โรงพยาบาล
1 ชั่วโมงผ่านไป...
“ผลตรวจออกแล้วนะครับ...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนรอยฟกช้ำเดี๋ยวหมอจะจัดยาทา และยาแก้ปวดไปให้กินยาที่หมอสั่งไม่นานเดี๋ยวก็หายครับ”
“อืม ดูแลเธอให้ดีค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะจัดการเอง”
“...” ฉันแอบมองชายหนุ่มที่พาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลกำลังยืนคุยกับคุณหมออยู่ไม่ไกล พร้อมกับยกยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ก่อนที่สายตาของฉันจะเลื่อนไปเห็นรอยยิ้มของตัวเองในกระจกที่สะท้อนตรงหน้า ฉันชะงักไปเล็กน้อยและรีบหุบยิ้มในทันทีที่รู้สึกตัว
“เป็นอะไรของเธอเนี่ยชูใจ” ฉันพึมพำกับตัวเองออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบเดินหลบออกมาอีกทาง ถึงจะรู้สึกขอบคุณเขามากที่เข้ามาช่วยชีวิตฉันไว้เป็นครั้งที่สอง แต่ถ้าฉันอยู่ที่นี่นานกว่านี้พี่ตะวันพี่สาวของฉันจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
ถ้าเธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้างเธอจะต้องเป็นห่วงและกังวลกับเรื่องของฉันอีก แค่นี้พี่สาวของฉันเธอเหนื่อยจะแย่อยู่แล้วฉันไม่อยากทำให้เธอต้องเป็นห่วงฉันไปด้วยอีกคน
ฉันเลือกที่จะหนีออกไปจากโรงพยาบาล ฉันเดินลัดเลาะมาตามทางเดินเล็กๆ ด้านหลังของโรงพยาบาล ก่อนที่ฉันจะเรียกรถแท็กซี่ที่จอดรอลูกค้าอยู่บริเวณถนนใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลพยาบาลไม่มากเท่าไหร่นักในทันที...
บ้านสวน
“กลับมาแล้วค่า...” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวที่กำลังนั่งหันผักอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หลังห้องครัวด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด ก่อนจะหันไปยกยิ้มให้กับเฮคเตอร์ลูกชายของเธอที่กำลังนั่งเล่นรถแม็คโครอยู่ไม่ไกล
พี่ตะวันเงยหน้าขึ้นมามองฉันพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่สีหน้าของเธอจะเปลี่ยนไปในทันทีที่เห็นรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าของฉัน พี่ตะวันวางมีดในมือลงก่อนจะอุ้มเฮคเตอร์ขึ้นแนบอกและเดินเข้ามาหาฉัน
“ชูใจ!! ไปทำอะไรมาทำไมเนื้อตัวถึงได้มอมแมมแบบนี้ล่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?” เสียงหวานของหญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่มือบางของเธอจะลูบลงที่แก้มของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“ไม่มีจ้ะ น้องซุ่มซ่ามเองจ้ะ” ฉันตอบคำถามของพี่สาวกลับไปเสียงใส ฉันพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับร่างบางตรงหน้า
“น้องมีอะไรก็บอกพี่ได้นะชูใจ เราสองคนโตมาด้วยกันน้องดูแปลกไปมีเหรอที่พี่จะไม่รู้”
“ร้องไห้มาเหรอกัฟ?” เฮคเตอร์มองมาที่ฉันพร้อมกับโน้มตัวลงมากอดแขนเรียวของฉันเอาไว้อย่างอ้อนๆ
“พี่ชูใจไม่ได้ร้องไห้ครับ ฝุ่นมันเข้าตาพี่เฉยๆ”
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะน้องไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เดี๋ยวน้องขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวก่อนแล้วจะลงมาช่วยเตรียมของจ้ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้ามีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังก็เล่าได้ทุกเมื่อเลยนะ...”
“...”
“เรามีกันแค่สองคนพี่น้องถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยขอให้น้อยรู้ไว้พี่ยินดีเสมอ”
“จ๊ะ...” ฉันตอบร่างบางตรงหน้ากลับไปพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธอและหลายชาย
“เฮ้ออออ!!” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ฉันไม่ชอบเลยที่ต้องโกหกพี่ตะวันแบบนี้ แต่จะให้บอกเธอออกไปตรงๆ ว่าฉันไปเจออะไรมาบ้างฉันก็ไม่กล้าอีก
‘ถ้าครั้งนี้มึงรอดมาได้ และมึงยังกลับมาวุ่นวายกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้งหน้ากูจะไม่ปล่อยชีวิตไร้ค่าของพวกมึงไว้แน่’
‘ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้วจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้’
“ทำไมอ้อมกอดของเขาถึงได้อุ่นแบบนี้นะ” ฉันนั่งมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาตรงหน้าก่อนที่ฉันจะเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ก่อนที่ฉันจะชะงักไปเล็กน้อยและรีบหุบยิ้มนั้นทันที ‘ฉันเป็นแบบนี้อีกแล้ว’
“ฮึ่ย!!! เธอคิดอะไรของเธอเนี่ยชูใจ” ฉันลูบลงที่อกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนฉันไม่จึงไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่...
“เฮ้ออออ!! ปวดหัวจัง” ฉันพูดขึ้นก่อนจะเดินลงมาช่วยพี่สาวของฉันเตรียมปาร์ตี้หมูกระทะในคืนนี้ ถ้าฉันเอาแต่นั่งอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ฉันต้องประสาทเสียเพราะคิดถึงผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน
“กลับมากันแล้ว...” ฉันเดินลงมาชั้นล่างก็ได้ยินเสียงของน้องชายทั้งสองคนดังมาแต่ไกล ไต้ฝุ่นและกำปั้นเป็นเด็กที่แม่ของฉันกับแม่ของพี่ตะวันช่วยกันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกท่านทั้งสองจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่สายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรายังคงอยู่ และฉันกับพี่ตะวันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงเราทั้งคู่จะช่วยกันเลี้ยงดูพวกเขา
“ฮาญา?” ขาเรียวของฉันชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่เห็นเด็กหญิงอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับกับน้องชายทั้งสองของฉัน ฮาญาเป็นลูกเลี้ยงของพี่สาวของฉัน...
เรื่องราวที่เกิดขึ้นระวังพี่ตะวันกับพี่ฮันเตอร์คุณพ่อของฮาญากับเฮคเตอร์ ฉันรู้แค่ที่ฉันควรรู้ส่วนเรื่องอื่นให้เป็นหน้าที่ของพี่สาวของฉันตัดสินใจเอง
ฉันมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขามันคงทำให้พี่สาวของฉันเสียใจอยู่ไม่น้อยไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตัดสินใจหนีออกมาแบบนี้
“ฮึกกกก ฮือออออ ฮาญาไม่อยากให้แม่จ๋าหายไปอีก แต่ก็ไม่อยากให้แม่จ๋า น้าชู ฮึกกกกก พี่ฝุ่น พี่ปั้นและก็เฮคเป็นอันตรายค่ะ”
“ทำไมพวกเราถึงจะเป็นอันตรายเหรอคะ?” ฉันได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เด็กหญิงตรงหน้ากำลังเล่าให้ฟัง ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไปอย่างไม่เข้าใจ ถึงฮาญาจะยังเด็กแต่เธอก็เป็นเด็กที่มีเหตุผล เธอไม่มีทางพูดอะไรออกมาโดยไม่มีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน
“ฮึกกกกก ฮือออออ”
“น้องโดนทำร้ายร่างกายมาครับ” ไต้ฝุ่นน้องชายอีกคนของฉันพูดขึ้น
“ห๊ะ!! / ว่าไงนะ” ฉันกับพี่ตะวันร้องออกมาพร้อมกัน ก่อนที่พี่ตะวันจะพยายามถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงตรงหน้าอีกครั้ง
ฉันยืนฟังฮาญา ไต้ฝุ่น และกำปั้นเล่าฉันก็อึ้งไม่ต่างจากพี่ตะวัน เด็กหญิงตัวเล็กน่ารักแบบนี้นังผู้หญิงคนนั้นกล้าลงมือกับเธอได้อย่างไง
ผู้หญิงคนนั้นที่ฉันพูดถึงก็คือ ‘ยัยคุณแพรว’ เธอเที่ยวไปป่าวประกาศกับใครต่อใครว่าเธอคือว่าที่ภรรยาของพี่ฮันเตอร์คุณพ่อของน้องฮาญา ถ้าได้แต่งงานกันจริงๆ ยัยผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายในคราบของผู้ดีอย่างแน่นอน
“ฮาญารักคุณพ่อ และก็อยากอยู่กับคุณพ่อนะคะ แต่ฮาญาไม่อยากอยู่บ้านที่ไม่มีแม่จ๋าแล้วค่ะ”
“.../...”
“ฮาญาไม่อยากอยู่กับน้าแพรว”
“ถ้างั้นวันนี้ฮาญาก็อยู่กับแม่จ๋าก่อนดีไหมคะ?”
“เย้!! ดีค่ะ”
“ถ้างั้นฮาญาไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวกันค่ะ”
“ค่ะ ฮาญาอาบน้ำเองได้แล้วไม่ทำให้แม่จ๋ากับน้าชูใจต้องเหนื่อยเลยค่ะ” ฉันมองตามหลังเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน พร้อมกับมีพี่ชายทั้งสองคนเดินตามขึ้นไปเฝ้าน้องของพวกเขาด้วย
“หลานน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้นังบ้านั่นมันทำร้ายหลานลงได้ไง”
เช้าวันต่อมา...
“คุณ!! คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไงคะ?” ฉันเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก่อนจะร้องเรียกร่างสูงที่กำลังจัดโต๊ะอาหารตรงหน้าออกมาด้วยความตกใจ
“ฉันทำอาหารเสร็จแล้วลงมากินสิ”
“อะ เอ่อ...”
ฉันมองการกระทำของร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้ว่าเขามีแผนอะไรในใจถึงได้ตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารให้กับพวกเราแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้เองอย่างแน่นอน ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเปิดประตูให้กับเขาก็ต้องเป็นพี่ตะวันที่เปิดประตูให้เขาเข้ามา
พี่ตะวันจบกับเขาไม่ดี เธอหนีผู้ชายคนนี้มาตลอดหลายปี ถ้าเธอยอมให้เขาเข้ามาในนี้ง่ายๆ แบบนี้ พี่ตะวันอาจจะมีเหตุผลของตัวเอง...
1 ชั่วโมงต่อมา...
“รถใครมาเหรอครับ?” เสียงของกำปั้นพูดขึ้นในขณะที่ฉันกำลังเตรียมขนมอยู่ในครัวด้านหลังของบ้าน
ฉันยืนฟังเสียงเด็กๆ คุยกันพอจะจับใจความได้ว่าคนที่มาใหม่สองคนเป็นเพื่อนของพี่ฮันเตอร์ ฉันไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาพวกเขามาก่อน แต่ก็คนเดาได้ไม่อยากว่าพวกเขาคงจะเป็นไฮโซ เป็นเศรษฐีหมื่นล้านไม่ต่างจากพี่ฮันเตอร์แน่นอน
“ขนมมาแล้วค่ะ...คุณ!!”
“เธอ!!”
ฉันเดินเอาขนมที่ตัวเองพึ่งจัดจานเสร็จมาให้กับเด็กๆ แต่ก็ต้องชะงักไปทันทีที่เห็นชายหนุ่มที่ฉันพึ่งหนีเขามาเมื่อวานนี้ยืนอยู่ในบ้านของฉัน ซึ่งเขาเองก็ดูตกใจไม่ต่างจากฉันเช่นกัน
“ลุงสกายกับน้าชูใจรู้จักกันด้วยเหรอคะ?” ฮาญาเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองมาที่ฉันและชายหนุ่มที่ยื่นอยู่ตรงหน้าของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“รู้จักครับ / ไม่รู้จักค่ะ” ฉันและเขาตอบเด็กหญิงตรงหน้ากลับไปพร้อมกัน แต่คำตอบกลับไม่ตรงกันทำให้เด็กๆ ทั้งสามที่ยืนกอดอกมองมาที่เราทั้งสองคนงงไปตามๆ กัน
“ยังไงกันคะเนี่ย / มีพิรุธนะครับเนี่ย / นั่นสิครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เด็กๆ มาทานขนมกันดีกว่า” ฉันทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เด็กๆ พูดฉันวางจานขนมลงตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยบอกกับเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฉันพยายามทำให้มันเป็นปกติที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ หลังจากนั้นฉันจึงเดินออกไปยังห้องครัวที่อยู่ไม่ไกลในทันที
ตึกตัก!! ตึกตัก!! ตึกตัก!!
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับลูบลงที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ
“ใจเต้นแรงรึไง”
“คุณ!! เข้ามาได้ไงคะ?” ฉันหันกลับไปมองตามเสียงเข้มที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะเห็นว่าชายหนุ่มที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดกำลังเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของฉัน
“หึหึ เราเจอกันเป็นครั้งที่สามแล้วนะ เธอไม่คิดจะแนะนำตัวเองให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอ่ยถามฉันออกมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ตาคมจ้องมองมาที่ฉันอย่างรอคำตอบ
“ฉันชื่อชูใจค่ะ”
“ส่วนฉันชื่อสกาย เธอเป็นน้องของตะวันงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“หึหึ แล้วเมื่อวานเธอหนีฉันทำไม? หมอยังไม่ทันอนุญาตให้เธอลุกไปไหนเลยไม่ใช่รึไง?”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”
“เธอเป็นหมอรึไง?”
“คือว่าฉันอยู่ต่อไม่ได้จริงๆ ค่ะ ยังไงฉันต้องขอบคุณคุณสกายมากนะคะที่ช่วยฉันเอาไว้” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้เขาอย่างคนที่สำนึกผิด ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าฉันเองก็มีส่วนผิดเหมือนกันที่หนีเขาออกมาแบบนั้น
“แล้วนี่เป็นไงบ้างหายดีแล้วรึยัง? ยังเจ็บท้องอยู่ไหม?”
“อะ เอ่อ เบาแล้วค่ะ”
“เบาแล้ว...แสดงว่ายังไม่หาย?”
“ก็ยังเจ็บอยู่นิดนึงค่ะ...คุณสกายคะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่าบอกกับใครได้ไหมคะ?”
“ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอกด้วยล่ะ”
“นะคะฉันขอร้อง”
“...”
“นะคะ น้า...”
“อืม แต่จำไว้ให้ดีว่าเธอห้ามเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีก”
“ค่ะ ฉันจะไม่ทำอีก”
“เอาเบอร์ของเธอมา”
“คะ?”
“เบอร์โทรศัพท์ เอามา!!...ไม่อย่างนั้นฉันจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอให้ตะวันฟังทั้งหมด”
“อ่อ!! ค่ะ”
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง