เช้าวันต่อมา
@บริษัทออกแบบ
เสี่ยวหมี่เดินนวยนาดเข้ามายังบริษัทออกแบบชื่อดังที่เธอทำงานอยู่ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เพราะเมื่อคืนเธอมัวแต่คิดเรื่องค่าเสียหายของรถหรูที่เพิ่งชนไป กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็เกือบเช้า
"น้องเสี่ยวหมี่เป็นไงบ้างคะได้ข่าวว่าเมื่อวานเกิดอุบัติเหตุ" ทิพย์รุ่นพี่ในบริษัทเดินเข้ามาถามไถ่หญิงสาวทันทีที่เจอหน้า
"คนน่ะไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ทิพย์ แต่รถคู่กรณีนี่สิ" เธอบอกกล่าวสาวรุ่นพี่ด้วยสีหน้าหนักใจ
"เสียหายมากเหรอน้องเสี่ยวหมี่"
"ไม่มากหรอกค่ะพี่ทิพย์ แค่ท้ายรถยุบนิดหน่อย"
"แค่ท้ายยุบค่าซ่อมคงไม่กี่บาทหรอกมั้ง อย่าเครียด" ทิพย์ตบลงบนบ่าปลอบใจสาวรุ่นน้องด้วยความเห็นใจ
"ไม่เครียดได้ไงล่ะคะพี่ทิพย์ รถที่หนูชนคือรถหรู Koenigsegg Ccxr Trevita "
"OMG อะไหล่แต่ละชิ้นของรถแพงมากเลยนะนั้น"
"ใช่ค่ะไม่ให้หนูเครียดได้ไงละคะพี่ทิพย์"
"เอาน่า...อย่าเครียด"
"ค่ะพี่ทิพย์ งั้นหนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เมื่อวานไม่ได้เข้าบริษัทงานคงเยอะน่าดู" เธอระบายยิ้มบาง ๆ ให้สาวรุ่นพี่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
ครืด! ครืด!
ระหว่างที่เสี่ยวหมี่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อมองไปมองหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏว่าเป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา ก่อนจะกดรับสายเผื่อว่าใครโทรมาเพราะมีธุระสำคัญ
“สวัสดีค่ะ เสี่ยวหมี่พูดค่ะ”
(....)
“ใครพูดสายค่ะ?” เสี่ยวหมีเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อไร้เสียงตอบจากปลายสาย แต่ก็ยังได้รับความเงียบแทนคำตอบเหมือนเดิมจนเธอหมดความอดทนต่อว่าไปด้วยความไม่พอใจ
“บ้ารึเปล่าโทรมาแล้วไม่พูด หรือหากว่างมากก็ทำตัวให้เป็นประโยขน์จะดีกว่าไหมไม่ใช่มาก่อกวนคนอื่นเขา”
(ปากดีเหมือนเดิมนะคุณเสี่ยวหมี่ ผมเดย์คนที่คุณชนท้ายรถไง) คำต่อว่าของเสี่ยวหมีเหมือนจะได้ผลปลายสายตอบกลับมาทันทีตามด้วยเสียงเค้นหัวเราะเบา ๆ
เสี่ยวหมี่ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าคนปลายสายเป็นใครอยากจะต่อว่าให้แรงกว่าเดิม แต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงห้วน “จะดีไม่ดีมันก็ปากฉัน แล้วคุณโทรมามีอะไร”
(ปากดีไปเถอะระวังจะปากดีไม่ออก)
“ก็เรื่องของฉันไม่ต้องยุ่ง”
(หึ! สี่โมงเย็นมาเจอผมที่คาเฟ่ ผมจะคุยเรื่องค่าเสียหาย)
“คุยทางโทรศัพท์ก็ได้จะเสียเวลาไปนั่งคุยที่คาเฟ่ทำไม” เธอเอ่ยถามปลายสายอย่างไม่เข้าใจในเมื่อสามารถคุยทางโทรศัพท์ก็ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาด้วยรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ายังไงไม่รู้
(คุณไม่กล้ามาเจอผมรึไง กล้า ๆ ให้เหมือนกับปากหน่อยสิ ) ปลายสายจงใจพูดยั่วอารมณ์ และมันก็ได้ผล
“ได้ สี่โมงเย็นเจอกัน” เสี่ยวหมี่รับคำทันควันแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้กลัว หรืออะไรทั้งนั้น ว่าจบก็กดวางสายแล้วก้มหน้าเคลียร์เอกสารต่อเพื่อให้เสร็จทันก่อนสี่โมงเย็น เธอจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาหัวเราะเยาะได้ว่าเธอไม่กล้า
พอสี่โมงเย็นเสี่ยวหมี่ก็ออกจากบริษัทขับรถตรงไปยังสถานที่นัดหมายทันที
ครืด! ครืด!
โทรศัพท์เครื่องหรูของมาเฟียหนุ่มแผดเสียงดังขึ้นขณะที่เขากำลังนั่งรถไปยังร้านที่นัดหมายกับสาวคู่กรณีไว้ โดยมีลูกน้องเป็นคนขับรถให้ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์หญิงสาวเขาจึงกดรับสาย
(นัดฉันสี่โมงเย็นแต่ตัวเองยังไม่โผล่หัวมา ดีจังเนาะ!) เสียงพูดจากระแทกแดกดันดังมาตามสายทันทีที่กดรับ เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“รอไม่ได้ก็เชิญกลับไป”
(ถ้าไม่ติดว่าฉันทำรถคุณเสียหาย ฉันก็ไม่อยากเจอผู้ชายแบบคุณหรอก)
“คนอย่างผมมันทำไมห๊ะ!” เสียงทุ้มตวาดปลายสายดังลั่นเพราะรู้สึกมีน้ำโหเล็กน้อยกับคำพูดของเธอทำเอาลูกน้องที่ขับรถอยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจ แต่อีกคนหาได้กลัวไม่ตอบกลับอย่างท้าทาย
(มีสมองคิดเอาเอง)
“คุณชักจะท้าทายผมมากไปแล้วนะ”
(แล้วจะทำไมอย่ามาวางอำนาจใส่ฉัน แล้วก็รีบ ๆ มาด้วย ฉันไม่มีเวลามานั่งรอคุณทั้งวันหรอกนะรักษาเวลาหน่อยสิ ) ปลายสายรัวคำพูดใส่มาเฟียหนุ่มโดยไม่เว้นช่องว่างให้เขาได้ตอบโต้เลย ว่าจบก็รีบกดวางสายไปทิ้งเขานั่งหัวเสียอยู่คนเดียว
"เราจะได้เห็นดีกันเสี่ยวหมี่" เขาขบกรามแน่นจนนูนเป็นสันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่หญิงสาวพูดจาไม่เกรงใจทั้งที่เขาอายุเยอะกว่าเธอตั้งหลายปี
@ประเทศไทย"พร้อมรึยังครับ" เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้เสี่ยวหมี่ที่กำลังนั่งมองตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ระบายยิ้มออกมา ก่อนจะลุกเดินไปหาเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามา "พร้อมแล้วค่ะ""ภูมิใจจังมีเมียสวย โดยเฉพาะวันนี้สวยเป็นพิเศษเลย" มาเฟียหนุ่มไล่สายตามองเมียสาวในชุดเดรสยาวสีขาวประดับประดาด้วยเพชรระยิบระยับอย่างชื่นชม มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวคอดเข้ามาแนบชิด แล้วกดจูบบนหน้าผากมนเบา ๆ "พี่ก็หล่อเหมือนกันค่ะ" เสี่ยวหมี่สอดมือเข้าไปกอดเอวหนาหลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นมองสามีผู้เป็นที่รักด้วยแววตาสื่อความหมายทั้งสองมองสบตากันนานนับนาที ก่อนมาเฟียหนุ่มจะคลายวงแขนออกจากเอวคอดเปลี่ยนเป็นจับมือเล็กแทน "ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ แขกเริ่มทยอยมาแล้ว" ว่าจบเขาก็จูงเมียสาวเดินออกจากห้องพักลงไปยังริมชายหาดซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง"ว้าว! สวยจังเลยค่ะ" เสี่ยวหมี่ถึงกับตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นรอบบริเวณงานเลี้ยงถูกจัดด้วยดอกไม้นานาพันสวยงามมากเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ท่ามกลางบรรยากาศตะวันใกล้ลับขอบฟ้าโต๊ะสำหรับแขกวางเรียงรายตามแนวชายหาด และมีซุ้มที่ถูกจัดอย่างหรูหรามีตัวอักษรประดับเป็นคำว่า "เดย์ & เสี่ยวหมี่"งานเลี้ยง
หลายวันต่อมา..ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่องปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอยกมือขยี้เปลือกตาเบา ๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดรับสายแล้วกรอกน้ำเสียงงัวเงียถามปลายสายทันที "ว่าไงคะพี่เดย์โทรมาปลุกหมี่แต่เช้าเชียว"(พี่มีธุระสำคัญวันนี้ไม่ได้เข้าบริษัทที่รักช่วยดูเอกสารแทนพี่หน่อยนะครับ)"ธุระอะไรคะ"(วันนี้คุณสาธิตลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทจะบินมาคุยงานกับพี่ที่จีน พี่เลยต้องไปรับและคอยดูแลเขาครับ)"ได้ค่ะอย่าให้รู้นะว่าออกนอกลู่นอกทาง"(เมียดุขนาดนี้ใครจะกล้าละครับ)"ให้มันจริงเถอะ"(ค่าบบ พี่รักหมี่นะ)"หมี่ก็รักพี่ค่ะ บ๊ายบาย" นิ้วเรียวกดวางสายทันทีเมื่อบอกลาปลายสายจบ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมาแล้วจึงก้าวลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปทำงานเหมือนทุกวันที่ผ่านมา@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์"ทำไมวันนี้ทุกคนมองฉันแปลก ๆ" เสี่ยวหมี่พึมพำด้วยความสงสัยพลางมองสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเมื่อพนักงานในบริษัทต่างพากันอมยิ้มเมื่อเธอเดินผ่าน แต่ก็ไม่พบอะไรที่แปลกไปเพราะเธอก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสเร
"ปล่อยนะฉันจะไปทำงานต่อ" เสี่ยวหมี่ร้องท้วงด้วยความเคอะเขินเมื่อเห็นสายตาทอประกายหยาดเยิ้มที่แฟนหนุ่มใช้มองเธอพลางยกขึ้นดันอกแกร่งให้ออกห่าง"คุณเป็นถึงเมียเจ้าของบริษัทไม่ต้องทำก็ได้ แค่นั่งชี้นิ้วสั่งยังได้เลย""งั้นหมี่ขอสั่งให้คุณปล่อยหมี่เดี่ยวนี้" สิ้นเสียงแฟนหนุ่มเสี่ยวหมี่ก็ชี้นิ้วสั่งเขาทันที "ผมหมายถึงพนักงานในบริษทไม่ใช่ผม" มาเฟียหนุ่มถึงกับระบายยิ้มออกมากับความฉลาดของแฟนสาว แต่เขาหาได้ปล่อยตามคำสั่งไหมกลับอุ้มเธอเดินไปวางลงบนโต๊ะทำงานพร้อมใช้มือยันขอบโต๊ะกักเธอไว้ในวงแขน"คุณจะทำอะไรปล่อยเลยนะ" ร่างบางร้องท้วงด้วยน้ำเสียงงอน ๆ พร้อมยกมือขึ้นดันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอไม่ทำให้ร่างสูงขยับเขยื้อนเลยสักนิด"บอกว่าอย่าไงเดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น" เธอร้องห้ามเสียงหลงในตอนที่ร่างสูงแทรกตัวยืนกลางหว่างขาทำให้กระโปรงที่สั้นเหนือเข่าร่อนขึ้นมาจนเห็นแพนตี้สีแดงสด ก่อนใบหน้าคมคายจะโน้มลงซุกไซ้ขบเม้มสูดดมกลิ่นหอมจากลำคอขาว มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาวเนียนทำเอาร่างบางถึงกับขนลุกชูชันรู้สึกม่วนท้องน้อยไปหมดเธอกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคออึกใหญ่พร้อมถอนหายใจหนัก ๆ ก่
@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์"มอนิ่งครับที่รัก" เสียงของมาเฟียหนุ่มเอ่ยทักแฟนสาวหลังจากเปิดประตูเข้าห้องทำงานมาแล้วเห็นแฟนสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง "ก็บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ไงมันเลี่ยน หมี่ไม่ชอบ" คนถูกเรียกตวัดสายตามองค้อนแฟนหนุ่มอย่างไม่ชอบใจเพราะเธอพยายามบอกเขาครั้งเล่าครั้งเล่าว่าให้เรียกเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้ทั้งสองจะคบกันอย่างจริงจังมาเป็นเวลาเดือนกว่า ๆ แล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามสุดเลี่ยนที่แฟนหนุ่มสรรหามาเรียกเธอไม่ซ้ำแต่ละวัน มาเฟียหนุ่มหาได้เก็บคำพูดของแฟนสาวมาใส่ใจไม่ การได้เย้าแหย่ให้เธองอนเป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุขจริง ๆ เขาระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมเดินอ้อมไปสวมกอดแฟนสาวจากด้านหลัง แล้วโน้มลงกระซิบชิดกกหูเล็ก "งั้นเรียกเมียแทน"สิ้นสุดคำพูดเขาก็ฝังจมูกบนแก้มนิ่มของแฟนสาวฟอดใหญ่"ไปทำงานของตัวเองได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น" เจ้าของแก้มนิ่มเอ็ดแฟนหนุ่มเบา ๆ พร้อมยกมือขึ้นดันหน้าเขาออกห่าง "ขอกอดเมียแบบนี้สักแป๊บได้ไหม เติมพลังก่อนทำงาน" มาเฟียหนุ่มยังตีหน้ามึนเหมือนเดิมหาได้สนใจเสียงพูดแฟนสาวไม่ เกยคางลงบนไหล่มนพร้อมทำตาปริบ ๆ เว้าวอนคนในอ้อมกอดสุดฤทธิ์
"ออกไปคุยกันสะนานเลยมีอะไรกันหรือเปล่าลูก" ทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะอาหารเสี่ยวหลานก็เปล่งเสียงถามบุตรสาวด้วยความสงสัยมาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวมองสบตากันนานนับนาที ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเป็นคนเอ่ยขึ้น "ผมมีเรื่องจะบอกคุณป้า กับคุณลุงครับ"สิ้นเสียงมาเฟียหนุ่มประมุขของบ้านกับเสี่ยวหลานก็หันมองหน้ากันระคนสงสัย ก่อนประมุขของบ้านจะหันมองหน้าถามเขา "เรื่องอะไรล่ะ"คนถูกถามสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้ตัวเองพรืดใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาทอประกาย "ผมรักลูกสาวคุณลุง คุณป้าครับ หากผมจะขอคบกับเสี่ยวหมี่คุณลุง คุณป้าคงไม่ว่าอะไรนะครับ""ในสุดก็พูดออกมาสักทีนะคุณเดย์" ประมุขของบ้านเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากเสี่ยวหลานผู้เป็นภรรยาเลย ทั้งสองพอจะเดาออกนานแล้วว่าเด็กหนุ่มมีใจให้บุตรสาวตัวเอง ทว่ากลับไม่ยอมพูดออกมาสักที"คุณลุง คุณป้ารู้เหรอครับ" ดวงตาคมกริบมองหน้าพ่อแม่ของหญิงสาวอย่างงง ๆ"ป้ากับลุงอาบน้ำร้อนมาก่อนเรานะทำไมจะมองไม่ออก" เสี่ยวหลานเอ่ยด้วยใบเปื้อนยิ้ม ก่อนประมุขของบ้านจะเอ่ยต่อ "ลุงพอจะเดาออกตั้งแต่คุณมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแล้ว เสี่ยวหมี่ไม่เคยมีผู้ชายเข้ามาวนเว
เสี่ยวหมี่ลากมาเฟียหนุ่มมาหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนปล่อยมือจากเขาแล้วหันไปมองหน้าเปล่งเสียงถามอย่างไม่เข้าใจ "คุณคิดจะทำอะไรถึงมาตีสนิทกับป๊าม๊าฉัน""ผมไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้นก็แค่ทำความคุ้นชินกับพ่อตาแม่ยาย เพราะในอนาคตผมก็จะมาเป็นลูกเขยท่านแล้ว" มาเฟียหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจมากนักพร้อมกับจ้องหน้าตอบหญิงสาวไปตามความจริงเขาไม่ได้มีแผนอะไรทั้งนั้นที่ทำไปเพราะอยากทำความรู้จัก ทำความสนิทสนมกับครอบครัวผู้หญิงที่เขารักและเลือกจะมาเป็นคู่ชีวิตก็แค่นั้น และเป็นการแสดงความจริงใจหากผู้ใหญ่เห็นชอบด้วยยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว"ฮืม" คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อได้ยินคำพูดทึกทักเอาเองของเขา ทว่าในใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ดวงตากลมเสสายมองไปทางอื่นพยายามตีสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเสียอาการ ก่อนจะตวัดสายตามองเขาอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน "ฉันบอกแล้วหรือไงว่าจะแต่งงานกับคุณ" มาเฟียหนุ่มหาได้สนใจไม่ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรยังคงยิ้มระรื่นพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ แล้วตีเนียนถามไปเพื่อจะได้ผล "แล้วตกลงแต่งไหม" "ไม่ต้องมาตีเนียนเลยนะฉันไม่หลงกลคุณหรอก"