“อะไรของแกเนี่ย โอ๊ย...หงุดหงิดโว้ย!” เวนิสาประกาศ เดินลงส้นตึงตัง เข้าไปในบ้าน ศศินตามเข้าไปเหมือนเงาตามตัว ปล่อยให้ปลายภูงงเป็นไก่ตาแตก
“อะไรเนี่ย ทำไมพี่ศศินมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
รวีกานต์หันไปหาเด็กน้อยของเธออย่างนึกรำคาญ
“อยากรู้ก็เข้าไปถามเองสิ” เอ่ยประชดอย่างงอนๆ เขามาถึงนี่แทนที่จะถามเรื่องเธอ กลับถามถึงเรื่องคนอื่น น่าโมโหไหมล่ะ
“ไปเถอะจ้ะสุดหล่อ เข้าบ้านก่อนนะ เดี๋ยวเจ๊หายามาทาให้”
เจ๊หวานเอ่ยเสียงหวานสมชื่อ สองมือเกาะแขนปลายภู สองตาหวานเยิ้มมาพร้อมรอยยิ้มหวานหยด ไม่นึกว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้ ตกลงมันอะไรยังไง ทำไมว่าที่ดอกเตอร์ของปานรพีถึงกลายมาเป็นเด็กน้อยของรวีกานต์ได้ เรื่องนี้ต้องขยายให้ได้ความ
“เจ๊!” รวีกานต์เรียก
“อะไรยะ”
“คนนี้ของฉัน!” ว่าแล้วคว้าหมับเอาที่แขนของปลายภู ลากเขาเข้าบ้านต่อหน้าต่อตาเจ๊หวาน
“เออ...ชะนีพวกนี้นี่ นิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นหวงนะยะ เชอะ!”
เจ๊หวานสะบัดบ๊อบ ทำเมินใส่สองชะนีที่ควงผู้ชายของใ
“ก็หล่อนกับยัยตะวันน่ะ ดีนะ...กลับมาเถียงกันบ้าง บ่นให้กันบ้าง นางงามที่เป็นคนกลางอย่างฉันจะได้มีความสุข” เจ๊ว่าแล้วทำตาปริบๆ ทำปากเผยอน้อยๆ ให้แลดูเซ็กซี่เวนิสาส่ายหน้าอย่างระอา คว้าเอากระเป๋าถือมาคล้องไหล่“ไปแล้วนะเจ๊”“ไปไหน ขึ้นนอนเหรอ”“นอนอะไรล่ะ จะไปนอนที่อื่น”“เอ้า? แล้วทำไมไม่นอนนี่”“นอนไม่ได้ เดี๋ยวผู้ชายมาตาม เบื่อ!”เวนิสาว่าแล้วรีบออกจากบ้านหลังน้อย เธอบึ่งรถกลับบ้านแสนรัก ระหว่างทางนั้นมารดาที่เคารพก็โทรมาถามไถ่ เธอตอบไปตามจริงว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านของสามสาว“แล้วไปนอนที่ไหนฮึ โรงแรมเหรอ”“เปล่า...หนูอยู่บ้านแสนรักน่ะ”“โอ๊ย! ฉันจะเป็นลม ไปทำอะไรที่นั่นฮะ แกท้องอยู่นะ”“ก็ท้องไงคะแม่ ตอนนี้หนูกลับบ้านก็ไม่ได้ ไปบ้านเพื่อนก็ไม่ได้ กลัวพี่ศศินไปตามน่ะ หนูรำคาญ จะไปนอนโรงแรมแม่ก็ว่าไม่มีใครคอยดูแลอีก หนูเลยไปบ้านแสนรักไงคะ อย่างน้อยๆ ที่นั่นก็มีแม่ครูแสนรัก เป็นอะไรขึ้นมา แกคง
“ก็นังวี”“ฉันทำไม”“แกท้องเหรอ”“แค่กๆๆ” เวนิสาไอค่อกแค่กด้วยชิ้นฝรั่งติดคอ เดือดร้อนเจ๊หวานต้องช่วยทุบหลังให้ “แกรู้ได้ไง!”“หมายความว่าไง นี่แกท้องจริงๆ ใช่ไหม!” รวีกานต์ร้องถาม ตอนแรกไม่แน่ใจ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางเพื่อนรักแล้วมันใช่ “ฉันว่าแล้ว กินอย่างกับพายุจนพุงปลิ้น ไม่คิดจะบอกเพื่อนอีกละสิ แกนี่มัน...”รวีกานต์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เวนิสาแทบยกมือไหว้“ขอโทษ...ก็ฉันกลัวว่าแกจะเสียใจนี่นา ถ้าท้องขึ้นมาแกก็ต้องรู้ว่าฉันท้องกับใคร” อ้อมแอ้มตอบแล้วขยับไปหาเจ๊หวานอย่างหาที่พึ่งรวีกานต์ทำตาขวางใส่เจ๊คนดี “เจ๊ก็รู้เรื่องละสิ ปิดบังฉันตลอดเลย”“อย่าโกรธมันเลยน่า มันห่วงแกจะตาย ตอนมีเรื่องยุ่งๆ มันก็รู้แล้วว่าตัวเองท้อง มันไม่ยอมบอกเองแล้วฉันจะพูดได้ยังไง สงสารมันหน่อยนะ ตอนหล่อนร้องไห้เสียใจ ยัยนี่ก็ท้องแล้วด้วย มันเจ็บจะตาย แต่มันไม่ยอมระบายกับใครเลย มันน่าสงสารออก” เจ๊ช่วยเวนิสาอีกแรงเวนิสาทำหน้
[20]ผู้หญิงยากๆ_______ชั้นใต้ดินของห้าง V&Vเวนิสาโบกมือลาเชฟลูกครึ่งพร้อมรอยยิ้มหวาน เธอเดินไปที่รถตัวเอง เปิดฝากระโปรงท้ายรถขึ้นเพราะต้องการรองเท้าคู่ใหม่ในนั้น เธอกะว่าจะแวะไปที่ร้านเบเกอรี่ ไปช่วยเด็กๆ อบขนม รองเท้าส้นสูงคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ศศินก้าวฉับๆ ไปหาเวนิสา ทันทีที่ก้าวออกจากลิฟต์มา“ยิ้มออกนอกหน้าเกินไปแล้ว ชอบเหรอ หน้าขาววอกอย่างกับซอมบี้”“เฮอะ...อิจฉาละสิที่ตัวเองไม่หล่อเท่าฟิลลิป” เถียงเขาพลางถอดรองเท้าส้นสูงเข้าเก็บแล้วดึงรองเท้าส้นเตี้ยคู่หนึ่งมาสวมแทน“ไม่หล่อแต่ก็ทำให้เธอคลั่งได้ล่ะ มานี่ ไปคุยกันก่อน”“ไม่คุย ไม่มีเรื่องจะคุย”“แต่ฉันมี มีเยอะด้วย!”เวนิสาเบือนหน้าหนี จู่ๆ ก็รู้สึกเหม็นเบื่อใบหน้านี้ นึกสงสัยว่าเมื่อก่อนเธอหลงรักเข้าไปได้อย่างไรหัวปักหัวปำ“นี่พี่”“อะไร”“มาตามฉันทำไมยิกๆ พี่ว่างเหรอ” ถามด้วยใคร่รู
“นี่! ทำอะไรของเธอ ฉันเจ็บนะ!”“ชู่! เงียบๆ เถอะน่า ฉันจะให้เชฟฟิลลิปมาดูแลโรงเรียนต่อ เหมือนเขาจะปิ๊งฉันด้วย ถ้าเห็นพี่มาเกาะแกะฉัน โรงเรียนฉันขายไม่ออกพอดี เพราะฉะนั้นนั่งเงียบๆ ไปเลยนะ ถ้าส่งเสียงละก็ ตาย!” ไม่ขู่เปล่าๆ แต่ใช้ปลายเท้าเตะคนที่นั่งอยู่ข้างล่างอีกป้าบใหญ่ศศินได้แต่เม้มปากแน่นๆ ต้องนั่งหลังโก่งอยู่ใต้โต๊ะเพราะขาโต๊ะไม่สูงมากนัก“เชฟมาแล้ว นั่งก่อนนะคะ สั่งอะไรมาทานก่อนแล้วค่อยคุยรายละเอียดกันเนาะ” เวนิสาทักทายฟิลลิป บุรุษร่างสูง ลูกครึ่งไทย – อังกฤษ วัยสามสิบปลายๆ หน้าตาท่าทางใจดี เขายิ้มอวดฟันขาวเรียงเป็นมุกให้เธอได้ยลฟิลลิปยิ้มรับหน้าระรื่น นั่งลงตามที่เวนิสาแนะ บุรุษเลือดผสมไม่ได้รักการสอนทำอาหารมากกว่าการคิดสูตรอาหาร แต่เห็นว่านี่เป็นโรงเรียนที่เวนิสารัก เลยอาสารับดูแลต่อ อีกอย่างคือโรงเรียนของหล่อนมีชื่อเสียงแล้ว นักเรียนในแต่ละคลาสก็มีพอสมควร สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว“กำลังอยากทานอาหารอิตาเลี่ยนพอดีเลย” ฟิลลิปว่า“ดีเลยค่ะ เชฟสั่งเลยนะคะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองค่
“เชอะ...พวกนี้นี่ ส่งสายตาหวานใส่กันได้ยังไง ฉันยืนอยู่นี่ทั้งคนนะ!”เวนิสาบ่นไปเรื่อย แต่ทั้งปลายภูและรวีกานต์หาได้แยแส สุดท้ายก็ก้าวฉับๆ ออกไปโบกแท็กซี่หน้าบ้าน ไม่ได้สนใจคนที่สั่งให้รอศศินตามลงมาในอีกไม่กี่นาทีให้หลัง ปลายภูกับรวีกานต์กำลังจะออกไปพอดี“แล้ววีนัสล่ะ” เขาถาม“ไปแล้วค่ะ” รวีกานต์ตอบ“ไปไหนอีกล่ะ บอกให้รอนะเนี่ย”“ถ้าไปตอนนี้อาจจะทันนะ”ศศินรีบวิ่งออกไปขึ้นรถ รวีกานต์เจ็บจี๊ดๆ ในใจ แต่ยังพอทนได้ แล้วมือของปลายภูก็กุมเข้าที่มือของเธอ“พ่อของลูกอยู่ตรงนี้ ยังจะมองตามผู้ชายคนอื่นอีก งอนนะ”เด็กน้อยของรวีกานต์บอกเสียงดังฟังชัด“เชอะ...” ส่งเสียงเชอะแต่ยิ้มพร่างพราย ไหนๆ ก็ท้องแล้วนี่ บางทีความรักของปลายภูอาจจะหวานชื่นกว่าความรักของบอสใหญ่ก็ได้ ใครจะรู้ล่ะ____________เวนิสากลับไปที่ห้าง V&V เพื่อขับรถออกมา ตอนนี้หญิงสาวไม่ได้อยู่บ้านแม่ ไม่ได้อยู่บ้านสามสาว หรือแม้แต่โรงแรม คงไม่มีใครคา
รวีกานต์ยิ้มทั้งน้ำตา เขาอาจไม่ใช่ชายในฝัน ไม่ใช่คนที่เธอโหยหา แต่เขาคือคนที่อยู่ข้างเธอตลอดมา คนที่คอยทำสิ่งดีๆ ดูแลเธอมิให้หิวหรือเหนื่อย คนที่คอยปลอบใจเวลาเธอเศร้า คนที่คอยยิ้มให้เวลาเธอมีความสุข คน...ที่ยังเก็บแว่นสายตาเธอไว้ในวันที่เธอโยนทิ้งเพราะอยากใส่คอนแทคเลนส์ในวันนี้ วันที่เขาเรียกร้องให้เธอยืนเคียงข้างเขา เธอ...จะปฏิเสธได้อย่างไร“ก็ได้...เอาสิ ถ้าคิดว่ารักฉันมากขนาดนั้น แล้วเรา...จะเริ่มตรงไหนก่อนดี”ปลายภูยิ้มกว้างอย่างที่สุด สวมกอดรวีกานต์ด้วยความยินดี ในที่สุดสิ่งที่เฝ้ารอมานานก็สมหวัง จะขอบคุณใครดีนะ ขอบคุณความอดทนของตัวเองที่รอมาถึงสามปี ขอบคุณรวีกานต์ที่ให้โอกาส หรือขอบคุณวันเวลาเลวร้ายที่ทำให้รวีกานต์ดื่มจนเมา จนลูกของเขาได้มาอยู่ในท้องหล่อนอย่างนี้ แต่ช่างเถอะ จะอะไรก็ช่าง เขาไม่สนแล้ว แค่วันนี้รวีกานต์ตกลงปลงใจว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว“ไปหาพ่อกันนะครับ ไปกราบคุณพ่อกัน ไปด้วยกันนะตะวัน”รวีกานต์น้ำตาไหลพราก มันไหลออกมาเอง มิใช่ดีใจนักหนา แต่มันคือความโล่งใจ อะไรบางอย่างที่หนักอึ