“ท่านแกรนด์ดยุคครับ ที่คุกใต้ดินเกิดระเบิด ท่านแกรนด์ดัชเชส..เสียชีวิตแล้วครับ”
แอชตันหันไปมองทหารของเขาด้วยแววตาที่เบิกกว้างขึ้นมา แก้วสุราที่อยู่ในมือตกกระทบพื้นจนแตกกระจาย “เจ้าตรวจสอบดีแล้วอย่างนั้นหรือ เฟรญ่านาง..ตายแล้วจริงเหรอ?” ท่าทางของแอชตันมันราวกับว่าเขาจะทรุดฮวบลงไปตรงนั้น “คะ..ครับ ถึงแม้จะมีเหตุระเบิดและไฟไหม้แต่ทหารของเราดับไฟได้ทัน ท่านแกรนด์ดัชเชสไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอก แต่ท่าน..ใช้ดาบปลิดชีพตัวเองครับ” แอชตันตกใจจนเกือบจะกัดลิ้นของตัวเอง ดวงตาปรากฏแววตื่นตระหนก เฟรญ่าตายแล้ว..เช่นนั้นเงินที่เขาจะได้จากทีเซียสก็.. “นิ้ว!!..นิ้วมือของนางล่ะ นิ้วมือของนางยังอยู่หรือไม่ เอาแค่นิ้วของนางก็พอแล้ว” แค่มีนิ้วมือของนางมาประทับตราลงไปบนหนังสือรับเงิน แค่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ลูกของเขาและดาเนียกำลังจะเกิดอีกไม่กี่วัน เขาไม่ต้องการให้ทายาทของเขาเกิดมาด้วยความลำบาก เพราะอย่างนั้นเขาจะขาดเงินตรงนี้ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด.. ทหารคนสนิทขบกัดริมฝีปากแน่น นี่คือท่านแกรนด์ดยุคที่เขาเชื่อมั่นอย่างนั้นหรือ? ภรรยาตายแต่ไม่เสียใจแม้แต่น้อย “เจ้าจะเอานิ้วนางไปรับเงินจากดยุคทีเซียสอย่างนั้นหรือแอชตัน แต่ขอโทษด้วยเพราะว่าวันนี้ข้าจะมาเอาหัวของเจ้าไปรับเงินจากองค์จักรพรรดิต่างหาก..” ใบหน้าของแอชตันซีดเผือดกับการปรากฏตัวของขายชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา .................... ความเจ็บปวดจากความตายมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้ เฟรญ่ารู้สึกว่าตัวเองกำลังดำดิ่งลงไปเรื่อยในความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุด แอชตัน..บุรุษที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสามีที่ใจดีมากกว่าใครๆ เขาเคยให้กำลังใจเธอเรื่องขาข้างซ้ายที่ต้องใช้ไม้เท้าในการช่วยพยุง เธอคิดว่านั่นคือความรักที่แสนสวยงามเหมือนกับในเทพนิยายที่เคยอ่าน ทว่าไม่เลย..เขาหลอกลวง ทรมาน หักหลัง ทำร้ายเธอ..เขาทำให้เธออยากที่จะตายมากกว่าที่จะอยากหายใจ เขารู้ว่าเธอเจ็บปวดที่ตัวเองมีตำหนิเรื่องขาที่มันไม่ปกติ ถึงอย่างนั้นเขาก็ใช้ไม้ทุบตีขาทั้งสองข้างของเธอจนมันเดินไม่ได้ ความทรมานพวกนั้นเธอไม่อยากพบเจอมันอีกแล้ว.. ขอให้ทุกอย่างจบสิ้นและขอให้..จามิน มอดไหม้ไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ขอให้ร่างกายของแอชตันแหลกละเอียดเหมือนกับที่เขาทำกับเธอ ขอให้แม่และน้องขอเขาพบเจอความยากลำบากเสียยิ่งกว่าขอทานข้างถนน.. ขอให้บนใบหน้าของคนพวกนั้นเจือนปนไปด้วยคราบของน้ำตาเหมือนกับที่เธอเป็น.. “เฟรญ่า..เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงเรียกนั้นทำให้สติของเธอกลับคืนมา ภาพเบื้องหน้าไม่ใช่ความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด แต่กลับเป็นภาพของคฤหาสน์ทีเซียสที่แสนคุ้นตา เสียงเรียกนั้นคือเสียงเรียกของดัชเชสเจนนีสที่ในยามนี้ท่านพี่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาแห่งความเป็นห่วง ในมือของเธอถือปากกาขนนกเอาไว้ และเบื้องหน้าคือใบข้อตกลงในการหมั้นหมาย.. การหมั้นหมายระหว่างเฟรญ่า ทีเซียส และ แกรนด์ดยุคแอชตัน จามิน นี่มัน..อะไรกัน? เธอฝันอยู่อย่างนั้นหรือ เฟรญ่าเงยหน้าขึ้นมามองไปยังบุรุษที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ เขาส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนมาให้เธอ มันเป็นรอยยิ้มที่นุ่มนวลที่ครั้งหนึ่งเธอเคยตกหลุมรักรอยยิ้มนั้น.. เธอยืนขึ้นในทันที ก่อนจะหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาแล้วเขวี้ยงปาใส่เขา “...อะ..อา อึ่ก!! กรี๊ด!!” ร่างกายของเฟรญ่าสั่นเทาไปหมด เธอมีอาการเกร็งเขม็งและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน มาทอสรีบวิ่งเข้ามาหาน้องสาวในทันที เขาโอบกอดเฟรญ่าเอาไว้ดั่งสิ่งของล้ำค่าก่อนจะลูบหลังของเธอเบาๆ “เฟรญ่า..ไม่เป็นไรนะ! พี่อยู่นี่แล้ว..ไม่ต้องกลัว” อาการเช่นนี้มันเหมือนกับเฟรญ่าเมื่อสิบปีที่แล้วเลย ในยามที่น้องสาวต่างมารดาอยู่ต่อหน้าท่านแม่ของเขา เฟรญ่าถูกท่านแม่ของเขาทรมานมาพอสมควร นั่นทำให้ในวัยเด็กชีวิตของเธอน่าสงสารมาก และขาข้างซ้ายของเฟรญ่าที่มันเดินไม่สะดวก ก็เป็นผลมาจากการกระทำของแม่เขา.. “ท่านแกรนด์ดยุคช่วยกลับไปก่อนได้ไหมคะ ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท” เจนนีสก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อกล่าวขอโทษแอชตัน ก่อนที่เธอจะรับวิ่งตามสามีขึ้นไปชั้นบน แอชตันมองตามแผ่นหลังของดยุคทีเซียสซึ่งกำลังอุ้มเฟรญ่าที่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์ เขามองไปที่เฟรญ่าด้วยสายตาแห่งความเป็นห่วง นางเป็นอะไรกันนะ..อยู่ๆ เฟรญ่าเป็นอะไรไป เมื่อวานเรายังพูดคุยเรื่องการหมั้นหมายกันอยู่ดีๆ อยู่เลย “หากมีอาการความคืบหน้าของเฟรญ่าให้รายงานข้าด้วยนะ” พ่อบ้านก้มหน้าลงเล็กน้อย “ครับท่านแกรนด์ดยุค ไม่ทราบว่าท่านต้องการเสื้อชุดใหม่..” “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ไปที่อื่นต่อแล้ว ฝากดูแลเฟรญ่าให้ดีด้วย” พ่อบ้านก้มหน้าลงก่อนที่เขาจะเดินไปส่งแกรนด์ดยุคขึ้นรถม้า เราทุกคนต่างตกใจกับอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานของคุณหนูเฟรญ่า อย่าให้มีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นมาเลย..หรือว่าการหมั้นหมายในครั้งนี้มันจะเป็นลางร้ายกันนะ หลังจากกรีดร้องออกไปจนหมดแรง เฟรญ่าก็หลับไป เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเย็นของอีกวัน นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอคิดว่านี่คือโลกหลังความตายที่ยังมีความทรงจำต่างๆ แต่ทว่าความเจ็บปวดจากการถูกน้ำร้อนของน้ำชานี่ก็ยังไม่จางหายไปไหน “ท่านอา..” เด็กน้อยสองคนเดินเข้ามาหาเฟรญ่า จูเวลกางแขนออกอย่างช้าๆ “ข้ากอดท่านอาได้หรือไม่..” เฟรญ่าขมวดคิ้วมองหลานตัวน้อย จูเวลและแจสเปอร์ที่อายุเจ็ดขวบ.. เธออุ้มหลานตัวน้อยทั้งสองขึ้นมากอด ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก.. “ท่านอา..ใครแกล้งท่านบอกข้ามาได้เลย! ข้าจะไปจัดการคนที่ทำให้ท่านอาเสียใจเอง” จูเวลกล่าวออกมาพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มของเฟรญ่า “อ่า..จูเวลของอา เก่งที่สุดเลยนะ เพียงแต่ไม่มีใครแกล้งอาหรอก ไม่มีใครทำอะไรอาได้..อีกแล้ว” ในยามนี้เฟรญ่าค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองนั้นย้อนเวลากลับมาอย่างแน่นอน เธอย้อนเวลามายังช่วงที่ตัวเองอายุยี่สิบสามปี เธอจะหมั้นกับแอชตันหนึ่งปี หลังจากนั้นเธอก็แต่งงานกับเขา พร้อมกับย้ายไปอยู่ที่แกรนด์ดัชชีจามิน..ที่เป็นดั่งนรก ทั้งๆ ที่ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน ทั้งน้องสาวและแม่ของเขาล้วนแล้วแต่ทำดีกับเธอ ไม่สิ..ไม่ใช่แค่แม่และน้องสาวของเขาแต่ตัวเขาเองก็ทำให้เธอเชื่อว่าเราคือคนรักกัน.. ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในจามินทำกับข้าเอาไว้..ถึงเวลาที่จะต้องส่งคืนแล้วละสิมาร์เซลพึ่งรู้ว่าการนั่งเรือสำเภามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยแม้แต่นิดเดียว เขาออกเดินทางมายังเมืองทางใต้พร้อมกันกับเฟรญ่า นี่คือการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของเราก่อนที่เขาจะกลับไปทำงานในตำแหน่งดยุคอย่างเป็นทางการ เราทั้งคู่เคยพูดเอาไว้ว่าอยากจะล่องเรือมาเที่ยวที่เมืองทางใต้มาชมทะเลที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และในยามนี้เราก็กำลังอยู่กลางทะเลบนเรือสำเภาที่ค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว เพราะว่าเขาเหมาเรือลำนี้เอาไว้ เพื่อมากับเฟรญ่าเพียงแค่สองคนเท่านั้นแต่เขาอาเจียนไปสิบรอบแล้วเห็นจะได้ เพราะเขาไม่เคยนั่งเรือมาก่อน“ออกมานั่งมองทะเลดูไหม เผื่ออาการของเจ้าจะดีขึ้น”อันที่จริงแค่ได้มองหน้าสวยๆ ของเธอก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแบบมากๆ แล้ว เขาจับมือของเฟรญ่าเอาไว้ก่อนจะซบใบหน้าลงไปบนไหล่ของเธอ“รักนะครับ..รักที่สุดเลย”เฟรญ่าไม่รู้ว่าเพราะอายุที่เขาเด็กกว่ามันเกี่ยวข้องด้วยรึเปล่า แต่เขาทำให้เธอรู้สึกราวกับมีลูกสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังออดอ้อนเธอตลอดเวลา มาร์เซลติดการสัมผัสมากๆ เขาจะต้องจับมือหรือไม่ก็กอดและหอมแก้มเธอตลอดเวลา และเธอเองก็ชื่นชอบการแสดงความรักเช่นนั้นมากทีเดียว เฟรญ่าจึงไม่เคยผลักไสหรือว่าดุเขาในเร
บอกตามตรงว่านี่คงจะเป็นงานแต่งที่เจ้าสาวสบายมากที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ เฟรญ่าแทบไม่ต้องจัดเตรียมอะไรเลยเพราะว่าพี่เจนนีสและลิเวียจัดเตรียมเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว เธอเพียงสวมชุดเจ้าสาวที่แสนงดงามและเข้าร่วมงานแต่งเท่านั้นเองเฟรญ่าหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อมาร์เซลพาเธอออกมาจากงานแต่งที่แสนยิ่งใหญ่ เขาพาเธอมาที่คฤหาสน์ฮอร์ตันที่เราพึ่งได้รับมาเป็นของขวัญแต่งงาน และในห้องนอนก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ มันทั้งหอมหวานและเย้ายวนมากทีเดียว“เจ้ากำลังข้ามขั้นพิธีแต่งงานอยู่นะมาร์เซล เราไม่ควรด่วนชิงเข้าหอก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม..”เขาส่งยิ้มให้เธอในขณะที่กำลังถอดกระดุมเสื้อของตัวเองออกมา เขาอดทนมานานมากพอสมควร อดทนแล้วอดทนอีกเพราะว่าเฟรญ่าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ได้แตะต้องเธอเลย แต่วันนี้เขาอดทนไม่ไหวอีกแล้ว“ไม่เห็นจะต้องสนใจแขกที่เข้ามาร่วมงานเลยนี่ นี่คืองานแต่งของเราและข้าอยากอยู่กับท่าน..เข้าหอเร็วหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกครับ หรือว่าพี่กังวล"เฟรญ่าดึงผ้าคลุมหน้าของเธอออกไป เธอไม่ได้ยืนมองมาร์เซลถอดชุดอยู่เฉยๆ แต่เธอเองก็ถอดชุดเดรสแต่งงานออกเช่
บัตรเชิญของงานแต่งเลดี้ทีเซียส วีรสตรีที่ร่วมการกอบกู้เดียลอร์ลนั้นถูกส่งให้แก่ขุนนางมากมายในจักรวรรดิ บอกตามตรงว่าในตอนที่เฟรญ่าเห็นชื่อและรูปวาดของตัวเองเด่นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เธอค่อนข้างตกใจมากพอสมควร เพราะเธอไม่คิดว่าเรื่องที่มาร์เซลกล่าวออกมานั้นมันจะเป็นเรื่องจริง“ให้ตายเถอะ ข้ารับมือกับคำว่าวีรสตรีอะไรพวกนั้นไม่ไหวจริงๆ”ลิเวียหัวเราะออกมา“เจ้าคู่ควรกับมันนะเฟร เรื่องความรักที่แสนอบอุ่นนี้ก็ด้วย มาร์เซลคือบุรุษที่ดีมากทีเดียว”ลิเวียกล่าวพร้อมกับสวมสร้อยคอที่มีสีเดียวกับดวงตาของเฟรญ่าลงไปบนลำคอยาวระหง เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอแต่งงานแล้ว เฟรญ่าคือสตรีที่งดงามมากๆ ในสายตาของลิเวีย เราพบเจอกันเพราะพี่เจนนีสมาทำงานที่ทีเซียสและพี่สาวก็ร้องขอให้เธอมาเป็นเพื่อนกับเฟรญ่า เพราะสงสารที่เฟรญ่าอยู่คนเดียวในคฤหาสน์ที่แสนกว้างใหญ่ และนั่นทำให้ลิเวียได้มาพบเจอกับคาร์เตอร์ จนได้แต่งงานและเป็นจักรพรรดินีทุกวันนี้เพราะความสามารถของเฟรญ่าเลยเธอถึงได้มีความสุขมากๆ ในช่วงเวลาที่เฟรญ่ากำลังจะได้แต่งงาน เพราะมันเหมือนกับว่าครั้งนี้เป็นเธอแล้วนะที่ได้ส่งเฟรญ่าไปให้ถึงฝั่งฝันกับความรักที่ดีงา
มาทอสพาเฟรญ่าและเจนนีสเดินทางกลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกันในอีกสองสัปดาห์ต่อมา คาร์เตอร์ตั้งขบวนเพื่อรอรับการกลับมาของเฟรญ่า ทันทีที่เธอเดินลงมาจากรถม้า คาร์เตอร์ก็พุ่งตัวเข้าไปกอดเฟรญ่าเอาไว้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นมา และหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นมันกำลังสั่นคลอนพี่ชายที่แสนกล้าหาญของเธออย่างหนักเลยสินะเฟรญ่าพบเจอคาร์เตอร์ในครั้งแรกตอนที่เธออายุสิบสี่ปี เขาคือองค์รัชทายาท ตามสายเลือดแล้วท่านพี่มาทอสคือน้องชายขององค์จักรพรรดิผู้เป็นพ่อของคาร์เตอร์ เราทั้งคู่จึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันและสนิทสนมกันมากทีเดียว เพราะแผลในใจที่เคยได้รับจากแม่เลี้ยงทำให้เฟรญ่านั้นหวาดกลัวผู้คนเป็นอย่างมาก อีกทั้งท่านพี่มาทอสก็งานยุ่งมากเพราะในช่วงเวลานั้นท่านพี่มาทอสรับตำแหน่งดยุคมาจากท่านพ่อแล้ว ทำให้เขาไม่มีเวลามาคอยดูแลน้องสาวต่างแม่สักเท่าไหร่นัก ผู้ที่ดูแลและสนิทสนมกับเฟรญ่ามากที่สุดคือคาร์เตอร์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เขาพยายามเข้าหาเธอในทุกวัน ชวนเธอออกไปข้างนอก และเป็นผู้ที่พาเธอก้าวเดินไปยังงานเลี้ยงในแวดวงสังคม“ฟังนะเฟร จะไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกเจ้าทั้งนั้น พี่จะปกป้องเจ้าเองเพราะอย่างนั้นไม่ต้องกังวลหรื
เมื่อเฟรญ่าทำท่าไม่เชื่อ มาร์เซลก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาจับมือเธอพร้อมกับพาเธอวิ่งไปยังงานเทศกาลของเดียลอร์ลที่ในยามนี้มีชาวบ้านมากมายกำลังเต้นรำอยู่ตามท้องถนน บนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มฉายชัดอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาของเฟรญ่านั้นพร่ามัวไปในทันทีราวกับว่ารอยยิ้มของเขามันแฝงไปด้วยเวทมนตร์แค่เขายิ้มก็ทำให้หัวใจของเธออ่อนลงยวบยาบ ฝ่ามือของเราเกาะกุมกันไว้โดยไร้คำพูด มาร์เซลหยุดเดินพร้อมกับหมุนตัวมาหาเธอ เขายกมือขึ้นมาจับเอวของเธอเอาไว้ ก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อยแล้วพาเธอหมุนตัวตามจังหวะของเครื่องดนตรีพื้นเมือง เฟรญ่าหยักยิ้มขึ้นมาในทันที หัวใจของเธอมันเต้นผิดจังหวะในทุกครั้งที่อยู่กับเขา มันคือความรักที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายเช่นไร แต่ในยามที่เธอมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา มันทำให้เธอมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย บางทีความหวังของเธอก็เป็นเรื่องง่ายๆอย่างเช่นการคาดหวังให้มาร์เซลมีความสุขตลอดไป..“เวลาที่ท่านยิ้มออกมามันสวยมากเลยนะครับ..”ในวันที่พบเจอกันครั้งแรก เขาก็เชื่อมั่นในพรหมลิขิตในทันทีว่าคนรักของเขาจะต้องเป็นเธอเท่านั้น บางสิ่งในอกค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา หัวใจที่เย็นย
งานเทศกาลในครั้งนี้จัดขึ้นมาในฤดูที่กำลังปลูกพืชผล เมืองเดียลอร์ลนั้นได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างเพราะอย่างนั้น บารอนดีแลนจึงหารือกับชาวบ้านจัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อให้บรรยากาศในเดียลอร์ลนั้นดีขึ้นมา ก่อนหน้านั้นกับบางคนที่เผชิญหน้ากับความสูญเสีย พวกเขาไม่อยากแม้แต่จะหายใจต่อไปดีแลนรู้สึกผิดกับชาวเมืองมากทีเดียว กับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา เพราะอย่างนั้นเขาจึงพยายามที่จะฟื้นฟูเดียลอร์ลขึ้นมาใหม่เพื่อให้ที่นี่กลับมามีบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นเดิมเฟรญ่าเดินไปบนถนนหนทางที่เต็มไปด้วยนักเดินทาง ไม่ว่าจะถามเธอสักกี่ครั้ง เฟรญ่าก็ยังคงตอบได้ในทันทีว่าเดียลอร์ลคือเมืองที่เธอชอบมากที่สุด ความธรรมดาของที่แสนพิเศษ“ไม่เจอกันนานเลยนะเฟร..”ดีแลนเดินเข้ามาทักทายเฟรญ่าด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม“อื้ม ที่นี่เหมือนเดิมเลยนะคะ เหมือนเดียลอร์ลที่ข้ารู้จัก”เฟรญ่าจุดยิ้มที่แสนงดงามบนใบหน้าของเธอ เธอคิดว่าดีแลนเองก็คงจะได้รับผลกระทบทางจิตใจเช่นเดียวกัน“ขาของเจ้า..มันหายดีเป็นปกติแล้วสินะ”เฟรญ่าก้มมองเท้าของตัวเอง เธอพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างในยามที่ไ