว้าสมาร์ทโฟนสภาพยับเยินด้วยหน้าจอแตกขึ้นมาดู นี่มันเพิ่งตีห้าเอง มีเวลานอนอีกหน่อย หล่อนดึงผ้าห่มมาคลุมกาย ก่อนจะเคลิ้มหลับไปอีกครั้ง หูของหล่อนแว่วยินเสียงประหลาดอยู่ระเบียงนอกห้อง“ตุ๊บ!!! ” เสียงเหมือนมีอะไรตกลงในกล่องกระดาษที่เธอตั้งใจจะเอาไปทิ้งจากหลังคาตรงระเบียงเล็กๆข้างหน้าต่างห้องตามมาด้วยเสียง “แกร๊กๆๆ ”คล้ายกับสิ่งนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกล่องไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงนั้นสร้างความรำคาญและรบกวนการนอนของหล่อนไม่น้อย พรฟ้าไม่อาจข่มตาให้นอนต่อได้ จึงลืมตาขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“อะไรกันวะ แต่เช้าตรู่เลย เดี๋ยวเสียงฟ้าฝน เดี๋ยวเสียงประหลาดนี่อีก คนจะนอนแซบๆหน่อยก็ไม่ได้ เฮ้ออออ”หล่อนยันร่างลุกขึ้นนั่งอย่างอิดออด ก้าวขาลงจากเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ ค่อยยืนขึ้นรวบรวมกำลังที่มียกแข
ช่วงเวลาห้าโมงเย็น เป็นเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เลิกงานกัน ทุกถนนจึงคลาคล่ำไปด้วยรถราทุกประเภท รถติดอย่างชนิดที่ว่า คลานทีละคืบก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้พรฟ้าจึงขับรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจพาผู้โดยสารของเธอลัดเลาะซอกซอยเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด“หนูจอดข้างหน้านี่แหละจ๊ะ” ฝ่ายคนที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพรฟ้าลดเกียร์ลงสองครั้งและชะลอรถ ขับช้าๆจนหยุดอยู่ที่หน้าอาคารหลังนั้นแล้วใช้ขายันพื้นไว้ ก่อนจะดับเครื่องแล้ว หล่อนละมือจากแฮนด์มาถอดหมวกออก ฝ่ายคนที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆปีนลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆหล่อนพร้อมปลดหมวกกันน็อค ส่งคืนให้“ไม่ต้องทอนนะหนู ป้าให้ หนูนี่ขยันจริงๆ พ่อแม่คงภูมิใจในตัวหนูมาก ที่มีลูกแบบนี้” แววตาและน้ำเสียงผู้พูดแสดงความชื่นชมพร้อมยื่นธนบัตรแบ๊งค์ห้าสิบส่งให้ พรฟ้ารับเงินมาด้วยความดีใจ ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมและกล่าวขอบคุณลูกค้าผู้ใจดี “ขอบคุณจ๊ะป้า แม่หนูต้องภูมิใจในตัวหนูแน่ แม่บอกว่าหนูเก่งที่สุด”หลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จ หล่อนรีบใส่หมวกกันน๊อคสตาร์ทรถเข้าเกียร์ พารถคู่ใจกลับมายังวินเพื่อเข้าคิวรอลูกค้าต่อ วันนี้อากาศอบอ้าว เ
ฉันไม่ได้ต้องการชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ฉันต้องการชีวิตที่มีความสุขเพราะความสมบูรณ์แบบของชีวิตคือการที่เราเข้าใจถ่องแท้ว่าชีวิตไม่มีวันสมบูรณ์ ในตอนบ่ายวันหนึ่ง เมื่อกลับจากโรงเรียน พบฟ้าขับรถมอเตอร์ไซด์สีเขียวคู่ใจ ปราดเข้ามาจอดในโรงรถอย่างเช่นเคย หล่อนดับเครื่องและล๊อคกุญแจด้วยความเคยชิน มือเรียวเล็กของหล่อนค่อยๆถอดหมวกกันน็อคออก หล่อนใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงอย่างลวกๆ ทันทีที่เห็นรถกระบะตอนเดียวกลางเก่ากลางใหม่จอดอยู่ข้างรั้วถัดจากประตูหน้าบ้านของหล่อน“นั่นรถป้าพรรณีนรกแตกนี่ มาทำอะไรแถวนี้นะ”ความสงสัยเกิดขึ้นและทันใดนั้นเพลิงโทสะก็เจิดจ้าในนัยน์ตาคู่นั้น“ หรือว่า???? เชี่ยยยย ไม่ได้การละ”ไวเท่าความคิด พรฟ้าวิ่งกระโจนพรวดพราดเข้าไปในบ้าน เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้น ก็พบพรพรรณ น้องสาวต่างแม่ คนที่มักมองหล่อนด้วยสายตาราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาดอยู่เสมอ และ ไม่เคยพูดคุยกับหล่อนแม้สักประโยคแต่มักนำเรื่องราวของหล่อนไปบอกให้แม่ของเธอ เจ้พรรณี หรืออีกนัยหนึ่ง แม่เลี้ยงของหล่อนนั่นเองเด็กสาวยืนอยู่ในห้องรับแขกของหล่อน กำลังรื้อข้าวของออกจากตู้เก็บของ และชั้นวางของอย่างร
Comments