แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า
“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง
“ฉันเลี้ยงเอง”
“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ
“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”
เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”
“ครับ”
“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน
“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”
หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา
“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขา
สมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการควบคุมร่างกายเขาติดลบ เขาควรอยู่ให้ห่างหล่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
เทียนหยดเองก็ยินดีที่ไม่ต้องอยู่ใต้สูทผืนเดียวกับสมัตถ์ แม้ว่าตอนนี้เขาจะคุยกับเธอดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่อย่างไรเขาก็แต่งงานแล้ว เธอไม่ควรเอาตัวไปชิดใกล้คนที่มีพันธะ มันไม่สมควรเลย...
__________
เวลาไล่เลี่ยกัน ณ ห้องที่มีโซฟาสีขาว
หยาดเหงื่อของหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังรินรดกันจนชุ่มโชก เป็นครั้งที่สามแล้วตั้งแต่ราตรีมาถึงที่นี่ คอนโดฯ ของจีรวัฒน์ และ ร่วมรัก กับเขาอย่างเร่าร้อนที่สุด บทเพลงรักของพวกเขารอบที่ผ่านมา ถูกคั่นเวลาด้วยโทรศัพท์สายสั้นๆ จากสามีของราตรี ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะยิ่งสามีของหล่อนโทรมา มันก็ยิ่งเร้าอารมณ์ให้จีรวัฒน์กระแทกร่างปรนเปรอสวาทให้ราตรีอย่างถึงพริกถึงขิง แถมยังต่ออีกยกในตอนสิ้นสุดมื้อเที่ยงเรียกเรี่ยวแรง
“อือ...เอาอีก จี...อื้อ...ลงไปอีกจี ใช่...ตรงนั้น...ตรง...นั้น...อ๊า...”
จีรวัฒน์เงยหน้าขึ้นจากหว่างขาของราตรี หล่อนนอนอยู่บนโซฟาในขณะที่เขาปรนเปรอหล่อนด้วยปลายลิ้นเรียว ราตรีแต่งงานแล้ว เขารู้ แต่เขากับหล่อนมีสัมพันธ์กันมาเนิ่นนาน เป็นความสัมพันธ์แบบที่มีเซ็กซ์มาข้องเกี่ยวเท่านั้น อยู่ดีๆ มีผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีๆ มาเกยถึงเตียง ใครจะไม่เอาล่ะ ฟรีอีกต่างหาก
“โอ้ว...สุดยอดเลย มันดีมากจี ดี...” ราตรีครางกระเส่า หลับตาพริ้ม ก่อนจะผวาเฮือกเมื่อถูกเติมเต็มจากแท่งเนื้ออันไร้มวลกระดูก จีรวัฒน์สวมสอดเข้ามาทันทีที่เธอเสร็จสม และมันช่างดีเป็นบ้า
“อ๊ะ...อืม...ดี...ดีเท่าสามีคุณไหมไนท์ อืม...อ๊ะ!” ถามทั้งที่กำลังโยกสะโพกเข้าหาร่างบางเป็นจังหวะถี่ๆ การกระทำนั้นทำให้เสียงเขาขาดหายเป็นห้วงๆ ราตรีจับแน่นที่บั้นท้ายเขา ช่วยส่งแรงให้เขากระแทกเข้าหาหล่อนแรงๆ
“อย่าพูดถึงเขา ที่นี่มีแค่เรา โอ! จี! แรงๆ แรงกว่านี้!”
พั่บๆๆ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง หนอกนูนแห่งบุรุษกระทบกับโหนกนูนของอิสตรี เกิดสุ้มเสียงเร้ารัญจวนที่เจ้าของฟังแล้วเพลิดเพลินยิ่งนัก สองขาของราตรีถูกจีรวัฒน์จับพาดบ่า ก่อนที่เขาจะกระแทกกายส่วนล่างเข้าหาหล่อนอย่างรุนแรง แรงจนขาโซฟาขยับไหวไปมาไม่อยู่กับที่ พอๆ กับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่ดังถี่ขึ้นเช่นกัน
บทรักระหว่างชายหญิงผู้รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ ยังดังอยู่เช่นนั้นกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะปลดปล่อยหยาดธาราแห่งความสุขเติมเต็มให้กันและกัน จีรวัฒน์เอนกายลงทาบทับร่างของราตรี ซุกจมูกคมๆ เข้ากับซอกคอขาวผ่องของหล่อน
“หนัก ออกไป” ฝ่ายหญิงสั่งความ
ฝ่ายชายขยับลุกช้าๆ คว้าเอากระดาษเช็ดหน้าในกล่องที่วางบนโต๊ะมาดึงถุงยางอนามัยที่ห่อหุ้มคราบแห่งความใคร่ออก ก่อนจะส่งกระดาษเช็ดหน้าทั้งกล่องให้ราตรี หล่อนดึงมันไปจัดการตัวเองก่อนจะย้ายร่างเข้าไปในห้องนอน
จีรวัฒน์ได้ยินเสียงน้ำซู่ซ่าแว่วมาจากในนั้น เขาลุกจากโซฟา คว้าเอากางเกงนอนที่ถอดทิ้งบนพื้นมาสวม ก่อนจะเดินไปที่ส่วนของห้องครัว หยิบเอาน้ำอัดลมเย็นๆ ในนั้นมาเปิดดื่ม เป็นจังหวะเดียวกับที่ราตรีเดินออกมาจากห้องนอน หล่อนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำของเขา ดูเซ็กซี่ไม่หยอก ผมหล่อนเปียกลู่ไม่เป็นระเบียบนัก หล่อนเดินเข้ามาหาเขา ยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ แล้วแย่งเอาน้ำอัดลมในมือเขาไปกระดกดังอึกๆ ก่อนเดินกลับไปยังโซฟาสีขาวที่พวกเขาใช้เป็นสนามรักเมื่อครู่นี้
เขาเดินตามไปติดๆ “จัดหนักเลยนะคนสวย” เขาเอ่ยล้อ วาดนิ้วไปตามเรียวขาที่พ้นจากชายชุดคลุมอาบน้ำของหล่อน ราตรีมิได้สะทกสะท้าน กลับนึกชอบที่จีรวัฒน์ทำเช่นนั้น
“ฉันเครียดน่ะ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ผัว...ไม่ได้ดั่งใจ แถมยังมียัยบ้าชอบมาป่วนประสาท”
“ยัยบ้า? ใคร”
“ช่างเถอะจี พูดไปก็ไม่รู้จักหรอก”
ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่แคร์ เขาไม่ได้ต้องการรู้เรื่องส่วนตัวของราตรีนักหรอก ไม่อยากมีปัญหา แต่เขาชอบเซ็กซ์ของหล่อนนะ
หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วเดินตัวหอมฟุ้งออกมา จีรวัฒน์เดินเข้าไปหาตอนที่หล่อนกำลังสวมรองเท้าเตรียมก้าวออกไป
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ