ห้าปีต่อมา ณ โรงแรมฉัตรอรุณพัทยา ในเครือฉัตรอรุณกรุ๊ป
“ไม่ลืมหรอกค่ะงานแต่งงานพี่สาวสุดที่รัก ออจะลืมได้ไงเดี๋ยวไปเจอกันที่นั่นเลยนะคะพี่อัญ บายค่ะ”
อรุณีมาลาซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารของโรงแรมฉัตรอรุณ คุยโทรศัพท์กับ ‘อัญญา ฉัตรอรุณ’ เซเลปสาวชื่อดังพี่สาวคนโตของตระกูลฉัตรอรุณ
อัญญากำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนหนุ่ม ‘เมฆา วิชิตดำรง’ นักธุรกิจหนุ่มชื่อดังในแวดวงเจ้าของสัมปทานรังนกและธุรกิจไข่มุกทางใต้ในเร็ววันนี้
เจ้าสาวต้องการจัดงานปาร์ตี้สละโสดโดยมีแต่แขกญาติใกล้ชิดและเพื่อนสนิทของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่บ้านพักส่วนตัวในอาณาจักรของตระกูลฉัตรอรุณ อรุณีมาลาผู้เป็นน้องสาวคนเล็กในจำนวนห้าคนจึงต้องไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
หญิงสาวเคลียร์งานต่ออีกราวครึ่งวัน อรุณประภาพี่สาวฝาแฝดไข่คนละใบได้โทรหาเธอในตอนบ่ายสาม
“ออ จะไปตราดเมื่อไหร่พิณไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียนมาแล้วนะ” อรุณประภาผู้ซึ่งมีบทบาทในการเลี้ยงดูเด็กชายหญิงฝาแฝดมาไม่น้อยกว่าเธอที่เป็นแม่แท้ๆ ได้ไปรับพวกแกมาจากโรงเรียนอนุบาลก่อนแล้วจึงโทรหาน้องสาว
“พิณกับเด็กๆ ไปก่อนก็ได้จะได้ไม่ถึงโน่นค่ำมาก เดี๋ยวเย็นเลิกงานออตามไป”
หญิงสาวเกรงว่าถ้าให้เด็กๆ รอเธอไปพร้อมกัน อาจจะเพลียกันก่อนไปถึง รีบไปรีบพักที่โน่นดีกว่า
“ก็ดี แต่ออขับรถคนเดียวได้แน่นะ” อรุณประภาไม่วายย้ำ
“ได้จ้ะ สบายมาก” อรุณีมาลาตอบให้พี่สาวสบายใจ และเธอก็มั่นใจแบบนั้นจริงๆ เธอพูดต่อ
“ขอคุยกับเด็กๆ แปบ”
เสียงเด็กชายเด็กหญิงแย่งกันพูดทันที
“แม่ออขา/ แม่ขาคร้าบ”
“แม่พิณรับเรามาแล้ว แม่ออจะมาตอนหนาย” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายต้นกล้าพูดมา
“แม่ออขา น้องข้าวคิดถึงแม่ออ” เด็กหญิงอ้อนเสียงหวานเจี๊ยบ
“ต้นกล้ากับน้องข้าวไปกับแม่พิณก่อนนะลูก จะได้ไม่เหนื่อยเดี๋ยวคืนนี้แม่ออตามไปนะคะ” เธอพูดและหยุดฟังทางนั้นครู่หนึ่ง
“ได้เลยลูก แม่จะซื้อขนมที่ชอบไปฝาก เราเจอกันดึกๆ นะครับ” เธอพูดกับเด็กๆ ซึ่งไม่มีปัญหากับการอยู่กับแม่พิณแต่อย่างใด
อรุณีมาลาวางสายลงด้วยรอยยิ้ม ชีวิตเธออาจจะเคยผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็แลกกับการที่เธอได้มีลูกที่เป็นทุกอย่างของเธอถึงสองคน เป็นทั้งความรักและความหวังในการที่จะอยู่ต่อไป
และการที่ต้องเป็นแม่คนในเวลาที่ไม่พร้อม มันทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นมาก รู้จักระแวดระวังมากขึ้นไม่ใช่อรุณีมาลาคนเดิมที่เคยมองโลกในแง่ดี จนดีเกินไป
จากคนที่ไม่เคยมองใครในแง่ร้าย ตอนนี้เธอกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทันคนมากขึ้น และไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้ามามีโอกาสทำร้ายเธอได้อีกเลย
ถึงแม้ว่าจะมีใครหลายคนถามว่าทำไมไม่เปิดใจ แต่เธอมองว่าชีวิตตอนนี้มีความสุขดีแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องแต่งงาน
หญิงสาวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ธุรกิจที่ครอบครัวสร้างไว้ให้ก่อนที่บิดามารดาจะล่วงลับไป มีมากพอให้พวกเธอกินใช้ได้สบายๆ หากไม่เอาไปทำอะไรที่เกินตัวมากไป
เธอสั่งเลขาให้ลงไปซื้อขนมที่ลูกชายหญิงฝากให้ซื้อ แล้วจึงเตรียมตัวคุยกับแขกคนสุดท้ายที่จะมาพบ ก่อนที่เธอจะลางานหยุดยาวไปตราดในคืนนี้
อาณาจักรบ้านฉัตรอรุณ ตราด
อัญญาตรวจความเรียบร้อยของบ้านพักที่จะใช้รับรองแฟนหนุ่มกับญาติพี่น้องของเขาอย่างพอใจ มันเป็นเรือนรับรองหลังใหญ่อยู่กันได้สิบคนขึ้นไป ชั้นบนมีห้องนอน 5 ห้องทุกห้องมีห้องน้ำในตัว ชั้นล่างมีห้องโถง ครัวเล็ก ห้องน้ำ ห้องทานอาหาร แฟนหนุ่มของเธอบอกว่าจะมาถึงในช่วงบ่ายพร้อมครอบครัว ส่วนงานเลี้ยงจะมีในวันพรุ่งนี้
“คุณอัญคะ คณะของคุณเมฆามาถึงแล้วค่ะ”
พนักงานที่รีสอร์ตส่วนหน้าโทรแจ้ง ใช่แล้วที่นี่ด้านหน้าเป็นรีสอร์ตด้วยแต่ตอนนี้เธอสั่งปิดเป็นการชั่วคราว เหตุผลเพราะแฟนหนุ่มของเธอเหมาทั้งหมดด้วยต้องการความเป็นส่วนตัว
‘ได้จัดปาร์ตี้แถมไม่เสียรายได้ อะไรจะสุขใจกว่านี้’ ว่าที่เจ้าสาวคิดอย่างมีความสุข
รถตู้คันหรูสองคันจอดลงที่หน้าบ้านพักหลังนั้น อัญญาเดินออกมารอรับคนที่กำลังจะมาถึง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวสีทองแดงแบบคนที่ทำงานกลางแจ้งก้าวลงมาจากรถ เมฆา กวาดสายตามองไปจนทั่วก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นคนรักมารออยู่แล้ว จากนั้นคนอื่นๆ ในคณะของเขาจึงเดินตามกันลงมาจากรถทั้งสองคัน
“อัญ ที่นี่เหรอจ๊ะที่จะให้ผมพัก” เขาทักทายสาวคนรัก ต่อหน้าคนมากมายชายหนุ่มไม่ทำอะไรที่เป็นการไม่ให้เกียรติเธอ
“ค่ะ วิลล่านี้พักได้ประมาณสิบคน แล้วเมฆมากันกี่คนคะ” เธอมองไปยังกลุ่มญาติของเขาที่ทยอยกันลงมา
“ตอนนี้มากันแค่พี่ๆ น้องๆ ลูกพี่ลูกน้องผมน่ะ คุณแม่จะบินตามมาวันงานเลยจ้ะ” เขาหมายถึงงานแต่งงานที่จะจัดในสัปดาห์หน้า เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนที่เมฆาจะแนะนำญาติคนอื่นๆ ของเขาให้เธอรู้จัก
“อัญครับ นี่เจ้าดนย์ พัทธดนย์น้องชายผมเจ้านี่ดูแลออฟฟิศที่กระบี่ โน่นกริชพี่ชายเป็นทนายความที่อัญน่าจะรู้จักดีกับคุณเมนี่ภรรยาเขา” เมฆาแนะนำชายหนุ่มหน้าตาดีคนแรก และชายอีกคนที่ยืนเคียงคู่ภรรยาคนสวย คมกริชเป็นญาติของเมฆาและนอกจากนั้นเขายังมีส่วนที่ทำให้ว่าที่คู่บ่าวสาวรู้จักกัน เพราะว่าชายหนุ่มรับดูแลงานด้านกฎหมายให้กับบริษัทในเครือฉัตรมณีด้วย คนทั้งหมดก้มศีรษะเป็นเชิงทักทายให้เธอ เขาหันไปทางรถตู้อีกคัน
“ส่วนนั่นคิรินทร์ลูกคุณลุงผม เราทำธุรกิจฟาร์มมุกด้วยกัน อีกคนคือศิวัช ไอ้หมอนี่แหกคอกเป็นดร.อยู่แต่กับตำรา จ้ะเป็นลูกของคุณอาผม ทั้งหมดนี่เราโตมาด้วยกัน สนิทกันมากกว่าญาติคนอื่นๆ”
อัญญายิ้มต้อนรับทุกคน ครอบครัวของว่าที่สามีคนเยอะพอๆ กับพี่น้องของเธอ
“พักผ่อนกันก่อนนะคะ ห้องน่าจะพอใช่ไหมคะเมฆ” หลังจากทักทายกันพอประมาณ หญิงสาวหันไปขอความเห็นจากคนรัก อีกฝ่ายก็เออออด้วยอย่างดี เธอจึงพูดต่อ
“วันนี้คงไม่มีอะไรค่ะ นอกจากพักผ่อนตามอัธยาศัย น้องๆ ของอัญก็กำลังเดินทางมา พวกเราญาติเยอะพอๆ กันเลย อัญมีน้อง 4 คนแน่ะค่ะ” เธอหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ญาติฝ่ายสามีทุกคนดูเป็นมิตรดี แม้แต่คนสุดท้ายที่เมฆาบอกว่าเป็นดร. จะดูเงียบๆ ไปสักหน่อย แต่ก็ทักทายเธออย่างสุภาพดี
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ