งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือน
งานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียว
ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่ง
ในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว
“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม
“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ
“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว
“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
พวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทยดุสิตประยุกต์สีกลีบบัวเปิดไหล่หนึ่งข้าง
ศิวัชและสีหราชที่แต่งตัวเสร็จแล้วมองเธอทั้งสองอย่างชื่นชม การลองชุดผ่านไปอย่างกระท่อนกระแท่นเพราะคิรินทร์มานั่งดูด้วยแต่สุดท้ายก็จบด้วยดีจนถึงวันงาน
งานแต่งงานถูกจัดที่โรงแรมฉัตรเพชร จุดเด่นที่สุดของงานไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่เป็นเด็กแฝดชายหญิงสองคนที่ใครๆ ต่างอยากเห็นว่าหลานของสองตระกูลใหญ่ จะน่ารักเพียงไหน
งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ไม่แพ้งานของอัญญา เนื่องจากคู่บ่าวสาวถือเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมทั้งคู่ และถือเป็นผู้มีอิทธิพลในระดับหนึ่ง
เด็กชายต้นกล้าอยู่ในชุดสูทสำหรับเด็กอายุ 5 ขวบ เด็กชายมีคนของนายหัวภาคย์เดินตามดูแลอย่างใกล้ชิด และเขาถูกเรียกว่า “นายน้อย” ตั้งแต่วันนั้น ส่วนต้นข้าวอยู่ในชุดเจ้าหญิงสีขาวแบบเดียวกับชุดเจ้าสาวของอรุณีมาลาแต่ย่อส่วนให้เป็นชุดของเด็ก
เนื่องจากจัดในโรงแรม หลังงานเลี้ยงค่ำอย่างเป็นทางการ เจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้สำหรับแขกสนิทอยู่ฉลองกันต่อ ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าบ่าวถูกมอมเหล้าจนเมาแอ๋
เหล้านานาชนิดๆ ทุกสัญชาติถูกเสริฟให้ศิวัชกินไม่หยุด เขาจะปฏิเสธก็เหมือนไม่มีใครฟัง
“เฮ้ย คืนแต่งงานใครเขาเข้าหอกัน มันต้องฉลอง” เมฆาผู้ซึ่งผ่านงานแต่งงานมาหมาดๆ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้พูดกลางวง ท่ามกลางเสียงเฮของเพื่อนและญาติผู้ชายที่จงใจแกล้งเจ้าบ่าว
ส่วนเจ้าสาวกับเพื่อนและพี่น้องคนอื่นๆ คุยกันอีกมุมอย่างเฮฮา ส่วนต้นกล้าและต้นข้าววันนี้นอนกับคุณปู่คุณย่า ท่านทั้งสองขึ้นไปพักบนห้องพักของโรงแรมที่ฝ่ายเจ้าสาวจัดให้นานแล้ว
หลังจากเลยเที่ยงคืนไปสองชม. งานเลี้ยงก็มีวันเลิกรา อรุณีมาลาดูเจ้าบ่าวที่ถูกหามขึ้นมาส่งอย่างระอาใจ
“พี่วัชคะ” เธอเขย่าตัวเขาแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ เธอจึงปล่อยให้เขานอนที่โซฟาทั้งคืน
สายวันต่อมาศิวัชตื่นอย่างมึนงง เขามองที่หน้าต่างเห็นแสงสว่างจ้าที่ผ่านเข้ามาทำให้รู้ว่าเช้าวันใหม่แล้ว
'ไอ้ด็อกเอ้ย..อุตส่าห์รอวันแต่งงาน พอถึงวันได้เข้าหอเสือกเมาหลับ' ชายหนุ่มด่าตัวเองในใจ อรุณีมาลาหายไปไหนแล้วไม่รู้
เขาลุกมาดูนาฬิกา ตายห่า! เขาด่าตัวเองอีกทีเมื่อเห็นว่าสิบโมงเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มรีบโทรหาอรุณีมาลาทันที
“ออเหรอจ๊ะ อยู่ไหนครับตอนนี้”
“ทานข้าวอยู่ที่ห้องอาหารค่ะ” เธอตอบเรียบๆ จนเขาเดาอารมณ์ไม่ถูก
“พี่วัชรีบลงมาทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะตกเครื่องนะคะ เครื่องออกเที่ยง” เธอพูดต่อ
“พี่อาบน้ำห้านาทีจ้ะ จะรีบลงไป” ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเร็วสุดในชีวิต แล้วรีบลงไปหาหญิงสาวที่ห้องอาหารข้างล่าง
“คุณพ่อคุณแม่ไปแล้วเหรอออ” เขาถามแก้เก้อ เมื่อเธอจ้องเขาแต่ไม่พูดตำหนิอะไร
“ค่ะ ไปแล้วพาต้นกล้าต้นข้าวกลับบ้านไปด้วย พี่วัชรีบทานเถอะค่ะ จะได้เดินทางกัน” ท้ายเสียงเธอดูหงุดหงิดจนศิวัชไม่กล้าถามต่อ
บ่ายสองของวันนั้นศิวัชและอรุณีมาลาจึงเดินทางมาถึงระนอง เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านพักบนเกาะพยาม และในอีกสิบห้านาทีต่อมาคนทั้งสองก็ได้อยู่บนเรือที่คนของเขานำมาจอดรอที่ท่าก่อนเขาจะมาถึง
ศิวัชนั่งลงข้างอรุณีมาลาเขาวางแขนพาดไปตามพนักเรือ
“ออโกรธพี่เหรอ พี่ขอโทษนะครับไม่ได้ตั้งใจจะเมาขนาดนั้นเลย”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้โกรธ”
“ผู้หญิงตอบว่าไม่โกรธ แปลว่าโกรธมาก” เขาพูดต่อ หญิงสาวหันมามองหน้าเขา ศิวัชพูดต่อว่า
“ไอ้เมฆมันบอกแบบนี้”
หญิงสาวหัวเราะคิก ก่อนจะหันไปมองทะเลต่อ
หลังจากที่เดินทางมาหลายต่อจนถึงบ้านพักบนเกาะพยาม ศิวัชที่ยังมีอาการเมาค้างอยู่ เมื่อขนของเข้าบ้านแล้วเขาจึงหลับต่อ อรุณีมาลาสำรวจสิ่งต่างๆ ในบ้านแล้วเธอจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวนั่งเล่นที่ชานบ้านซึ่งมีเบาะวางลมเย็นจนเผลอหลับไปอีกคน
เธอรู้สึกตัวตื่นเมื่อถูกอุ้มลอยกลับเข้าบ้าน
“นอนตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามหรอก” ศิวัชพูด เขาตื่นมาในตอนเย็นเดินหาหญิงสาวทั่วบ้านเห็นเธอนอนเล่นที่นอกชาน จึงพาเข้าบ้าน
“เผลอหลับน่ะค่ะ” หญิงสาวพูด ศิวัชวางเธอลงบนที่นอนนุ่มเขาทิ้งร่างตามลงมา
“วันนี้พี่แก้ตัวใหม่ รับรองจะไม่เมาแล้ว” เขาจูบเธออย่างนุ่มนวล หญิงสาวหลับตาลงยอมรับการแสดงออกถึงความรักอย่างเต็มใจ
จูบนุ่มนวลทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเริ่มปลดอาภรณ์แพรพรรณออกจากร่างของเธอ
“ออสวยกว่าเดิม” เขาพึมพำเมื่อจูบลงไปตามผิวเนื้ออุ่น หญิงสาวป่ายมือเปะปะไปตามลำตัวเขา เธอครางเสียงแผ่วกัดฟันเมื่อเขาดูดดึงยอดอกเข้าปาก มืออีกข้างหยอกล้อที่ยอดทรวงไม่น้อยหน้ากัน
อรุณีมาลาครางในลำคอเมื่อเขานวดเฟ้นลูบคลำไปทั่วร่าง ด้วยน้ำหนักมือที่มากขึ้นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง มือของเธอจิกลงกับที่นอนเมื่อส่วนกลางลำตัวถูกโจมตีอย่างหนัก จนเธอสะท้านสะเทือนไปทั้งร่าง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาผละออกไปถอดเสื้อผ้าตอนไหน
ศิวัชกลับมาหาเธอ จูบอีกครั้งอย่างเร่าร้อนจนหญิงสาวเหมือนจะหายใจไม่ออก พร้อมกับที่รู้สึกว่าร่างกายถูกขยายออกจนอึดอัดไปทุกส่วน แต่เพียงครู่เดียวความรู้สึกแบบนั้นก็หายไปจนหมด กลายเป็นความปรีเปรมเมื่อเธอขยับตัวตอบรับเขา
“พี่วัช..อื้อ..” เธอครางระรัวเมื่อความรู้สึกใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เธอจิกเล็บลงบนไหล่เขาจมลึกลงไปในผิวเนื้อแต่นาทีนั้นชายหนุ่มไม่สนใจความเจ็บแล้ว
“รอพี่ก่อน” เขาเร่งตัวเองจนตามเธอทันในที่สุด สองร่างหมดแรงนอนซบกันบนที่นอนหลายนาที
ชายหนุ่มจูบซับเหงื่อให้เธอไปทั่วดวงหน้า
“พี่รักออ รักออคนเดียวรักมาตลอดเลย เชื่อพี่ไหม”
“ถ้าไม่เชื่อล่ะคะ” เธอถาม
“พี่ก็จะรักออไปเรื่อยๆ จนออเชื่อ”
“อันนี้ไม่ใช่ละ” อรุณีมาลาฟาดลงที่หน้าอกของเขา ศิวัชจับมือเล็กไว้ พลิกตัวเธอลงนอนอีกครั้ง บอกรักด้วยร่างกายอีกครั้ง ..และอีกครั้ง
จบ
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ