งานของเธอที่ภูริดารีสอร์ทเป็นไปด้วยดี เธอทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันว่าการเข้ามาซื้อกิจการที่นี่ยังสามารถให้ไปต่อได้และมีกำไร
“ความจริงพี่อิงเขาก็อยู่ที่นี่ เขาจะให้เรามาทำไม” อรุณประภาถาม
“นั่นสิพี่ หรืออยากให้เรามาเที่ยว”
ช่วงบ่ายเธอไปโรงพยาบาลที่อิงควัตรักษาตัว ทิพย์ธาราเพียงมาส่งเธอสองคนแต่ไม่เข้าไปด้วย เธอบอกว่ามีธุระจะต้องไปจัดการเรื่องเอกสาร
เมื่อสองสาวไปถึงห้องพักพบว่าคิรินทร์คุยกับอิงควัตอย่างสนุกสนาน พวกเขามองมาที่เธอสองคนแล้วยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร
“เพิ่งรู้ว่าพี่อิงกับพี่คินสนิทกัน” อรุณประภาเปรยแต่ไม่ได้รับคำตอบจากใคร
“คุยธุระเสร็จแล้วทำไมไม่โทรหาพี่ละครับ” เขาถามรวมๆ ไม่เจาะจงว่าถามใคร
“น้องทิพย์เขาบอกว่าจะมาส่งค่ะ เลยไม่ต้องให้พี่คินย้อนไปย้อนมา” อรุณีมาลาตอบ เธอมองหาเด็กๆ “สองแสบไปไหนแล้วคะ”
“พยาบาลพาลงไปซื้อขนมครับ” คิรินทร์ตอบ ส่วนอิงควัตถามทันที
“ทิพย์มาส่งออกับพิณเหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่น้องเขาบอกว่าจะไปรีบจัดการธุระเลยไม่ขึ้นมาด้วย”
อรุณประภามองพี่ชายอย่างสังเกต
“พี่อิงกลับไปรักษาที่กรุงเทพฯ ดีกว่าไหมคะ”
อิงควัตทำหูทวนลม น้องสาวจึงพูดต่อ “พิณว่าพรุ่งนี้พิณกลับกรุงเทพฯ เลยดีกว่า จะได้พาพี่ไปรักษาตัวที่โน่นเรื่องงานก็คุยจบแล้ว”
พี่ชายจึงหันมา “พี่อยากให้พิณมาพักผ่อนนะ จะรีบกลับไปไหนเราน่ะอยู่ยาวๆ ที่บ้านนายหัวคินไปได้เลย จะได้พักใจด้วย”
“ก็ถ้าพี่อิงไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ พิณกับออคงมาเที่ยวไม่ได้หรอกค่ะใครจะดูงานทางนั้น” น้องสาวพูดความจริงที่ทำให้อิงควัตถอนใจ
“โอเคพรุ่งนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ พอใจรึยัง”
อรุณประภายิ้ม “งั้นเดี๋ยววันนี้ให้พิณอยู่เฝ้าไหมคะ”
อิงควัตรีบโบกมือไล่
“ไม่ต้องเลยพากันกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกันทีเดียว”
ต้นกล้าและต้นข้าวกลับเข้ามาจากซื้อขนม อิงควัตจึงให้คิรินทร์พาน้องและหลานกลับไปฟาร์มมุกได้เลย ฝาแฝดสาวมองหน้ากันอิงควัตมีความลับอะไรแน่ๆ
บ่ายนั้นคิรินทร์พาคู่แฝดสองคู่ไปแวะเที่ยวหาดนพรัตน์ธารา ซึ่งน้ำจะลงในช่วงหลังบ่ายสามสามารถลงไปเดินเล่นได้ และถือเป็นจุดที่รอชมพระอาทิตย์ตกดินได้สวยงามที่สุด
เจ้าบ้านถือโอกาสพาแขกทานอาหารที่หาดนั้น ซึ่งต้นกล้าและต้นข้าวได้ลงเล่นน้ำบริเวณหน้าชายหาดนั้นด้วย กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม สองสาวจึงขอตัวเข้าบ้านพักเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นอิงควัตได้โทรบอกน้องสาวว่าอยู่ที่สนามบินกระบี่แล้ว และจะเดินทางกลับเที่ยวบิน 7 โมงเช้าให้น้องสาวอยู่เที่ยวต่อได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงงาน
วันนั้นกิจกรรมท่องเที่ยวยังคงเป็นไปตามปกติ เจ้าบ้านพาพวกเธอนั่งเรือข้ามไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ เช่นเกาะพีพี เกาะห้อง ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่กระบี่กัน เพราะอรุณีมาลานัดคุณศิตาไว้ว่าจะพาหลานๆ ไปหาท่านในเช้าวันศุกร์ที่ระนอง และสองวันที่ผ่านมาศิวัชไม่โทรหาเธอเลย หลังจากที่เธอตัดสายเขาในวันแรกที่มาถึง
คืนนั้นคิรินทร์เลี้ยงอาหารพวกเธอเป็นมื้อสุดท้ายก่อนกลับ ด้วยเมนูพิเศษชุดใหญ่และเครื่องดื่มนานาชนิด เธอทั้งสองคนดื่มไปไม่น้อยจนรู้สึกว่าไม่ไหวจึงขอตัวกลับ อรุณีมาลาเปิดประตูห้องพัก คนที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอคิดว่าเธอต้องเมามากแน่ๆ เพราะเขาไม่ควรมาอยู่ตรงนี้และในเวลานี้
“คุณศิวัช!”
“ออเมาเหรอ” เธอเห็นเขาทำสีหน้าเคร่งขรึม แล้วไปสนใจเด็กๆ ที่กำลังดีใจว่าพ่อมา
“พ่อมาแล้ว” ต้นกล้าพูด
“ครับ ลูกไปไหนกันมาเล่าให้พ่อฟังบ้างสิ” เขาถามเด็กๆ ที่กำลังแย่งกันพูด ส่วนแม่เด็กทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาทำท่าจะหลับไปแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ศิวัชจัดการพาต้นกล้าต้นข้าวเข้านอน เขาสอนเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่าย ขึ้นเครื่องมาลงระนองในตอนเย็น ขับรถจากระนองมาที่นี่เพิ่งมาถึงไม่นานนัก เขาไม่ได้โทรหาอรุณีมาลาอีกหลังจากที่หญิงสาวตัดสายเขาทิ้งเมื่อสองวันก่อน อยากรู้ว่าเธอจะคิดถึงเขาบ้างไหม แต่ที่ไหนได้ดูเหมือนว่าเธอก็มีความสุขดี
“ออ อาบน้ำไหวไหม” หญิงสาวทำเสียงอืออาอย่างขัดใจ ชายหนุ่มจึงอุ้มเธอมานอนที่เตียงกับเด็กๆ ส่วนตนเองนอนที่โซฟาแทน
เช้าวันต่อมาหญิงสาวตื่นด้วยความงุนงง เธอลุกไปเข้าห้องน้ำพลางคิดไปด้วยว่าฝันเจอศิวัช เธอฝันว่าเขามาที่นี่เมื่อคืน อรุณีมาลาเดินผ่านโซฟาไปในตอนแรก ก่อนจะต้องหันกลับมามองเมื่อเห็นใครนอนอยู่ตรงนี้
หญิงสาวขยี้ตา เธอไม่ได้ฝันเขามาจริงๆ
“คุณศิวัช มาได้ยังไง มาเมื่อไหร่นี่แล้วเข้าห้องได้ยังไง” เธอเรียกเดินเข้าไปใกล้เขา
เมื่อเขาไม่ตื่น หญิงสาวจึงจับตัวกะว่าจะปลุก แต่เมื่อทันทีที่เธอแตะแขน คนที่ทำท่าหลับก็ดึงข้อมือเธอจนเซลงไปกองอยู่ตัวเขา อรุณีมาลาดิ้นขลุกขลักแต่ศิวัชใช้แขนรัดเอวเธอไว้แน่น
“ปล่อย” เสียงเธอดูโกรธเกรี้ยว แต่ชายหนุ่มใช้ฝ่ามืออีกข้างดันต้นคอเธอให้โน้มลงมาหาเขา ศิวัชเบี่ยงใบหน้านิดนึงเพื่อจะจูบเธอได้ถนัด มันเป็นจูบแบบ French Kiss นุ่มนวลและร้อนแรงไปในคราวเดียวกันด้วยทฤษฎี ตาใกล้ตา ใจแนบใจ
เขาถอนริมฝีปากออกช้าๆ
“พี่มาถึงระนองตอนเย็น ขับรถจากบ้านมานี่อีกสามร้อยโล มาถึงก็จะสามทุ่มไอ้คินบอกว่าออกินข้าวอยู่พี่เลยมารอในห้อง”
หญิงสาวขยับตัวจะลง เขาจึงลุกขึ้นนั่งปล่อยเธอเป็นอิสระ เขาพูดต่อ
“พี่มารับออกับลูกไปบ้านพี่ด้วยกัน ไปกันเลยไหมเช้านี้งานเสร็จรึยังครับ”
“งานเสร็จแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมคงต้องถามพิณก่อน” อรุณีมาลาลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเด็กหญิงต้นข้าว
“พี่ดูลูกเอง ออไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”
หญิงสาวออกจากห้องพักไปหาพี่สาวฝาแฝด อรุณประภาบอกว่าไประนองด้วยไม่ได้ เพราะเธอต้องอยู่รอคมกริชในเรื่องการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายกิจการ
“งั้นให้อออยู่ด้วยก่อนไหมพิณ” อรุณีมาลาถามคู่แฝด ขณะนั้นเธอคุยกันในห้องพักของอรุณประภา พี่สาวยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัว เธอเพิ่งวางสายจากอิงควัตเมื่อน้องสาวเข้ามาหา
“ไม่ต้องหรอกมันไม่ได้มีอะไรมาก ออนัดผู้ใหญ่ไว้ก็ไปเถอะ เราฝากขอบคุณคุณลุงคุณป้าด้วยที่ส่งรถมารับมาที่นี่” อรุณประภาพูด
เมื่อเก็บของกันหมดแล้วและไปลาเจ้าของบ้าน
“จะไปกันเลยเหรอด็อก” คิรินทร์ถาม
“อือต้องไปส่งคุณพิณก่อนที่ภูริดา คุณพิณจะไปหารถเช่าไว้ใช้สักคันด้วย” ศิวัชตอบ ลอบมองสีหน้าของคิรินทร์ซึ่งฝ่ายนั้นทำหน้าไม่เข้าใจทันที
“น้องพิณไม่ได้ไปบ้านไอ้ด็อกมันเหรอครับ” หญิงสาวที่ถูกถามพยักหน้า
“ค่ะ พอดีว่าต้องรอคุยกับคุณคมกริช เลยว่าจะไปพักที่ภูริดากับหารถไว้ใช้สักคันค่ะ”
“คุยกับไอ้กริชก็รอที่นี่ได้นี่ครับ มันก็มาที่นี่บ่อย เรื่องรถที่นี่ก็มีหลายคันน้องพิณจะเช่าทำไม” คิรินทร์พูด
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ รบกวนคุณหลายวันแล้วไปพักที่ภูริดาน่าจะดีกว่า จะได้ดูรายละเอียดงานถนัดๆ” เธอปฎิเสธทำให้ศิวัชต้องจัดการตามที่พี่สาวฝาแฝดของอรุณีมาลาต้องการ
กว่าจะได้ออกเดินทางไประนองก็เกือบเที่ยง พี่น้องสองสาวร่ำลากันหลายนาที เขาไม่รู้เธอซุบซิบอะไรกันแต่รู้สึกได้ว่าเธอสองคนมองมาที่เขาแล้วพูดอะไรกันสักอย่าง
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ