“อย่าขยี้แรงอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคอนแทคเลนส์บาดตาเอานะ” ว่าแล้วเอื้อมมือไปดึงนิ้วเรียวออกจากดวงตา แต่โดนเจ้าหล่อนปัดมือเขาทิ้ง
“เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ครับ ทั้งห่วงทั้งหวง ทุกส่วนที่เป็นตะวันสำคัญกับผมนะ”
เด็กน้อยหยอดคำหวาน รวีกานต์ทำตัวไม่ถูกก็เสไปหยิบเครื่องดื่มมาจิบ ใบหน้ายังไร้รอยยิ้ม
“บอกแล้วว่าฉันไม่สนนาย ฉันรักบอสของฉัน รักมากด้วย”
“อา...เจ็บจัง” เด็กน้อยบอกอย่างเจียมตน เอามือกุมอกแล้วนิ่วหน้า
รวีกานต์ทำเมิน
“เจ็บอะไร สาวๆ นายออกจะเยอะ รวยด้วย ขับเบนซ์เชียว”
“สาวที่ไหน นั่นพี่สาว”
“คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง”
“จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย เคารพเหมือนพี่แท้ๆ” เขาแก้ต่างพัลวัน
“คนรวยแบบนั้นเขาจะมาเอ็นดูน้องชายแบบนายเหรอ มันคนละชั้นน่า” ว่าเหมือนเยาะ
ปลายภูหน้าสลด เขาไม่ชอบเลยที่รวีกานต์พูดแบบนี้ เหมือนว่าหล่อนเห็นเงินสำคัญมากกว่าทุกสิ่ง
“คนดีๆ ก็ยังมีครับ คนที่ไม่คบใครที่ฐานะ”
“ใช่...บอสฉันไง” บอกเหมือนเย้ยอีกฝ่าย
ปลายภูหน้ามุ่ย เขาหมายถึงตัวเองต่างหาก
“มาหาผมแท้ๆ แต่คุยแต่เรื่องผู้ชายคนอื่น ผมก็น้อยใจเป็นนะ”
“แล้วทีนายล่ะ เมื่อวานยังจูบฉัน มาวันนี้...”
คนปากไวอ้าปากค้างไว้ เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรแปลกๆ ออกไป หวังว่าปลายภูจะไม่สะกิดใจในสิ่งที่เธอพูดนะ
“ฮั่นแน่ะ...หึงหรือครับ”
ริมฝีปากของรวีกานต์เม้มแน่น จิกตาดุๆ ใส่เด็กน้อยผู้น่ารัก ทว่าปากกลับพูดอะไรไม่ออก
“อืม...ชักมีหวังแล้วสิ ผู้หญิงนี่จริงๆ เลย ปากไม่ตรงกับใจ”
เขาว่าเหมือนล้อ ยิ้มกว้างอย่างเป็นสุข
“พูดอะไรของนาย หึงเหิงอะไร เพ้อเจ้อ!”
ปลายภูหรี่ตามองคนที่เอาแต่แก้ต่าง
“หัวใจคนเรามีดวงเดียว แต่ใช่ว่าจะรักได้แค่คนเดียวนะครับตะวัน ถ้ามีใจเหลือๆ ก็เผื่อแผ่มาให้ผมบ้างเถอะ เด็กน้อยอย่างผมต้องการความรัก...”
เขายิ้มหวานแล้วขยับไปนั่งใกล้สาวเจ้า แต่รวีกานต์ไม่เล่นด้วย เธอลุกพรวดขึ้นทันใด
“ฉันกลับดีกว่า ค่ำมากแล้วเดี๋ยวฝนตก” บอกแล้วคว้ากระเป๋าถือกับถุงของฝากเดินจากมา จากที่กะไว้ว่าจะไปสั่งสอนเด็กน้อยให้รู้สำนึกที่บังอาจมาจูบกัน กลับกลายเป็นว่าพ่ายแพ้ต่อวาจาตัวเอง พ่ายแพ้ต่อความขี้อ้อนของเด็กน้อย ต้องแบกความอายเขินกลับบ้านอย่างหมดฟอร์ม
_______________
ค่ำนี้บรรยากาศในคฤหาสน์ศิวเศขรมาคุแปลกๆ เนื่องจากท่านวศินไม่อยู่ ไปงานเลี้ยงกับเพื่อนฝูง เวนิสาเลยต้องรับประทานมื้อค่ำกับศศินเพียงลำพัง แต่เหมือนเธอนั่งกินคนเดียวเสียมากกว่า เพราะเขาไม่ค่อยพูดจา นอกจากวานให้เธอทำข้าวกล่องให้ในวันพรุ่งนี้เพียงเท่านั้น เขาดูมีอะไรในใจ หน้าตาไม่สดใส ติดบูดบึ้งเหมือนโกรธใครมาอย่างไรอย่างนั้น
“ปลานึ่ง” เขาเอ่ยแล้วชี้ลงจานปลา
“คะ”
“เค็ม” ท้วงโดยไม่มองหน้าคนทำ
เวนิสาตักปลามาชิมคำเล็กๆ รสชาติกำลังพอดี ไม่เค็มสักนิด
“ผัดผักจืดมาก หมูทอดก็มันแผล็บ แกงส้มก็ด้วย นี่แกงส้มหรือขนมหวาน ใส่น้ำตาลอะไรนักหนา” บ่นแล้ววางช้อนกับส้อมลงอย่างไม่สบอารมณ์
เชฟมือหนึ่งหรี่ตามองอย่างค้นคว้า นี่คิดจะหาเรื่องเธอหรือ
“ปลานึ่งเค็มไป...ยกออก ผัดผักจืดใช่ไหมคะ...” ถามเขาพลางกวักมือเรียกสาวใช้ “หมูทอด มันมันไปใช่ไหม ยกๆๆ มายกไปเลยจ้า แกงส้มก็ด้วย...” บอกสาวใช้พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ สาวใช้มาจัดการยกกับข้าวออกไปจากโต๊ะ
ศศินได้แต่มองตามตาปริบๆ หล่อนเลื่อนถ้วยกับข้าวอย่างสุดท้ายมาวางตรงหน้าเขา
“เฮอะ! นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย”
“จุ๊ๆๆ ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ เอาจริง เชิญค่ะ กับข้าวอย่างสุดท้ายบนโต๊ะ กินให้อร่อยนะคะ ฉันอิ่มความเยอะของพี่จนกลืนอะไรไม่ลงแล้ว” ประชดเขาแล้วยิ้มเชือดเฉือน ก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหาร ปล่อยให้ศศินลิ้มรส น้ำปลาพริก ถ้วยนั้นเสียให้เปรม กินเสียเถอะ เรื่องมากนัก คนทำอุตส่าห์ทำแทบตาย ดันมาติโน่นตินี่ งั้นก็ไม่ต้องกิน ง่ายดี!
ความขุ่นเคืองของหนุ่มสาวยังไม่จบเพียงแค่โต๊ะอาหาร มันตามติดศศินขึ้นมาบนห้องด้วย ใบหน้าเขายังบูดบึ้งราวกับโกรธใครมาเสียชาติหนึ่ง เวนิสาอยากรู้แต่ไม่อยากเอ่ยถามให้เสียฟอร์ม เชิญเขาโกรธไปเถอะ เธอไม่เกี่ยวสักนิด
หญิงสาวหนีไปอาบน้ำอาบท่า พอเสร็จก็กลับออกมาแต่งตัว เธอสวมชุดนอนผ้านิ่มที่ตรงหัวไหล่ถึงเนินอกเป็นผ้าซีทรูเนื้อบางเบา ติดระบายดอกไม้เล็กๆ ดูน่ารักแต่แอบเซ็กซี่หน่อยๆ มันยาวคลุมต้นขาเรียว สั้นไปนิดสำหรับการนอนโดยไร้ผ้านวม
“อา...หยิบตัวนี้มาได้ยังไงเนี่ย นอนไม่ระวังละก็ได้เปิดหวอประจานตัวเองแน่ๆ” บ่นพึมพำแล้วหันรีหันขวางอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว จัดการทาครีมบำรุงผิวจนหอมฟุ้งแล้วหยิบเอาผ้าเช็ดตัวไปหย่อนลงตะกร้า ทว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในนั้น ถุงกระดาษใบหนึ่งถูกทิ้งอยู่ข้างล่างราวกับว่ามันคือขยะ
“อะไรกัน นี่มัน...ช็อกโกแลต?”
หญิงสาวเดินถือกล่องช็อกโกแลตออกมาข้างนอก ศศินนั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียงในชุดนอนแบบเสื้อกล้าม อวดแขนขาวๆ กล้ามแน่นๆ ล่อตาล่อใจชะนีขาหื่น
“พี่? นี่อะไร ฉันเจอมันในตะกร้าผ้า”
“ขยะ หาถังขยะไม่เจอเลยทิ้งไว้ในนั้น” เขาตอบเสียงห้วน
“ได้ไง นี่มันของกินชัดๆ ฮั่นแน่ะ ซื้อมาให้ฉันก็บอกมาเถอะ สาบานว่าจะไม่ล้อให้พี่เขิน”
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาแม่สาวจอมโมเม
“ฉันเพิ่งไปซื้อของขวัญให้ตะวันน่ะ ทางร้านก็เลยให้ของแถมมา แล้วพอดี...ฉันไม่ค่อยชอบของหวาน ก็เลยทิ้ง”
เวนิสาหน้าเง้า เดินไปนั่งบนเตียงเขาแล้วแกะเอาช็อกโกแลตออกจากกล่อง
“เดี๋ยวนี้ซื้อของขวัญให้กันแล้วหรือคะ คืบหน้าไวจัง แค่เดตแรกนะเนี่ย”
คนสวยเอ่ยลอยๆ ด้วยอยากให้ศศินแก้ต่าง แต่เขาก็เฉย เวนิสาไม่รู้เลยว่าที่ศศินไม่ได้เอ่ยอะไรเพราะกลิ่นอายของเนื้อนาง กำลังโชยเข้าจมูก
แสงตะวันเรืองรองที่ปลายคุ้งฟ้าด้านทิศตะวันออก เวนิสาลืมตาขึ้นมาอย่างเพลียแรง เธอหลับไปตอนไหนจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเมื่อคืนร่างกายถูกใช้งานอย่างหนัก ทั้งจูบ ทั้งกอด ทั้งพลิกคว่ำพลิกหงาย สะพานโค้งก็มี ครบค่ะ! ครบทุกท่วงท่า!ครืด...ประตูกระจกของห้องแต่งตัวถูกเลื่อนออกจนสุด เผยให้เห็นร่างอันชุ่มด้วยหยดน้ำของศศิน เขาคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวเวนิสาตาโตเท่าไข่ห่าน อะไรละนั่น แค่มีเซ็กซ์กันแล้วไม่ได้หมายความว่าจะแก้ผ้า...แบบนั้น...ได้นะ!ผ้านวมนุ่มๆ ถูกดึงขึ้นมาปิดหน้าของเวนิสา เหลือทิ้งไว้ตรงดวงตากลมแป๋วน่าเอ็นดู หญิงสาวยังจ้องเขาอยู่ เขาก็เหล่มามอง ยิ้มเยาะอะไรสักอย่าง“มองแบบนั้นอยากจัดอีกสักรอบเหรอ”คนถูกถามส่ายหน้าพรืด เบะปากด้วยอยากจะร้องไห้“สมใจแล้วสิ เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าจะได้ร้องขอชีวิต หึๆๆ”เสียงหัวเราะของคนที่กำลังแต่งตัวทำให้เวนิสานึกขยาด ร่างกายที่ปวดร้าวทุกสัดส่วนทำให้เธอยอมพ่ายแพ้ ไม่เอาอีกแล้ว พอเลย งดทำลูกตลอดชีวิต!“ลุกได้แล้ว วันนี้มีสอนไม่ใช่เหรอ&rd
เวนิสาไม่กล้ามองชิ้นส่วนสำคัญแห่งบุรุษ กางเกงชั้นในตัวน้อยถูกดึงรั้ง ศศินเฝ้ามองเนินเนื้อที่อยู่ระหว่างซอกขาของเธอราวกับมันเป็นของล้ำค่า ดวงตาเขาเต็มไปด้วยไฟเสน่หา มันลามเลียร่างเธอจนร้อนไปหมดและแล้วกางเกงชั้นในตัวจิ๋วก็หลุดออกจากปลายเท้า หญิงสาวใช้ศอกดันร่างขึ้นมามอง ศศินเคลื่อนกายลงไปด้านล่าง เขานอนคว่ำอยู่ระหว่างเรียวขาของเธอ กำลังใช้ปากสำรวจตรวจตราสามเหลี่ยมอวบอูมที่อยู่ระหว่างซอกขา ทุกวินาทีที่ปลายลิ้นเขาปาดไล้หยอกเย้า เขาจะจ้องมาที่ตาของเธอ เธอได้แต่อ้าปากส่งเสียงครางเท่านั้น“อูย...พี่คะ...อย่า...” ต่อให้ร้องขอเช่นไรศศินก็ไม่หยุดทำร้ายกันด้วยปลายลิ้น เขาซุกหน้าลงไปดื่มด่ำอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน นานจนร่างกายเธอแตกผลิดอกผลแห่งความสุข ชาวาบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หลั่งล้นออกมาจากร่องหลืบอันเร้นลับ“พี่คะ พอเถอะ...ฉันรู้สึก...วูบๆ วาบๆ ยังไงไม่รู้”“ไม่รู้จริงๆ หรือว่าตัวเองเป็นอะไร”คนถูกถามพยักหน้าเร็วๆ หลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับความสุขที่ส่งตรงมาจากซอกขา อาการชายังมีอยู่ รู้สึกถึงความไวของเส้นประสาทที่อออยู่ตรงสามเหลี่ยมเนิ
ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลาย ดูเอาเถิด นี่ตั้งใจจะยั่วกันอีกแล้วใช่ไหมถึงได้ใส่ชุดนอนเซ็กซี่ขนาดนี้“อืม...ฟินสุดๆ ถ้าไม่กลัวอ้วนจะกินให้เกลี้ยงกล่องเลย” เวนิสาผู้มิรู้ว่าถูกแทะโลมทางสายตา ยังมีความสุขอยู่กับการลิ้มรสขนมหวานสีน้ำตาลเข้ม“ทำเป็นพูดดี อิ่มมาจากร้านกาแฟแล้วไม่ใช่เหรอ”คราวนี้เวนิสาถึงบางอ้อ ที่แท้เขาเห็นเธอที่ร้านกาแฟหรอกหรือ เห็นตอนไหน เห็นเมื่อไหร่ เอ...หรือว่าเขาจะ...“โอ๊ะๆๆ อย่าบอกนะว่าที่ทำบรรยากาศเหมือนพายุจะเข้านี่เป็นเพราะเห็นฉันอยู่กับปลายภู ว้าว...น่าดีใจนะเนี่ย”“เพ้อเจ้อ ไม่เกี่ยวกับเธอแล้วก็นายนั่นสักนิด”“จริงเหรอ”“แน่นอน” ยืนยันแล้วเสมองตัวอักษรในหนังสือ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าสมอง เพราะตาคอยแต่จะมองไปยังแม่เนื้อนวล ลำคอหล่อนขยับเคลื่อนเบาๆ ในทุกครั้งที่กลืนกินช็อกโกแลตเนื้อนุ่ม ชุดนอนน่ารักแต่แอบเซ็กซี่ก็กวนใจเขาเสียเหลือเกิน ผ้าบางๆ แบบซีทรูช่างน่าโมโห อยากจะฉีกให้ขาดด้วยสองมือนัก“ว่าแต่...เธอสนิทกับเขาเหรอ หรือว่ากิ๊กกัน&rdq
“อย่าขยี้แรงอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคอนแทคเลนส์บาดตาเอานะ” ว่าแล้วเอื้อมมือไปดึงนิ้วเรียวออกจากดวงตา แต่โดนเจ้าหล่อนปัดมือเขาทิ้ง“เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง”“ไม่ยุ่งไม่ได้ครับ ทั้งห่วงทั้งหวง ทุกส่วนที่เป็นตะวันสำคัญกับผมนะ”เด็กน้อยหยอดคำหวาน รวีกานต์ทำตัวไม่ถูกก็เสไปหยิบเครื่องดื่มมาจิบ ใบหน้ายังไร้รอยยิ้ม“บอกแล้วว่าฉันไม่สนนาย ฉันรักบอสของฉัน รักมากด้วย”“อา...เจ็บจัง” เด็กน้อยบอกอย่างเจียมตน เอามือกุมอกแล้วนิ่วหน้ารวีกานต์ทำเมิน“เจ็บอะไร สาวๆ นายออกจะเยอะ รวยด้วย ขับเบนซ์เชียว”“สาวที่ไหน นั่นพี่สาว”“คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง”“จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย เคารพเหมือนพี่แท้ๆ” เขาแก้ต่างพัลวัน“คนรวยแบบนั้นเขาจะมาเอ็นดูน้องชายแบบนายเหรอ มันคนละชั้นน่า” ว่าเหมือนเยาะปลายภูหน้าสลด เขาไม่ชอบเลยที่รวีกานต์พูดแบบนี้ เหมือนว่าหล่อนเห็นเงินสำคัญมากกว่าทุกสิ่ง“คนดีๆ ก็ยังมีครับ คนที่
[6]ความหึงเป็นเหตุ________________ศศินขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ เขาเพิ่งเสร็จธุระกับลูกค้าที่ออกมาพบตั้งแต่บ่าย การเจรจาเรื่องงานผ่านไปได้ด้วยดี เขาเหลือบมองถุงของฝากบนเบาะข้างตัวแล้วอมยิ้มบางๆ เวนิสาต้องยิ้มแป้นตอนได้รับแน่ๆบิ๊กบอสขับรถไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ผ่านห้างใหญ่ โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อหรือแม้แต่สถานีรถไฟฟ้า รถจอดติดไฟแดงที่แยกอันแออัดแยกหนึ่ง เขากวาดสายตามองไปด้านข้าง จำได้ว่ามีร้านกาแฟของคนรู้จักตั้งอยู่นี่ที่“อ้อ...อยู่นั่นเอง ทำเลเหมาะน่าจะขายดีละนะ” เปรยแล้วสอดส่ายสายตามองทางนั้น แล้วจู่ๆ หัวคิ้วเข้มก็ได้เลื่อนเข้าหากัน สตรีและบุรุษคู่หนึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องมุ่นคิ้ว ฝ่ายชายเหมือนเดินออกมาส่งฝ่ายหญิงที่ลานจอดรถ ท่าทางสนิทสนมกัน พูดคุยหยอกล้อ บ้างมีตบหัวลูบหลังราวคุ้นเคยกันนักหนา รอยยิ้มที่ฝ่ายหญิงมีให้ฝ่ายชายทำให้เขาต้องส่งเสียงครางออกมาอย่างรำคาญใจ หล่อนจะยิ้มกว้างอะไรขนาดนั้น มีความสุขมากหรืออย่างไร
ก่อนเข้าบริษัทวันนี้ศศินแวะซื้อของกำนัลเล็กน้อย เขาไม่รู้จะให้อะไรกับรวีกานต์ดี ค่าที่หล่อนช่วยไม่ให้เขาโดนรถเฉี่ยวเมื่อวาน ทว่าเมื่อนึกดีๆ ก็จำได้ว่ามีของอยู่อย่างที่จำเป็นสำหรับหล่อน เขาได้ของสิ่งนั้นจากร้านสินค้าแบรนด์เนม ก่อนจะออกจากห้างก็จำได้ว่ามีสตรีอีกคนที่ควรซื้ออะไรไปปลอบขวัญเสียหน่อย เขาได้ของสองสิ่งที่มูลค่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งคือร่มลายดอกไม้เล็กๆ คันละเกือบสองพัน มันเป็นของนำเข้าเลยราคาแพง ส่วนอีกอย่างคือช็อกโกแลตกล่องเหมาะมือ ราคาไม่กี่ร้อยบาทเขามาถึงที่ทำงานเกือบสิบเอ็ดโมง ตั้งใจว่าจะเอาของไปให้รวีกานต์ด้วยตัวเองเพื่อแสดงความจริงใจ อีกอย่าง...เขาคิดว่าควรลงไปดูสวัสดิการเรื่องอาหารการกินของพนักงานสักหน่อย____________บุรุษร่างสูงยืนเก้กังอยู่หน้าโต๊ะรับประทานอาหารที่ตั้งเรียงไว้เต็มบริเวณ ในมือมีถุงกระดาษแบรนด์ดังถืออยู่พร้อมกับถาดอาหารที่เลขาอาสาไปตักมาให้ อาหารเที่ยงของบริษัทหน้าตาสู้อาหารในร้านแพงๆ ไม่ได้เลย“ไปนั่งกับพวกผมไหมครับบอส”ณพพร เลขาร่างผอมเอ่ยกับเจ้านายอย่างเกรงอกเกรงใจ“อย