อรุณีมาลาและศิวัชไปถึงสนามบินตอนบ่ายสอง พบคุณศิตาเตรียมตัวอยู่ที่นั่นแล้ว เธอขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณย่าเด็กๆ ไว้ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับ
ในช่วงที่คุณศิตาเข้าเกทไปแล้ว อรุณีมาลาขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนไปรับเด็กๆ เธอใช้จังหวะนั้นโทรศัพท์หาคุณศิตา
"คุณแม่คะ ออเองนะคะ"
"หนูออมีอะไรรึจ๊ะ"
"หนูอยากให้คุณแม่ช่วยค่ะ คือหนูอึดอัดอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างค่ะ" หญิงสาวพูดตามตรง เธอเกรงใจคุณย่าของลูกมาก แต่เห็นว่าท่านคงเป็นคนเดียวที่จะเตือนศิวัชได้
คุณศิตาเข้าใจในทันที ท่านเองก็ออกจะเห็นด้วยที่ศิวัชควรใจเย็นมากกว่านี้
"แม่จะเตือนเขาให้จ้ะ หนูไม่ต้องกังวลนะ เรื่องมาใต้ยังไงเดี๋ยวแม่ส่งรถไปรับได้จ้ะ ไม่ต้องมากับตาวัช แม่จะจัดการเอง"
"ขอบคุณค่ะคุณแม่" เธอยิ้มออก เมื่อออกจากห้องน้ำในระหว่างที่ไปรับลูก รู้สึกว่าศิวัชเงียบไป
ช่วงรอสัญญาณไฟ ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า
"พี่ขอโทษถ้าทำให้อออึดอัด เดี๋ยวเราไปรับลูกแล้วพี่จะไปส่งออกับลูกที่บ้านนะครับ"
"ค่ะ" เธอตอบ ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก ชายหนุ่มนึกถึงเมื่อครู่ที่มารดาโทรหาเขา
"ตาวัช ลูกกำลังจะทำให้หนูอออึดอัดนะลูก มีระยะห่างบ้างดีไหม" เมื่อเขารับสายท่านก็พูดตรงประเด็นทันที
"แม่ครับ ผมรักออกับลูก ผมแค่อยากอยู่ใกล้ๆ คนที่ผมรักเท่านั้น"
"ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ตอนอยากให้เขาออกจากชีวิตลูกก็ขอเลิกกับเขาง่ายๆ ถ้าจะอยากกลับมาอยู่ใกล้ๆ อยากมีเขาในชีวิตลูกต้องถามอีกฝ่ายก่อนว่าเขายินดีไหม"
"แม่ครับ.." เขาพูดได้แค่นั้นก่อนจะเงียบไป
"ลูกเคยเลือกที่จะปล่อยมือจากหนูออไปเอง คิดตรงนี้เยอะๆ" ท่านย้ำและวางสายไปเมื่อถูกเรียกขึ้นเครื่อง
ชายหนุ่มไปรับต้นกล้าและต้นข้าวที่โรงเรียน พาไปส่งบ้านหลังจากนั้นเขาใช้เวลาอยู่กับเด็กๆ ประมาณ 2 ชม.ก่อนจะลากลับบ้าน
วันนั้นอรุณีมาลาให้พนักงานโรงแรมขับรถยนต์ของเธอมาส่งให้ที่บ้าน หญิงสาวรู้สึกโล่งที่ได้กลับมาอยู่บ้านตัวเอง ตามที่เธอเคยอยู่กับลูกๆ แบบที่เคยอยู่ตอนก่อนพบกับศิวัชที่ตราด
อรุณประภาเดินเข้ามาหา
"วันนี้กลับมานอนนี่กันแล้วเหรอ"
"ฮื่อ.. จะกลับมานอนบ้านปกติแล้ว" แฝดน้องตอบ
"วันนี้ทางภูริดามาคุยใช่ไหม เป็นไงบ้าง" พี่สาวถาม
"สวย น่ารัก" อรุณีมาลาตอบยิ้มๆ
"หมายถึงโรมแรม?" อรุณประภางง
"เปล่า คนที่มาคุยต่างหาก ส่วนพี่อิงก็ทำตัวแปลกๆ" แฝดน้องเฉลย
"ยังไงไหนเหลามาสิ" สองคู่แฝดหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยและปรึกษาเรื่องบางอย่างที่สงสัยกันอย่างติดลม
ศิวัชมาหาเด็กๆ ทุกเย็นตั้งแต่วันนั้น เขาจะอยู่กับต้นกล้าและต้นข้าวประมาณวันละสองชม. ในเช้าวันเสาร์ต่อมาชายหนุ่มมารับคู่แฝดไปค้างที่บ้านตามที่ตกลงกันไว้
“คุณรับเด็กๆ ไปก่อนเลยค่ะ” เธอบอกเขาสั้นๆ และหันไปคุยกับลูก
“วันนี้แม่ต้องไปทำงาน ต้นกล้ากับต้นข้าวไปเล่นบ้านคุณพ่อนะลูก คืนนี้ถ้าแม่กลับไม่ดึกจะไปหา”
“คับ/ค่ะ” สองแฝดเข้าใจได้ดี
“ออทำงานวันเสาร์เหรอครับ” ศิวัชขมวดคิ้ว วันเสาร์มันควรเป็นวันที่เขาจะมีโอกาสทำคะแนนนี่นา
“ค่ะเสาร์นี้ต้องทำ พี่อิงไม่อยู่ต้องดูแลงานแทนเขา” อิงควัตไปกระบี่ตั้งแต่บ่ายวานนี้ เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับวันไหน
ชายหนุ่มจึงพาเด็กๆ ไปที่บ้านวันนี้เขามีแผนพาเด็กๆ ลงสระว่ายน้ำในบ้าน โดยมีครูสอนว่ายน้ำจ้างมาพิเศษหนึ่งคน
“เราเล่นด้วยกันสามคนก็ได้เนอะลูก” เขาพูดกับต้นกล้า ส่วนต้นข้าวมีพี่เลี้ยงพาไปเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ สามคนพ่อลูกใช้เวลาด้วยกันในช่วงสายๆ ลงสระ และขึ้นมาอาบน้ำ ทานอาหารกลางวันและนอนในตอนบ่าย
ด้านอรุณีมาลาวันนี้ที่โรงแรมมีงานจัดเลี้ยงในห้องจัดเลี้ยงใหญ่พร้อมกันสองห้อง เธอกับอรุณประภาจึงต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ
เธอทั้งสองมีเวลาทานข้าวเที่ยงในตอนบ่ายสาม อรุณประภาพูดขึ้นว่า
“พี่อิงไปกระบี่ทำไมน่ะออ ก็เราจะไปกันวันอังคารอยู่แล้ว”
“ไม่รู้สิ เคยเข้าใจเขาเหรอว่าทำอะไร” อรุณีมาลาตอบพลางหัวเราะ
“คุณออ คุณพิณคะมีปัญหาแล้วค่ะ เลขาของอิงควัตเข้ามาขัดจังหวะการคุย
“คุณลลิตามาขอเข้าพบคุณอิง บอกว่าไม่อยู่ก็ไม่เชื่อค่ะ”
สองสาวมองหน้ากัน ลลิตาคือว่าที่คู่หมั้นของอิงควัตที่พี่ชายเธอบ่ายเบี่ยงมาตลอด เขาเคยจะต้องเข้าพิธีหมั้นกับผู้หญิงคนนี้เพราะมารดาเธอต้องการ แต่เมื่อมารดาของเธอห้าคนพี่น้องเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ อิงควัตจึงถือโอกาสยกเลิกงานหมั้นโดยที่เขายอมเสียของหมั้นเป็นเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่ให้ทางนั้นไว้ล่วงหน้าและเงินสดก้อนใหญ่เป็นการชดเชย
แต่ลลิตาไม่ยอมรับการบอกเลิกการหมั้นมาตลอด ยังถือว่าตนเองเป็นคู่หมั้นชายหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง และมักมาอาะวาดเสมอถ้าอิงควัตทำท่าสนใจใคร
“แล้วทำไมอยูดีๆ คุณลิต้าถึงมาอาละวาด ถ้าไม่มีใครไปบอกอะไร” อรุณประภาถามเลขาของพี่ชาย อีกฝ่ายหลบตาวูบ
“ทำงานที่นี่ กินเงินเดือนที่นี่ไม่ต้องถึงกับกตัญญูหรอกค่ะ อย่าเห็นแก่สินบนเล็กน้อยแล้วทำความเดือดร้อนให้เราก็พอ” จบประโยคนั้นของอรุณประภา เลขาสาวถึงกับร่ำไห้
“คุณเคยถูกเตือนเรื่องนี้ไปสองครั้งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” อรุณีมาลาถาม สำหรับเธอความผิดซ้ำซากไม่ใช่เรื่องที่ควรเห็นใจ หรือเป็นสิ่งที่เธอควรจะต้องอดทน
อรุณประภาขึ้นไปจัดการเรื่องลลิตา ส่วนอรุณีมาลาโทรบอกฝ่ายบุคคลให้จัดการเรื่องเลขาของพี่ชายได้เลย หญิงสาวยุ่งกับงานจนค่ำ มองเวลาอีกทีก็จะสองทุ่มแล้ว
“ออครับ เสร็จงานรึยังลูกๆ ถามหา” ศิวัชโทรถามเมื่อเห็นเธอเงียบไปทั้งวัน
“ก็..ไม่ยุ่งแล้วล่ะค่ะ แต่รอกลับพร้อมพิณวันนี้ไม่ได้เอารถมา”
“เดี๋ยวพี่ไปรับ” เขาพูดแค่นั้นก็วางสายไป
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ