วันต่อมา...
Café of Love (coffee and bakery)
~~กริ๊งกริ๊ง กริ๊งกริ๊ง~~
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้า วันนี้ระ...คุณ!!” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงของกระดิ่งที่ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบริเวณหน้าร้าน ก่อนที่ฉันจะชะงักไปทันทีที่เห็นชายหนุ่มที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน
“ร้านเธอตอนรับลูกค้าแบบนี้งั้นเหรอ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาพร้อมกับส่งยิ้มยียวนมองมาที่ฉัน ถึงแม้ว่าจะมีเคาน์เตอร์กั้นกลางระหว่างเราแต่ฉันกลับรู้สึกว่าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงเอื้อมมือ
“รับอะไรดีคะคุณลูกค้า?” ฉันฝืนยิ้มหวานให้กับเขาก่อนจะเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานจนผิดปกติ ชายหนุ่มตรงหน้ามองมาที่ฉันพร้อมกับเผลอหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นร้าน
“เธอยิ้มน่ากลัวชะมัด”
“จะรับอะไรดีคะคุณลูกค้า?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปอีกครั้ง
“หึหึ ฉันอยากได้อะไรหวานๆ เหมือนกับรสจูบของคนชง”
“นี่คุณ!! ถ้าคุณไม่ต้องการเครื่องดื่มหรือเบเกอรี่ก็เชิญออกไปจากร้านค่ะ เสียเวลาคนจะทำมาหากิน”
“หึหึ”
“คุณสกาย!!” ฉันเอ็ดร่างสูงตรงหน้าออกมาอีกครั้ง เขาจงใจจะแกล้งฉัน...มันก็เหมือนว่าจะได้ผลเสียด้วยสิ เพราะคำพูดและการกระทำของเขามันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันกลับสั่นละรัวขึ้นมาอีกครั้ง
“โอเคฉันยอมแล้ว...เอาอเมริกาโน่ 1 แก้ว แล้วก็เอาขนมปังกระเทียมครีมชีส 1 ที่”
“ทั้งหมด 205 บาทค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ”
หลังจากที่ฉันคิดเงินให้กับร่างสูงตรงหน้าเสร็จ ฉันจึงกล่าวขอบคุณเขาออกไปอย่างนอบน้อมพร้อมกับฝืนยิ้มไปให้กับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งตามมารยาท ก่อนที่ฉันจะหันหน้าหนีเขาไปอีกทางเพื่อชงกาแฟตามออเดอร์ของเขา
“หึหึ”
ในขณะที่มือบางของฉันกำลังชงกาแฟ แต่หูของฉันกลับเอาแต่สนใจฟังสิ่งที่พี่สกายกำลังคุณกับน้องชายของฉันอยู่ไม่ไกล
[สกาย]
“คุณลุงสกาย!” กำปั้นร้องเรียกผมออกมาเสียงสดใสตามประสาของเด็กช่างพูดช่างเจรจา ก่อนที่เด็กชายตรงหน้าจะยกมือขึ้นมาไหว้ผมอย่างนอบน้อม
“กำปั้น...มาช่วยงานที่ร้านเหรอครับ?” ผมย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของเด็กชาย ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปอย่างเป็นกันเอง
“ใช่ครับ...ทุกวันเสาร์อาทิตย์พี่ไต้ฝุ่นกับปั้นจะเข้ามาช่วยงานที่ร้านครับ” กำปั้นเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส
“เก่งมาเลยครับ”
“คุณลุงสกายต้องมาอุดหนุนที่ร้านของเราบ่อยๆ นะครับ ขนมและเครื่องดื่มของร้านเราอร่อยมากเลยนะครับ”
“หึหึ ขายของเก่งซะด้วย” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับลูบลงที่หัวของเด็กชายตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“ว่าแต่พี่สาวของปั้นทำงานไม่มีวันหยุดแบบนี้แฟนเธอไม่ว่าเอาเหรอครับ” ผมแกล้งถามเด็กชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พร้อมกับชำเลืองมองไปยังหญิงสาวที่กำลังชงกาแฟให้กับผมอยู่บริเวณเคาน์เตอร์เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสนใจเด็กชายตรงหน้าอีกครั้ง
“พี่ชูใจไม่มีหรอกครับแฟน”
“อ่อ เหรอ...”
“กำปั้นครับ ลุงได้ข่าวว่าชอบเลโก้เหรอครับ?”
“ชอบครับ เลโก้ที่ลุงซื้อมาให้เมื่อคืนปั้นก็ต่อหมดแล้วครับ”
“ลุงมีอีกเยอะเลยนะครับ ถ้าปั้นอยากได้อีกลุงจะเอามาให้”
“จริงเหรอครับ แต่ว่า...” กำปั้นหรี่ตามองมาที่ผมพร้อมกับมุมปากของเด็กชายยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามผมออกมาอย่างรู้ทันกัน
“ลุงสกายมีงานจะให้ปั้นทำใช่ไหมครับ?”
“รู้ทันซะด้วย” ผมพึมพำออกมาก่อนที่ชายหนุ่มจะดึงร่างเล็กของเด็กชายตรงหน้าเข้ามาใกล้กายแกร่งของผมอย่างเบามือ
“ลุงอยากให้ปั้น...” ผมกระซิบที่ข้างหูของเด็กชายตรงหน้าเบาๆ
“แค่นี้เองเหรอครับ?” กำปั้นเอ่ยถามผมออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เด็กชายจะยกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ใช่ครับแค่นี้เอง ถือซะว่าช่วยลุง...ส่วนเรื่องของเล่นไม่ว่ายังไงลุงก็จะซื้อมาให้กำปั้นอยู่แล้วครับ”
“อืมมมมม ก็ได้ครับ ไม่ใช่เพราะว่าปั้นเห็นแก่เลโก้หรอกนะครับ แต่เพราะเป็นลุงสกายขอร้องปั้นเลยทำให้ครับ”
“หึหึ ขอบคุณมากครับ”
“กำปั้นคุยอะไรกันน่ะ? กาแฟได้แล้วครับ” ชูใจพูดขึ้นมาเสียงใสพร้อมกับมองไปยังน้องชายของเธออย่างจับผิด
“กำปั้นกำลังไปแล้วครับ”
“ขนมปังกระเทียมครีมชีสมาแล้วครับ” ไต้ฝุ่นเดินมาเสิร์ฟอาหารให้กับผม ก่อนที่เขาจะเอ่ยทักทายผมอย่างนอบน้อมอย่างนอบน้อม
“อ้าว...ลุงสกายสวัสดีครับ”
“สวัสดีครับไต้ฝุ่น”
“ทานให้อร่อยนะครับคุณลุง”
“ขอบคุณครับ”
ผมมองดูเด็กชายทั้งสองคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานก่อนที่ผมจะยกยิ้มออกมาให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของพวกเขา ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันและชูใจจะเลี้ยงพวกเขามาได้ดีขนาดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกันกับพวกเธอด้วยซ้ำ
~~ครืนนนนนนนน ครืนนนนนนนนน~~
(นายครับตอนนี้โครงการที่บางนามีคนงานออกมาประท้วงครับ พวกเขาบอกว่าจะไม่ทำงานต่อถ้าไม่ได้รับค่าจ้างที่ยังคงค้างพวกเขาอยู่) วิชลูกน้องคนสนิทของผมเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
“มันโกงเงินคนงานอีกแล้วสินะ...เดี๋ยวฉันเข้าไปจัดการเอง”
(ครับนาย)
“เตรียมทีมทนายของเราให้พร้อม ครั้งนี้ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาด” ผมเอ่ยบอกกับปลายสายออกไปเสียงเรียบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนงานในโครงการคอนโดมีเนียมโซนบางนาออกมาประท้วงเรื่องเงินของพวกเขาแบบนี้ บริษัทของผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่บริษัทที่รับงานต่อจากบริษัทของผมต่างหากที่มีปัญหา
ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องแบบนี้พวกเขาทำงานมาได้ดีตลอด ปกติแล้วผมจะใช้งานบริษัทเก่าที่ทำงานกับผมมานาน แต่ตอนนี้บริษัทของผมมีหลายโครงการ ผมจึงอยากจะกระจายงานให้กับบริษัทอื่นบ้าง แต่ถ้ามีปัญหาแบบนี้บ่อยๆ ผมคงต้องกลับมาใช้งานบริษัทเก่า
“แล้วเรื่องสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ของฉันไปถึงไหนแล้ว” ผมเอ่ยถามปลายสายขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังชงเครื่องดื่มให้กับลูกค้าของเธออย่างขยันขันแข็ง
“นายล็อกสาวน้อยไว้ขนาดนี้ ยังไงเธอก็หนีนายไปไหนไม่รอดหรอกครับ...”
“...”
“ตอนนี้รอแค่เธอเข้ามาสัมภาษณ์และเซ็นสัญญากับทางเราในวันพรุ่งนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยครับ”
“เออ...” ผมตอบมันกลับไปเสียงเรียบ ‘เกลียดจริงๆ พวกรู้ทัน’ ก่อนที่ผมจะกดตัดสายไปทันทีไม่รอให้มันได้มีโอกาสแซวอะไรผมได้อีก
ตอนนี้ผมมีวิชเป็นทั้งคนสนิท (มือขวา) และบอดี้การ์ดของผม ถ้าต้องให้มันมาทำงานในตำแหน่งเลขานุการที่บริษัทอีก ผมก็เกรงว่างานของมันจะหนักเกินไป
ก่อนหน้านี้ผมก็เคยมีเลขาส่วนตัวอยู่ที่บริษัทหลายคนเหมือนกัน แต่พวกเธอไม่ได้จะมาทำงาน แต่พวกเธอจะมาเป็นอย่างอื่นมากกว่ามาเป็นเลขาของผม แต่กับว่าที่เลขาคนใหม่ของผมคนนี้ผมกลับอยากให้เธอทำเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ
“คุณลุงจะกลับแล้วเหรอครับ” ไต้ฝุ่นเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นผมลุกขึ้นยืน และเตรียมตัวจะเดินออกไป
“ใช่ครับ”
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ”
“ครับ...ลุงกลับมาแน่นอนครับ วันนี้ลุงไปก่อนนะครับ” ผมตอบเด็กชายตรงหน้ากลับไป พร้อมกับลูบลงหัวของเขาอย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับ”
[ชูใจ]
วันต่อมา...
บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป
“เธอทำได้ชูใจ” ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องประชุมที่อยู่ไม่ไกล
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชูใจ บุญทวีค่ะ” ฉันแนะนำตัวเองพร้อมกับยกมือไหว้เหล่าคณะกรรมการที่เข้ามาสัมภาษณ์ฉันอย่างนอบน้อม ก่อนที่ฉันจะเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกึ่งกลางห้องในทันทีไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
ฉันตอบคำถามทุกคำถามที่เหล่าคณะกรรมการถามฉันอย่างมั่นใจ ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย แต่หัวใจของฉันกลับเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาเสียให้ได้ นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เข้ามาสัมภาษณ์งาน โดยมีหัวหน้าแผนกต่างๆ กำลังยิงคำถามใส่ฉันแบบไม่ยั้ง
“คุณชูใจสะดวกทำงานนอกสถานที่ไหมคะ?”
“สะดวกค่ะ” ฉันตอบคำถามของหญิงสาววัยกลางคนกลับไป พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธออย่างมั่นใจ
“ทางเรารับคุณเข้าทำงานค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ” ฉันยกมือไหว้คณะกรรมการทุกท่านอย่างนอบน้อม พร้อมกับยกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“คุณชูใจสะดวกเซ็นสัญญาวันนี้เลยไหมคะ?” ผู้หญิงวัยกลางคนคนเดิมเอ่ยถามฉันขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่คณะกรรมการคนอื่นๆ จะทยอยพากันออกไปจากห้องประชุมแห่งนี้
“อะ เอ่อ สะดวกค่ะ” ฉันตอบหญิงสาวตรงหน้ากลับไปทันทีไม่รอให้เธอต้องรอนนาน ถึงฉันจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็วไปหมดจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตาม...
“ยินดีที่ได้รวมงานกันนะจ๊ะ” พี่จิ๋วหัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดขึ้นทันทีที่ฉันเซ็นเอกสารตรงหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ยินดีเช่นกันค่ะ” ฉันตอบหญิงสาวตรงหน้ากลับไปพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธอ
“อีก 1 อาทิตย์เจอกันนะจ๊ะ”
“ค่ะ ชูใจขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้า”
หลังจากที่ฉันทำธุระกับพี่จิ๋วเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันจึงเดินออกมาจากแผนกบุคคลทันทีถึงฉันจะรู้สึกว่ามันแปลกๆ อยู่บ้าง แต่มันก็อดที่จะยินดีให้กับการเริ่มต้นใหม่ของตัวเองในครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ
บริษัท เคพี พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียงไม่มีใครไม่อยากร่วมงานกับที่นี่หรอก และที่สำคัญที่ฉันอยากทำงานที่นี่ก็คือ เงินเดือนที่ฉันจะได้รับ และสวัสดิการต่างๆ ที่บริษัทให้กับพนักงานทุกคนมันทำให้ฉันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
“ต่อจากนี้ไปพี่ตะวันก็ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวอีกแล้ว...อะ โอ้ย!! ขอโทษค่ะ” ฉันพึมพำกับตัวเองพร้อมกับเดินออกไปเตรียมจะขึ้นลิฟท์ที่อยู่ไม่ไกล แต่ฉันก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจทันทีที่ร่างบางของฉันชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของใครบางคน
“คุณ!!!”
“ไง...”
“คุณมาทำอะไรที่นี่ คุณตามฉันมาเหรอคะ?” ฉันมองร่างสูงที่กำลังยืนส่งยิ้มหวานมาให้กับฉันอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะเอ่ยถามเขาออกไปอย่างไม่เข้าใจในสถานกาณ์ตรงหน้าเท่าไหร่นัก
“เดี๋ยวนะ...ฉันไม่มีเวลามากพอมาตามเธอหรอกนะ”
“...” คำตอบของร่างสูงตรงหน้าทำให้ฉันหน้าชาไปเลย เขาจัดว่าเป็นผู้ชายปากร้ายคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จักเลยก็ว่าได้
“หึหึ เธอไม่รู้งั้นเหรอว่าที่นี่คืออาณาจักรของฉัน”
“ห๊ะ?”
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง