Masuk“เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนดีกว่านะ ดื่มแค่นี้ก็แทบเดินไม่ตรงทางแล้ว” ชยุตม์ไม่อยากอยู่ในวงสนทนาที่เกี่ยวกับการสูญเสียอีกต่อไปแล้ว เขาเอ่ยขอตัวแล้วขยับลุกขึ้น
อาการซวนเซเล็กน้อยทำให้ปรีชาวัฒน์ที่ไม่ค่อยดื่มนัก รีบลุกขึ้นช่วยประคองทันที “ให้ผมขึ้นไปส่งนะครับพี่ชิน” หนุ่มหล่ออาสา
“ไม่ต้องหรอก พี่ไหวครับ โปรดอยู่สนุกต่อเถอะ”
“แต่ผมรับปากป้าหลันไว้แล้วนะครับ”
“อื้อ อย่าซีเรียสน่า พี่ไหวๆ” ชยุตม์โบกมือปฏิเสธจริงจัง ทำให้ปรีชาวัฒน์ไม่กล้าเซ้าซี้อีก ชายหนุ่มยิ้มและพยักหน้าน้อยๆ เป็นการบอกลา พยายามตั้งสติให้มั่นแล้วเดินแยกตัวจากไป
ชยุตม์ดื่มเข้าไปไม่น้อย แม้จะบังคับตัวเองให้เดินได้โดยไม่ต้องมีคนช่วยประคอง แต่เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้ว เขากลับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากดเลือกชั้นไหนเป็นปลายทาง ไม่มีแม้กระทั่งเลขห้องอยู่ในหัว เขาเอนหลังพิงผนังลิฟต์เอาไว้ ถอนหายใจแรงในขณะที่ความคิดนึกถึงแต่ภาพใบหน้าของมะปราง ผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด
“ปราง...” เขาพึมพำ แล้วเงียบลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก
อัญรสชะงักเล็กน้อย เมื่อพบพี่ชายข้างบ้านยืนโงนเงนอยู่ข้างใน ชยุตม์กดหัวคิ้วชนกัน ชี้หน้าเธอแล้วพยายามนึกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทำไมจึงคุ้นตานัก แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในกระแสเลือดค่อนข้างมาก กลับทำให้ทุกอย่างพร่าเบลอ เขาจำเธอไม่ได้ ทรงตัวต่อไปก็แทบไม่ไหวด้วยเช่นกัน
“พี่ชิน!”
อัญรสเห็นชยุตม์ทำท่าคล้ายจะล้มคะมำมาข้างหน้าจึงรีบปราดเข้าไปช่วยประคองไว้ สองแขนเรียวเสลาโอบรอบลำตัวที่กว้างกำยำแน่น ใบหน้าของเธอแนบอยู่กับอกแกร่ง โชคดีที่คนเมาไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวมาที่เธอเต็มที่ ไม่อย่างนั้นร่างเล็กบอบบางของอัญรสคงล้มลงและถูกทับจนจุกตายไปแล้ว
“อื้อ ปล่อยฉัน” เขาพึมพำ พยายามดึงตัวอัญรสออกห่าง
“ให้เอมช่วยเถอะค่ะ พี่ชินไม่น่าจะไหวหรอก” เจ้าของเสียงหวานน่าฟังเอ่ยค้าน ยังคงไม่ยอมปล่อยมือห่างออกไป “ชั้นไหนคะ ห้องอะไร เดี๋ยวเอมจะประคองไปส่งให้ค่ะ แต่พี่ชินห้ามทิ้งตัวนะ ไม่งั้นเอมแย่แน่ๆ”
“ชั้นไหน ห้องอะไร... ใครจะไปรู้เล่า” ชยุตม์ทวนอย่างงุนงง
อัญรสถอนหายใจ นี่หากเธอไม่ลงมาข้างล่างเพื่อตามหามารดาว่าหายไปไหน ทำไมดึกแล้วถึงยังไม่ยอมกลับขึ้นไปนอนบนห้อง เธอคงไม่บังเอิญพบชยุตม์เมาอยู่คนเดียวในลิฟต์อย่างนี้ ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าตัวเองพักอยู่ชั้นไหนและห้องอะไร เห็นทีเธอคงต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรมเสียแล้ว
แต่ก่อนอื่นคงต้องพาเขาขึ้นไปที่ชั้นที่เธอพักอยู่เสียก่อน...
อัญรสกดเลือกชั้นที่ตัวเองพักอยู่กับมารดา ที่ตอนนี้หายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าคนเป็นแม่คงเจอเพื่อนคุยถูกคอ และเข้ากันได้ในเรื่องการพนัน เพราะเห็นเปรยตั้งแต่อยู่ในงานเลี้ยงแล้วว่าคืนนี้อยากแก้มือที่เล่นเสียไปเกือบแสน ที่แท้ก็ไม่ได้อยากมาสอดแนมในงานแต่งของวาสิตาอย่างที่พูดเพียงอย่างเดียวหรอก หาโอกาสมาเสี่ยงโชคแบบที่คนในครอบครัวไม่เคยเห็นด้วยเสียมากกว่า
“ระวังนะคะ” เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก อัญรสก็ดึงแขนข้างหนึ่งของชยุตม์มาพาดไว้บนไหล่ เป็นครั้งแรกทีเดียวที่เธอได้มีโอกาสใกล้ชิดเขาถึงเพียงนี้ กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายที่ปะปนมากับกลิ่นเหล้าทำให้เธอยิ้มน้อยๆ
แบบนี้นี่เองสินะที่เขาเรียกกันว่ากลิ่นที่แสนดึงดูดใจของบุรุษ ปกติแล้วเธอไม่ชอบกลิ่นเหล้านัก มันฉุนและเหม็นสุดจะทน แต่ถ้ามันมาจากตัวของชยุตม์ โชยปนมากับกลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้อยู่เป็นประจำแบบนี้ เธอกลับสูดมันเข้าไปเสียเต็มปอด
“ปล่อย”
ชยุตม์พึมพำ หลังรับรู้ว่าคนข้างตัวเป็นผู้หญิงเนื้อตัวนุ่มนิ่ม
“ปล่อยยังไงล่ะคะ เดี๋ยวออกไปนั่งตรงล็อบบี้หน้าลิฟต์ก่อนก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวช่วยพาคนเมาออกไปยังโถงกว้างหน้าลิฟต์ มองโซฟาเข้าชุดกันสีน้ำตาลเข้มแล้วตั้งใจจะพาเขาไปนั่งตรงนั้นก่อน ส่วนเธอค่อยลงไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานโรงแรมอีกที
“ฉัน... ฉันจะอ้วก” เขาบอก นั่นทำให้คนข้างตัวถึงกับเบิกตากว้าง
“แถวนี้ไม่ได้นะคะ! มีแต่พรมทั้งนั้น สงสารคนทำความสะอาดบ้าง”
อัญรสร้องบอก หันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไร แถวนี้ไม่มีถังขยะด้วย “งั้นไปห้องเอมก่อนนะคะพี่ชิน อยู่ห้องแรกเลย เดินแป๊บเดียวเอง ไปอ้วกให้สร่างก่อนก็แล้วกัน เผื่อจะนึกออกว่าตัวเองอยู่ชั้นไหนห้องไหน”
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี อัญรสจึงประคองร่างสูงใหญ่หนักอึ้งนั้นไปยังห้องของตัวเองอย่างทุลักทุเล ชยุตม์กระสับกระส่าย หายใจแรงขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ แล้วไหนจะสัมผัสนุ่มนิ่มไปทั้งตัวนั่นอีก นับตั้งแต่มะปรางจากไปพร้อมลูกในท้อง เขาก็ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย เพราะเกรงว่านั่นจะเป็นการทรยศต่อลูกเมีย
อัญรสเองก็บริสุทธิ์ใจเสียจนคิดน้อย ลืมไปแล้วว่าคนข้างตัวเป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อและกำลังมึนเมาเสียด้วย เธอพาเขาเข้าไปในห้อง นึกโล่งใจที่ตอนนี้มารดาไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นท่านคงดุด่าว่ากล่าวหนักแน่ ที่เธอให้ความช่วยเหลือคนที่ท่านเกลียดชังเข้าไส้
“เดี๋ยวค่ะ ไปห้องน้ำสิคะ อย่าอ้วกใส่เตียงนะพี่ชิน!”
เธอร้องบอก เมื่อเขาไม่ยอมให้ประคองไปห้องน้ำ แต่กลับโซซัดโซเซไปที่เตียงนอน แล้วทิ้งตัวลงบนนั้นแทน เจ้าของห้องมองแล้วถอนหายใจ โล่งอกไปที่เห็นเขาหลับตาลง ไม่ได้อาเจียนพุ่งอย่างที่นึกกังวล
อัญรสยืนเคว้งอยู่กลางห้อง หัวใจเต้นรัวในตอนที่ก้าวช้าๆ ไปยืนมองชยุตม์ พี่ชายข้างบ้านที่เธอปลื้มและกลายเป็นหลงรักหัวปักหัวปำไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าอนวัตผู้เป็นพี่ชายเกิดความหมางใจกับเพื่อนสนิทคนนี้เข้า เธอก็คงได้วนเวียนใกล้ชิดเขาไม่ห่างเหมือนเมื่อก่อน
อัญรสยิ้ม เมื่อนึกถึงตอนที่ให้ชยุตม์ช่วยสอนทำการบ้านบ้าง ช่วยประดิษฐ์งานส่งอาจารย์บ้าง แล้วยังช่วยติวหนังสือให้ในช่วงใกล้สอบอีกด้วย น่าเสียดายที่ช่วงเวลาเหล่านั้นหายไปนานหลายปีแล้ว เพราะผู้หญิงวัยยี่สิบห้าปีที่ชื่อว่ามะปราง
“อื้อ...” ชายหนุ่มคราง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงหน้าผากให้ตัวเอง
“ปวดหัวอีกแล้วเหรอ ให้เอมช่วยนวดเอาไหมคะ”
อัญรสทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดเขาอย่างนี้ แต่มันคือครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันภายในห้องนอนที่มีเพียงเขาและเธอ รวมทั้งเตียงกว้างน่านอนเป็นที่สุด
เมื่อคิดแบบนั้น พวงแก้มขาวนวลก็ซับสีระเรื่อขึ้นมา...
“อืม” ชยุตม์ไม่ได้ตอบ เขาครางรับความเจ็บปวดเท่านั้น แต่สาวน้อยอย่างอัญรสกลับคิดว่าเขากำลังโต้ตอบด้วย เธอลังเล แต่สุดท้ายก็ยื่นมือออกไป หวังจะช่วยคลึงหน้าผากคลายอาการปวดศีรษะให้กับเขา
อัญรสได้ยินจากป้าบุหลันมาเมื่อช่วงหัวค่ำ ว่าพักหลังชยุตม์เริ่มกลับมาปวดหัวบ่อยอีกแล้ว น่าจะทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อนให้เต็มที่ เธอทั้งรักทั้งห่วงขนาดนี้ แต่ยามยิ้มให้ เขาก็เมินใส่ มองสบตาไป เขาก็เมินหนี
“ไม่มีพี่มะปรางแล้ว แต่ยังมีเอมนะคะ พี่ชิน”
หญิงสาวพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่นึกอยากเป็นคนสำคัญในสายตาของอีกฝ่ายบ้าง มือขาวเนียนวางทาบลงบนแนวกรามของเขา ใช้ปลายนิ้วโป้งปัดไล้ไปบนริมฝีปากหยักลึกนั่นเบาๆ อย่างหลงใหล ก่อนจะก้มหน้าต่ำลงไป กดปลายจมูกเรียวเล็กลงบนแก้มของชยุตม์เนิ่นนาน
ชยุตม์คว้ามือน่ารำคาญนั่นเอาไว้ ปรือตาขึ้นมองคนที่ชะโงกหน้าอยู่เหนือตัวด้วยสายตาเลื่อนลอย อัญรสกลั้นหายใจ แก้มแดงปลั่งเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังลวนลามผู้ชายก่อน ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีโดยสิ้นเชิง
ชายหนุ่มขยับปากพะเยิบคล้ายจะพูดอะไร แต่เขาก็เงียบ...
“ถอยไป” เขาเตือน อารมณ์ดิบเถื่อนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง
“ถ้าเอมไม่ถอย แล้วพี่ชินจะทำอะไรคะ” เธอถามอย่างใจกล้า
ชยุตม์ไม่ตอบ เขาลุกพรวดขึ้นแล้วกดร่างบางให้เป็นฝ่ายนอนแผ่ลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเป็นไปในชั่วพริบตา ไม่ปล่อยให้คนท้าทายได้มีเวลาตระเตรียมใจน้อมรับความกล้าของตัวเองด้วยซ้ำ
“พี่ชิน...”
อัญรสพึมพำชื่อนั้นเสียงแผ่ว หายใจแรงจนทรวงอกสะท้อนขึ้นลงหนักหน่วง ดวงตาคมสวยที่มองครั้งใดก็พาให้ใจสั่น ตอนนี้เต็มไปด้วยประกายร้อนแรง เขายังไม่ลงมือแตะต้อง แต่แค่มองก็คล้ายกำลังแผดเผาเนื้อตัวของเธอให้มอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี
ชยุตม์ไล้ข้อนิ้วไปบนแก้มนุ่ม กวาดสายตามองดวงหน้างามของคนใต้ร่าง แม้ว่ามันจะเลือนรางไม่ชัดเจนเสียเลยก็ตาม เขาหื่นกระหาย อยากปลดปล่อยความทุกข์ระทมออกไปจากชีวิตของตัวเองบ้าง แม้จะเมา แต่ก็รู้ดีว่ากำลังจะทำอะไร เพียงแค่ลืมไปเท่านั้นเองว่าอีกฝ่ายคือน้องสาวของคู่อริ!
“พี่ชิน...” เป็นอีกครั้งที่อัญรสเรียกชื่อคุ้นเคย
แต่ชยุตม์ไม่ตอบ เขาก้มหน้าลงมาเพื่อเริ่มต้นคืนหวามในทันที
“เงียบ!” เขาสั่งเสียงดุ“อื้อ!”หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก เมื่อถูกดันให้นอนราบกลับลงไปตามเดิม ชยุตม์ไม่ได้ละมือห่างออกไป แต่ขยับตัวกางขาคร่อมทับร่างบอบบางเอาไว้ กักขังเธอให้ตกอยู่ในการควบคุมของเขาอย่างง่ายดาย เพราะเมื่อเทียบสภาพร่างกายแล้ว เขาได้เปรียบกว่าเธอมากจนน่าตกใจ“บอกให้เงียบ! ถ้าไม่เงียบ อดได้ฉันเป็นผัวไม่รู้ด้วยนะ ไหนบอกว่าอยากให้ฉันรับผิดชอบไง” เขาก้มลงกระซิบข้างหู ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ทำให้อัญรสแทบไม่กล้าหายใจ เนื้อตัวของเธอเกร็งทื่อไปหมด ทว่าก็ยอมเงียบไปตามที่เขาบอก นั่นแหละชยุตม์ถึงได้ค่อยๆ ปล่อยมือออกห่างปาก“พี่ชิน ทำไม...”อัญรสกำลังจะถามว่าทำไมเขาถึงบุกรุกเข้ามาอย่างนี้“ผัวจะปีนบ้านเมีย มันแปลกตรงไหน”เขากระดากปากแทบตาย แต่ก็จงใจพูดอย่างถือสิทธิ์“พี่ชิน!”เธอดูตื่นตระหนกมาก ใบหน้าที่ซีดเผือดกำลังบอกอย่างนั้น“เมื่อคืนฉันจำไม่ได้เลยว่าเอากับเธอท่าไหน ไม่รู้ด้วยว่าระหว่างเรามันเร่าร้อนถึงใจหรือเปล่า ฉันเลยอยากกลับมาทบทวนความจำดูหน่อย แล้ววันพรุ่งนี้รับรองเลยว่าเธอจะได้นามสกุลของฉันไปเป็นการตอบแทนแน่ อยากให้ฉันรับผิดชอบเธอมากไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเหี้ยม“ไม่ได
บ้านหลังงามยามนี้ปิดไฟหมดทุกดวง บ่งบอกให้รู้ว่าคนในบ้านต่างก็พากันหลับใหลไปหมดแล้ว ชยุตม์ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวมากนัก ในตอนที่ปีนกำแพงแล้วกระโดดลงไปบนสนามหญ้าข้างบ้านอย่างคล่องแคล่ว บ้านของอนวัตอดีตเพื่อนรักนั้น ไม่มีส่วนไหนที่เขาไม่คุ้นเคย เขารู้ทุกทางเข้าออกรวมทั้งจุดด้อยทั้งหมด ทำให้การลักลอบเข้าไปบ้านยามค่ำคืนไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อยจุดหมายของชยุตม์คือห้องนอนของอัญรส ผู้หญิงที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ในชีวิตตอนนี้ แรกทีเดียวเขาไม่เคยคิดกล่าวโทษเธอเลย รู้ว่าตัวเองก็ผิดที่ดื่มจนเมาแบบนั้น แต่พอได้ยินเธอพยายามใส่ร้ายมะปราง เพราะหวังอยากเข้ามาแทนที่ เขาก็มองสาวน้อยที่คุ้นเคยเปลี่ยนไป เหมารวมทันทีว่าเธอเองก็ต้องรู้เห็นเป็นใจกับวนิดา ที่ต้องการใช้มะปรางมาเป็นข้อต่อรองเรียกเงินจากเขา ส่วนที่บอกว่าอยากให้รับผิดชอบนั้น เธอคงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริงจังแน่นอนแต่วนิดากับอัญรสเล่นผิดคนแล้ว!ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเหี้ยมในตอนที่นำชะแลงที่ถือติดมือมาด้วย งัดแงะประตูทางด้านหลังจนเปิดมันออกได้สำเร็จ เขาแทรกตัวผ่านความมืดเข้าไปในตัวบ้าน จากส่วนครัวด้านหลังย่องขึ้นบันไดไปสู่ชั้นบนอย
ชยุตม์หมดสติตั้งแต่ช่วงค่ำไปราวสองสามชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่านาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เขาเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงสีขาวในโรงพยาบาล สถานที่ที่เขาเกลียดชังมากที่สุด ชายหนุ่มยกแขนขึ้นมองก็พบสายน้ำเกลือปรากฏอยู่บนหลังมือ เขาไม่ปวดหัวแล้ว ดวงตาไม่ได้พร่ามัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้วด้วย มันกระจ่างสว่างไสวดีเมื่อกวาดมองไปรอบห้องแล้วไม่พบใคร เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะกระชากสายน้ำเกลือออกไปจนมีเลือดไหลซึมออกมา ชยุตม์ดึงกระดาษทิชชูสองสามแผ่นจากโต๊ะข้างเตียงมากดห้ามเลือด ก่อนจะเดินไปค้นหาเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งพบว่ามันถูกแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบชายหนุ่มคว้าทุกอย่างหายเข้าไปในห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีก็พบว่ามารดากำลังเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับขนมจุกจิกหลายอย่าง เดาว่าท่านคงกลัวเขาตื่นมาหิว จึงลงไปมินิมาร์ตของโรงพยาบาลที่เปิดตลอดยี่สิบชั่วโมงเพื่อซื้อของกินขึ้นมาตุนเอาไว้ให้“ตายจริง! ชิน ทำไมถึงถอดสายน้ำเกลือเองแบบนี้ล่ะลูก!” บุหลันมองเห็นหยดเลือดบนผ้าปูสีขาวก็ถึงกับหน้าซีด ไม่กล้ามองมือของลูกชายด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างกลัวเลือด เห็นทีไรก็อยากจะเป็นลมเสียทุกที“
หากอัญรสท้องไส้ขึ้นมา เด็กในท้องก็คือลูกเขา ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเขาจะโกรธเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ ตอนแรกก็อัญรส ถัดมาก็แม่ของเธอ คนบ้านนั้นไม่มีหัวใจกันเลยหรืออย่างไร ทำไมถึงได้คิดอะไรตื้นๆ กันนัก ถ้าเรื่องมันลงเอยแบบนั้นจริง เขานี่แหละที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่ให้แปดเปื้อนมือสกปรกของคนที่คิดจะทำร้ายเด็กอย่างเด็ดขาด“แกสิใจต่ำ เมียเพื่อนก็ยังแย่งได้!” วนิดาสวนกลับดุเดือด“มะปรางไม่ใช่เมียไอ้อ้น!” ชยุตม์ก้าวออกมาโดยอัตโนมัติ ความโกรธทำให้หูตาพร่าพรายไปหมด“ใจเย็นก่อนชิน อย่าไปแลกกับอีหมาบ้านี่เลย เชื่อแม่” บุหลันคว้าแขนลูกชายแล้วกอดเอาไว้“ฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำกับพวกแกแล้ว เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ที่ฉันยอมลดตัวมาเหยียบที่เรือนหลังนี้ในวันนี้ มันก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าฉันต้องการค่าตัวของยัยเอม ลูกสาวของฉันเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยหลับนอนกับใคร ฉะนั้นแกจะมาหลอกฟันไม่ได้นะไอ้ชิน แกต้องจ่ายมาสิบล้าน!”พูดแล้ววนิดาก็ยิ้มกว้าง หัวใจพองโตคับอก เมื่อจินตนาการว่าเงินทองจำนวนนี้จะทำให้ได้ไปลงทุนในวงการการพนันต่ออีกมากมายแค่ไหนแม้จะดูถูกคนบ้านนี้มาตลอดว่าเป็นเพียงแค่ชาวไร่ชาวสวนเนื้อตัวเหม็นสาบ แ
บุหลันถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มเกือบตลอดทั้งบ่าย...แรกทีเดียวชยุตม์ก็ไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่หนีหน้าเข้าไปทำงานในไร่พร้อมกับนายเชิดคนสนิท กว่าจะยอมกลับมาตะวันก็คล้อยต่ำลับฟ้าไปเสียแล้ว ผู้เป็นมารดาที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่ตามลำพัง เห็นหน้าตาลูกชายดูเคร่งเครียดกว่าที่เคยก็รีบเรียกให้มานั่งร่วมโต๊ะ“มากินข้าวเถอะชิน” บุหลันรู้ดีว่ามีบางอย่างไม่ปกติ“ผมไม่หิวครับแม่ แต่ผมจะนั่งเป็นเพื่อนแม่นะครับ” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาหา ลากเก้าอี้ออกแล้วหย่อนกายนั่งลง“ไม่หิวได้ยังไง ออกไปตั้งแต่ก่อนเที่ยง แล้วก็กลับจนทุ่มกว่า ยังไงก็ต้องหิว” สิ้นคำพูดนั้นหญิงสูงวัยก็หันไปพยักหน้าให้แม่บ้านที่ชื่อส้มโอทันทีเจ้าตัวค้อมศีรษะน้อยๆ แทนคำพูด ก่อนจะขยับเข้ามาตักข้าวจากโถกระเบื้องเคลือบใส่ลงในจานให้กับเจ้านายหนุ่มทันที จากนั้นก็รินน้ำเย็นใส่ลงในแก้วให้ด้วย ซึ่งชยุตม์เลือกยกมันขึ้นดื่มจนเกือบหมดแก้ว“ที่ไปคุยกับหนูเอมมาเมื่อเช้า มันไม่เข้าท่าใช่ไหม ถึงทำหน้ายักษ์ตลอดเวลาแบบนี้” มารดาถามโดยไม่สบตา ยังคงใช้ช้อนกลางตักแกงเทโพใส่จาน แล้วรับประทานต่อไปเหมือนไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล เห็นแบบนั้นชยุตม์ที่เพิ่งหยิบช้อนส้
“ฉันไม่เคยคิดให้ใครมาแทนที่มะปราง” เขาพูดโพล่งออกไป“เอมรู้ค่ะ แต่อดีตก็คืออดีต พี่มะปรางตายไปแล้ว แต่เรา...”“ไม่มีคำว่าเรา มีแค่ฉันกับเธอเท่านั้น แล้วฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าฉันแต่งงานกับเธอไม่ได้”“งั้นพาเอมไปอยู่ด้วยก็พอ เอมกินน้อย ไม่เรื่องมาก เลี้ยงง่ายค่ะ”“เธอเป็นคนนะ ไม่ใช่หมาพุดเดิล” เขาสวนเสียงดุ“พี่ชินคงไม่รู้ว่าการเลี้ยงหมาสักตัวนี่ต้องเอาใจใส่มากเลยนะคะ แต่เอมไม่ต้องการแบบนั้น ขอแค่ให้เอมได้ไปอยู่ใกล้ๆ พี่ชิน ได้คอยดูแลพี่ชินก็พอ เอมจะไม่เรียกร้องสถานะอะไรเลย เอมสัญญา” หญิงสาวยังคงอ้อนวอนไม่เลิก นั่นยิ่งทำให้ชยุตม์ยิ่งหัวเสีย“ไม่มีทางอื่นหรือไง ฉันไม่พร้อมให้ผู้หญิงคนไหนมายุ่งด้วยทั้งนั้น”“เพราะพี่มะปรางอีกแล้วสินะ” อัญรสแค่นยิ้ม เจ็บปวดจนอดตัดพ้อไม่ได้“ใช่ มะปรางตายไปยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ” ชยุตม์ไม่ปฏิเสธ“เวลาไม่สำคัญสำหรับการมูฟออนหรอกค่ะ”“แต่กับฉันมันสำคัญมาก ฉันไม่อยากให้เธอมาแทนที่มะปราง”“พี่มะปรางรักพี่ชินอย่างที่พี่ชินรักเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ” อัญรสหลุดปากพูดออกไป“หมายความว่ายังไง? นี่จะหาเรื่องออกรับแทนไอ้อ้นอีกใช่ไหม!”“ไม่ใช่ค่ะ เอมแค่จะบอกว่าพี่มะปรางไม่ได







