หมาป่าตัวโตแห่งต้าหลาง
มู่ชิงซานผู้ดำรงตำแหน่งชินอ๋องแคว้นต้าหลาง นำทหารสามหมื่นชีวิตมาตั้งฐานทัพอยู่ไม่ห่างจากประตูเมืองแคว้นหมิง การยกทัพมาครั้งนี้ทำตามความประสงค์ของฮ่องเต้มู่เส้าซือผู้เป็นบิดา
เกือบสองปีที่ผ่านมามีรายงานถึงความกระด้างกระเดื่องของแคว้นหมิงมิขาด อีกทั้งผู้นำยังคิดร่วมมือกับสิบสองเผ่าคนเถื่อนเพื่อจะได้มีความเข้มแข็งทางการศึกดั่งเช่นแคว้นอื่นๆ ดังนั้นมู่ชิงซานจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ห้ามมิให้แผ่นดินนี้ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มกำลังใดๆ ด้วยอาจส่งผลร้ายในภายภาคหน้า
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่กลางกระโจมบัญชาการแม่ทัพสายตาคมกริบจ้องแผนที่จำลองการออกศึก ก่อนหันไปมองภาพวาดสาวงามที่บุรุษทั่วหล้าต่างหมายปอง
“เหล่าสาวงามที่อ๋องชิงซานต้องการมาแล้วขอรับ” หยวนซางเอ่ยขึ้นอีกฝ่ายคือผู้ติดตามเขา เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นกุนซือประจำตัวมู่ชิงซาน หลายครั้งยังทำหน้าที่เงาให้แก่เขาด้วย
“ในนั้นมีองค์หญิงเยี่ยฉีหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม องค์หญิงใหญ่เยี่ยฉีนับว่าเป็นไซซีล่มเมือง นางคือผู้อยู่เบื้องหลังการแข็งข้อต่อแคว้นต้าหลางดังนั้นเขาจึงอยากปราบความโอหังของนางลง
“เกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องกริ้ว องค์หญิงเยี่ยฉีบอกว่าให้ประทานแพรขาวสามฉื่อหรือไม่ก็เหล้าพิษ ด้วยนางไม่ต้องการมารับใช้ท่าน”
มู่ชิงซานรู้ว่าที่นางกล่าวเช่นนั้นเพียงต้องการโก่งค่าตัวและหาทางถ่วงเวลา นางคงคิดว่าตนเก่งและเหนือกว่าผู้ใด ทว่าคนอย่างเขาไม่เคยยอมให้สตรีนางใดยื่นข้อเสนอมาต่อรอง
“ฮ่าๆ นางจะไม่ได้สิ่งใดจากข้า แต่จะถูกข้ามัดมือแล้วตีให้ขาหัก สั่งคนให้จับตัวนางมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะบุกเข้าไปหานางด้วยตัวเอง”
หยวนซางตกใจต่อคำพูดมู่ชิงซานจึงรีบเอ่ยค้าน
“ท่านอ๋อง เพียงแค่เรามาตั้งกองทัพเช่นนี้ก็บีบบังคับแคว้นหมิงเกินไปแล้ว ชาวเมืองต่างหดหัวอยู่ในบ้าน หากท่านต้องการได้ใจคนที่นี่ ควรให้พวกเขายอมแพ้แต่โดยดี ตามแนวทางของอ๋องหรูซื่อ” หยวนซางเป็นสหายมู่หรูซื่อ น้องชายมู่ชิงซาน ทั้งสองสนิทกัน หยวนซางเห็นว่ามู่หรูซื่อมีความประนีประนอมสูง ผิดกับคนเป็นพี่ชายที่มักมองว่ามู่หรูซื่ออ่อนแอ ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาได้นิสัยบิดา และฮ่องเต้มู่เส้าซือแห่งต้าหลางมีเมตตาสูง ซึ่งหลายครั้งนำมาซึ่งภัยใหญ่น้อยในหมู่เครือญาติ
“บ้านเมืองที่อดีตผู้ปกครองบ้าตัณหาจนเกือบถูกข่านแห่งสิบสองเผ่าคนเถื่อนยึด พอหมิงอ๋องคนใหม่นั่งบัลลังก์ก็ไร้ซึ่งความเข้มแข็งเพราะถูกพี่สาวกุมอำนาจไว้ในมือครึ่งหนึ่ง หากปล่อยไว้นานกว่านี้ แคว้นหมิงคงล่มสลาย นับว่าบิดาข้ามองการณ์ไกลที่ให้ข้ามาเตรียมรับมือสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้ข้าไม่เข้าไปจัดการหมิงอ๋องและพี่สาวของเขาให้ยอมก้มหัวสวามิภักดิ์ ก็นับว่าเห็นแก่สัญญาที่ทั้งเจ็ดแคว้นเคยลงนามไว้มากแล้ว”
หยวนซางถอนหายใจแรงๆ เขามิอาจเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มได้ ตอนนี้คงต้องรอให้มู่หรูซื่อกลับมาเสียก่อน ฝ่ายนั้นคงมีวิธีทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด ทว่าผ่านไปหลายชั่วยาม เหตุใดองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าหลางยังไม่ปรากฏตัว
“หามิได้ท่านอ๋อง อย่างไรข้าคงขอให้ท่านทบทวนเรื่องนี้ใหม่”
“เฮ้อ ข้าเบื่อที่จะฟังเจ้า หากไม่มีสาวงามเป็นที่พอใจ ข้าจะยิ่งหงุดหงิดกว่านี้”
หยวนซางเข้าใจอารมณ์ผู้เป็นนายดี เขาชอบความงามของสตรีพอๆกับการกรำศึกหนัก มู่ชิงซานถือดาบกวัดแกว่งฟาดฟันศัตรูพร้อมเสพสมกับสตรีก็เคยกระทำมาแล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนที่เขาต้องการกลับขู่จะฆ่าตัวตาย
“หากเจ้าพาตัวเยี่ยฉีมาไม่ได้ จงไปคัดเลือกสาวงามในแคว้นหมิงมาอีกหากข้าพึงใจนางใดก็จะใช้เป็นนางบำเรออุ่นเตียง แต่ถ้าไม่ได้เรื่อง จงโยนพวกนางให้ไปรับใช้ในค่ายทหารเถอะ!” คนที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพประกาศเสียงดัง
มู่ชิงซานก้าวออกจากกระโจมขนาดใหญ่ เขาเบื่อหน่ายอย่างหนักแผ่นดินหมิงไม่มีสิ่งใดชวนให้อภิรมย์ คราแรกตั้งใจเข้าไปยึดที่นี่ แต่บิดาสั่งให้ซื้อใจพวกคนขี้ขลาดเอาไว้ อีกทั้งไม่อยากมีปัญหากับแคว้นที่เหลือ ดังนั้นมู่หรูซื่อจึงอาสาเข้าไปเจรจากับหมิงอ๋องด้วยตนเอง
และถ้าหากต้องทำศึกกันจริงๆ แคว้นหมิงที่เล็กอาจได้รับความเสียหาย เขาจำเป็นต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ไม่ให้บอบช้ำ เพราะเป็นสถานที่ซึ่งปลูกสมุนไพร อีกทั้งพืชผักผลไม้งอกงาม อากาศไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไปมีแม่น้ำไหลผ่านเหมาะแก่การทำเกษตรและค้าขาย ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือต้องทำให้ชาวเมืองยอมก้มหัวให้โดยไม่ใช้กำลังเข้าข่มเหง
ซึ่งในอนาคตเขาหวังจะให้ชาวหมิงส่งบรรณาการให้แก่ต้าหลาง และเป็นสถานที่สำคัญเพื่อให้เขาใช้ตั้งกองทัพเพื่อยกไปปราบสิบสองเผ่าคนเถื่อน
ขณะที่ก้าวออกมาด้านหลังกระโจม เขาก็ขึ้นควบอาชาศึกโดยสั่งห้ามไม่ให้มีผู้ติดตามรวมถึงองครักษ์ บรรยากาศในยามบ่ายแก่ๆ เย็นสบาย แสงอาทิตย์งดงามชวนให้คิดถึงความสำราญใจเมื่อเขาเป็นหนุ่มน้อย และได้อยู่ใกล้ชิดเหล่าหญิงงาม
ทั้งที่ต้องการขี่ม้าอย่างสงบเพื่อชมดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ แต่เสียงหวีดร้องที่ดังจากในป่าทำให้เขาขุ่นใจ ภาพเบื้องหน้าคือสาวงามหลายนางวิ่งกระหืดกระหอบหนีตาย โดยฝีมือกลุ่มทหารจากต้าหลาง แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำสั่งของเขา การข่มเหงผู้อ่อนแอกว่ามู่ชิงซานไม่นิยม เขาเพียงแค่ต้องการนางบำเรอ และสตรีที่สนใจคือฟ่านเยี่ยฉี เมื่อเห็นภาพดังกล่าวเบื้องหน้า ย่อมแสดงว่าคำสั่งของเขามีผู้บิดเบือน จนเป็นเหตุให้ทหารปลายแถวพรากลูกสาวชาวบ้านเพื่อไปย่ำยี
ดวงตาดุจพญานกอินทรีมองเหตุการณ์บนหลังม้าเงียบๆ ทหารหลายนายกำลังไล่ต้อนสาวชาวบ้านที่หาของป่า และสตรีนางใดถูกจับตัวได้ก็นำตัวขึ้นรถม้าคันใหญ่ และจุดหมายคือการเป็นโสเภณีในค่ายทหาร แต่แรกเขาหวังจะสั่งสอนพวกทหารปลายแถวเสียเอง ทว่าหากด่วนลงมือจะทำให้เขามิอาจทราบว่าใครเป็นผู้บงการ ดังนั้นเรื่องนี้เขาคงให้หยวนซางสืบในภายหลัง
ชายหนุ่มบังคับม้าให้หมุนตัวไปอีกด้าน เขาควบขี่ต่อไป กระทั่งพบกับร่างหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบหนีตายมา ร่างนั้นเป็นสตรีรูปร่างอรชร ทว่าเสื้อผ้านั้นขาดวิ่น จึงเผยเห็นหัวไหล่นวลเนียนและหน้าอกหน้าใจอันอวบอิ่มสองเต้านั้นเด้งไหวตามการเคลื่อนตัว ทว่าพอนางเงยหน้าขึ้นมองมาทางเขา ดวงตาคมกริบพลันประหลาดใจ ยามนั้นหัวคิ้วเข้มๆ ของเขาขมวดมุ่นใบหน้านั้นหาใช่สาวงาม!
มู่ชิงซานกวาดตามองไปรอบๆ ตัว เขามั่นใจว่าสตรีอัปลักษณ์คงอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ นางเหมือนภูตผีซึ่งหลบซ่อนคอยกัดกินซากสัตว์เน่าตายร่างสูงใหญ่ก้าวไปเบื้องหน้าโดยไม่เกรงกลัวใคร กระทั่งหูแว่วได้ยินเสียงน้ำตก ด้วยความที่เมื่อยล้าและอยากล้างเนื้อตัว จึงเปลื้องผ้าหวังชำระร่างกายเมื่อเขาลงสู่ผืนน้ำใส ความสดชื่นทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าหายเครียด แต่พอเงยหน้าขึ้นเขารู้สึกวูบเล็กน้อย อีกทั้งปวดศีรษะอย่างรุนแรงยามนั้นชายหนุ่มคิดถึงความผิดพลาดที่ตนไม่ทันเฉลียวใจแต่แรก ด้วยประมาทว่าแคว้นหมิงอ่อนด้อยหลายอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับเดินเข้าสู่กับดัก มู่ชิงซานนึกย้อนถึงป้ายหยกของน้องชายและกล่องไม้ที่มีนิ้วมือมนุษย์ หรือเป็นไปได้ว่าของสองสิ่งนี้ล้วนแอบแฝงด้วยพิษร้ายและตอนนี้มันกำลังเล่นงานเขาหลังจากที่ใช้พลังภายในเพื่อป้องกันตนเองมู่ชิงซานปวดศีรษะรุนแรงกว่าเดิมและมีเลือดไหลออกจากจมูกกับรูหูทั้งสองข้าง อาการหน้ามืดเล่นงานเขาอย่างฉับพลัน แต่เขาพยายามทรงตัวเอาไว้ด้วยได้ยินเสียงฝีเท้าคน แม้ว่าแผ่วเบาแต่มีจำนวนไม่น้อย“ใครมันบังอาจรบกวนข้า” มู่ชิงซานตวาด ก่อนกระโดดตัวลอยเหนือผิวน้ำ เมื่อมีมีดสั้นซึ่งเป็นอาวุธล
อ๋องปีศาจ ท่านทำให้ข้า...คลั่งมู่ชิงซานไม่ได้ประมาท เขารับมือในยามคับขันได้ดีเสมอ ดาบเล่มยักษ์ในมือกวัดแกว่งป้องกันตนเอง กระทั่งไร้ลูกธนูที่พุ่งมาหมายสังหารเขาจึงมีเสียงร้องข่มขวัญก่อนปรากฏร่างของผู้คนที่วิ่งไล่กวดชายหนุ่มผู้หนึ่งดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังคนซึ่งวิ่งหนีตาย“พี่รอง ชะ...ช่วยข้าด้วย”“น้องเล็ก!”มู่หรูซื่อพยายามเอาตัวรอดจากโจรชุดดำนับสิบชีวิต เขาวิ่งหลบหน้าหลบหลัง ปากร้องเรียกพี่ชาย กระทั่งถูกจับตัวไว้ได้จึงออกแรงดิ้นขัดขืน มือข้างหนึ่งใช้มีดสั้นจ้วงแทงใส่คนที่ทำร้ายเขา ทว่าด้วยจำนวนคนที่มาก มู่หรูซื่อจึงเพลี่ยงพล้ำชายหนุ่มถูกจับลากไปตามพื้น และในขณะที่หวิดโดนฟันเข้าบริเวณหัวไหล่ ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายพลันทะยานเข้ามาแล้วใช้ฝ่าเท้าถีบใส่กลางหลังศัตรูเต็มแรง “น้องเล็ก หลบมาอยู่ด้านหลังพี่” มู่ชิงซานออกคำสั่ง ดาบในมือเขาฟันไปเบื้องหน้า ร่างคนร้ายซึ่งพุ่งเข้ามาถึงกับขาดเป็นสองท่อน โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วเมื่อกลุ่มชายชุดดำเห็นอย่างนั้นจึงปรับกลวิธีจัดการชินอ๋องจากต้าหลางใหม่“ถ้าไม่อยากให้ร่างกายแยกออกเป็นห้าส่วน จงถอยกลับไปเสีย” มู่-ชิงซานตวาดเสียงก้อง พวกที่ตั้งท่าอยู่จึงละ
ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ได้คิดว่านางจะต้องกระทำเรื่องน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนแต่เกาเจียวหั่วได้พบร่างของทหารต้าหลาง และคนผู้นั้นได้รับพิษประหลาดพิษซึ่งดูเหมือนจะมีต้นตอมาจากตำหนักเย็นที่นางอาศัยอยู่ “อาเจี๋ย เจ้ากระทำเรื่องใหญ่เกินตัว เช่นนี้หัวอาจหลุดออกจากบ่า!”“พี่หั่ว ข้าอยากบอกให้ท่านรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่ฝีมือสตรีผู้นี้ มีคนต้องการใส่ความข้า อีกอย่างพิษดังกล่าวคล้ายคนเป็นไข้หวัด ทว่ามันอันตรายถึงแก่ชีวิต ติดต่อทางการสัมผัสและไอจาม นี่คงเป็นเหตุให้ทหารต้าหลางล้มป่วยลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรเราต้องป้องกันคนของเราด้วย มิเช่นนั้นอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่” “พี่เข้าใจ” เกาเจียวหั่วพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามต่อ“แล้วบุรุษที่เจ้าจับตัวไว้จะทำเช่นใดต่อ”“ชายผู้นี้ควรเป็นผู้นำทัพแทนพี่ชายเขา ส่วนมู่ชิงซานอ๋องปีศาจ หากหายสาบสูญไปได้ แผ่นดินนี้ย่อมเป็นสุข”“เฮ้อ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องตลกอันใดอาเจี๋ย”“ฮึๆ เดี๋ยวพี่หั่วก็รู้ หากคาดการณ์มิผิด ตอนนี้บุรุษแซ่มู่คงกำลังคลั่งเหมือนหมาบ้า ด้วยกองทัพระส่ำระสาย และน้องชายยังตกอยู่ในมือผู้อื่น”“เจ้านี่มัน!” เกาเจียวหั่วยื่นมือหมายจะขยี้ผมเส้นเล็กดำละเอียดบนศีรษะของฟ่
“ฮ่าๆ เก่งกาจถึงเพียงนี้ หากไร้ประโยชน์ ในเมื่อบ้านเมืองของเจ้ากำลังจะล่มสลาย” มู่ชิงซานไม่คิดขู่สตรี เขาเพียงแต่เอ่ยความจริงเพื่อให้พวกนางเข้มแข็ง ดีเท่าไรแล้วที่มาพบกับเขา มิใช่พวกเผ่าคนเถื่อนที่นอกด่านหากพบเห็นสตรีเช่นนี้ ทั้งสามนางคงไม่แคล้วถูกย่ำยีราวกับเป็นหญิงจากหอนางโลม“ท่านอ๋อง ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านก่อนเถิด” จางหลิงเวยซึ่งเป็นลูกของพ่อค้าเอ่ย นางสืบเท้าเข้ามาหาชายหนุ่ม ท่าทางนางเป็นกุลสตรี แต่ก็ชวนให้เขารู้สึกเร่าร้อนจนเป้ากางเกงพองขยาย“เจ้ามีแซ่อันใด”“ผู้น้อยแซ่จาง นามว่าหลิงเวย”ชายหนุ่มทำเสียงคำรามในลำคอ เขาชมชอบความงามเพราะเป็นสิ่งที่สตรีพึงมี ทว่าหลายปีมานี้ไม่ได้ตบแต่งพระชายา ด้วยยังไม่ถูกใจใครเป็นพิเศษ อีกทั้งไอสังหารรุนแรงที่อยู่ในร่างกายเขาอาจทำให้ธาตุไฟแตกได้ง่ายๆหลายปีที่ผ่านมาจึงติดตามหาคนผู้หนึ่งที่จะมาช่วยทำให้เขาควบคุมสิ่งที่อยู่ในร่างกายให้เป็นปกติ กระนั้นของสวยงามริมทางเขาก็เชยชมมิขาด ด้วยมันช่วยทำให้เลือดลมสูบฉีด ลดอาการงุ่นง่าน“หากเจ้าแน่ใจที่จะรับใช้ข้า จงรีบปรนนิบัติเสีย”แม้จะทำใจดีสู้เสือ แต่จางหลิงเวยยังอดกลัวมิได้ นางค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเข
ความคิดแรกของมู่ชิงซาน ถึงอย่างไรก็ไม่อยากถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง ทว่าความอ่อนแอของทหารที่เขานำทัพสร้างความเครียดให้ชายหนุ่ม อีกทั้งสถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นทุกที ซึ่งดูเหมือนฟ้าดินกำลังลงโทษเขา ดังนั้นมู่ชิงซานจึงต้องออกคำสั่งลงไปเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจเหล่าทหารกลับคืนยามนี้ ศพทหารเกือบสามร้อยนายเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าแผ่นดินเล็กๆกำลังเปิดศึกกับแคว้นหมิง โดยใช้หมอตำแยชั่วร้ายวางยาพิษ ใช่...เขาต้องควานหาคนผู้นั้นให้ได้ และนำเลือดของมันมาล้างเท้าชดเชยความผิดที่มันก่อขึ้น“อ๋องชิงซาน ข้าเกรงว่าตอนนี้ท่านก็ควรระวังชีวิตเอาไว้ด้วย เพราะหน่วยแพทย์ของเรายังมิอาจหาวิธีรักษาพิษดังกล่าว”มู่ชิงซานได้ยินเข้าพลันตบโต๊ะเสียงดัง เขาไม่กลัวตาย แต่ตอนนี้ความอ่อนแอของทหารต้าหลางทำให้เขาอยากสั่งโบยพวกมันให้เนื้อแตกเพื่อเลิกคร่ำครวญหามารดา“ใครป่วยก็ดูแล แต่ถ้าใครสำออยจงโยนมันลงหลุมแล้วฝังดินเสีย อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าอีก ต้าหลางยิ่งใหญ่เกรียงไกร จะมาพ่ายแพ้ต่อไข้ป่าเช่นนี้ได้หรือ”หยวนซางถอนหายใจออกมาหลายเฮือก เขาติดตามมู่ชิงซานมาหลายปีรู้ถึงความเลือดร้อนของอีกฝ่าย แต่ก็รักพวกพ้องยิ่ง หากยามนี้ดูเหมือนผ
บุรุษรูปงามที่ข้าจับตัวได้ฟ่านรั่วเจี๋ยกลับมายังตำหนักของตน เสียงเป็ดที่ร้องต้อนรับทำให้นางรู้สึกปลอดภัย จากนั้นนางจึงเปลื้องผ้าแล้วก้าวลงไปยังบ่อน้ำพุซึ่งก่อนหน้านี้ได้แช่สมุนไพรลับเอาไว้ อีกทั้งใต้บ่อน้ำพุแห่งนี้มีหินวิเศษและแร่ธาตุซึ่งช่วยทำให้ผ่อนคลาย แต่เหนืออื่นใดคือมันมีสรรพคุณช่วยทำให้ความอัปลักษณ์ของนางหายไป!นางหลับตาพริ้ม รู้สึกถึงความผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ขัดเนื้อขัดตัวกระทั่งรู้สึกสบายเนื้อตัวและหายปวดเมื่อยตามร่างกายก็ลุกออกจากบ่อน้ำพุ แล้วสวมใส่เสื้อผ้าในชุดสีเข้มๆ ประหนึ่งเป็นผู้ถือศีลกินเจ นางตรงไปยังกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ห่างออกไปเพื่อพบคนผู้หนึ่งเสียงกระแอมไอดังลอดมาจากด้านใน นางจึงรู้ว่าเชลยที่นางได้พบเห็นตรงหน้าปากถ้ำฟื้นแล้วร่างทรงเสน่ห์ก้าวไปมองบุรุษที่นอนอยู่ใกล้ๆ กองฟืน นางมัดผ้าปิดตาเขาไว้ และยังฝังเข็มเพื่อไม่ให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้“แม่นาง เป็นแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ท่าทางเขาดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงกว่าเดิม บาดแผลต่างๆ ก็มีเพียงภายนอก ซึ่งมิอาจส่งผลต่อชีวิต“เหตุใดถึงไม่ตอบข้า” เขาถาม น้ำเสียงดูร้อนรนฟ่านรั่วเจี๋ยหัวเราะน้อยๆ นับว่าเขาไ