ซูเนี่ยนเอนตัวลงบนที่นั่งของรถ เธอไร้เรี่ยวแรง เธอและไม่ตอบสนองใด ๆม่านตาของลู่จิ่งสิงหดตัวลงอย่างกะทันหัน และเขาหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง เขารีบขับรถไปที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดในโรงพยาบาลซูเนี่ยนนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด สติของเธอค่อย ๆ กลับมาการฉีดยาชาเฉพาะที่ยังไม่ได้ผล และเธอรู้สึกได้ชัดเจนว่าแพทย์ใช้แหนบหยิบเศษกระเบื้องออกจากบาดแผลทุกครั้งที่หยิบเศษนั้นออก อวัยวะภายในจะถูกดึง จนทำให้ซูเนี่ยนเจ็บปวดแสนสาหัสเธอพูดไม่ออก เธอรู้สึกร้อนบ้างหนาวบ้าง เหงื่อเย็นบนหน้าผากของเธอหยดลงมา ไหลเข้าบาดแผล เธอกำฝ่ามือแน่นเพราะความเค็มมีบาดแผลมากมายบนแผ่นหลังที่เรียบเนียนและขาวสะอาด หมอก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เมื่อคุณหมอเห็นแผลของแผ่นหลังนั้น คุณหมอเองรู้วสึกเสียใจโดยเฉพาะใบหน้านั้น ร่องแหว่งทอดยาวจากโหนกแก้มถึงขมับซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ยาชาค่อย ๆ ออกฤทธิ์ ซูเนี่ยนมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอมีความรู้สึกแบบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับสู่กลางฤดูร้อนตอนนั้นเธอยังคงเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนของพ่อแม่ มีเพื่อนสนิทที่แสนดีและมีผู้ชายที่รักเธออย่างสุดซึ้งผู้ชายที่จะเขินอายทุกครั้งที่มองเธอแวบ
ลู่จิ่งสิงหันกลับมา เขาเห็นคนที่เรียกเขาคือเฉินเจียวทันใดนั้นเขาจำได้ว่า เฉินเจียวไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เขาดับก้นบุหรี่โดยไม่รู้ตัวแล้วทิ้งก้นบุรี่ไปเฉินเจียวการกระทำของเขา เธอรู้สึกโล่งใจทันทีเธอรู้เลยว่า ลู่จิ่งสิงจะไม่ตำหนิเธอ ต่อให้ธอจะฆ่าผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะจัดการเธอ“คุณมาที่นี่ทำไม” ลู่จิ่งสิงถามเฉินเจียวถือกระติกน้ำร้อนไว้ในมือแล้วพูดอย่างอ่อนโยน "จิ่งสิง ฉันเตรียมซุปให้คุณเป็นอาหารเช้า เป็นซุปทะเลของโปรดของคุรเลยนะ"ลู่จิ่งสิงรู้สึกซาบซึ้งมาก ในช่วงเวลาที่เขาได้รับทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมในต่างประเทศนั้น ซุปที่เฉินเจียวทำให้เขาเป็นความอบอุ่นเดียวที่ทำให้เขาสู้ชีวิตได้พวกเขามาที่ห้องอาหารของห้องวีไอพีแล้วนั่งลงเฉินเจียวเปิดฝา ตักซุปด้วยมือของเธอเองแล้วยื่นให้ลู่จิ่งสิงลู่จิ่งสิงรับชามไว้ เขาดื่มซุปให้หมดภายในเวลาอันสั้น“อร่อยไหมคะ รสชาติเหมือนเมื่อก่อนไหมคะ” เฉินเจียวถามเขาด้วยสายตาอ่อนหวาน สายตาอันอ่อนหวานนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้คำตอบ"อร่อย"เฉินเจียวตักให้เขาอีกหนึ่งชาม แต่เมื่อเธอยื่นให้เขา มือของเธอก็อ่อนลง น้ำซุปในชามนั้นหกออกมาหมด หลังมือข
เขาบีบนิ้วของตัวเอง " เจียวเจียว ครั้งที่แล้วผมเคยบอกคุณแล้วว่า ห้ามแตะต้องใบหน้าของซูเนี่ยน "ใบหน้าเฉินเจียวซีดลงทันทีลู่จิ่งสิงพูดต่อ "คุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ ผมจะให้คนจัดการคนพวกนั้นเอง"นั่นหมายความว่า เขาจะไม่ปล่อยคนพวกนั้นเฉินเจียวโกรธมาก เธอกัดฟัน ถ้าลู่จิ่งสิงทำแบบนั้นจริง ๆ ต่อไปเธอจะเสียชื่อในครอบครัวของเธอเธอเป็นคนเรียกคนเหล่านั้นไปเธอพูดอย่างน้อยใจ"เมื่อวานฉันผิดเอง ฉันไม่ควรถูกคุณซูยั่วยุ ฉันควรห้ามพวกเขาไว้"ลู่จิ่งสิงถามอย่างไม่แสดงอารมณ์ "เธอพูดว่าอะไร"เฉินเจียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตอบอย่างไม่เต็มใจ "คุณสัญญากับฉันก่อน ถ้าคุณรู้เธอพูดอะไร คุณจะไม่โกรธ"“ครับ”“คุณซูบอกว่า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอยากให้คุณช่วยตระกูลซู เธอไม่อยากนอนกับคุณเลย เธอเห็นหน้าคุณ เธอรู้สึกหมั่นไส้มาก โดยเฉพาะรอยแผลบนหลังของคุณเหมือนตะขาบ เธอคงฝันร้ายแม้จะมองแวบเดียว... "เฉินเจียวเห็นลู่จิ่งสิงเริ่มเโกรธเรื่อย ๆ และเธอตั้งใจพูดด้วยความโกรธ"จิ่งสิง ฉันโกรธมาก คุณหาสาวข้างนอก ฉันไม่ว่าอะไร แต่ถ้าผู้หญิงด่าคุณอย่างนี้ ฉันทนไม่ได้ค่ะ”คิ้วที่แข็งกระด้างของลู่จิ่งสิง แสดงถึงความโกรธ แล
“ลู่...จิ่ง...สิง”เสียงอันสิ้นหวังของซูเนี่ยนราวกับไม้ที่ตายแล้วผุพัง เธอเรียกชื่อของชายคนนั้นทีละอักษรเธอรู้สึกขาดอากาศหายใจเรื่อย ๆ เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตายในสมองของเธอมีภาพหนึ่งลอยผ่าน เธอเห็นแม่ที่รักเธอสุดซึ้งถือเค้กมาฉลองวันเกิดของเธอ“ เนี่ยนเนี่ยน เป่าเทียนเร็วเข้า”แม่ของเธอมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ราวกับว่าเธอเป็นสมบัติที่หายากถ้าเธอตาย คุณแม่คงจะใช้ชีวิตต่อไม่ได้หรือเปล่าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ น้ำตาหยดใหญ่ก็ไหลออกมาจากมุมดวงตาสีแดงของซูเนี่ยนสรุปเธอทำอะไรผิดกันแน่ดวงตาของลู่จิ่งสิงกลายสีแดงสด และดูเหมือนว่าเขากำลังบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งของมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะหักคออันเรียวเล็กของซูเนี่ยนเขารู้สึกตัวเองไร้สาระมากเขากลับสงสารผู้หญิงคนนี้ กลางคืนยังเป็นห่วงเธออย่างโง่เขลาพ่อของเขาเสียชีวิตในคุกและแม่ของเขากระโดดลงมาจากตึกฆ่าตัวตาย แต่เขากลับลืมเรื่องเรื่องที่ผู้หญิงคนนี้เล่นงานเขาและล้อเลียนเขาเมื่อเขาหมดหวังแต่แล้วเธอล่ะเธอกลับด่าเขาน่าขยะแขยงน้ำเสียงนั้นเหมือนกับในวิดีโอตอนนั้นเลย เธอด่าเขาน่าเกลียด ว่าเขาโง่ ว่าเขาสมคว
"เหอะ ๆ ..."ซูเนี่ยนพยายามยิ้มด้วยริมฝีปากที่ซีดขาว ผมของเธอยุ่งเหยิงราวกับคนบ้า“ ลู่จิ่งสิง คุณก็รู้ดีว่าทำไมฉันถึงโดนดี”“ ลู่จิ่งสิง คุณมันเลว คุณเป็นสัตว์”“ ลู่จิ่งสิง คุณอยากทรมานจนฉันตายไม่ใช่เหรอ”“ฉัน ให้คุณสมปรารถนาดีไหมคะ”ซูเนี่ยนค่อย ๆ พูดทีละคำ เธอฟ้องร้องด้วยเสียงที่แหบแห้งทันใดนั้นเธอดึงผ้าห่มออก กระโดดขึ้นจากเตียง แล้ววิ่งไปที่หน้าต่างด้วยเท้าเปล่าก่อนที่ลู่จิ่งสิงรู้ตัว ซูเนี่ยนก็ปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่างแล้วเธอมองไปที่พื้นในระยะไกลด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น " ลู่จิ่งสิง นี่คือชั้นที่สิบ คุณคิดว่ามันจะน่าเกลียดไหมถ้าฉันกระโดดลงไป"“ ซูเนี่ยน ลงมาเดี๋ยวนี้” ดวงตา ลู่จิ่งสิงกลัวมาก เขารู้สึกสมองของเขากำลังจะระเบิด เขาก็คำรามด้วยเสียงแหบแห้ง“แต่ฉันน่าเกลียดมากแล้ว หน้าฉันมีแผลยาวขนาดนั้น วันหลังฉันจะแต่งหน้ายังไง ก็ดูไม่สวยอยู่ดี”ซูเนี่ยนพึมพำกับตัวเองอย่างเหม่อลอยหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอ้างว้างและความรกร้าง ในขณะนี้ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไรเหตุใดชีวิตของเธอจึงเปลี่ยนไปอย่างมากในชั่วข้ามคืนหลังจากลู่จิ่งสิงกลับมาเขาทำลายภาพ
ลู่จิ่งสิงพูดด้วยสีหน้าอันมหิต" ซูเนี่ยน คุณอย่าได้คืบแล้วยังอยากเอาศอกอีก "ซูเนี่ยนมองท่าทางโกรธเกรี้ยวของลู่จิ่งสิง ซูเนี่ยนก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น "เพียงแต่ว่า ระหว่างสามปีนี้ คุณห้ามแต่งงาน แม้ว่าฉันไม่ใช่คนดี แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นเมียน้อยของคนอื่น"เรื่องที่เฉินเจียวต้องการมากที่สุดคือการได้เป็นเจ้าสาวของลู่จิ่งสิงและทรมานเธอจนตายไม่ใช่เหรอฉะนั้นเธอก็จะตั้งใจไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นสมหวัง เธอ ซูเนี่ยนจะไม่มีวันเป็นเมียน้อยที่คนอื่นไล่ล่าลู่จิ่งสิงโกรธทันที "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ผมจะแต่งงานหรือไม่แต่งงาน คุณก็ต้องเป็นของเล่นของผม"“ ลู่จิ่งสิง ฉันไม่ได้ปรึกษาคุณ เพราะอย่างไรก็ตาม คุณก็ไม่อยากปล่อยตระกูลซูของเราไป ถ้าเราตกลงกันไม่ได้ละก็”ซูเนี่ยนเบาเสียงลง แต่ความหมายในเสียงนั้นแข็งแกร่งมาก "เราจะต่อสู้จนตายไปด้วยกัน ไม่ตายไม่เลิก"ทันใดนั้นลู่จิ่งสิง ก็หัวเราะ แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายเมตรก็ตาม แต่เสียงหัวเราะของเขาทำให้คนหวาดกลัวเหมือนเดิมเขาชอบได้ยินคำว่า ไม่ตายไม่เลิกเขาพูดทีละอักษร "ผม สัญญากับคุณ"หลังจากเขาพูดอย่างนั้น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกซูเนี่ยน
“ยินดีด้วยนะครับ คุณตั้งครรภ์แล้วครับ”แต่ตอนนี้จิตใจของหมิงซีไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในสมองของเธอเต็มไปด้วยคำพูดที่คุณหมอพูดเมื่อตอนบ่ายทันใดนั้นเองฟู่ซือเยี่ยนก็บีบแขนเธออย่างแรง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “คิดอะไรอยู่เหรอ?”เธอยังไม่ทันได้ตอบ เขาก็คว้าล็อกท้ายทอยแล้วจูบอย่างดูดดื่มเสียแล้วหลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องน้ำหมิงซีนอนอยู่บนเตียงกว้าง เธอไร้เรี่ยวแรง ไรผมเปียกโชก นัยน์ตาเหมือนจมอยู่ในน้ำ และดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่งหลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบใบรายงานผลการตรวจครรภ์ออกมาตอนบ่ายเธอรู้สึกไม่สบายท้องจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากตรวจเลือดแล้วคุณหมอก็บอกกับเธอว่าเธอตั้งท้องได้ห้าสัปดาห์แล้วในตอนนั้นหมิงซียังรู้สึกมึนงงและสับสน ทั้งๆที่เธอป้องกันทุกครั้งนี่นาเธอเค้นสมองนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเหมือนมีอยู่ครึ่งหนึ่ง หลังจากงานเลี้ยงจบลง ฟู่ซือเยี่ยนก็พาเธอมาส่งที่บ้าน เมื่อมาถึงที่ประตู จู่ๆเขาก็ถามเธอขึ้นมาว่า “อยู่ในระยะปลอดภัยหรือเปล่า?”คิดไม่ถึงว่าระยะปลอดภัยนั้นก็เชื่อถือไม่ได้…เสียงน้ำไหลดังออกมา
บนหน้าจอมือถือมีข่าวบันเทิงแจ้งเตือนขึ้นมาเธอไม่ได้สนใจข่าวพวกนี้แต่อย่างใด ขณะที่กำลังจะปิดหน้าข่าวกลับเหลือบไปเห็นชื่อของคนรู้จัก จึงอดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดูสักหน่อย#ดีไซเนอร์ชื่อดัง “หลินเสวี่ยเวย” แห่ง EV เดินทางกลับประเทศ ได้ปรากฏตัวพร้อมแฟนหนุ่มลึกลับที่สนามบิน#ในภาพถ่ายหลินเสวี่ยเวยสวมหมวกบักเก็ต ผู้ชายที่มากับเธอเป็นเพียงเงาร่างที่ดูเลือนราง แต่ก็สามารถมองเห็นรูปร่างที่โดดเด่นนั้นได้หลังจากที่หมิงซีขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ก็มีเสียง “หึ่งๆ” ดังขึ้นในหัวของเธอนึกไม่ถึงเลยว่าเงาร่างนั้นจะเป็น——ฟู่ซือเยี่ยน!ดังนั้น การที่เขาได้ยกเลิกการประชุมในช่วงบ่ายอย่างกะทันหัน ก็เพื่อไปรับอดีตแฟนสาวหลินเสวี่ยเวยงั้นเหรอ?ทันใดนั้น หมิงซีก็รู้สึกราวกับว่ามีหินใหญ่ได้กดทับจิตใจของเธอเอาไว้ และทำให้เธอกระวนกระวายเป็นอย่างมากมือของเธอสั่นเทา และไม่รู้ว่าเผลอไปกดโทรออกเบอร์ของฟู่ซือเยี่ยนตั้งแต่ตอนไหนหมิงซีกระวนกระวายและทำอะไรไม่ถูก ขณะที่กำลังจะตัดสายไปก็มีเสียงดังออกมาจากปลายสายว่า“สวัสดีค่ะ——”น้ำเสียงของหญิงสาวอ่อนโยนเป็นอย่างมากหมิงซีหยุดไปชั่วครู่ และตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที