ฉินเจียวเยี่ยนมองค้อน “อย่าบอกนะเพคะ ว่า ให้สาวใช้ปลอมตัวเป็นหม่อมฉันอีกแล้ว”
“หากไม่ทำเช่นนี้ ชื่อเสียงของเจ้าจะยังอยู่ดีอีกรึ?”
“แล้วอย่างไรเล่า? ทรงอุ้มนางเข้าจวนหรือเพคะ?”
สรุปว่า ที่เจ้าขุ่นเคือง ไม่ใช่เพราะข้าให้คนปลอมตัวเป็นเจ้า แต่เป็นเพราะข้าจะแตะต้องสตรีนางอื่นหรอกรึ?
“ข้าจะอุ้มเจ้าได้อย่างไร คุณหนูรองเจ็บไข้หนาวสั่นจนต้องใส่เสื้อคลุมมิดชิดตั้งแต่ศีรษะ และให้สาวใช้ประคองซ้ายขวาเดินเข้าจวนไปต่างหาก”
ค่อยดีหน่อย...
“แล้วท่านพ่อและท่านแม่หม่อมฉันเล่าเพคะ? พวกท่านจำหม่อมฉันไม่ได้เลยหรือ?”
“เจ้าห่อกายเสียมิดชิดปานนั้น เสียงตอบก็แหบพร่า จะมีผู้ใดจำได้”
เหตุใด ข้าจึงรู้สึกเหมือนเป็นเด็กถูกทิ้งที่แม้แต่พ่อแม่ก็จำไม่ได้เล่า?
ช่างเถิด ช่างเถิด ชื่อเสียงยังอยู่ดีก็พอแล้ว...
“เชิญท่านอ๋องอาบน้ำเถิด หม่อมฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว จะขึ้นแล้วเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนรีบลุกขึ้น
แต่เซียวชิงเฟิงกลับรั้งแขนนางให้กลับลง
เสี่ยวหานยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค น้ำเสียงทุ้มลึกก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังสั่งขึ้นอย่างเฉียบขาด ทำให้เสี่ยวหานสะดุ้งด้วยความตกใจ“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ฉินเจียวเยี่ยนนึกขันกับท่าทางร้อนรนของผู้ดูแล ที่รีบวิ่งออกไปในทันที เซียวชิงเฟิงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ออกจากห้องไปทั้งหมดหยางเซิงเดินก้มหน้าออกไปเป็นคนสุดท้าย แล้วจึงปิดประตูให้อย่างเอาใจใส่ ราวกับคุ้นเคยเหตุการณ์เช่นนี้แล้วเซียวชิงเฟิงเดินเข้าไปสวมกอดแม่นางตรงหน้าอย่างคิดถึง“ชอบชุดเจ้าสาวที่ข้าส่งไปให้หรือไม่?”“ชอบมากเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนส่งยิ้มหวาน “ท่านอ๋องกลัวว่า หม่อมฉันจะเย็บชุดลำบากใช่หรือไม่เพคะ จึงได้ส่งชุดแต่งงานสำเร็จมาให้เช่นนั้น”เซียวชิงเฟิงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะย่อตัวอุ้มฉินเจียวเยี่ยนขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเดินไปนั่งลงบนเตียงนวด บังคับให้นางนั่งลงบนตักเขาแต่โดยดีเขายกมือขึ้นแตะจมูกฉินเจียวเยี่ยน แล้วเอ่ยเย้า “หากรอเจ้าเย็บชุดเจ้าสาวเอง เกรงว่า ชาตินี้ ข้าคงไม่มีโอกาสได้แต่
“คุณชาย ข้าน้อย ชื่อ เสี่ยวหาน เจ้าค่ะ” สตรีวัยสามสิบกว่าเดินมาทำความเคารพฉินเจียวเยี่ยน “ข้าน้อยเป็นผู้ดูแลที่นี่เจ้าค่ะ นายท่านได้สั่งให้ข้าน้อยมาพาคุณชายเดินชมห้องที่ปรับปรุงใหม่เจ้าค่ะ”“ได้สิ”ฉินเจียวเยี่ยนเดินตามเสี่ยวหานขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องนวดแต่ละห้องที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เซียวชิงเฟิงสั่งทำเตียงนวดทำจากไม้เนื้อแข็ง มีเบาะรองนอนที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดี และมีผ้าห่มขนสัตว์เนื้อนุ่มวางอยู่ด้านบนมีโต๊ะแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงวางอยู่กลางห้อง บนโต๊ะมีชุดน้ำชากระเบื้องเคลือบงดงาม และกระถางกำยานเล็ก ๆ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัวหรูหราปานนี้ ท่านจะเก็บค่านวดกี่ร้อยตำลึงกันเล่า? ท่านอ๋อง!ฉินเจียวเยี่ยนกลอกตามองบน นึกระอากับความฟุ่มเฟือยของว่าที่สวามี“ท่านอ๋องสั่งให้จัดห้องเช่นนี้กี่ห้องรึ?”เสี่ยวหานตอบอย่างนอบน้อม “จำนวนยี่สิบห้อง เป็นชั้นสองและชั้นสาม ชั้นละสิบห้องเจ้าค่ะ”ฉินเจียวเยี่ยนครุ่นคิด ก่อนจ
เมื่อหอไป่ฮวาได้รับการปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย เซียวชิงเฟิงจึงได้ส่งข่าวผ่านชุนเถามาบอกฉินเจียวเยี่ยนให้ไปตรวจสอบความเรียบร้อย ว่า เป็นไปตามแบบที่นางต้องการหรือไม่ อีกทั้งให้จัดเตรียมน้ำมันนวด เพื่อนำไปสอนเหล่าคณิกาในหอด้วยวันนี้ ฉินเจียวเยี่ยนจึงได้แต่งกายเป็นคุณชายเจ้าสำราญอีกครั้ง และเลือกเช่ารถม้าจากข้างนอก เพื่อไม่ให้สะดุดตาผู้ใดจนเกิดเป็นข่าวลืออีกครั้งรถม้าเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับความคิดของฉินเจียวเยี่ยนที่เริ่มวางแผนชีวิตใหม่อีกครั้ง นางเอนหลังนั่งพิงหมอนนุ่ม พลางถูปลายนิ้วไปมาอย่างใช้ความคิดข่าวลือสร้างความเสียหายไปแล้ว ตกสะพานไปแล้ว เหลือเพียงการลักพาตัวตามบทแล้ว ฉินเจียวเยี่ยนจะสั่งชุนเถาให้ไปจ้างกลุ่มโจรที่อาศัยในหมู่บ้านบริเวณตีนเขาฮัวซาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอารามไป๋อวิ๋น แต่เดิมที หมู่บ้านฮัวซานเป็นเพียงหมู่บ้านของชาวบ้านธรรมดา ที่เป็นทางผ่านสำคัญระหว่างเมืองหลวงกับเมืองอื่น ๆ จึงทำให้มีนักเดินทางและนักแสวงบุญแวะเข้าไปพักเป็นจำนวนมากต่อมา กลุ่มโจรได้ลอบเข้ามาฆ่าล้างหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ แล้วสวมรอยเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นแทน
“อ่ะ อาเฟิง ยะ อย่า อา” ฉินเจียวเยี่ยนครางด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างบางถูกกระแทกเข้าใส่อย่างไร้ความปรานีเซียวชิงเฟิงเสียดสีตัวตนของเขากับนางอย่างต่อเนื่อง ปลุกเร้าความสุขให้พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเจียวเยี่ยนก็ตอบรับสัมผัสนั้น ด้วยการตวัดเรียวขารั้งเอวสอบเข้าหาตัว รัดรึงร่างกำยำตรงหน้าไม่ให้หนีไปไหนเสียงครางกระเส่าผสานไปกับเสียงกายเนื้อที่เสียดสีกันไม่รู้จบ จนหยาดความสุขสาดกระเซ็นไปทั่วห้องกว้าง“ทำเช่นนี้ ข้าคงไม่อาจปล่อยให้เจ้านอนได้แล้วนะ” เซียวชิงเฟิงเอ่ยเสียงแหบพร่าฉินเจียวเยี่ยนตอบเสียงแห้ง “อา ก็ไม่ต้องนอนสิ”แม่นางน้อยนางนี้ ยามปกติก็เขินอาย ไม่สู้คน แต่พอในยามเร่าร้อนกลับจุดไฟง่ายเสียเหลือเกินชั่วขณะฉินเจียวเยี่ยนก็เบิกตากว้าง เมื่อนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ “ยะ ยาเล่า?”“ไม่จำเป็นแล้ว” เซียวชิงเฟิงพูด แล้วโน้มตัวลงมาใกล้ สบสายตาแม่นางน้อยใต้ร่าง“ดะ เดี๋ยวข้าจะตั้งครรภ์นะ”“เสด็จพ่อกำลังจะออกพระราชโองการแล้ว เจ้าสามารถตั้งครรภ์น้อมรับพ
“ว้าย” ฉินเจียวเยี่ยนอุทานลั่น เมื่อถูกเซียวชิงเฟิงจับพลิกตัวให้ขึ้นไปนอนราบที่ขอบสระ ปล่อยให้ขาเรียวพาดผ่านลงในน้ำ โดยที่ร่างสูงแนบตัวทาบทับริมฝีปากร้อนประกบลงมาอีกครั้ง ไล้ปลายลิ้นไปตามริมฝีปากบางอย่างยั่วเย้า เชิญชวนให้นางอ้าปากรับเขาด้วยความเต็มใจ ฝ่ามือหยาบกร้านลูบคลำไปตามไหล่เนียน เช่นเดียวกับมือบางที่เลื่อนขึ้นไปคล้องคอเขาไว้เซียวชิงเฟิงแทรกปลายลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานอย่างตะกละตะกลาม ยิ่งหลังจากที่เขาถูกเด็กซนทำให้แตกคามือไปแล้วหนหนึ่ง เขากลับยิ่งกระหายที่จะกลืนกินเด็กตรงหน้ามากกว่าเดิมเสียงจูบดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามความร้อนรุ่มที่พลุ่งพล่านภายในร่างกายเซียวชิงเฟิงถอนจูบออกมา แล้วจึงเลื่อนริมฝีปากไปตามแก้มนวล ขบกัดที่ติ่งหูเบา ๆ กดจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่น ไล้ปลายลิ้นไปตามไหปลาร้าได้รูป ก่อนจะลากต่ำมาที่เนินอกขาวผ่องริมฝีปากร้อนประทับไปตามผิวเนียนละเอียด ลากผ่านร่องอก แนบใบหน้าคมคายระหว่างเนินเขาสูงสองลูก ก่อนจะวกปลายลิ้นไปตามฐานด้านล่าง ไล้วนเป็นวงกลมจนไปถึงปลายยอดที่ประดับด้วยเม็ดอิงเถาเม็ดงามเซียวชิงเฟิงใช้เพียงริมฝีปากใ
ฉินเจียวเยี่ยนมองค้อน “อย่าบอกนะเพคะ ว่า ให้สาวใช้ปลอมตัวเป็นหม่อมฉันอีกแล้ว”“หากไม่ทำเช่นนี้ ชื่อเสียงของเจ้าจะยังอยู่ดีอีกรึ?”“แล้วอย่างไรเล่า? ทรงอุ้มนางเข้าจวนหรือเพคะ?”สรุปว่า ที่เจ้าขุ่นเคือง ไม่ใช่เพราะข้าให้คนปลอมตัวเป็นเจ้า แต่เป็นเพราะข้าจะแตะต้องสตรีนางอื่นหรอกรึ?“ข้าจะอุ้มเจ้าได้อย่างไร คุณหนูรองเจ็บไข้หนาวสั่นจนต้องใส่เสื้อคลุมมิดชิดตั้งแต่ศีรษะ และให้สาวใช้ประคองซ้ายขวาเดินเข้าจวนไปต่างหาก”ค่อยดีหน่อย...“แล้วท่านพ่อและท่านแม่หม่อมฉันเล่าเพคะ? พวกท่านจำหม่อมฉันไม่ได้เลยหรือ?”“เจ้าห่อกายเสียมิดชิดปานนั้น เสียงตอบก็แหบพร่า จะมีผู้ใดจำได้”เหตุใด ข้าจึงรู้สึกเหมือนเป็นเด็กถูกทิ้งที่แม้แต่พ่อแม่ก็จำไม่ได้เล่า?ช่างเถิด ช่างเถิด ชื่อเสียงยังอยู่ดีก็พอแล้ว...“เชิญท่านอ๋องอาบน้ำเถิด หม่อมฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว จะขึ้นแล้วเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนรีบลุกขึ้นแต่เซียวชิงเฟิงกลับรั้งแขนนางให้กลับลง