ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลาย ดูเอาเถิด นี่ตั้งใจจะยั่วกันอีกแล้วใช่ไหมถึงได้ใส่ชุดนอนเซ็กซี่ขนาดนี้
“อืม...ฟินสุดๆ ถ้าไม่กลัวอ้วนจะกินให้เกลี้ยงกล่องเลย” เวนิสาผู้มิรู้ว่าถูกแทะโลมทางสายตา ยังมีความสุขอยู่กับการลิ้มรสขนมหวานสีน้ำตาลเข้ม
“ทำเป็นพูดดี อิ่มมาจากร้านกาแฟแล้วไม่ใช่เหรอ”
คราวนี้เวนิสาถึงบางอ้อ ที่แท้เขาเห็นเธอที่ร้านกาแฟหรอกหรือ เห็นตอนไหน เห็นเมื่อไหร่ เอ...หรือว่าเขาจะ...
“โอ๊ะๆๆ อย่าบอกนะว่าที่ทำบรรยากาศเหมือนพายุจะเข้านี่เป็นเพราะเห็นฉันอยู่กับปลายภู ว้าว...น่าดีใจนะเนี่ย”
“เพ้อเจ้อ ไม่เกี่ยวกับเธอแล้วก็นายนั่นสักนิด”
“จริงเหรอ”
“แน่นอน” ยืนยันแล้วเสมองตัวอักษรในหนังสือ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าสมอง เพราะตาคอยแต่จะมองไปยังแม่เนื้อนวล ลำคอหล่อนขยับเคลื่อนเบาๆ ในทุกครั้งที่กลืนกินช็อกโกแลตเนื้อนุ่ม ชุดนอนน่ารักแต่แอบเซ็กซี่ก็กวนใจเขาเสียเหลือเกิน ผ้าบางๆ แบบซีทรูช่างน่าโมโห อยากจะฉีกให้ขาดด้วยสองมือนัก
“ว่าแต่...เธอสนิทกับเขาเหรอ หรือว่ากิ๊กกัน”
“บ้าน่ะสิ นายนั่นอายุน้อยกว่าฉันตั้งห้าปีเชียวนะ เราเล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านติดกัน พี่ก็รู้นี่นา”
“แค่รู้ว่าบ้านติดกันไม่ได้รู้ว่าสนิทกันมากนี่ แต่ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด ผู้หญิงอย่างเธอคงหว่านเสน่ห์ไปทั่วละสิ”
“จะปรักปรำฉันไปถึงไหนเนี่ย” ว่าเขาแต่กินของเขาตุ้ยๆ ช็อกโกแลตเนื้อนุ่มนี่รสชาติดีจริงๆ ขนาดเธออยู่ในวงการเบเกอรี่ยังรู้เลยว่าของดี ไม่น่าจะเป็นแค่ของแถมนะ
“หรือไม่จริงล่ะ จะบอกว่าตัวเองใสซื่อ ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนั้นเหรอ เฮอะ...เชื่อก็บ้าแล้ว” เขาประชด เวนิสาค้อนเข้าให้
“เกลียดคนรู้ทัน สวยๆ อย่างฉันนี่จะเหลือรอดมาถึงพี่หรือคะ ฉันน่ะ...ผ่านผู้ชายมาเป็นร้อย ขอบอก!” บอกเขาราวกับเป็นเรื่องน่าภูมิใจ ศศินถึงกับลดหนังสือลง มองตรงไปยังแม่สาวนักรักผู้ช่ำชองแล้วชักขยาด
“ฉันจะติดโรคไหมเนี่ย”
“หายห่วง! ฉันตรวจโรคทุกเดือนค่า ลองดูไหมคะพี่ขา...” ว่าแล้วทำตาหวานเยิ้ม วางกล่องช็อกโกแลตลงด้วยอยากแกล้งคนหวงตัว เธอปีนขึ้นไปคร่อมบนตักเขา ดึงหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนในมือเขาออก
“กินช็อกโกแลตไหมคะ หวานกำลังพอดี” เอ่ยอย่างยั่วเย้า แอ่นหน้าอกหน้าใจเข้าหาเขาอีกนิด พอแกะกระดาษห่อช็อกโกแลตเสร็จก็ตั้งท่าจะป้อนเขา เขาอ้าปากรอรับเอาราวกับต้องมนตร์ ทว่าเธอก็แกล้งด้วยการหย่อนมันเข้าปากตัวเองเสีย
“อื้ม...อร่อย..”
“เอ้า...นึกว่าจะแกะให้ มายั่วให้ฉันโมโหหรือไง”
“ปกติพี่ก็โมโหฉันตลอดนั่นแหละ ว่าแต่อยากกินจริงเหรอ เดี๋ยวแกะให้ใหม่นะ” ว่าแล้วโน้มกายไปหมายจะเอื้อมหยิบกล่องขนมแต่ถูกมือของศศินจับเอวเอาไว้ มืออุ่นๆ แผ่ไอร้อนเข้าไปถึงผิวเนื้อเธอ
“ฉันจะกิน...ชิ้นนั้น” เขาชี้ใส่ช็อกโกแลตชิ้นที่อยู่ในปากหล่อน เวนิสาคงงงไม่น้อย หล่อนตั้งท่าจะคายใส่มือ เขาเลยฉวยจังหวะนั้นใช้ปากตัวเองไปรองรับมันไว้ นอกเหนือจากช็อกโกแลตอุ่นๆ เขายังได้ครอบครอบริมฝีปากงาม ขบเม้มและดูดชิมมันไปพร้อมๆ กับรสชาติของช็อกโกแลต มันช่างวิเศษจนยากจะต้านทาน ต้องจ้วงลิ้นร้อนเพื่อชิมรสหวานจากจุมพิต
สัมผัสซาบซ่านดำเนินไปอย่างช้าๆ ไม่ตะกละตะกราม หัวใจของทั้งสองเต้นรัวราวกลองศึก ต่างเลื่อนมือลูบไล้ร่างกายของกันและกัน และก่อนที่ศศินจะเผลอไผลทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไป เขาก็ตัดใจถอนจุมพิตเสีย
เวนิสามองตามอย่างแสนเสียดาย เรียวปากคมๆ นั่นให้ความรู้สึกดีเหลือเกินยามทาบทับบนริมฝีปากเธอ ร่างกายเธอตื่นตัวถึงขีดสุด มันต้องการทำบางอย่างที่มากกว่าจุมพิต
“นี่! จะทำอะไร” ชายหนุ่มตื่นตระหนกเมื่อหล่อนพยายามดึงเสื้อกล้ามออกจากร่างเขา
“ปล้ำ!” เธอบอกด้วยสีหน้าหื่นๆ ยิ้มแพรวพราว ดึงหมอนที่รองหลังเขาออกจนศศินต้องทิ้งกายลงบนเตียง สองมือเขาถูกเธอกดไว้จมฟูกหนา
“ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นจะถีบให้กระเด็น”
“จุ๊ๆๆ ปากคอช่างร้ายกาจ ถ้าอยากถีบแล้วมาจูบฉันทำไม รับผิดชอบการกระทำของตัวเองเลยนะ”
“เธอนั่นแหละลุกออกไปซะ ไม่งั้นได้รับผิดชอบการกระทำของตัวเองแน่”
“ฉันไม่ลุก ฉันมีเวลาแค่สามเดือน และตอนนี้มันก็เหลือแค่สองเดือนกว่าๆ ฉันต้องทำให้ตัวเองท้องให้ได้ ไม่งั้นฉันอาจต้องตาย เพราะฉะนั้น...มาจิ้มกันให้มันเสร็จๆ ไปเถอะค่ะพี่!”
“โอ๊ย...เหลือเชื่อจริงๆ ลุกออกไปนะ ลุกๆๆๆ”
“ม่ายยย...” แล้วเวนิสาก็ปล้ำจูบว่าที่พ่อของลูก เขาบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบทั้งที่เมื่อครู่เป็นฝ่ายจูบเธอก่อนแท้ๆ
“นี่! เอาจริงเหรอ!”
“จริงสิ! พี่นี่ก็แปลก มัน เอา เล่นๆ ได้ด้วยเหรอ!”
คนถูกปล้ำส่ายหน้าระอาเหลือ พูดออกมาแต่ละคำนี่...
“ฉันเตือนก่อนนะ ลุกออกไปก่อนที่เธอจะเสียใจ ลุกเดี๋ยวนี้!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แทนที่จะลุก เวนิสากลับดึงชุดนอนออกจากกาย ตอนนี้นอกจากชุดชั้นในสองชิ้นบนล่าง เธอก็ไม่เหลืออาภรณ์ใดๆ อีก
ศศินมองหล่อนตาค้าง พุ่มทรวงอวบอัดนั่นช่างล่อตาล่อใจ แล้วนั่นน่ะ ต่ำลงไปกว่านั้น หน้าท้องแบนราบช่างน่าเอาแก้มไปถูไถเหลือเกิน
“ฉันสวยใช่ไหมล่ะ”
“อืม...สะ...สวย สวยมาก...” เอ่ยออกมาราวคนละเมอ
เวนิสาทำใจกล้าอีกระดับ เอื้อมมือไปข้างหลังแล้วปลดตะขอบราออก และนั่นทำให้ศศินหมดความอดทน เขาดึงเสื้อชั้นในออกจากเรียวแขนของหล่อน ก่อนจะจับหล่อนพลิกกายนอนหงาย โดยที่ตัวเองทาบทับอยู่ด้านบน
“จะเริ่มจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ยั่วกันดีนัก จะจัดให้ลุกไม่ขึ้นเลย!”
คำท้าทายของศศินดังก้องอยู่ในหูของเวนิสา หญิงสาวต้องกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ รู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ เขาผละไปถอดกางเกงแล้วกลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง
แสงตะวันเรืองรองที่ปลายคุ้งฟ้าด้านทิศตะวันออก เวนิสาลืมตาขึ้นมาอย่างเพลียแรง เธอหลับไปตอนไหนจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเมื่อคืนร่างกายถูกใช้งานอย่างหนัก ทั้งจูบ ทั้งกอด ทั้งพลิกคว่ำพลิกหงาย สะพานโค้งก็มี ครบค่ะ! ครบทุกท่วงท่า!ครืด...ประตูกระจกของห้องแต่งตัวถูกเลื่อนออกจนสุด เผยให้เห็นร่างอันชุ่มด้วยหยดน้ำของศศิน เขาคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวเวนิสาตาโตเท่าไข่ห่าน อะไรละนั่น แค่มีเซ็กซ์กันแล้วไม่ได้หมายความว่าจะแก้ผ้า...แบบนั้น...ได้นะ!ผ้านวมนุ่มๆ ถูกดึงขึ้นมาปิดหน้าของเวนิสา เหลือทิ้งไว้ตรงดวงตากลมแป๋วน่าเอ็นดู หญิงสาวยังจ้องเขาอยู่ เขาก็เหล่มามอง ยิ้มเยาะอะไรสักอย่าง“มองแบบนั้นอยากจัดอีกสักรอบเหรอ”คนถูกถามส่ายหน้าพรืด เบะปากด้วยอยากจะร้องไห้“สมใจแล้วสิ เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าจะได้ร้องขอชีวิต หึๆๆ”เสียงหัวเราะของคนที่กำลังแต่งตัวทำให้เวนิสานึกขยาด ร่างกายที่ปวดร้าวทุกสัดส่วนทำให้เธอยอมพ่ายแพ้ ไม่เอาอีกแล้ว พอเลย งดทำลูกตลอดชีวิต!“ลุกได้แล้ว วันนี้มีสอนไม่ใช่เหรอ&rd
เวนิสาไม่กล้ามองชิ้นส่วนสำคัญแห่งบุรุษ กางเกงชั้นในตัวน้อยถูกดึงรั้ง ศศินเฝ้ามองเนินเนื้อที่อยู่ระหว่างซอกขาของเธอราวกับมันเป็นของล้ำค่า ดวงตาเขาเต็มไปด้วยไฟเสน่หา มันลามเลียร่างเธอจนร้อนไปหมดและแล้วกางเกงชั้นในตัวจิ๋วก็หลุดออกจากปลายเท้า หญิงสาวใช้ศอกดันร่างขึ้นมามอง ศศินเคลื่อนกายลงไปด้านล่าง เขานอนคว่ำอยู่ระหว่างเรียวขาของเธอ กำลังใช้ปากสำรวจตรวจตราสามเหลี่ยมอวบอูมที่อยู่ระหว่างซอกขา ทุกวินาทีที่ปลายลิ้นเขาปาดไล้หยอกเย้า เขาจะจ้องมาที่ตาของเธอ เธอได้แต่อ้าปากส่งเสียงครางเท่านั้น“อูย...พี่คะ...อย่า...” ต่อให้ร้องขอเช่นไรศศินก็ไม่หยุดทำร้ายกันด้วยปลายลิ้น เขาซุกหน้าลงไปดื่มด่ำอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน นานจนร่างกายเธอแตกผลิดอกผลแห่งความสุข ชาวาบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หลั่งล้นออกมาจากร่องหลืบอันเร้นลับ“พี่คะ พอเถอะ...ฉันรู้สึก...วูบๆ วาบๆ ยังไงไม่รู้”“ไม่รู้จริงๆ หรือว่าตัวเองเป็นอะไร”คนถูกถามพยักหน้าเร็วๆ หลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับความสุขที่ส่งตรงมาจากซอกขา อาการชายังมีอยู่ รู้สึกถึงความไวของเส้นประสาทที่อออยู่ตรงสามเหลี่ยมเนิ
ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลาย ดูเอาเถิด นี่ตั้งใจจะยั่วกันอีกแล้วใช่ไหมถึงได้ใส่ชุดนอนเซ็กซี่ขนาดนี้“อืม...ฟินสุดๆ ถ้าไม่กลัวอ้วนจะกินให้เกลี้ยงกล่องเลย” เวนิสาผู้มิรู้ว่าถูกแทะโลมทางสายตา ยังมีความสุขอยู่กับการลิ้มรสขนมหวานสีน้ำตาลเข้ม“ทำเป็นพูดดี อิ่มมาจากร้านกาแฟแล้วไม่ใช่เหรอ”คราวนี้เวนิสาถึงบางอ้อ ที่แท้เขาเห็นเธอที่ร้านกาแฟหรอกหรือ เห็นตอนไหน เห็นเมื่อไหร่ เอ...หรือว่าเขาจะ...“โอ๊ะๆๆ อย่าบอกนะว่าที่ทำบรรยากาศเหมือนพายุจะเข้านี่เป็นเพราะเห็นฉันอยู่กับปลายภู ว้าว...น่าดีใจนะเนี่ย”“เพ้อเจ้อ ไม่เกี่ยวกับเธอแล้วก็นายนั่นสักนิด”“จริงเหรอ”“แน่นอน” ยืนยันแล้วเสมองตัวอักษรในหนังสือ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าสมอง เพราะตาคอยแต่จะมองไปยังแม่เนื้อนวล ลำคอหล่อนขยับเคลื่อนเบาๆ ในทุกครั้งที่กลืนกินช็อกโกแลตเนื้อนุ่ม ชุดนอนน่ารักแต่แอบเซ็กซี่ก็กวนใจเขาเสียเหลือเกิน ผ้าบางๆ แบบซีทรูช่างน่าโมโห อยากจะฉีกให้ขาดด้วยสองมือนัก“ว่าแต่...เธอสนิทกับเขาเหรอ หรือว่ากิ๊กกัน&rdq
“อย่าขยี้แรงอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคอนแทคเลนส์บาดตาเอานะ” ว่าแล้วเอื้อมมือไปดึงนิ้วเรียวออกจากดวงตา แต่โดนเจ้าหล่อนปัดมือเขาทิ้ง“เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง”“ไม่ยุ่งไม่ได้ครับ ทั้งห่วงทั้งหวง ทุกส่วนที่เป็นตะวันสำคัญกับผมนะ”เด็กน้อยหยอดคำหวาน รวีกานต์ทำตัวไม่ถูกก็เสไปหยิบเครื่องดื่มมาจิบ ใบหน้ายังไร้รอยยิ้ม“บอกแล้วว่าฉันไม่สนนาย ฉันรักบอสของฉัน รักมากด้วย”“อา...เจ็บจัง” เด็กน้อยบอกอย่างเจียมตน เอามือกุมอกแล้วนิ่วหน้ารวีกานต์ทำเมิน“เจ็บอะไร สาวๆ นายออกจะเยอะ รวยด้วย ขับเบนซ์เชียว”“สาวที่ไหน นั่นพี่สาว”“คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง”“จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย เคารพเหมือนพี่แท้ๆ” เขาแก้ต่างพัลวัน“คนรวยแบบนั้นเขาจะมาเอ็นดูน้องชายแบบนายเหรอ มันคนละชั้นน่า” ว่าเหมือนเยาะปลายภูหน้าสลด เขาไม่ชอบเลยที่รวีกานต์พูดแบบนี้ เหมือนว่าหล่อนเห็นเงินสำคัญมากกว่าทุกสิ่ง“คนดีๆ ก็ยังมีครับ คนที่
[6]ความหึงเป็นเหตุ________________ศศินขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ เขาเพิ่งเสร็จธุระกับลูกค้าที่ออกมาพบตั้งแต่บ่าย การเจรจาเรื่องงานผ่านไปได้ด้วยดี เขาเหลือบมองถุงของฝากบนเบาะข้างตัวแล้วอมยิ้มบางๆ เวนิสาต้องยิ้มแป้นตอนได้รับแน่ๆบิ๊กบอสขับรถไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ผ่านห้างใหญ่ โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อหรือแม้แต่สถานีรถไฟฟ้า รถจอดติดไฟแดงที่แยกอันแออัดแยกหนึ่ง เขากวาดสายตามองไปด้านข้าง จำได้ว่ามีร้านกาแฟของคนรู้จักตั้งอยู่นี่ที่“อ้อ...อยู่นั่นเอง ทำเลเหมาะน่าจะขายดีละนะ” เปรยแล้วสอดส่ายสายตามองทางนั้น แล้วจู่ๆ หัวคิ้วเข้มก็ได้เลื่อนเข้าหากัน สตรีและบุรุษคู่หนึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องมุ่นคิ้ว ฝ่ายชายเหมือนเดินออกมาส่งฝ่ายหญิงที่ลานจอดรถ ท่าทางสนิทสนมกัน พูดคุยหยอกล้อ บ้างมีตบหัวลูบหลังราวคุ้นเคยกันนักหนา รอยยิ้มที่ฝ่ายหญิงมีให้ฝ่ายชายทำให้เขาต้องส่งเสียงครางออกมาอย่างรำคาญใจ หล่อนจะยิ้มกว้างอะไรขนาดนั้น มีความสุขมากหรืออย่างไร
ก่อนเข้าบริษัทวันนี้ศศินแวะซื้อของกำนัลเล็กน้อย เขาไม่รู้จะให้อะไรกับรวีกานต์ดี ค่าที่หล่อนช่วยไม่ให้เขาโดนรถเฉี่ยวเมื่อวาน ทว่าเมื่อนึกดีๆ ก็จำได้ว่ามีของอยู่อย่างที่จำเป็นสำหรับหล่อน เขาได้ของสิ่งนั้นจากร้านสินค้าแบรนด์เนม ก่อนจะออกจากห้างก็จำได้ว่ามีสตรีอีกคนที่ควรซื้ออะไรไปปลอบขวัญเสียหน่อย เขาได้ของสองสิ่งที่มูลค่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งคือร่มลายดอกไม้เล็กๆ คันละเกือบสองพัน มันเป็นของนำเข้าเลยราคาแพง ส่วนอีกอย่างคือช็อกโกแลตกล่องเหมาะมือ ราคาไม่กี่ร้อยบาทเขามาถึงที่ทำงานเกือบสิบเอ็ดโมง ตั้งใจว่าจะเอาของไปให้รวีกานต์ด้วยตัวเองเพื่อแสดงความจริงใจ อีกอย่าง...เขาคิดว่าควรลงไปดูสวัสดิการเรื่องอาหารการกินของพนักงานสักหน่อย____________บุรุษร่างสูงยืนเก้กังอยู่หน้าโต๊ะรับประทานอาหารที่ตั้งเรียงไว้เต็มบริเวณ ในมือมีถุงกระดาษแบรนด์ดังถืออยู่พร้อมกับถาดอาหารที่เลขาอาสาไปตักมาให้ อาหารเที่ยงของบริษัทหน้าตาสู้อาหารในร้านแพงๆ ไม่ได้เลย“ไปนั่งกับพวกผมไหมครับบอส”ณพพร เลขาร่างผอมเอ่ยกับเจ้านายอย่างเกรงอกเกรงใจ“อย