หมาป่าตัวโตแห่งต้าหลาง
มู่ชิงซานผู้ดำรงตำแหน่งชินอ๋องแคว้นต้าหลาง นำทหารสามหมื่นชีวิตมาตั้งฐานทัพอยู่ไม่ห่างจากประตูเมืองแคว้นหมิง การยกทัพมาครั้งนี้ทำตามความประสงค์ของฮ่องเต้มู่เส้าซือผู้เป็นบิดา
เกือบสองปีที่ผ่านมามีรายงานถึงความกระด้างกระเดื่องของแคว้นหมิงมิขาด อีกทั้งผู้นำยังคิดร่วมมือกับสิบสองเผ่าคนเถื่อนเพื่อจะได้มีความเข้มแข็งทางการศึกดั่งเช่นแคว้นอื่นๆ ดังนั้นมู่ชิงซานจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ห้ามมิให้แผ่นดินนี้ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มกำลังใดๆ ด้วยอาจส่งผลร้ายในภายภาคหน้า
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่กลางกระโจมบัญชาการแม่ทัพสายตาคมกริบจ้องแผนที่จำลองการออกศึก ก่อนหันไปมองภาพวาดสาวงามที่บุรุษทั่วหล้าต่างหมายปอง
“เหล่าสาวงามที่อ๋องชิงซานต้องการมาแล้วขอรับ” หยวนซางเอ่ยขึ้นอีกฝ่ายคือผู้ติดตามเขา เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นกุนซือประจำตัวมู่ชิงซาน หลายครั้งยังทำหน้าที่เงาให้แก่เขาด้วย
“ในนั้นมีองค์หญิงเยี่ยฉีหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม องค์หญิงใหญ่เยี่ยฉีนับว่าเป็นไซซีล่มเมือง นางคือผู้อยู่เบื้องหลังการแข็งข้อต่อแคว้นต้าหลางดังนั้นเขาจึงอยากปราบความโอหังของนางลง
“เกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องกริ้ว องค์หญิงเยี่ยฉีบอกว่าให้ประทานแพรขาวสามฉื่อหรือไม่ก็เหล้าพิษ ด้วยนางไม่ต้องการมารับใช้ท่าน”
มู่ชิงซานรู้ว่าที่นางกล่าวเช่นนั้นเพียงต้องการโก่งค่าตัวและหาทางถ่วงเวลา นางคงคิดว่าตนเก่งและเหนือกว่าผู้ใด ทว่าคนอย่างเขาไม่เคยยอมให้สตรีนางใดยื่นข้อเสนอมาต่อรอง
“ฮ่าๆ นางจะไม่ได้สิ่งใดจากข้า แต่จะถูกข้ามัดมือแล้วตีให้ขาหัก สั่งคนให้จับตัวนางมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะบุกเข้าไปหานางด้วยตัวเอง”
หยวนซางตกใจต่อคำพูดมู่ชิงซานจึงรีบเอ่ยค้าน
“ท่านอ๋อง เพียงแค่เรามาตั้งกองทัพเช่นนี้ก็บีบบังคับแคว้นหมิงเกินไปแล้ว ชาวเมืองต่างหดหัวอยู่ในบ้าน หากท่านต้องการได้ใจคนที่นี่ ควรให้พวกเขายอมแพ้แต่โดยดี ตามแนวทางของอ๋องหรูซื่อ” หยวนซางเป็นสหายมู่หรูซื่อ น้องชายมู่ชิงซาน ทั้งสองสนิทกัน หยวนซางเห็นว่ามู่หรูซื่อมีความประนีประนอมสูง ผิดกับคนเป็นพี่ชายที่มักมองว่ามู่หรูซื่ออ่อนแอ ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาได้นิสัยบิดา และฮ่องเต้มู่เส้าซือแห่งต้าหลางมีเมตตาสูง ซึ่งหลายครั้งนำมาซึ่งภัยใหญ่น้อยในหมู่เครือญาติ
“บ้านเมืองที่อดีตผู้ปกครองบ้าตัณหาจนเกือบถูกข่านแห่งสิบสองเผ่าคนเถื่อนยึด พอหมิงอ๋องคนใหม่นั่งบัลลังก์ก็ไร้ซึ่งความเข้มแข็งเพราะถูกพี่สาวกุมอำนาจไว้ในมือครึ่งหนึ่ง หากปล่อยไว้นานกว่านี้ แคว้นหมิงคงล่มสลาย นับว่าบิดาข้ามองการณ์ไกลที่ให้ข้ามาเตรียมรับมือสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้ข้าไม่เข้าไปจัดการหมิงอ๋องและพี่สาวของเขาให้ยอมก้มหัวสวามิภักดิ์ ก็นับว่าเห็นแก่สัญญาที่ทั้งเจ็ดแคว้นเคยลงนามไว้มากแล้ว”
หยวนซางถอนหายใจแรงๆ เขามิอาจเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มได้ ตอนนี้คงต้องรอให้มู่หรูซื่อกลับมาเสียก่อน ฝ่ายนั้นคงมีวิธีทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด ทว่าผ่านไปหลายชั่วยาม เหตุใดองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าหลางยังไม่ปรากฏตัว
“หามิได้ท่านอ๋อง อย่างไรข้าคงขอให้ท่านทบทวนเรื่องนี้ใหม่”
“เฮ้อ ข้าเบื่อที่จะฟังเจ้า หากไม่มีสาวงามเป็นที่พอใจ ข้าจะยิ่งหงุดหงิดกว่านี้”
หยวนซางเข้าใจอารมณ์ผู้เป็นนายดี เขาชอบความงามของสตรีพอๆกับการกรำศึกหนัก มู่ชิงซานถือดาบกวัดแกว่งฟาดฟันศัตรูพร้อมเสพสมกับสตรีก็เคยกระทำมาแล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนที่เขาต้องการกลับขู่จะฆ่าตัวตาย
“หากเจ้าพาตัวเยี่ยฉีมาไม่ได้ จงไปคัดเลือกสาวงามในแคว้นหมิงมาอีกหากข้าพึงใจนางใดก็จะใช้เป็นนางบำเรออุ่นเตียง แต่ถ้าไม่ได้เรื่อง จงโยนพวกนางให้ไปรับใช้ในค่ายทหารเถอะ!” คนที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพประกาศเสียงดัง
มู่ชิงซานก้าวออกจากกระโจมขนาดใหญ่ เขาเบื่อหน่ายอย่างหนักแผ่นดินหมิงไม่มีสิ่งใดชวนให้อภิรมย์ คราแรกตั้งใจเข้าไปยึดที่นี่ แต่บิดาสั่งให้ซื้อใจพวกคนขี้ขลาดเอาไว้ อีกทั้งไม่อยากมีปัญหากับแคว้นที่เหลือ ดังนั้นมู่หรูซื่อจึงอาสาเข้าไปเจรจากับหมิงอ๋องด้วยตนเอง
และถ้าหากต้องทำศึกกันจริงๆ แคว้นหมิงที่เล็กอาจได้รับความเสียหาย เขาจำเป็นต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ไม่ให้บอบช้ำ เพราะเป็นสถานที่ซึ่งปลูกสมุนไพร อีกทั้งพืชผักผลไม้งอกงาม อากาศไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไปมีแม่น้ำไหลผ่านเหมาะแก่การทำเกษตรและค้าขาย ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือต้องทำให้ชาวเมืองยอมก้มหัวให้โดยไม่ใช้กำลังเข้าข่มเหง
ซึ่งในอนาคตเขาหวังจะให้ชาวหมิงส่งบรรณาการให้แก่ต้าหลาง และเป็นสถานที่สำคัญเพื่อให้เขาใช้ตั้งกองทัพเพื่อยกไปปราบสิบสองเผ่าคนเถื่อน
ขณะที่ก้าวออกมาด้านหลังกระโจม เขาก็ขึ้นควบอาชาศึกโดยสั่งห้ามไม่ให้มีผู้ติดตามรวมถึงองครักษ์ บรรยากาศในยามบ่ายแก่ๆ เย็นสบาย แสงอาทิตย์งดงามชวนให้คิดถึงความสำราญใจเมื่อเขาเป็นหนุ่มน้อย และได้อยู่ใกล้ชิดเหล่าหญิงงาม
ทั้งที่ต้องการขี่ม้าอย่างสงบเพื่อชมดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ แต่เสียงหวีดร้องที่ดังจากในป่าทำให้เขาขุ่นใจ ภาพเบื้องหน้าคือสาวงามหลายนางวิ่งกระหืดกระหอบหนีตาย โดยฝีมือกลุ่มทหารจากต้าหลาง แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำสั่งของเขา การข่มเหงผู้อ่อนแอกว่ามู่ชิงซานไม่นิยม เขาเพียงแค่ต้องการนางบำเรอ และสตรีที่สนใจคือฟ่านเยี่ยฉี เมื่อเห็นภาพดังกล่าวเบื้องหน้า ย่อมแสดงว่าคำสั่งของเขามีผู้บิดเบือน จนเป็นเหตุให้ทหารปลายแถวพรากลูกสาวชาวบ้านเพื่อไปย่ำยี
ดวงตาดุจพญานกอินทรีมองเหตุการณ์บนหลังม้าเงียบๆ ทหารหลายนายกำลังไล่ต้อนสาวชาวบ้านที่หาของป่า และสตรีนางใดถูกจับตัวได้ก็นำตัวขึ้นรถม้าคันใหญ่ และจุดหมายคือการเป็นโสเภณีในค่ายทหาร แต่แรกเขาหวังจะสั่งสอนพวกทหารปลายแถวเสียเอง ทว่าหากด่วนลงมือจะทำให้เขามิอาจทราบว่าใครเป็นผู้บงการ ดังนั้นเรื่องนี้เขาคงให้หยวนซางสืบในภายหลัง
ชายหนุ่มบังคับม้าให้หมุนตัวไปอีกด้าน เขาควบขี่ต่อไป กระทั่งพบกับร่างหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบหนีตายมา ร่างนั้นเป็นสตรีรูปร่างอรชร ทว่าเสื้อผ้านั้นขาดวิ่น จึงเผยเห็นหัวไหล่นวลเนียนและหน้าอกหน้าใจอันอวบอิ่มสองเต้านั้นเด้งไหวตามการเคลื่อนตัว ทว่าพอนางเงยหน้าขึ้นมองมาทางเขา ดวงตาคมกริบพลันประหลาดใจ ยามนั้นหัวคิ้วเข้มๆ ของเขาขมวดมุ่นใบหน้านั้นหาใช่สาวงาม!
“นางงูพิษ!” ฟ่านเยี่ยฉีจ้องบ่าวชั้นต่ำเขม็ง ก่อนหน้านี้พยายามซื้อตัวจางฉีให้มาเป็นพวกเดียวกัน และคิดว่ากระทำได้สำเร็จ สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังจางฉียิ้มเยาะอีกฝ่าย ตอบว่า “องค์หญิงใหญ่ อ่อ...ไม่ใช่สิ ตอนนี้ท่านคงเป็นได้แค่กบฏไร้แผ่นดิน เมื่อก่อนข้าเป็นคนอับจนปัญญาอยู่มาก จึงกระทำความผิดต่อฮูหยินในค่ายทหารแคว้นหมิง ด้วยปล่อยให้คนของท่านที่ปลอมเป็นสิบสองเผ่าคนเถื่อนมาจับนางไป ตัวข้าสำนึกผิดในสิ่งที่ทำจนอยากฆ่าตัวตาย แต่ชินอ๋องให้โอกาสข้าแก้ตัวใหม่ ข้าจึงบอกกับตนเองว่าชาตินี้จะจงรักภักดีต่อฮูหยินและชินอ๋อง แม้ตายไปกลายเป็นผีก็จะอยู่รับใช้” ฟ่านเยี่ยฉีถลึงตาใส่จางฉี ก่อนกล่าวด้วยเสียงแหลมสูง“หึๆ หากรั่วเจี๋ยรู้ว่าเจ้าเคยวางยานางในกระโจมที่ค่ายทหาร ฮูหยินที่แสนดียังจะปล่อยให้นกสองหัวเช่นเจ้ามีชีวิตรอดอีกรึ”“ขะ...ข้าย่อมไม่ต้องการให้ฮูหยินยกโทษให้ เพียงแต่ข้าจะไม่ยอมทำผิดเป็นหนที่สอง ข้าอยากเป็นคนดี ไม่เหมือนเจ้าที่จิตใจสกปรก แม้แต่คนในสายเลือดเดียวกันยังคิดฆ่าให้ตาย” จางฉีเอ่ยแล้วนางก็โล่งใจ เรื่องทั้งหมดนางไม่เคยบอกฟ่านรั่วเจี๋ย แม้กระทั่งจางหมิ่นว่านางคือคนที่วางยาในกระโจมจนทำ
“ฮิๆ มีแต่พวกอ่อนด้อยและปวกเปียกราวกับเด็กน้อย”สิ่งที่หญิงหลังค่อมกล่าวย่อมไม่ผิด ก่อนหน้านี้นางได้วางยาพวกเขาในอาหาร ด้วยการหลอกใช้จางฉี ดังนั้นเมื่อองครักษ์ใช้กำลังภายใน พวกเขาจึงถูกพิษแทรกซึมเข้าสู่ร่างไม่ต่างจากจางหมิ่น“ตายเสียให้หมดทุกคน ชาวต้าหลางหน้าโง่!”หมอตำแยเผยธาตุแท้ให้เห็น นางกลายเป็นคนร้ายเต็มตัว และยังแสยะยิ้มน่าเกลียดอวดผู้อื่นฟ่านรั่วเจี๋ยแข็งใจฮึดสู้ รวบรวมแรงของตน นางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อได้ยาลูกกลอนเม็ดสีเข้มมีกลิ่นรุนแรงคล้ายซากศพ ก่อนส่งให้จางหมิ่นเอาใส่ปาก จากนั้นจึงหยิบเข็มเงินของตนเล่มหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาปักเข้าบริเวณหลังใบหูจางหมิ่น“ฮูหยิน ห่วงตัวท่านเถิด บ่าวไม่เป็นอะไร” จางหมิ่นเอ่ยจบนางก็ไอติดๆ กัน ก่อนมีเลือดพิษสีดำข้นคลั่กถูกขับออกมาจากทางปากกองใหญ่“จางหมิ่น ข้าหาใช่คนเห็นแก่ตัว เจ้ากำลังจะสิ้นใจตรงหน้าข้าเช่นนี้จะเพิกเฉยได้หรือ” นางเอ่ยจบ จึงขยับตัวเพื่อหลบภัยหากเกิดการปะทะรุนแรงหยวนซางก้าวมาพร้อมองค์รักษ์ที่เหลือ เขาตั้งใจจับหญิงหลังค่อมซึ่งกลายเป็นนางมารร้ายแต่แรกหยวนซางสงสัยอีกฝ่าย ทว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกอื่น จึงยอมให้นางแฝงตัวเข้ามาอย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางหมิ่นหาได้มีอาการตระหนก นางเคยช่วยมารดาคลอดน้องชายและน้องสาว รวมถึงยามติดตามกองทัพมักเกิดเหตุไม่คาดฝัน พบเจอสตรีที่คลอดบุตรหรือวัวคลอดลูกจนเกือบต้องเสียชีวิตทั้งแม่และลูกก็หลายหน ดังนั้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางนิ่ง จึงช่วยให้ฟ่านรั่วเจี๋ยสบายใจ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ“ฮูหยิน ข้าอยู่ตรงนี้ ท่านอย่าได้เป็นกังวล”จางหมิ่นเอ่ยจบก็ส่งสัญญาณให้จางฉีและหมอตำแย ในขณะที่หมอตำแยได้ยินเช่นนั้น นางกุลีกุจอเข้ามาใกล้ๆ ฟ่านรั่วเจี๋ย เป็นคนท้องที่ต้องกลั้นหายใจเมื่อได้กลิ่นฉุนจัดจากร่างกายอีกฝ่าย กลิ่นดังกล่าวสร้างความกดดันแก่ฟ่านรั่วเจี๋ยจนมีอาการคล้ายจะวูบหลับและหมดสติ“เหตุใดแม่หมอท่านนี้ถึงมีกลิ่นประหลาดจนข้ารู้สึกหายใจไม่สะดวก”หมอตำแยเงยหน้ามองฟ่านรั่วเจี๋ย ดวงตานางบัดนี้ฉายความเย็นเยียบชัดแจ้ง และกล่าวเสียงติดๆ ขัดๆ จนคนฟังรู้สึกรำคาญ“ขะ...ข้าพะ...พกยาสมุนพะ...ไพรตำรับของต้นตระกูลมาด้วย ทะ...ท่านไม่ต้องหะ...ห่วง มันจะช่วยให้ท่านคลอดดะ...ได้ง่าย โปรดวางใจ”“แต่ข้ารู้สึกปวดศีรษะ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยเสียงห้วนกระด้างพร้อมบีบมือจางหมิ่น แรงบีบของนางส่งผลให้จางหมิ่นเจ็บจนใบ
กระทั่งช่วงหัวค่ำ หมอตำแยกับจางฉียังไม่กลับมา เป็นยามนั้นที่ฟ่านรั่วเจี๋ยอดทนไม่ไหว นางหวีดเสียงดังลั่นและเหงื่อแตกท่วมร่างหยวนซางเดินวนไปมารอบๆ ปากถ้ำ เขาส่งคนออกไปตามหมอตำแยและจางฉี ซึ่งสิ่งที่ทราบในเวลาต่อมาทำให้เขาตกใจ“พอท่านป้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นก็มีควันขึ้น และเสียงดังเหมือน...เอ่อ ปืนใหญ่”“ระเบิดเยี่ยงนั้นรึ” หยวนซางไม่คาดคิดว่าหมอตำแยจะมีศัตรูที่ไหน“ใช่แล้วกุนซือหยวนซาง” จางฉีเอ่ยจบสีหน้านางก็ซีดสลด นางคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัว ตอนแรกยืนพูดคุยกับหลานของหมอตำแยที่เป็นหนุ่มน้อย พอเกิดเหตุร้ายขึ้นเหล่าองครักษ์ก็ได้สั่งให้นางระวังตัว“ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นที่แม่น้ำมีสาวๆ มาซักผ้า บ้างก็ตักน้ำกลับบ้าน ข้าสงสัยอยู่หรอก แต่ไม่ได้สังเกตสิ่งใดเป็นพิเศษ ส่วนองครักษ์ที่ตามไป พวกเขาช่วยสาวชาวบ้านขนน้ำและพูดคุยกันตามประสาคนหนุ่มคนสาว”“เรื่องนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย อย่างไรเราต้องระวังตัว” หยวนซางกล่าวเสียงขรึมจากนั้นหยวนซางจึงฟังรายงานจากองครักษ์ซึ่งเข้าไปตรวจสอบระเบิดและพบว่าหมอตำแยเสียชีวิตพร้อมสามีของนาง กระนั้นยังโชคดีที่หมู่บ้านนี้มีหมอตำแยอีกคนที่เพิ่งเดินทาง
มิได้เป็นเพียงมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยไม่อยากให้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นางมาอาศัยต้องรับเคราะห์กรรมไปกับนาง หากคนที่ปองร้ายรู้ว่านางหลบอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อาจมีผู้บริสุทธิ์ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นนางจึงแข็งใจหลบไปอยู่หุบเขาที่มีชื่อว่าเผิงกวน ซึ่งด้านในมีถ้ำลึกและกว้าง อากาศก็ปลอดโปร่งเย็นสบายหุบเขาเผิงกวนอยู่ห่างออกไปราวๆ ห้าลี้ โดยจางหมิ่นพบสถานที่แห่งนี้ในตอนที่นางออกตามหาตือเมี่ยว ถึงแม้ถ้ำที่หุบเขาจะไม่สะดวกสบายเช่นจวนชินอ๋อง แต่ก็เป็นสถานที่ซึ่งนับว่าปลอดภัยมาก อีกอย่างด้านนอกเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกและลำธารใส พร้อมบ่อน้ำพุร้อนอยู่เหนือขึ้นไปเมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยคิดอย่างถ้วนถี่ นางคาดว่าสามารถคลอดลูกที่นี่ได้ จวบจนร่างกายแข็งแรงจึงจะออกเดินทางไปยังเมืองฝูหนานตามที่มู่ชิงซานวางแผนไว้“พบอาเมี่ยวหรือไม่” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามหยวนซาง แต่เขายังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงเพียงแต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมา“กุนซือหยวนซางไม่ต้องกังวล อาเมี่ยวเป็นหมูที่ฉลาด คงพลัดหลงไปไม่ไกล อย่างไรข้าฝากให้ตามหามันด้วย แต่ทั้งหมดนี้คงขึ้นอยู่กับฟ้าดิน หากได้พบกันอีกย่อมนับว่ายังมีวาสนาต่อกัน”“อาซ้อ…เชื่อข้าเถิ
“หรูซื่อ ดูเหมือนว่าวันนี้คนที่ต้องคุกเข่าให้แก่เด็กน้อยเช่นข้าย่อมต้องเป็นเจ้า”เมื่อเอ่ยจบ ทหารของเกาเจียวหั่วจึงกระจายกำลังโอบล้อมคนของมู่หรูซื่อ“ถ้ายังอยากมีศีรษะอยู่บนหัว จงปล่อยหมิงอ๋องเสีย” แม่ทัพเกาแจ้งความประสงค์“อยากได้ตัวเขาก็จงก้าวเข้ามา อย่ามัวแต่ร้องเสียงดังน่ารำคาญ”“จวิ้นอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ ลูกดอกที่ข้ายิงออกไปเมื่อครู่มันอาบยาพิษและยาพิษนั้นเป็นสิ่งสกปรกอยู่สักหน่อย”ได้ยินเช่นนั้นมู่หรูซื่อจึงครั่นคร้ามใจ เขาไม่คิดว่าตนจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถูกลอบกัดยังไม่พอ เกาเจียวหั่วยังกล้าข่มขู่เขาด้วยความประสงค์ร้าย“แคว้นหมิงมีแม่ทัพขี้ขลาดเช่นนี้ด้วยรึ ถึงขั้นใช้อาวุธต่ำช้าโจมตีผู้อื่น”“ฮ่าๆ เกรงว่าทั้งหมดนี้ข้าทำด้วยตัวข้าเอง มิเกี่ยวกับกองทัพ และลูกธนูนั้นข้าตั้งใจมอบให้แก่จวิ้นอ๋องเป็นพิเศษ เพื่อตอบแทนที่ท่านกล้าคิดทำร้ายแคว้นหมิง ทั้งที่พวกเราให้เกียรติท่านเสมอมา!” เกาเจียวหั่วเอ่ยจบก็หมายเข้าไปประชิดตัวมู่หรูซื่อ แต่เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บุรุษรูปงามคิดแผนหนีเอาตัวรอด ระเบิดควันจากมือสังหารจึงทำงานทันทีแม่ทัพหนุ่มหัวเสียหนัก และรีบสั่งคนให้ออกติดตามอีกฝ่ายเพื่อช่ว