รุ่งเช้า
สองร่างหนุ่มสาวกอดกันกลมเกลียวหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัว ร่างสูงที่เป็นฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังรบกวนไม่ยอมหยุดมาเป็นระยะแล้ว
มือหนาข้างที่ว่างเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่ยอมหยุดขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรฯมารบกวน จึงกดปิดเสียงเงียบทันที แล้วทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยที่ยังคงหลับบนแขนแกร่งของเขาเพราะห้องของเธอมีหมอนแค่ใบเดียว ใบหน้าสวยที่หลับสนิทนั้นช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน มือสากลูบไปแก้มป๋องนั้นอย่างเบามือที่สุด แล้วใบหน้าที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ออกมาจากร่างบาง เมื่อถูกรบกวนการนอนของเธอ
“ตื่นได้แล้ว...” เสียงทุ้มถามขึ้น เมื่อรับรู้ถึงแรงขยับของหญิงสาว ที่หนุนแขนเขาแทนหมอนแทบทั้งคืน
“เช้าแล้วเหรอ” เสียงอู้อี้ถามขึ้น พร้อมกับขยับตัวออกจากแขน แล้วลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียดไปมาอยู่สักพัก
“อื้ม...” ร่างสูงของพงศกรพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับบีบนวดแขนตัวเอง ที่ตอนนี้รู้สึกชาไปทั้งหมด
“พี่เพชร พี่ปวดแขนเหรอ” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อเห็นเขาบีบทุบที่แขน เพราะเขาใช้แขนของตัวเองให้เธอหนุนแทนหมอนแทบทั้งคืน
“ไม่เป็นไร...” ร่างสูงเอ่ยบอก แล้วรีบดึงพามาห่มเป้าตัวเองไว้ทันที
“แต่ดูพี่จะปวดมากน่ะ...น้องนวดให้นะ” หญิงสาวไม่พูดเปล่า จะขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ เพราะสังเกตุเห็นใบหน้าที่ปกปิดไม่มิดของร่างสูง
“อะ เอย พี่ไม่เป็นอะไร” พงศกรห้ามเอาไว้เสียก่อน พร้อมพยายามจะขยับหนี เพราะตอนนี้อารมณ์เริ่มจะร้อนระอุขึ้นมา พยายามขบอารมณ์เอาไว้
“แต่แขนพี่...” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นถาม
“น้องรีบไปเข้าห้องน้ำก่อนเถอะ...” เสียงทุ้มบอกอีกครั้ง แล้วขบกรามเอาไว้แน่น
“...” หญิงสาวยังคงจ้องมองร่างสูงนิ่งอย่างสงสัย เขาเป็นอะไรกันแน่
“ไปได้แล้ว ก่อนที่พี่จะห้ามตัวเองไม่ได้” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับสลัดผ้าห่มทิ้ง แล้วก้มลงมองเป้าตัวเอง เพื่อสื่อให้หญิงสาวรับรู้
“พี่เพชร...บักเฒ่าเอ้ย จังไรคัก”(พี่เพชร...ตาแก่เอ้ย ลามกจังเลย) หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ที่ได้เห็นตัวตนตั้งโด่งขึ้นมาทักทายเธอ ผ่านกางเกงกีฬาตัวบางที่เธอให้เขาใส่ พร้อมกับพ่นคำด่าออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดทันที
“นี่ด่าพี่เหรอ...แน่จริงก็ช่วยด่าภาษาที่พี่ฟังออกสิ”
“...” หญิงสาวรีบวิ่งหน้าตั้งเข้าห้องน้ำโดยไม่พูดไม่จาอะไรออกมาสักคำ เพราะความเขินอาย นี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นของผู้ชายกับตา ถึงแม้จะมีอะไรปกปิด แต่มันใหญ่หน้ากลัวมาก
“หึหึ...มึงก็ตื่นถูกเวลาสะเหลือเกินน่ะ” ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แล้วสาดคำด่าน้องชายของตัวเอง ที่ชี้โด่งอยู่กลางเป้าไม่ยอมสงบอยู่ตอนนี้
ณ บริษัทฯ
ร่างสูงกลับมาจากส่งปรียาภัทรที่มหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว หลังจากนั้นจึงแวะเข้าไปในบริษัทอันแสนเงียบต่อ เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดของพนักงานในหลายๆแผนก ซึ่งปกติแล้ววันแบบนี้ของทุกเดือนเขาก็จะหยุด และแวะกลับบ้านไปหาครอบครัว แต่วันนี้กลับเข้ามาหอบเอางานที่ทำค้างไว้
“โทรหาก็ไม่รับ ติดสาวที่ไหนวะ” เสียงทุ้มของอัศนัยพ่นออกมาทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของพงศกรอย่างถือวิสาสะ
“มือก็เอามานี้ทำไมไม่รู้จักเคาะ สาวอะไรที่ไหนกัน ไม่มีทั้งนั้นแหละ” พงศกรต่อว่าเพื่อนออกไปทันที ที่บุกเข้ามาแบบไม่ได้บอกกล่าว
“ไม่มีก็ดีแล้ว” ร่างสูงของอัศนัยพูดออกมาพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาทันที
“แล้วมาทำไมแต่เช้า มีอะไร” พงศกรถามออกไปทันที
“เปล่า...บังเอิญผ่านมา” อัศนัยเฉไฉตอบออกมา เพราะแท้จริงแล้วเขาตั้งใจมาหาโดยเฉพาะเลย
“เหรอ...”
“อื้ม...แต่ก่อนที่กูจะแวะมาที่นี่ บังเอิญเห็นรถมึงออกมาจากมหาลัย มึงไปทำอะไรที่นั่น น้องมึงก็ไม่ได้เรียนเสาร์อาทิตย์นี้” อัศนัยพยักหน้าตอบ แล้วถามเพื่อนออกไปอย่างสงสัย
“กูแค่...” พงศกรชะงักทันที แล้วไม่รู้จะเอ่ยตอบเพื่อนแบบไหนดี
“หรือว่า...มึงมีเด็ก” อัศนัยถามออกไปอีกที
“เด็กบ้าบออะไร” พงศกรตอบไปแค่นั้น ก็หันมาสนใจงานตรงหน้า เพื่อกลบเกลื่อน
“เออ...ไม่มีก็ไม่มี คืนนี้พอจะมีเวลาให้กูบ้างไหม” เมื่อเห็นว่าเพื่อนตอบแบบนี้ อัศนัยเข้าประเด็นทันที
“อื้ม...ดึกๆน่ะ” พงศกรพยักหน้ารับ รับปากกับเพื่อนทันที
“เลขาหน้าห้อง มึงไปไหน” อัศนัยถามออกมาเมื่อตั้งแต่ที่เข้ามาในนี้ พบกับความเงียบ
“หยุดสิถามได้”
“เออ กูลืมว่ามึงคนขยัน กูกลับล่ะ เจอกันคืนนี้” อัศนัยเมื่อคิดได้เช่นนั้น ก็ขอตัวกลับออกไปทันที
ตกเย็น
มหาวิทยาลัย
เย็นนี้ปรียาภัทรโทรแจ้งพงศกรเรียบร้อยแล้วว่าไม่ต้องมารับ บอกว่าจะไปทำธุระต่อกับเพื่อน ตอนแรกชายหนุ่มไม่ยอม แต่เมื่อแม่โทรมาตามให้กลับบ้าน เพราะเป็นวันเกิดครบสองขวบของหลานชายคนแรกของบ้าน จึงยอมทำตามที่ปรียาภัทรร้องขอ
“เอยเราไปส่งน่ะ” วชิรวิชญ์พูดขึ้นมาทันที ที่ลงมาจากตึก เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนต้องกลับบ้านกันแล้ว
“เอ่อ...เรากลับกับแตงน่ะวันนี้พอดีจะไปทำธุระกันต่อ ใช่ไหมแตง” ปรียาภัทรตอบออกไป แล้วเอาภัทรธิดา เพื่อนสนิทมาอ้างทันที
“เอ่อ...ใช่ ไปกันเถอะเอย” ภัทรธิดาที่ตอนแรกไม่รู้เรื่องอะไร แต่พอรู้ว่าเพื่อนหาข้ออ้าง จึงเล่นตามน้ำ แล้วชวนเพื่อนออกไปทันที
“ฟู่ว์ ขอบคุณมากน่ะแตง” ปรียาภัทรพ่นลมออกจากปากมาอย่างโล่ง เมื่อเดินมาพ้นสายตาของวชิรวิชญ์ไกลแล้ว
“ทำไมไม่บอกอชิไปตามตรง ว่าเอยคิดยังไง เป็นแบบนี้ไปนานๆ เราว่าอชิไม่ยอมล้มเลิกแน่” ภัทรธิดาพูดออกมา เมื่อเห้นว่าอยู่กันตามลำพังสองคน
“เราไม่รู้ว่าพูดยังไงดี” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความกังวล เพราะไม่รู้จะพูดบอกเพื่อนเช่นไร ไม่ให้เสียน้ำใจเพื่อนที่ดีแบบวชิรวิชญ์ดี
“บอกไปตามตรงเลย” ภัทรธิดาเอ่ยบอกออกมา
“เราจะหาเวลาน่ะ...แต่ตอนนี้เรากลับน่ะ” ปรียาภัทรเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะตอบเพื่อนออกมา แล้วขอตัวเดินออกไปขึ้นรถประจำทางทันที
ปลดปล่อย NC“รีบถอดสิ...” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง เมื่อเข้ามาถึงห้องในม่านรูด ซึ่งใกล้กันกับสถานบันเทิงแห่งนี้ ที่พึ่งจะนัดดีลสาวสุดเซ็กซี่ สวยแซ่บมาปลดปล่อยตามประสาชายโสด“ใจร้อนจังเลยนะคะ...” เสียงหวานของร่างอรชนสุดเซ็กซี่เอ่ยขึ้น พร้อมกับพยายามส่งสายตายั่วยวน แก่ร่างสูงหุ่นดุจนายแบบตรงหน้า“ผมไม่ชอบจูบกับใคร...” เสียงเข้มเอ่ย พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อหญิงสาวพยายามจู่โจมหน้าใส่ หมายจะมอบจูบให้แก่เขา“ค่ะ...ฉันชื่อเอยนะคะ แล้วคุณชื่ออะไรล่ะค่ะ เอยจะได้เรียกถูก” หญิงสาวเอ่ยบอกชื่อ พร้อมกับถามร่างสูงกลับไป“...ผมไม่ได้ถาม แล้วคุณก็ไม่ต้องอยากรู้ด้วยว่าผมชื่ออะไร” เพราะชื่อของหญิงสาวที่เอ่ยบอก ทำให้ร่างสูงชะงักนิ่งทันที อะไรจะบังเอิญชื่อเหมือนขนาดนั้น“บอกไว้เผื่อจะได้ครางถูกยังไงล่ะค่ะ ตอนเรามีความสุขกัน...” เสียงนุ่มกระเส่าเย้าแหย่เอ่ยออกมา และปลดชุดสวยสุดเซ็กซี่ของเธอออก“หึ มั่นใจหรือว่าคุณจะทำให้ผมถึงใจขนาดนั่น...” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับนั่งลงบนที่นอนนุ่ม“ก็ลองดูสิค่ะ...แล้วคุณจะติดใจ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ในตัวเองว่าสามารถปรนเปรอชายหนุ่มถึงใจได้“รีบทำเถอะ...
.ไม่แน่ชัดบ้านเรืองพาณิชยากุล“สุขสันต์วันเกิดครับสุดหล่อ มาให้ลุงอุ้มหน่อย” ร่างสูงเดินเข้ามาภายในบ้าน เห็นหลานชายตัวน้อย วิ่งเข้ามาหา ก็รีบย่อตัวลงอุ้มขึ้นมาทันที“กว่าจะมาได้น่ะ...” นิษฐา มารดาผู้ให้กำเนิด เอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เจอหน้าลูกชายคนโตของบ้าน เพราะช่วงนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยกลับเข้าบ้าน“ก็ติดงานนี้ครับแม่...ตั้งแต่ที่พ่อมาช่วยเลี้ยงหลานแม่ งานผมก็กองเต็มจนต้องหอบกลับมาทำที่บ้านนี้แหล่ะครับ ดีหน่อยที่มีคอนโดฯใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถนาน” พงศกรตอบกลับมารดาไป แล้วเอาเหตุของคนเป็นพ่อมาอ้าง“จ้า...พ่อคนขยันของแม่ ว่าแต่มีอะไรมาฝากหลานล่ะ” นิษฐาจึงยอมอ่อนให้แก่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ“ของเล่นเช่นเคยละครับ ว่าแต่น้องๆไปไหนกันหมด” พงศกรตอบกลับไป พร้อมกับถามถึงน้องๆ เพราะไม่เห็นหน้ากันเลย“เตรียมอาหารกันที่ครัวน่ะ” นิษฐาตอบออกไป“ตาพีทนี้นะครับ จะเข้าครัว” พงศกรเลิกคิ้วขึ้นมา พูดเสียงดังทันที เพราะไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่าง พจีพัฒน์ น้องเล็กของบ้าน ที่ทำอะไรไม่เป็นเลย นอกจากหน้าตาดี และเรียนเก่ง จะยอมเข้าครัว“ก็เออนะสิ”“มาถึงนานแล้วเหรอค่ะพี่เพชร” เสียงหวานถามขึ้นมาเดินถือ
ถูกที่ แต่ผิดเวลารุ่งเช้าสองร่างหนุ่มสาวกอดกันกลมเกลียวหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัว ร่างสูงที่เป็นฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังรบกวนไม่ยอมหยุดมาเป็นระยะแล้วมือหนาข้างที่ว่างเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่ยอมหยุดขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรฯมารบกวน จึงกดปิดเสียงเงียบทันที แล้วทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยที่ยังคงหลับบนแขนแกร่งของเขาเพราะห้องของเธอมีหมอนแค่ใบเดียว ใบหน้าสวยที่หลับสนิทนั้นช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน มือสากลูบไปแก้มป๋องนั้นอย่างเบามือที่สุด แล้วใบหน้าที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ออกมาจากร่างบาง เมื่อถูกรบกวนการนอนของเธอ“ตื่นได้แล้ว...” เสียงทุ้มถามขึ้น เมื่อรับรู้ถึงแรงขยับของหญิงสาว ที่หนุนแขนเขาแทนหมอนแทบทั้งคืน“เช้าแล้วเหรอ” เสียงอู้อี้ถามขึ้น พร้อมกับขยับตัวออกจากแขน แล้วลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียดไปมาอยู่สักพัก“อื้ม...” ร่างสูงของพงศกรพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับบีบนวดแขนตัวเอง ที่ตอนนี้รู้สึกชาไปทั้งหมด“พี่เพชร พี่ปวดแขนเหรอ” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อเห็นเขาบีบทุบที่แขน เพราะเ
สร้างความเชื่อมั่นกลับมาทางด้านของพงศกรคนหน้ามึน ที่ตอนนี้เวลาจวบจนมาถึงดึกแล้ว แต่คนหน้ามึนยังคงอยู่ที่ห้องเช่าน้อยของหญิงสาวอยู่ ไม่ยอมกลับที่ของตัวเองไปสักที“พี่เพชร” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนหน้ามึนขึ้น เมื่อเห็นว่านานมากแล้วร่างสูงก็ไม่ยอมที่จะลุกออกไปไหนเลย แถมยังนอนลงบนที่นอนของเธออย่างสบายใจเฉิ่ม ราวกับว่าเป็นที่ของตัวเอง“ครับ”“คือ...”“อะไรเหรอ” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถาม แต่กลัยังคงนอนอยู่ที่เดิม“ดึกมากแล้วค่ะ น้องว่า...” หญิงสาวเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว“พี่จะนอนที่นี่ครับ” ร่างสูงลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร“ห๊า...” หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคนหน้ามึนพูดออกมา“พี่เมื่อยมากเลย ขับรถกลับไม่ไหวแล้วล่ะ” พงศกรเอ่ยบอก พร้อมกับท่าทางนวดแขนของตัวเองให้หญิงสาวเห็น“แต่พี่เพชร...”“อยากไปอาบน้ำก็อาบไปสิ พี่ไม่แอบดูหรอก” ร่างสูงพูดขึ้นบอก เมื่อสีหน้าของหญิงสาวเป็นกังวล พยายามจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง“พี่เพชรทำไมพี่หน้ามึนแบบนี้ล่ะค่ะ” หญิงสาวต่อว่าออกมาทันที เพราะไม่รู้ว่าจะทำเป็นไรกับคนตีมึนแบบนี้ดี“ยอมรับครับ” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยน้อมรับออกมา“
ห้องเช่าน้อยๆ ปากซอยมีร้านเซเว่น“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง...ขับรถกลับดีๆนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณทันที ที่รถขับมาถึงยังหน้าที่พักของเธอ แล้วก็เปิดประตูลงจากรถทันที“เดี๋ยวสิ!...” ร่างสูงรีบเปิดประตูรถออกมาเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน“...” หญิงสาวไม่เอ่ยถามอะไรกลับไป เพราะพอจะรู้เหตุผลของเขาดี“พี่หิวน้ำ...” สองเสียงพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันที“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจยาวเหยียดของหญิงสาวพ่นออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับคนหน้ามึนที่เอาแต่ใจตัวเองหญิงสาวไม่รู้จะทำเช่นไรกับคนหน้ามึนแบบนี้ดี เธอกับเขาพึ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันมานี้เอง แต่ชายหนุ่มกลับทำตัวเหมือนสนิทกับเธอ ราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนานใบหน้ายิ้มระรื่นอย่างมีความสุข ที่ได้เข้ามาภายในห้องเช่าน้อยๆของหญิงสาว ร่างสูงถอดรองเท้าออก แล้วเดินไปหยิบน้ำมานั่งลงเปิดฝาดื่มทันที อย่างกับว่าเป็นเจ้าของห้องเสียเองหญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนที่เอาแต่ใจ แล้วเดินเอาของเธอไปเก็บพร้อมกับกำลังจะหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลมาแต่ทว่า“ว้าย...พี่เพชร จะทำอะไร...” ร่างบางร้องออกมาทันที เพราะตกใจไม่น้อย เมื่อโดนร่างสูงรวบตัวมานั่งลงบนตัวแกร่ง แล้วยกตัวหญิงสาวน
คนเอาแต่ใจ“แฟนเหรอ” เสียงทุ้มถามหญิงสาวขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะหญิงสาวไม่ยอมพูดจาอะไรเลย ตั้งแต่ที่ขึ้นรถมาแล้ว“มะ ไม่ใช่ค่ะ เพื่อน” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน เมื่อร่างสูงถามออกมาแบบนี้“ดู ๆ แล้ว เขาน่าจะชอบน้องน่ะ” พงศกรยังคงถามหาความจริงจากหญิงสาว“ชะ ชอบอะไรกันค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” หญิงสาวยังคงที่จะตอบออกมาแบบเดิมร่างสูงจึงได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความใสซื่อของเธอ *ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย* พร้อมกับอมยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย *นี่เธอดูไม่ออกเหรอว่าเพื่อนสนใจเธอ*“แล้วโทรมาทำไมไม่ยอมรับสายพี่” พงศกรเปลี่ยนเรื่องถามทันที“คือ...” หญิงสาวอึกอักไม่กล้าตอบออกมาร่างสูงตีไฟเลี้ยว และรีบหักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางทันที พร้อมกับปลดเข็มขัดออก จ้องมองหญิงสาวอย่างคาดโทษทันที“พี่เคยบอกแล้วน่ะ แต่น้องท้าทายพี่เอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมา“น้อง...”“อะไร” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามขึ้น“พะ พีเพชรจะทำอะไรค่ะ” หญิงสาวกลับตาลง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นดันอกแกร่งของพงศกรออก“หึ แค่ล้อเล่นเอง กลัวเหรอ” ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อได้แกล้งหญิงสาว และยือมือหนาข