“แกว่าอะไรนะเควิน” เจ้าพ่อใหญ่ตวาดกร้าวราวกำลังเกรี้ยวกราดอย่างสุดแสน
เควิน เมดิสัน ผู้เป็นทั้งคนสนิทและมือขวาของ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แต่ยืนก้มหน้าสงบนิ่งอย่างยอมรับความผิดพลาดในงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านเลนส์แว่นนั้นจับจ้องที่ผืนพรมนิ่งไม่ไหวติง
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ดิเอโกเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจเมื่อลูกน้องคู่ใจเอาแต่สงบเงียบ เจ้าพ่อใหญ่หัวเสียกับสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อแรกอรุณของวันใหม่ ทั้งที่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอิ่มเอมใจ หญิงสาวแสนบริสุทธิ์ผู้เร่าร้อนทำให้กระทิงถึกอย่างเขาคึกคะนองจนแทบไม่ได้หลับนอนตลอดทั้งคืน
“เจ๊ใหญ่บอกว่าผู้หญิงที่เจ๊ส่งตัวมาเกิดหลงทางเลยมาถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด แล้วแบตเตอรี่มือถือก็หมดเลยทำให้ติดต่อกันไม่ได้ครับ ดิเอโก”
“แล้วผู้หญิงที่นายพามาเป็นใคร” เจ้าพ่อใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นยามตวัดสายตาคมกล้าจับจ้องลูกน้องคนสนิทอย่างคาดคั้น เขาไว้วางใจให้เควินทำงานให้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งงานใหญ่งานเล็ก เควินไม่เคยผิดพลาด แต่ทว่าครั้งนี้เควินกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
“ไม่ทราบครับ ผมเห็นผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ตรงจุดนัดหมาย รูปพรรณสัณฐานการแต่งกายก็ตรงกับที่เจ๊ใหญ่นัดแนะกับเราไว้ ผมก็เลยเข้าใจว่าเป็นคนที่เจ๊ส่งตัวมาครับดิเอโก” เควินรายงานตามความเป็นจริง ภารกิจที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบครั้งนี้ไม่ใช่ไม่เคยทำแต่เขาทำเป็นประจำจนเป็นกิจวัตรเรื่องผิดพลาดควรน่าจะเป็นศูนย์ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้
“บัดซบ! ใครบังอาจเล่นตลกกับฉัน” ดิเอโกสบถอย่างหัวเสียนัยน์ตาสีสนิมวาวโรจน์ราวมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในนั้น
“ผมให้คนของเราตามสืบเรื่องอยู่ครับ”
“ดี! ได้เรื่องแล้วรีบรายงานฉันด่วน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครหน้าไหนมันพยายามมาลูบคมฉัน”
“ครับ! เอ่อ... แล้วผู้หญิงคนนั้นดิเอโกจะให้ผมจัดการยังไงครับ” เควินเอ่ยถามก่อนหลุบหลบสายตาคมกร้าวของเจ้านายหนุ่มเตรียมพร้อมรอรับคำบัญชา
“ไม่ต้อง! นายไปตามสืบเรื่องเถอะ เรื่องผู้หญิงคนนี้ฉันจัดการเอง” คำตอบที่ได้รับทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าพ่อใหญ่พร้อมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
“นายสงสัยอะไรเควิน” ดิเอโกเลิกคิ้วขณะถามเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของลูกน้องคนสนิท
“เปล่าครับดิเอโก ผมแค่แปลกใจ” เควินตอบพร้อมลอบอมยิ้มด้วย รู้ว่าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเจ้านายใหญ่กับสาวน้อยที่ถูกพามาคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว และเจ้านายของเขาคงพอใจสาวเจ้าไม่ใช่น้อยถึงไม่มีทีท่าเคืองโกรธสักนิดยามเอ่ยถึง แม้จะรับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผิดฝาผิดตัวเกิดขึ้น
“ตกลงจะยืนยิ้มอีกนานไหม หรือต้องให้ฉันได้ออกกำลังก่อนถึงจะหยุดยิ้มแล้วออกไป”
“ขอโทษครับดิเอโก ลาล่ะครับ” เควินหุบยิ้มฉับแล้วโค้งคำนับก่อนพาร่างสูงใหญ่ถอยห่างออกไปแทบทันที
เควิน เมดิสัน สนิทสนมกับเจ้าพ่อใหญ่มากกว่าเจ้านายลูกน้องธรรมดา เรียกได้ว่ารักกันเสียยิ่งกว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ เขาสามารถตายแทนดิเอโกได้ทุกเมื่อ เพราะหากไม่ได้ดิเอโกช่วยเหลือไว้ เขาคงกลายเป็นคนจรจัดไม่มีที่ซุกหัวนอนหรือไม่ก็ตายอย่างอนาถท่ามกลางหิมะที่แสนเหน็บหนาวในค่ำคืนนั้น
บอดี้การ์ดหนุ่มทุ่มเทและภักดีต่อดิเอโกเสมอมา งานที่เขาได้รับมอบหมายน้อยครั้งมากที่จะผิดพลาด เขาไม่คิดว่าจะเกิดกับเรื่องที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้านายหนุ่มเช่นนี้ แม้เขาจะเบาใจได้เปลาะหนึ่งเพราะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงกับดิเอโกตามที่คิดกังวล แต่ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้หากยังไม่รู้ความเป็นจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุบังเอิญหรือถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งส่งมาเป็นนางนกต่อหวังลูบคมเจ้านาย
ดิเอโกมองตามร่างสูงใหญ่ของมือขวาคนสนิทที่เขาไว้ใจมากที่สุดไป เมื่อร่างนั้นหายลับออกจากห้องเจ้าพ่อใหญ่ก็ตวัดสายตาจ้องมองไปที่ประตูห้องนอนด้านใน เขายอมรับว่าติดใจรสสวาทสาวพรหมจรรย์ที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างหลังประตูบานนั้น แต่หากเธอเป็นนางนกต่อที่ศัตรูหวังส่งมาลูบคม เขาคงยอมไม่ได้ เจ้าหล่อนจะต้องได้รับการลงทัณฑ์อย่างสาสม
เจ้าพ่อใหญ่เดินดุ่มๆ ตรงไปกระชากเปิดประตูห้องนอนออกด้วยแรงโทสะที่เริ่มคุกรุ่นขึ้น ดวงตาสีสนิมคล้ายมีเปลวไฟลุกโชติช่วงยามจับจ้องไปยังเรือนร่างที่นอนสงบนิ่งภายใต้ผ้าห่มผืนหนา
“ดิเอโก” สุพิชญาอุทานตกใจเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วสายตาสบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ข้างเตียง หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเมื่อรับรู้ว่ายามนี้เรือนกายไร้อาภรณ์ใดๆ ห่อหุ้ม ดวงตาคู่หวานหลุบต่ำลงไม่กล้าสบตาเพราะรู้สึกว่าดวงตาสีสนิมที่วาววับคล้ายกำลังขุ่นเคืองคู่นั้นช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
“คุณเป็นใคร” เสียงทุ้มห้าวตวาดถามด้วยเสียงดังกึกก้องราวต้องการข่มขวัญให้อีกฝ่ายหวาดผวา สุพิชญาสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนแหงนเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของคำถาม เธอต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามว่าเขาเป็นใคร และเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่ใช่เขา!
“ผมถามว่าคุณเป็นใคร ใครส่งคุณมา”
“โอ๊ย! ปล่อยนะ! ฉันเจ็บ! ” สุพิชญาอุทานลั่นเมื่อฝ่ามือใหญ่ขยุ้มท่อนแขนบอบบางแน่นก่อนกระชากเข้าหาเรือนร่างแข็งแกร่ง หญิงสาวทั้งตกใจและหวาดกลัวกับการกระทำและคำถามนั้น พยายามดิ้นรนขัดขืนฝืนตัวออกจากพันธนาการที่รึงรัดแน่นเสียจนร้าวระบมไปตลอดทั้งแขน
“ถ้าเจ็บก็บอกมาว่าใครส่งคุณมาฮะ!” ดิเอโกแสร้งตวาดเสียงดังลั่นเพื่อข่มขวัญหวังเพิ่มดีกรีความน่ากลัวให้อีกฝ่ายหลุดเผยความจริงออกมา แต่ทว่าสุพิชญากลับตวาดแว้ดกลับมาจนดิเอโกชะงักอึ้ง
“ฉันจะรู้ไหมเล่า” หญิงสาวหยุดหายใจหอบถี่หลังจากตวาดกลับไปสุดเสียง ดวงตาคู่หวานวาววับด้วยความขุ่นเคืองใจชายหนุ่มแปลกหน้าที่บอกแต่เพียงว่าชื่อ ดิเอโก
เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายจับตัวเธอมาใช้เล่ห์มารยาหลอกล่อพรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ แล้วยังจะมีหน้ามาถามว่าเธอเป็นใคร ยิ่งคิดสุพิชญาก็ยิ่งแค้นใจที่ปล่อยตัวปล่อยใจเผลอไผลไปกับรสสวาทที่เขาปรนเปรอให้
“ตื่นมาก็เจอผู้ชายบ้ากามแถมยังโมโหร้ายอย่างคุณที่นี่ ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าคุณเป็นใครไปจับฉันมาต้องการอะไร” สุพิชญาร่ายยาวเหยียดเมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักค้าง หญิงสาวแทบอยากควักดวงตาคู่สนิมที่ฉายแววงุนงงสงสัยราวไม่รู้เรื่องนั้นออกมาขย้ำให้แหลกละเอียดให้สาแก่ใจ
“โอ๊ะ! / อุ๊ย!” ดิเอโกแสร้งอุทานเมื่อสุพิชญาดึงรั้งเสื้อเชิ้ตให้หลุดออกจากแขนแกร่ง หญิงสาวพลอยอุทานไปกับเขาด้วย“ขอโทษค่ะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ คุณช่วยยกแขนข้างนี้ขึ้นสูงอีกนิดได้ไหมคะ ไหวไหม” ท้ายประโยคถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่สั่งให้เขาขยับแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นเพื่อเธอจะได้ถอดเสื้อได้ง่ายขึ้น“ดะ...ได้ครับ” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักใบหน้าเหยเกเต็มที ดวงตาคู่สนิมหรี่มองหญิงสาวที่ค่อยๆ บรรจงถอดเสื้อ“แล้วกางเกง...”สุพิชญาหน้าแดงซ่านราวลูกตำลึงสุกเมื่อดิเอโกถามค้างเพียงเท่านั้น หญิงสาวหลุบตาต่ำอย่างเขินอายก่อนตวัดสายตาขึ้นมองสบดวงตาสีสนิม ในที่สุดเธอก็กลั้นหายใจกัดฟันตอบออกไป“ฉะ...ฉัน เอ่อ... ฉันช่วยถอดให้ก็ได้ค่ะ”“ขอบคุณนะครับยาหยี เพราะผมเจ็บแบบนี้คุณเลยต้องลำบาก”ดิเอโกบอกพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนเป็นการขอบคุณ สุพิชญายิ้มหวานให้ก่อนเอ่ยบอกจากใจจริงเช่นกัน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณยังหายใจอยู่ ฉันก็ดีใจแล้ว เพราะหากคุณเป็นอะไรไปใครจะอนุญาตให้ฉันกลับบ้านล่ะคะ” ท้ายประโยคสัพยอกนั่นทำให้ดิเอโกหลุดหัวเราะออกมากับวาจาค่อนแคะเขา“ยาหยี นี่ผมมีค่าแค่นั้นเองเหรอ” คนตัวโ
“ว่าไงนะ! ดิเอโกถูกยิงบาดเจ็บ แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณกลับมาทำไม... ทำไมไม่อยู่กับเขา” สุพิชญาอุทานดังลั่นห้องเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่ หัวใจสาวสั่นระรัวไปหมด เพราะทั้งกังวลและหวาดกลัวเกี่ยวกับอาการของดิเอโก“เควินคะ เอาเรือออก ฉันจะไปหาเขา พาฉันไปหาดิเอโกที”“ใจเย็นก่อนครับมิส ตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วฟังครับ” บอดี้การ์ดใหญ่บอกเสียงเข้มเกือบดุหวังเรียกสติหญิงสาวที่บัดนี้ดูท่ากระเจิดกระเจิงเสียแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าสงบลง เขาก็ค่อยๆ บอกเล่าเหตุการณ์ต่อไปตามบทที่ซักซ้อมมาอย่างดี“ดิเอโกบาดเจ็บจริงแต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ มิสไม่ต้องกังวลครับ และที่ผมกลับมานี่ เป็นเพราะดิเอโกสั่งให้ผมมาคุ้มกันมิส เพราะพวกของเดฟอาจคิดจะรุกรานมาถึงที่นี่ก็ได้”“ต่อสายดิเอโกให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” สุพิชญาร้องขออย่างน่าสงสารหลังจากฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่จบ เพียงแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยเธอก็เบาใจแต่ก็ยังอยากได้ยินเสียงให้แน่ใจอีกครั้งว่าเควินไม่ได้หลอกล่อให้เธอวางใจ“ผมคงทำตามคำขอของมิสไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างถูกคุมเข้มห้ามใครติดต่อกับดิเ
“หยุดก่อน!” เสียงหวานของสุพิชญาดังมาจากตรงเชิงบันได บอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินอยู่ในบริเวณนั้นหยุดชะงักก่อนหันมาทำความเคารพนายหญิง“ครับมิส”“ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าใครเป็นอะไร” สุพิชญาถามรัวเร็วเมื่อก้าวเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ด เหตุเพราะเธอได้ยินบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าใครเกิดการปะทะกับใคร ความใจร้อนทำให้เธอตะโกนเรียกเหล่าบอดี้การ์ดไว้เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ“เอ่อ... คือ... ”“ว่าไงคะ” หญิงสาวยิงคำถามจี้ถามติดๆ กันเมื่อพากันเอาแต่อ้ำอึ้ง สุพิชญาเค้นเอาคำตอบด้วยการจ้องเขม็งสายตานิ่งสนิทเป็นการบอกกลายๆ ว่าหากไม่ได้รับคำตอบเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ใครเดินจากไปเด็ดขาดหัวหน้าบอดี้การ์ด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจบอกกล่าวผู้เป็นนายหญิง“เควินสั่งการมาให้พวกเราคุมเข้มทุกจุด เพราะเกิดการปะทะกับเดฟที่เดอะไนท์ครับมิส”“ปะทะกับเดฟ! ที่เดอะไนท์” สุพิชญาอุทานตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หญิงสาวร้อนรุ่มไปหมด ในใจลึกๆ ยังปฏิเสธว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง แต่ทว่า...“ครับมิส เชิญมิสขึ้นไปพักบนห้องดีกว่าครับ ผมจะให้คนไปคุ้มกันความปลอดภัยที่หน้าห้อง”“เดี๋ยว! แล้วดิเ
เมื่อเห็นคนแสนพยศเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาหม่นเศร้า เจ้าพ่อใหญ่ก็เลื่อนมือมาจับไหล่กลมกลึงสองข้างก่อนเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งมาแตะพวงแก้มนุ่มนิ่มแล้วใช้ปลายนิ้วเชยปลายคางให้เธอแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเขา แต่การกระทำนั้นราวเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอต้องสบตาเขาและห้ามเบือนหน้าหลบหนีเด็ดขาดจนกว่าเขาจะพูดจบ“ผมดูแลคุณไม่ดีตรงไหนหรือเปล่ายาหยี คุณถึง...”“ดิเอโกคะ... ฉันยอมรับว่าคุณดูแลฉันดีมาก แต่ฉันก็ไม่ลืมว่าฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยความไม่เต็มใจ” พยายามให้เหตุผลหลังจากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดด้านดิเอโกเมื่อได้ฟังวาจานั้นเจ้าพ่อใหญ่ก็เริ่มเกิดอารมณ์หงุดหงิด เหตุเพราะไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมาคุยเรื่องนี้กับเธอ“ฟังนะยาหยี! คุณอาจจะคอยย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าคุณมาด้วยความไม่เต็มใจ นั่นมันเป็นเพราะคุณอคติ คุณถึงได้พยายามสร้างกำแพง ยกเหตุผลสารพัดเพียงเพื่อหลอกตัวเองว่าคุณไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่คุณไม่เคยยอมรับตัวเองต่างหากว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคุณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับกันคุณกลับเต็มใจรับมันด้วยซ้ำ” “ดิเอโก!” ขานนามนั้นอย่างตกตะลึง เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันกระแทกใจเธออย่างจัง“หรือคุณจะบอ
ตลอดช่วงสายของวันนั้นจนเวลาล่วงเลยมาค่อนคืน สุพิชญาเฝ้าคอยดูแลแม่ลูกอ่อนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดเกิดขึ้น หญิงสาวไม่คิดว่าดิเอโกจะใจดีสั่งการให้เคลื่อนย้ายลูกน้องหญิงไปพักที่เรือนใหญ่ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของเขา ซ้ำดิเอโกเองก็เฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่คิดปล่อยหญิงสาวไว้ตามลำพังเจ้าพ่อใหญ่สั่งการให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารมาให้เขาและเธอ แม้หญิงสาวจะเอ่ยปากหลายครั้งให้เขาไปพักผ่อนอย่าได้กังวลเกี่ยวกับเธอ แต่ดิเอโกก็หาได้ฟังไม่ เขายังยืนยันอยู่เป็นเพื่อนเธอและคอยสอดส่องสายตามองหาตลอดเวลาที่เธอหายเข้าไปในห้องพัก และยามนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่มาได้ชั่วโมงกว่าแล้วหญิงสาวตั้งใจว่าอีกสักพักเธอก็จะเอนกายพักผ่อนบ้าง ด้วยอาการของแม่หลังคลอดนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่เมื่อเธอก้าวพ้นประตูห้องออกมาก็พบดิเอโกนอนขดกายอยู่บนโซฟาที่ขนาดไม่พอดีกับร่างกายสูงใหญ่ของเขาสักนิด สุพิชญาส่ายหน้ากับภาพนั้นก่อนเดินเข้าไปหาหวังจะปลุกให้เขากลับเรือนพักไปนอนให้สะดวกสบาย“ดิเอโกคะ ตื่น... ว้าย!!” เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกตวัดรวบแขนบิดพ่ายไปด้านหลังเพียงแค่เธอยื
“ฉันต้องการสถานที่และอุปกรณ์เดี๋ยวนี้”“คุณต้องการอะไรบ้างว่ามา”สุพิชญาบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดิเอโกหันไปสั่งความลูกน้องทันทีเช่นกัน ยามนี้ไม่มีทีท่าของคนชอบวางอำนาจไม่ยอมเป็นรองเธอให้เห็นสักนิด“รีบไปจัดการตามที่นายหญิงสั่งสิ”“ครับดิเอโก!!”ตลอดระยะเวลาที่สุพิชญาทำคลอดดิเอโกแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าพ่อใหญ่เดินไปมาให้วุ่นวายไปหมด หัวใจแกร่งร้อนรุ่ม เขาแทบอยากพังประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ความห่วงใย ความพะวงทำเอาเขาว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพราะคำสั่งที่แสนเด็ดขาดของคนที่ดูบอบบางอย่างสุพิชญาว่าให้เขาออกมารอด้านนอก ขอไว้เพียงคนงานหญิงที่เธอให้คอยเป็นผู้ช่วยหยิบจับในสิ่งที่ต้องการเท่านั้น“อุ๊แว้! อุ๊แว้!”“พิชชา!” ดิเอโกอุทานขานเรียกชื่อหญิงสาวออกมาแทบเป็นตะโกนเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องดังออกมาจากด้านใน เจ้าพ่อใหญ่แทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเสียงเด็กที่เล็ดลอดออกมานั้นช่างเหมือนเสียงสวรรค์ เขามั่นใจว่าพิชชาปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แต่ว่า... เวลาก็ล่วงเลยมาสักระยะแล้วกลับไม่มีใครก้าวออกมาจากห้องสักคน เสียงเด็กก็พลอยเงียบหายไปด้วย“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เจ้าพ่อใหญ่รำพันกับตัวเอง