แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า
“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง
“ฉันเลี้ยงเอง”
“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ
“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”
เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”
“ครับ”
“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน
“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”
หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา
“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขา
สมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการควบคุมร่างกายเขาติดลบ เขาควรอยู่ให้ห่างหล่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
เทียนหยดเองก็ยินดีที่ไม่ต้องอยู่ใต้สูทผืนเดียวกับสมัตถ์ แม้ว่าตอนนี้เขาจะคุยกับเธอดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่อย่างไรเขาก็แต่งงานแล้ว เธอไม่ควรเอาตัวไปชิดใกล้คนที่มีพันธะ มันไม่สมควรเลย...
__________
เวลาไล่เลี่ยกัน ณ ห้องที่มีโซฟาสีขาว
หยาดเหงื่อของหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังรินรดกันจนชุ่มโชก เป็นครั้งที่สามแล้วตั้งแต่ราตรีมาถึงที่นี่ คอนโดฯ ของจีรวัฒน์ และ ร่วมรัก กับเขาอย่างเร่าร้อนที่สุด บทเพลงรักของพวกเขารอบที่ผ่านมา ถูกคั่นเวลาด้วยโทรศัพท์สายสั้นๆ จากสามีของราตรี ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะยิ่งสามีของหล่อนโทรมา มันก็ยิ่งเร้าอารมณ์ให้จีรวัฒน์กระแทกร่างปรนเปรอสวาทให้ราตรีอย่างถึงพริกถึงขิง แถมยังต่ออีกยกในตอนสิ้นสุดมื้อเที่ยงเรียกเรี่ยวแรง
“อือ...เอาอีก จี...อื้อ...ลงไปอีกจี ใช่...ตรงนั้น...ตรง...นั้น...อ๊า...”
จีรวัฒน์เงยหน้าขึ้นจากหว่างขาของราตรี หล่อนนอนอยู่บนโซฟาในขณะที่เขาปรนเปรอหล่อนด้วยปลายลิ้นเรียว ราตรีแต่งงานแล้ว เขารู้ แต่เขากับหล่อนมีสัมพันธ์กันมาเนิ่นนาน เป็นความสัมพันธ์แบบที่มีเซ็กซ์มาข้องเกี่ยวเท่านั้น อยู่ดีๆ มีผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีๆ มาเกยถึงเตียง ใครจะไม่เอาล่ะ ฟรีอีกต่างหาก
“โอ้ว...สุดยอดเลย มันดีมากจี ดี...” ราตรีครางกระเส่า หลับตาพริ้ม ก่อนจะผวาเฮือกเมื่อถูกเติมเต็มจากแท่งเนื้ออันไร้มวลกระดูก จีรวัฒน์สวมสอดเข้ามาทันทีที่เธอเสร็จสม และมันช่างดีเป็นบ้า
“อ๊ะ...อืม...ดี...ดีเท่าสามีคุณไหมไนท์ อืม...อ๊ะ!” ถามทั้งที่กำลังโยกสะโพกเข้าหาร่างบางเป็นจังหวะถี่ๆ การกระทำนั้นทำให้เสียงเขาขาดหายเป็นห้วงๆ ราตรีจับแน่นที่บั้นท้ายเขา ช่วยส่งแรงให้เขากระแทกเข้าหาหล่อนแรงๆ
“อย่าพูดถึงเขา ที่นี่มีแค่เรา โอ! จี! แรงๆ แรงกว่านี้!”
พั่บๆๆ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง หนอกนูนแห่งบุรุษกระทบกับโหนกนูนของอิสตรี เกิดสุ้มเสียงเร้ารัญจวนที่เจ้าของฟังแล้วเพลิดเพลินยิ่งนัก สองขาของราตรีถูกจีรวัฒน์จับพาดบ่า ก่อนที่เขาจะกระแทกกายส่วนล่างเข้าหาหล่อนอย่างรุนแรง แรงจนขาโซฟาขยับไหวไปมาไม่อยู่กับที่ พอๆ กับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่ดังถี่ขึ้นเช่นกัน
บทรักระหว่างชายหญิงผู้รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ ยังดังอยู่เช่นนั้นกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะปลดปล่อยหยาดธาราแห่งความสุขเติมเต็มให้กันและกัน จีรวัฒน์เอนกายลงทาบทับร่างของราตรี ซุกจมูกคมๆ เข้ากับซอกคอขาวผ่องของหล่อน
“หนัก ออกไป” ฝ่ายหญิงสั่งความ
ฝ่ายชายขยับลุกช้าๆ คว้าเอากระดาษเช็ดหน้าในกล่องที่วางบนโต๊ะมาดึงถุงยางอนามัยที่ห่อหุ้มคราบแห่งความใคร่ออก ก่อนจะส่งกระดาษเช็ดหน้าทั้งกล่องให้ราตรี หล่อนดึงมันไปจัดการตัวเองก่อนจะย้ายร่างเข้าไปในห้องนอน
จีรวัฒน์ได้ยินเสียงน้ำซู่ซ่าแว่วมาจากในนั้น เขาลุกจากโซฟา คว้าเอากางเกงนอนที่ถอดทิ้งบนพื้นมาสวม ก่อนจะเดินไปที่ส่วนของห้องครัว หยิบเอาน้ำอัดลมเย็นๆ ในนั้นมาเปิดดื่ม เป็นจังหวะเดียวกับที่ราตรีเดินออกมาจากห้องนอน หล่อนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำของเขา ดูเซ็กซี่ไม่หยอก ผมหล่อนเปียกลู่ไม่เป็นระเบียบนัก หล่อนเดินเข้ามาหาเขา ยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ แล้วแย่งเอาน้ำอัดลมในมือเขาไปกระดกดังอึกๆ ก่อนเดินกลับไปยังโซฟาสีขาวที่พวกเขาใช้เป็นสนามรักเมื่อครู่นี้
เขาเดินตามไปติดๆ “จัดหนักเลยนะคนสวย” เขาเอ่ยล้อ วาดนิ้วไปตามเรียวขาที่พ้นจากชายชุดคลุมอาบน้ำของหล่อน ราตรีมิได้สะทกสะท้าน กลับนึกชอบที่จีรวัฒน์ทำเช่นนั้น
“ฉันเครียดน่ะ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ผัว...ไม่ได้ดั่งใจ แถมยังมียัยบ้าชอบมาป่วนประสาท”
“ยัยบ้า? ใคร”
“ช่างเถอะจี พูดไปก็ไม่รู้จักหรอก”
ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่แคร์ เขาไม่ได้ต้องการรู้เรื่องส่วนตัวของราตรีนักหรอก ไม่อยากมีปัญหา แต่เขาชอบเซ็กซ์ของหล่อนนะ
หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วเดินตัวหอมฟุ้งออกมา จีรวัฒน์เดินเข้าไปหาตอนที่หล่อนกำลังสวมรองเท้าเตรียมก้าวออกไป
“วันนี้กลับเร็วจัง” ท้วงถามแล้วสอดแขนกอดหล่อนจากด้านหลัง ใช้จมูกคมๆ สูดดมซอกคอภรรยาชาวบ้านจนชื่นปอด“ต้องไปสปา เดี๋ยวเขาสงสัยว่าไปจริงไหม”“คุณมันร้าย”“แล้วชอบไหมล่ะ” ถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่าจีรวัฒน์ไม่ได้รักเธอหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอไม่ปรารถนาจะรับรู้ว่าเจ้าหล่อนคือใคร“ที่สุดครับ ว่าแต่...อาทิตย์หน้าผมว่าง ไปเที่ยวกันไหม ใกล้ๆ ก็ได้”ราตรีมุ่นคิ้ว “สามีฉันเพิ่งเริ่มงานใหม่ อะไรๆ ยังไม่ลงตัว ที่สำคัญคือฉันต้องช่วยเขาเซฟค่าใช้จ่าย” เธออธิบาย“โอเค งั้นเอาไว้คราวหน้า แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เขาถามต่อ นึกถึงรสรักของราตรีแล้วอยากให้นอนรออยู่บนเตียงทุกคืนเลยล่ะ“ยังไม่รู้เลย แล้วจะโทรมาแล้วกัน ไปแล้วนะ” สั่งลาแล้วทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกจีรวัฒน์ดึงแขนไว้ เขาดึงร่างเธอเข้าไปหาอีกรอบ แล้วโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเสียดูดดื่ม ประหนึ่งว่ามิเคยจุมพิตกันเสียอย่างนั้น“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาแล้วมาสนุกด้วยกันอย่างถาวรนะ ชักต
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
“จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะโอบ ชู่ว์...” กอดน้องชายไว้แล้วน้ำตาจะไหล ทุกอาทิตย์คุณลุงจะมาหาโอบนิธิ แต่นับตั้งแต่ท่านเสียไป โอบนิธิก็ได้เฝ้ารอแค่ความว่างเปล่า จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะทนรับเรื่องร้ายๆ เธอไม่โทษน้องชายเลยที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะหากเธออายุเท่าเขา เธอคงนอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน“พี่เทียน...ฮึกๆ คิดถึงพ่อ...พ่อไม่มาแล้ว...ไม่มากอดโอบแล้ว ฮือ...”เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย จนอกเสื้อพี่สาวเปียกชุ่ม เทียนหยดเห็นท่าไม่ดีก็ร้องหาตัวช่วย“แม่! แม่คะ แม่!”“อะไร! อะไรของแกฮึเทียน”ผกากรองเดินหน้าตื่นออกจากห้องครัว นางตรงมาทางห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำพริกแกงเลียงยังติดกายนางมาประหนึ่งถือถ้วยแกงมาด้วยสตรีวัยเลยสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่กับอกคนเป็นพี่ นางเข้าไปดึงร่างโอบนิธิออกมา“แม่ครับ...ฮึกๆ”“หยุด...แม่บอกให้หยุดร้อง”ผกากรองใช้เสียงเรียบต่ำ บอกให้รู้ว่านางไม่พอใจที่เห็นเขาร้องไห้โอบนิธิปาดน้ำตา หน้าตายังบิดเบ้ พวงแก้มขึ้นส
“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับส
มือเรียวยกป้องปากงาม หัวใจเต้นถี่ระรัว ทั้งโกรธ...ทั้งรัก ทั้งแค้นใจ! ไฟล์วิดีโอยังเล่นไปพร้อมๆ กับน้ำตาของเทียนหยดที่ไหลริน ริมฝีปากสั่นระริกเม้มแล้วเม้มอีก ดวงตาหลั่งสายธารออกมาราวกับน้ำตกผืนใหญ่ในฤดูฝนพรำ ยิ่งนั่งดู ยิ่งปวดใจ เฝ้ามองภาพคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงอื่น ทั้งสองปล้ำถอดเสื้อผ้ากันจนเหลือเพียงชุดชั้นใน และวินาทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากสองร่าง เธอก็กดหยุดวิดีโอ ก่อนที่หัวใจจะแตกสลายเพราะการกระทำของชายที่เธอจงรักภักดีเทียนหยดปิดพับหน้าจอกล้องถ่ายรูปเข้าหาตัว กล้องตัวนี้สมรรถภาพเยี่ยมยอด สามารถกดแชร์ภาพ แชร์วิดีโอลงแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กได้ทันที เธออยากทำใจจะขาด อยากประจานความชั่วร้ายของคนทั้งสอง แต่สุดท้าย...ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าถือใบโต หักห้ามใจเอาไว้ ข่มความโกรธความเจ็บใจ ไว้รอวันเอาคืน ตอนนี้เธอยังมีสติไม่พอ เธอกำลังโกรธมาก! และทุกอย่างจะพังพินาศถ้าเธอสติแตก!“อือ...เทียน...มาแล้วเหรอ”เสียงถามดังอืออามาจากห้องนอน เทียนหยดรีบปาดน้ำตา หยิบเครื่องสำอางมาเติมแป้งเติมลิปสติก มิให้มีรอยพิรุธ ทว่าแต่งเติมอย่างไร
“โธ่เทียน...ก็...ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่แค่ห้าหกล้าน ถ้าขายจริงๆ มันอาจได้มากกว่านั้นเท่าตัวเลยก็ได้” จีรวัฒน์เริ่มหัวเสีย เทียนหยดปาดน้ำตา“งั้นจีเอาเงินมาคืนเทียนสิคะ เทียนจะได้เอาไปหมุน จีพูดอย่างนี้เทียนเสียใจนะ เทียนช่วยเหลือจีมาตลอด แต่พอเทียนลำบาก จีกลับไม่อยากช่วย ถามจริงๆ เถอะ รักเทียนบ้างไหม...” เทียนหยดเม้มปากแน่น ร้องไห้ฟูมฟายออกมา หยดน้ำตาแห่งความแค้นคลั่งหลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความเสียใจจีรวัฒน์นึกสงสารเลยดึงร่างน้อยมากอด กายหนุ่มสัมผัสกายสาวพาให้ความรุ่มร้อนบังเกิดอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา“ขอโทษนะเทียน จีขอโทษ...ขอเวลาจีหน่อยนะคนดี” ว่าพลางลูบแผ่นหลังบางเรื่อยลงมาถึงเอวคอดเทียนหยดตาเบิกโต รู้สึกได้ถึงฝ่ามือร้อนของอีกฝ่าย ได้แต่เม้มปากแน่น ดวงตาดุดันเพ่งมองไปข้างหน้าแต่ไม่ได้โฟกัสที่จุดใด แม้ในเวลาแห่งความทุกข์ จีรวัฒน์ก็ยังอยากทำบ้าๆ กับเธอ เอาสิจีรวัฒน์ ลองมาพนันกันดู!“เอามือออกนะจี เราเครียดกันอยู่นะ” บอกเสียงเง้างอนไม่จริงจัง จะชนะคนชอบฉวยโอกาส มันต้องทำให้แนบเนียน“ก็
“อยากกลับก็กลับไปสิ ฉันยังไม่กลับ”เขาตอบ นั่งลงบนผืนทราย ไม่ได้แยแสเสื้อผ้าของตัวเองที่เปียกปอน“โอเค งั้นฉันขับรถกลับนะ ส่วนคุณก็เป็นบ้าอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ไปล่ะ” เธอใช้ไม้ตาย คงไม่ได้กลับบ้านง่ายๆ หากมัวแต่รอให้ผู้ชายใจสลายยอมใจอ่อนเทียนหยดเดินกลับมาที่รถ ไขกุญแจแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย และก่อนที่เธอจะสตาร์ทรถ ประตูอีกฝั่งก็ถูกเปิดออก บุรุษในชุดชุ่มน้ำทะเลกับเม็ดทรายก้าวเข้ามานั่งเอนหลังพิงเบาะแบบหมดสภาพ“ให้ตายเถอะ! คุณต้องจ่ายค่าล้างรถให้ฉัน!” เธอประกาศดังๆ อยากจะร้องไห้ เบาะผ้าสวยๆ นุ่มๆ ของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำทะเลเค็มปี๋และเม็ดทรายเล็กละเอียด ส่วนเขายิ้มเยาะแล้วหัวเราะในลำคอราวสะใจ“พรุ่งนี้...ฉันจะโสดแล้วนะ เป็นการโสดที่ทรมานเหลือเกินเทียน ฉัน...ยังรักไนท์ แม้ว่าเขาจะร้าย...ฉันก็ยังรักอยู่ ทำไมใจฉันมันดื้อด้านอย่างนี้นะ ไม่ยอมรับความจริงบ้างเลย”“มันคงต้องการเวลาแหละคุณ หรือไม่ก็...ต้องการใครสักคน...มาดูแลมัน” เธอว่าแล้วยิ้มบางๆ หัวใจเธอก็เช่นกัน มันยังโหยหาค
“ฉันต่างหาก...ที่ต้องถามคำถามนั้น!”เสียงสั่นเครือแต่หนักหน่วงของใครบางคนแทรกเข้ามาตอบคำถามนั้นของราตรี หญิงสาวมุ่นคิ้ว ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะได้เบิกโตเมื่อสมัตถ์โผล่ออกมาจากข้างประตู เขายืนอยู่หลังเทียนหยด ดวงตาก่ำแดงพร้อมจะหลั่งหยดน้ำตา“มะ...มัตถ์!” เธอร้องเรียกชื่อสามีอย่างไม่เชื่อสายตา สมัตถ์มาที่นี่ได้อย่างไร เขาไม่มีวันรู้ เธอทำทุกอย่างอย่างแนบเนียนที่สุดแล้ว ไม่มีทางจับได้แน่นอน“หึๆ ขอบใจนะ ที่ยังจำผัวตัวเองได้...” พูดไปก็ข่มกลั้นโมหะโทสะ สองมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว โกรธจนร่างชาดิก หัวใจเต้นกระหน่ำปานจะทะลุออกมากจากอก พอข่มกลั้นความโกรธไว้มากเข้า มันก็ผลักดันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบที่เรียกว่าหยดน้ำตา“มัตถ์คะ คือว่า...” ราตรีหน้าเสีย มือสั่นปากสั่น ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี“รู้อะไรไหม ตอนนี้ฉันอยากเอาปืนมาจ่อหัวพวกเธอทั้งสองคน! แต่ว่า...ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ฉันจะไม่พาความยุ่งยากมาใส่ตัวเองอย่างเด็ดขาด ถ้าพวกเธอมีความสุขกับการเสพสังวาสที่ผิดศีลธรรมจรรยา งั้นก็เอาเลยราตรี! ฉันจะหลีกทางให้ พรุ
[13]เชือด!________สมัตถ์ตื่นมาด้วยจิตใจที่หม่นหมองเหมือนละลองควันพิษบนท้องถนนเมืองไทย พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่พอเห็นหน้าศรีภรรยาก็อดหดหู่ใจไม่ได้ ให้หล่อนเอามีดมาแทงเขา ยังเจ็บน้อยกว่าที่หล่อนไปนอนกับชู้รัก ในใจเขามันสับสนวุ่นวาย อยากบีบคอขาวๆ ของหล่อนแล้วถามดังๆ ว่ากล้านอกใจเขาได้อย่างไร กล้านอกใจคนที่รักหล่อนที่สุดได้อย่างไร!“เป็นอะไรคะ หน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย หรือว่ากลัวไนท์งอนเรื่องเมื่อคืน ไม่ต้องห่วงนะคะ ไนท์หายงอนแล้ว ไม่งั้นไม่มายืนผูกเนกไทให้คุณอย่างนี้หรอก” ราตรีว่าสมัตถ์ฝืนยิ้มส่งให้ ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่ตระเตรียมไว้กับศรีสุรางค์ตั้งแต่เมื่อคืน“วันนี้คุณย่าอยากไปทำงานกับผม คุณอยากไปด้วยไหม” เขาโยนหินถามทาง“อ่า...ไม่ดีกว่าค่ะ ไนท์ว่าจะไปซื้อของใช้สักหน่อย” ตอบเหมือนเอาความดีเข้าตัว สมัตถ์ยังฝืนยิ้มให้อีก ขยับออกห่างราตรีเมื่อหล่อนผูกเนกไทให้จนเสร็จ“โอเค...ก็ได้ วันนี้ผมไม่หิว ผมไปทำงานเลยดีกว่า”“อะไรกัน ไ
“แทนที่จะเกลียดฉัน เกลียดเมียตัวเองก่อนไหมคุณสมัตถ์ ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย มาโกรธฉันทำไม” เธอบอกด้วยความน้อยใจ ไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ กลัวเขาอายที่กำลังมีน้ำตาเต็มวงหน้าเช่นนี้“เธอ...ทำยังไง”“อะไร” เธอถาม บีบยาใส่แผลสดให้เขาแล้วเอาผ้ากอซมาพันให้บางๆ ไม่ได้เก่งเรื่องทำแผลนัก สภาพมันเลยไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่รับรองว่าสะอาดไร้เชื้อโรค“ทนไง ทนตีหน้าตายใส่ไอ้หมอนั่นจนมันยอมเซ็นยกโฉนดที่ดินให้” ถามแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา กลั้นมันมิให้ไหล หล่อนเห็นน้ำตาเขาอีกแล้วเธอยักไหล่ “ไม่รู้สิ เปลี่ยนความโกรธความแค้นเป็นความอดทนมั้ง ฉันทำได้ทุกอย่างแหละไม่ยอมขาดทุนหรอก ฉันให้เขาไปเยอะ ถ้าไม่ได้จากเขาก็ขอให้ได้ทุนคืน ฉันเป็นนักธุรกิจ ไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาด” เธออธิบาย นั่งขัดสมาธิตรงหน้าเขา เขาเหมือนจะมีน้ำตาตลอดเวลา ความจริงถ้าเขาอยากร้องไห้ ก็ร้องได้นะ เธอไม่ว่าหรอก“ฉ
ริมฝีปากคมอ้าค้างน้อยๆ เลือดลมสูบฉีดเร็วแรง ดวงตาที่เบิกโตมีหยดน้ำตาซึมเอ่อ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที ความเจ็บจุกมันหล่นทับหัวใจเขาจนแม้แต่กระดิกกายก็ทำไม่ได้ ราตรีนอกใจเขา!‘หล่อนนอกใจเขา!’ก๊อกๆๆประตูห้องถูกเคาะอีกครั้งก่อนที่ราตรีจะผลักเข้ามา ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มสดใสให้สามีดั่งที่เคยทำมา“มัตถ์คะ กินข้าวเถอะค่ะ คุณย่าหิวแล้ว ท่านบอกให้ตั้งโต๊ะเร็วหน่อย”เสียงเจื้อยแจ้วของศรีภรรยาทำให้สามีต้องเงยหน้าขึ้นมอง เขาพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าหล่อน อยากถามหล่อนว่าทำได้อย่างไร กล้ามีชู้ได้ยังไง!“มัตถ์?”“เอ่อ...คือ...จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้”นั่นคือสิ่งที่ริมฝีปากเอ่ยออกมาได้ ต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กว่าจะเค้นคำพูดออกมาแต่ละคำมันช่างทรมานเหลือเกิน ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดคือจับราตรีมาเขย่าให้หัวหลุดจะได้สาแก่ใจ“เร็วสิคะ ไนท์รอที่โต๊ะนะ”เขายิ้มให้กับคำกล่าวนั้น จนราตรีหายไปจากหน้าประตู ต้องกะพริบตาถี่ๆ แล้ว
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแต่เทียนหยดยิ้มกริ่ม เริ่มสนุกที่ได้แกล้งเขา“ม่าย...อีกนิดค่ะคุณผู้ชายขา...อีกนิด...” ว่าแล้วตบแป้งหนักๆ ถี่ๆ สมัตถ์ทนไม่ไหวก็คว้ากล่องแป้งเคาะกบาลช่างแต่งหน้าจำเป็นไปหนึ่งทีปึ้ก!“โอ๊ยคุณ! เคาะหัวฉันทำไมเนี่ย” คนสวยทำหน้ายู่ หันมองกล้องแล้วเอามือลูบกบาลป้อยๆ“ก็เธอทำฉันก่อน หน้าคนนะไม่ใช่หนังควาย ถูมาได้” บ่นเบาๆ เสียงต่ำจนคนฟังรู้ว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว“เออๆ ขอโทษก็ได้ มานี่มา มาให้คุณผู้ชมเห็นหน้าชัดๆ หน่อย”แล้วเทียนหยดก็ยกกล้องลงจากขาตั้งมาจ่อใกล้ใบหน้าเขา รูขุมขนที่ค่อนข้างกว้างในตอนแรก บัดนี้ดูจางลงเพราะมีเนื้อแป้งปกปิดไว้ เธอจ่อกล้องไว้ใกล้หน้าเขาราวครึ่งนาที ก่อนจะจับมันไปวางไว้ที่เดิม แล้วนั่งลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ยิ้มอะไรของเธอ” เขาสงสัย“ก็...โบกแป้งแล้วคุณก็หน้าเนียนดีเนอะ หน้าอย่างนี้ขึ้นกล้องดีจัง น่าจะไปเป็นดารานะ มองไปมองมานี่ก็คล้ายพระเอกหนังเนาะ”เมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้าสมัตถ์ก็ทำตัวไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหน้าบึ้งก็ไ
สมัตถ์อมยิ้ม หล่อนคงยังรู้สึกผิดกระมัง“เปลี่ยนคำขอโทษเป็นคำสัญญาดีกว่า สัญญาสิว่าเธอจะไม่ทำอีก”คนสวยพยักหน้าน้อยๆ “แล้ว...ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มล่ะ”“หมายความว่าไง ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกน่า”“โธ่เอ๊ย ก็ถามเผื่อไว้นี่นา คุณก็รู้ว่ามีบางอย่างระหว่างเรา บางอย่างที่คุณกับฉันรู้กันแค่สองคน”“ไม่มีทาง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” สมัตถ์บอกอย่างต้องการให้มันจบเทียนหยดทำหน้าบูด “ก็ได้ คุณกำลังหลอกตัวเอง เชื่อฉันเถอะ” เธอบอกแล้วถอนหายใจเฮือกๆ กลุ้มเรื่องที่ทำกับสมัตถ์แล้วยังกลุ้มเรื่องงานของตัวเองอีก“เธอมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม”เขาเอ่ย อาสาช่วยละนะหากว่าเรื่องนั้นไม่เหนือบ่ากว่าแรง“คุณช่วยไม่ได้หรอก ฉันเครียดเรื่องออฟฟิศน่ะ กลัวเสร็จไม่ทัน กลัวไม่มีที่เก็บของ” บอกแล้วพ่นลมออกจากปากอีกครา ก่อนจะหันมาสนของที่อยู่ตรงหน้า เปิดมันออกแล้วพิจารณาแป้งสามตลับที่เรียงกันอยู่“ฉันคงช่วยไม่ได้จริงๆ กลับดีกว่า”เขาว
[12]ร้าวราน____________เหตุการณ์ในบ้านโสภณวิชญ์ เริ่มกับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เทียนหยดยังงอนสมัตถ์ราวกับเขาเป็นสามีตัวเอง การที่เขายอมให้อภัยภรรยาง่ายๆ ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าความรักนั้นทำให้คนตาบอดได้จริง แน่ล่ะ เธอเคยเจอมาแล้ว และก้าวผ่านมันมาได้อย่างชอกช้ำระกำทรวงที่สุดจีรวัฒน์ไม่ติดต่อมาเลยนับตั้งแต่วันนั้น ความจริงเธอก็ห่วงเขานะ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไร กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะทำให้เขามีอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นวันศุกร์ตอนบ่ายแก่ๆ เธอจึงยอมเสียฟอร์ม ซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ แวะไปหาเขา และอยากขอโทษเรื่องวันนั้น แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเธอจะมาคืนดี คนอย่างเทียนหยดเจ็บแล้วเจ็บเลย เจ็บจำ แต่ที่มาหาเขาวันนี้เพราะมนุษยธรรมล้วนๆ และอีกอย่าง เธออยากคุยเรื่องที่ดินที่เขาเซ็นยกให้ เพราะมาคิดดูดีๆ แล้ว ที่ดินผืนนั้นมันน่าจะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่จีรวัฒน์หยิบยืมไป และเธอไม่สบายใจหากเอามันมาครอบครองเพียงคนเดียวเทียนหยดค่อยๆ ชะลอรถเมื่อใกล้ถึงทางเข้าคอนโดฯ ทว่าสตรีนางหนึ่งที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่คันหน้านั้น
แล้วจู่ๆ สมัตถ์ก็น้ำตาไหล เทียนหยดแลเห็นแวบๆ ทางหางตา และต้องหันมามองเต็มหน้า หัวใจเธอเต้นแรง นอกจากโอบนิธิแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายร้องไห้เลยสักคนบุตรสาวของผกากรองดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่ เอามันไปวางไว้บนหน้าขาของชายหนุ่ม เขาหันมา วงหน้าอมทุกข์ ดวงตาแดงก่ำและไร้รอยยิ้ม“คุณอาจต้องใช้ น้ำตาคุณ...” เธอบอกสั้นๆ ไม่อยากเอ่ยอะไรให้มากความ ด้วยรู้ว่าผู้ชายคงอับอายหากรู้ว่ามีคนอื่นเห็นหยดน้ำตา“เธอพูดบ้าอะไร” ถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ หยิบผ้านิ่มๆ ผืนนั้นโยนใส่ตักเจ้าของ ก่อนจะเอามือลูบหน้าแรงๆ และยิ่งตื่นตะลึงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังมีน้ำตาอย่างที่เทียนหยดว่าจริงๆ“ฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณเอ่อ...คิดแบบนั้นก็ได้” เอ่ยแล้วอยากเฉือนปากตัวเองทิ้งเสีย เรื่องที่เขาทะเลาะกับภรรยาคงหนักหนา และเธอคงไม่มีวันล่วงรู้หากเขาไม่บอก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ ไม่รู้สิ ยังไม่อยากให้เขารู้หรอก น่าสงสารหัวใจของสามีผู้จงรักภักดี มันคงบางยิ่งกว่ากระดาษเสียอีกสมัตถ์เงียบไปครู่ใหญ่ สมองกำลังประมวลผล มันสับสนวุ่นวายไปหมด“ถ้าเกิดฉันต้องหย่ากับไนท์”ประโยคสั้นๆ นั้นทำเอาดวงตาของเทียนหยดเบิกโต