“เห็นไหม... มันก็เหมือนๆ กับที่คุณเคยสัมผัส มันอาจจะใหญ่กว่าแต่ผมสัญญาว่าคุณกับมันจะเข้ากันได้ดี” ดิเอโกกระซิบปลอบประโลมดวงตา สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่หวานราวต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้
“ดะ...ดิเอโก ฉันไม่” สุพิชญาพยายามทักท้วงว่าเขากำลังเข้าใจผิด แต่สติแทบหลุดเมื่ออีกฝ่ายจับกุมมือน้อยของเธอไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบังคับให้ขยับเขยื้อนลูบคลำส่วนนั้นของร่างกายที่กำลังตื่นตัวตอบรับสัมผัสจากเธออย่างเริงร่า
“ปะ...ปล่อย! ได้โปรด... ” สุพิชญาพยายามวิงวอนอีกครั้ง ใจดวงน้อยทั้งหวาดหวั่นและหวามไหว ใจหนึ่งใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากลิ้มลองสัมผัสแสนวาบหวามนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด แต่ใจหนึ่งยื้อยุดให้ตระหนักถึงศีลธรรมอันดีงาม ยามนี้ไฟราคะกำลังปะทะกับสำนึกฝ่ายดีจนหญิงสาวแทบอยาก กรีดร้องระบายความอึดอัดที่แสนทรมานนั้นให้หมดไป
“มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมถอยง่ายๆ ได้ไงยาหยี” เจ้าพ่อใหญ่กระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ปล่อยมือน้อยให้เป็นอิสระแล้วเปลี่ยนเป้าหมายลากไล้ทักทายจุดกระสันเพื่อสร้างความซาบซ่านให้อีกฝ่ายทันที
“ดะ...ดิเอโก อย่า... อื้อ!” เสียงหวานขยับจะทักท้วงแต่เพียงแค่เอ่ยห้ามปลายเสียงก็กลับกลายเป็นครวญครางเมื่อเจ้าพ่อใหญ่ตรงเข้าปลุกเร้าดอกบัวคู่งามพร้อมๆ กระตุ้นจุดกระสันเสียจนกายสาวบิดพล่านด้วยความซาบซ่านหวามไหว
ดิเอโกมองผลงานแสนรัญจวนใจนั้นจนเลือดหนุ่มพุ่งพล่านไปทั่วกาย ขืนเขาปล่อยตามคำขอนั้นเขาคงบ้าไปแล้ว ในเมื่อก้าวเดินต่อไปอีกเพียงไม่ กี่ก้าวเขาและเธอก็จะได้ลงไปแหวกว่ายในธารน้ำที่แสนชุ่มฉ่ำใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมรับรองว่าคุณจะรักและหลงใหลมัน” เพียงจบคำเจ้าพ่อหนุ่มก็ดันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ท่อนขาแกร่งแยกออกห่างจากกันพอประมาณเพื่อรองรับน้ำหนักตัวและสะโพกกลมมนที่ถูกดึงรั้งเข้ามาแนบชิด ดวงตาสีสนิมวาววับอย่างพึงพอใจยามจับจ้องไปยังปากถ้ำที่มีธารน้ำล้นเอ่อ เรียวฟันงามขบกัดริมฝีปากล่างที่แสนบางมั่นสะกดกลั้นอารมณ์ปรารถนาที่พุ่งพล่านขึ้นยามส่งปลายนิ้วเข้าไปสำรวจตรวจตราในซอกหลืบก่อนที่จะส่งตัวตนที่แท้จริงเข้าไป
“พร้อมนะครับยาหยี” ดิเอโกเอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่าราวต้องการให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อมต้อนรับนักสำรวจตัวจริงที่เขากำลังจะส่งเข้าไปในซอกอันคับแคบนั้นเพื่อค้นหาแอ่งน้ำอันเป็นต้นน้ำของธารที่ไหลเอ่อล้นมาจนถึงปากถ้ำยามนี้
เจ้าพ่อหนุ่มสุดแสนตื่นตะลึงเมื่อเสียงหวานกรีดร้องราวเจ็บปวดแสนสาหัส แถมซอกหลืบที่คับแคบยังรึงรัดตัวตนเขาแน่นจนไม่อาจแทรกผ่านต่อไปได้ เจ้าพ่อใหญ่ตระหนักได้ในวินาทีนี้เองว่าไม่เคยมีนักสำรวจคนไหนผ่านเข้าช่องทางนี้นอกจากเขา เรียวคิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง ในเมื่อสตรีแต่ละนางที่ถูกส่งมาให้เขาล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวที่เคยผ่านการทำงานไซด์ไลน์มาแล้วทั้งนั้น แล้วครั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาก็เป็นหญิงสาวที่เคยผ่านการทำงานแบบนี้เช่นกัน แต่ทำไมหญิงสาวที่อยู่ภายใต้พันธนาการตรงหน้าเขาถึงยังไม่เคยผ่านมือชายใด
“ดะ...ดิเอโก ฉะ...ฉัน ฉันเจ็บ”
“อยู่นิ่งๆ ก่อนครับยาหยี อย่างดิ้น” เจ้าพ่อใหญ่ก้มลงกระซิบเมื่อ ร่างน้อยกระสับกระส่ายขยับกายราวต้องการให้ชิ้นส่วนที่ยังฝังแน่นอยู่ในซอกหลืบหลุดออกไปเพื่อคลายความเจ็บปวด แต่ยามนี้เขาเหมือนกระทิงถึกที่คึกคะนองพร้อมปราบพยศของคู่ประลองให้สิ้นฤทธิ์ ยิ่งอีกฝ่ายขยับก็ราวยิ่งกระตุ้นให้อยากขับเคลื่อนเข้าไปให้ลึกสุดในซอกหลืบนั้น
“เชื่อผม! อยู่นิ่งๆ แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นยาหยี” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนราวต้องการปลอบประโลมยามก้มลงจูบซับน้ำตาที่ไหลซึมเปียกชื้นเปลือกตาคู่บาง ริมฝีปากร้อนที่วนเวียนส่งมอบจุมพิตที่แสนอบอุ่นนั้นราวน้ำฝนที่พร่างพรมลงบนพื้นดินที่แข็งกระด้างให้อ่อนนุ่มลง หญิงสาวรู้สึกความรวดร้าวในกายลดลงจนแทบมลายหายไปสิ้น แต่ยังคงเหลือไว้ซึ่งความอึดอัดในเรือนกายที่มีชิ้นส่วนอันใหญ่โตของอีกฝ่ายฝากฝังไว้ไม่ยอมถอดถอย
“ดะ...ดิเอโก” เสียงหวานเรียกขานนามนั้นกระท่อนกระแท่นยามหยัดกายแอ่นอกขึ้นต้อนรับสัมผัสวาบหวามจากอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านหลั่งไหลแต่งแต้มยอดดอกบัวยามเจ้าของอุ้งปากร้อนระอุดูดดื่มยอดดอกบัวงามคู่นั้นอย่างหลงใหลราวกำลังกัดกินก้อนไอศกรีมที่ราดด้วย คาราเมลหวานล้ำ
เสียงหวีดร้องดังก้องขึ้นอีกหนเมื่อเจ้าพ่อหนุ่มส่งนักสำรวจเข้าไปจนสุดตัวหลังจากที่หลอกล่อให้เจ้าของโพรงถ้ำดื่มด่ำไปกับสัมผัสแสนหวานจนหลงลืมและไม่ทันได้ต้านทาน ดวงตาสีสนิมจับจ้องดวงหน้าหวานล้ำที่ส่ายไปมาราวกำลังทุกข์ทรมาน เจ้าพ่อหนุ่มบังคับนักสำรวจให้หยุดนิ่งเมื่อเจ้าของถ้ำรู้ตัวว่าถูกล่วงล้ำไปจนถึงซอกหลืบลึกสุด ริมฝีปากร้อนระอุพรมจูบกลีบปากนุ่มอย่างหยอกเย้าให้หญิงสาวหลงระเริงไปกับเพลิงพิศวาสที่เขาเฝ้าเติมเชื้อไฟลงไปไม่หยุดหย่อน
เจ้าพ่อใหญ่ค่อยๆ บังคับนักสำรวจให้เริ่มตรวจตราซอกหลืบนั้นอีกครั้งทั้งถอยห่างออกมาจนเกือบสุดปากถ้ำแล้วล่วงล้ำเข้าไปจนลึกสุดครั้งแล้วครั้งเล่าราวต้องการเก็บเกี่ยวรายละเอียดให้ทั่วถึงทุกตารางนิ้ว เจ้าพ่อหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อหญิงสาวหยัดกายส่งสะโพกขึ้นตอบรับการขับเคลื่อนทุกช่วงจังหวะ ยามนี้กระทิงถึกออกอาการคึกคะนองเมื่อได้คู่ประลองที่แสนเร้าใจ ไม่ว่าจะจู่โจมด้วยกระบวนท่าใดอีกฝ่ายก็ตอบรับและเป็นฝ่ายจู่โจมกลับเสียจนฝ่ายช่ำชองแทบหลุดร้องครวญครางก้องกับการประลองที่ถึงใจ
เรือนกายที่แข็งแกร่งด้วยเจ้าของออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเกิดอาการสั่นระริกเมื่ออีกฝ่ายตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิงจนเขาครางกระเส่าเสียหลายครั้ง เจ้าพ่อใหญ่สุดแสนปลาบปลื้มกับผลงานที่เฝ้าบรรจงสรรค์สร้างอย่างใจเย็น ใครจะรู้ว่าหญิงสาวผู้มีทีท่าขัดเขินสะเทิ้นอายจะกลายเป็นมาทาดอร์สาวที่พร่างพราวไปด้วยเสน่ห์จนกระทิงถึกเช่นเขาหลงใหลเสียจนไม่อยากห่างกาย
สองหนุ่มสาวต่างเพลิดเพลินกับการแหวกว่ายในธารน้ำที่แสนชุ่มฉ่ำจนแทบหลงลืมเวลา นานเท่านานกว่าการประลองจะสิ้นสุดลง กระทิงถึกที่คึกคะนองก็คำรามก้องอย่างลำพองใจยามเป็นฝ่ายควบคุมเกมสวาทครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนมาทาดอร์สาวก็ครวญครางกระเส่าอย่างหลงใหลมัวเมาในรสสวาทที่อีกฝ่ายคอยปรนเปรอให้ไม่หยุดหย่อน
สุพิชญาลืมไปแล้วว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเธอก็กำลังหลงระเริงไปกับชายแปลกหน้าที่กำลังต่อเติมเชื้อเพลิงให้ไฟพิศวาสลุกโชติช่วงสลับกับคอยสาดน้ำใส่เพื่อดับไฟราคะให้มอดไหม้ นับจากวินาทีที่เธอแปรเปลี่ยนจากขัดขืนเป็นยินยอมพร้อมใจไปกับเขาเนิ่นนานเท่าไรสุพิชญาไม่ใส่ใจเสียแล้ว หญิงสาวรู้แค่เพียงว่ายามนี้เธอต้องการให้เขาสัมผัสแนบแน่นมากขึ้น ...มากขึ้น จนไม่อยากถอยห่างแม้เสี้ยววินาที
“โอ๊ะ! / อุ๊ย!” ดิเอโกแสร้งอุทานเมื่อสุพิชญาดึงรั้งเสื้อเชิ้ตให้หลุดออกจากแขนแกร่ง หญิงสาวพลอยอุทานไปกับเขาด้วย“ขอโทษค่ะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ คุณช่วยยกแขนข้างนี้ขึ้นสูงอีกนิดได้ไหมคะ ไหวไหม” ท้ายประโยคถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่สั่งให้เขาขยับแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นเพื่อเธอจะได้ถอดเสื้อได้ง่ายขึ้น“ดะ...ได้ครับ” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักใบหน้าเหยเกเต็มที ดวงตาคู่สนิมหรี่มองหญิงสาวที่ค่อยๆ บรรจงถอดเสื้อ“แล้วกางเกง...”สุพิชญาหน้าแดงซ่านราวลูกตำลึงสุกเมื่อดิเอโกถามค้างเพียงเท่านั้น หญิงสาวหลุบตาต่ำอย่างเขินอายก่อนตวัดสายตาขึ้นมองสบดวงตาสีสนิม ในที่สุดเธอก็กลั้นหายใจกัดฟันตอบออกไป“ฉะ...ฉัน เอ่อ... ฉันช่วยถอดให้ก็ได้ค่ะ”“ขอบคุณนะครับยาหยี เพราะผมเจ็บแบบนี้คุณเลยต้องลำบาก”ดิเอโกบอกพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนเป็นการขอบคุณ สุพิชญายิ้มหวานให้ก่อนเอ่ยบอกจากใจจริงเช่นกัน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณยังหายใจอยู่ ฉันก็ดีใจแล้ว เพราะหากคุณเป็นอะไรไปใครจะอนุญาตให้ฉันกลับบ้านล่ะคะ” ท้ายประโยคสัพยอกนั่นทำให้ดิเอโกหลุดหัวเราะออกมากับวาจาค่อนแคะเขา“ยาหยี นี่ผมมีค่าแค่นั้นเองเหรอ” คนตัวโ
“ว่าไงนะ! ดิเอโกถูกยิงบาดเจ็บ แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณกลับมาทำไม... ทำไมไม่อยู่กับเขา” สุพิชญาอุทานดังลั่นห้องเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่ หัวใจสาวสั่นระรัวไปหมด เพราะทั้งกังวลและหวาดกลัวเกี่ยวกับอาการของดิเอโก“เควินคะ เอาเรือออก ฉันจะไปหาเขา พาฉันไปหาดิเอโกที”“ใจเย็นก่อนครับมิส ตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วฟังครับ” บอดี้การ์ดใหญ่บอกเสียงเข้มเกือบดุหวังเรียกสติหญิงสาวที่บัดนี้ดูท่ากระเจิดกระเจิงเสียแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าสงบลง เขาก็ค่อยๆ บอกเล่าเหตุการณ์ต่อไปตามบทที่ซักซ้อมมาอย่างดี“ดิเอโกบาดเจ็บจริงแต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ มิสไม่ต้องกังวลครับ และที่ผมกลับมานี่ เป็นเพราะดิเอโกสั่งให้ผมมาคุ้มกันมิส เพราะพวกของเดฟอาจคิดจะรุกรานมาถึงที่นี่ก็ได้”“ต่อสายดิเอโกให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” สุพิชญาร้องขออย่างน่าสงสารหลังจากฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่จบ เพียงแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยเธอก็เบาใจแต่ก็ยังอยากได้ยินเสียงให้แน่ใจอีกครั้งว่าเควินไม่ได้หลอกล่อให้เธอวางใจ“ผมคงทำตามคำขอของมิสไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างถูกคุมเข้มห้ามใครติดต่อกับดิเ
“หยุดก่อน!” เสียงหวานของสุพิชญาดังมาจากตรงเชิงบันได บอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินอยู่ในบริเวณนั้นหยุดชะงักก่อนหันมาทำความเคารพนายหญิง“ครับมิส”“ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าใครเป็นอะไร” สุพิชญาถามรัวเร็วเมื่อก้าวเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ด เหตุเพราะเธอได้ยินบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าใครเกิดการปะทะกับใคร ความใจร้อนทำให้เธอตะโกนเรียกเหล่าบอดี้การ์ดไว้เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ“เอ่อ... คือ... ”“ว่าไงคะ” หญิงสาวยิงคำถามจี้ถามติดๆ กันเมื่อพากันเอาแต่อ้ำอึ้ง สุพิชญาเค้นเอาคำตอบด้วยการจ้องเขม็งสายตานิ่งสนิทเป็นการบอกกลายๆ ว่าหากไม่ได้รับคำตอบเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ใครเดินจากไปเด็ดขาดหัวหน้าบอดี้การ์ด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจบอกกล่าวผู้เป็นนายหญิง“เควินสั่งการมาให้พวกเราคุมเข้มทุกจุด เพราะเกิดการปะทะกับเดฟที่เดอะไนท์ครับมิส”“ปะทะกับเดฟ! ที่เดอะไนท์” สุพิชญาอุทานตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หญิงสาวร้อนรุ่มไปหมด ในใจลึกๆ ยังปฏิเสธว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง แต่ทว่า...“ครับมิส เชิญมิสขึ้นไปพักบนห้องดีกว่าครับ ผมจะให้คนไปคุ้มกันความปลอดภัยที่หน้าห้อง”“เดี๋ยว! แล้วดิเ
เมื่อเห็นคนแสนพยศเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาหม่นเศร้า เจ้าพ่อใหญ่ก็เลื่อนมือมาจับไหล่กลมกลึงสองข้างก่อนเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งมาแตะพวงแก้มนุ่มนิ่มแล้วใช้ปลายนิ้วเชยปลายคางให้เธอแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเขา แต่การกระทำนั้นราวเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอต้องสบตาเขาและห้ามเบือนหน้าหลบหนีเด็ดขาดจนกว่าเขาจะพูดจบ“ผมดูแลคุณไม่ดีตรงไหนหรือเปล่ายาหยี คุณถึง...”“ดิเอโกคะ... ฉันยอมรับว่าคุณดูแลฉันดีมาก แต่ฉันก็ไม่ลืมว่าฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยความไม่เต็มใจ” พยายามให้เหตุผลหลังจากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดด้านดิเอโกเมื่อได้ฟังวาจานั้นเจ้าพ่อใหญ่ก็เริ่มเกิดอารมณ์หงุดหงิด เหตุเพราะไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมาคุยเรื่องนี้กับเธอ“ฟังนะยาหยี! คุณอาจจะคอยย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าคุณมาด้วยความไม่เต็มใจ นั่นมันเป็นเพราะคุณอคติ คุณถึงได้พยายามสร้างกำแพง ยกเหตุผลสารพัดเพียงเพื่อหลอกตัวเองว่าคุณไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่คุณไม่เคยยอมรับตัวเองต่างหากว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคุณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับกันคุณกลับเต็มใจรับมันด้วยซ้ำ” “ดิเอโก!” ขานนามนั้นอย่างตกตะลึง เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันกระแทกใจเธออย่างจัง“หรือคุณจะบอ
ตลอดช่วงสายของวันนั้นจนเวลาล่วงเลยมาค่อนคืน สุพิชญาเฝ้าคอยดูแลแม่ลูกอ่อนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดเกิดขึ้น หญิงสาวไม่คิดว่าดิเอโกจะใจดีสั่งการให้เคลื่อนย้ายลูกน้องหญิงไปพักที่เรือนใหญ่ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของเขา ซ้ำดิเอโกเองก็เฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่คิดปล่อยหญิงสาวไว้ตามลำพังเจ้าพ่อใหญ่สั่งการให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารมาให้เขาและเธอ แม้หญิงสาวจะเอ่ยปากหลายครั้งให้เขาไปพักผ่อนอย่าได้กังวลเกี่ยวกับเธอ แต่ดิเอโกก็หาได้ฟังไม่ เขายังยืนยันอยู่เป็นเพื่อนเธอและคอยสอดส่องสายตามองหาตลอดเวลาที่เธอหายเข้าไปในห้องพัก และยามนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่มาได้ชั่วโมงกว่าแล้วหญิงสาวตั้งใจว่าอีกสักพักเธอก็จะเอนกายพักผ่อนบ้าง ด้วยอาการของแม่หลังคลอดนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่เมื่อเธอก้าวพ้นประตูห้องออกมาก็พบดิเอโกนอนขดกายอยู่บนโซฟาที่ขนาดไม่พอดีกับร่างกายสูงใหญ่ของเขาสักนิด สุพิชญาส่ายหน้ากับภาพนั้นก่อนเดินเข้าไปหาหวังจะปลุกให้เขากลับเรือนพักไปนอนให้สะดวกสบาย“ดิเอโกคะ ตื่น... ว้าย!!” เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกตวัดรวบแขนบิดพ่ายไปด้านหลังเพียงแค่เธอยื
“ฉันต้องการสถานที่และอุปกรณ์เดี๋ยวนี้”“คุณต้องการอะไรบ้างว่ามา”สุพิชญาบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดิเอโกหันไปสั่งความลูกน้องทันทีเช่นกัน ยามนี้ไม่มีทีท่าของคนชอบวางอำนาจไม่ยอมเป็นรองเธอให้เห็นสักนิด“รีบไปจัดการตามที่นายหญิงสั่งสิ”“ครับดิเอโก!!”ตลอดระยะเวลาที่สุพิชญาทำคลอดดิเอโกแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าพ่อใหญ่เดินไปมาให้วุ่นวายไปหมด หัวใจแกร่งร้อนรุ่ม เขาแทบอยากพังประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ความห่วงใย ความพะวงทำเอาเขาว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพราะคำสั่งที่แสนเด็ดขาดของคนที่ดูบอบบางอย่างสุพิชญาว่าให้เขาออกมารอด้านนอก ขอไว้เพียงคนงานหญิงที่เธอให้คอยเป็นผู้ช่วยหยิบจับในสิ่งที่ต้องการเท่านั้น“อุ๊แว้! อุ๊แว้!”“พิชชา!” ดิเอโกอุทานขานเรียกชื่อหญิงสาวออกมาแทบเป็นตะโกนเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องดังออกมาจากด้านใน เจ้าพ่อใหญ่แทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเสียงเด็กที่เล็ดลอดออกมานั้นช่างเหมือนเสียงสวรรค์ เขามั่นใจว่าพิชชาปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แต่ว่า... เวลาก็ล่วงเลยมาสักระยะแล้วกลับไม่มีใครก้าวออกมาจากห้องสักคน เสียงเด็กก็พลอยเงียบหายไปด้วย“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เจ้าพ่อใหญ่รำพันกับตัวเอง