ยามเหม่า (05.00 น.-06.59 น.) หยุนชิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมทั้งยืดแขนยืดขาบิดซ้ายทีขวาที เมื่อคืนหลังจากนอนคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย ประกอบกับร่างกายนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนักทำให้ตัวนางหลับไปอย่างไม่รู้ตัวในระหว่างหยุนชิงบิดขี้เกียจอยู่นั้นหางตานางได้บังเอิญเหลือบไปเห็นเงาร่างเล็กกำลังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ตรงหน้าประตูด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง ในสายตาของหยุนชิงช่างดูน่ารักน่าเอ็นดู นางอยากจะลุกไปอุ้มเด็กน้อยมาหยิกแก้มแล้วจับฟัดให้หายมันเขี้ยวนัก เพราะแต่เดิมตนเองก็เป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว
‘คงจะเป็นอาจูน้อยสินะ’ หยุนชิงคิดในใจ แล้วแกล้งทำเป็นหลับต่อ อยากรู้จังว่าเด็กน้อยอาจูจะทำสิ่งใด
อาจูน้อยหลังจากนางตื่นนอนก็รีบล้างหน้าล้างตา เพื่อจะได้รีบมาดูท่านแม่ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อวานท่านแม่มีไข้สูง ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่ร่างกายอ่อนแอ ไม่ค่อยแข็งแรงต้องดูแลท่านแม่ให้ดี และท่านพ่อยังบอกอีกว่าหากอยากให้ท่านแม่รักนางต้องเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนห้ามให้ท่านแม่โกรธด้วย
เมื่อสองวันก่อนเพราะอาจูดื้อไม่เชื่อฟังทำให้เกือบตกน้ำตรงลำธาร ท่านแม่มาเห็นเข้าจึงได้ดุด่าทำให้อาจูร้องไห้ด้วยความเสียใจ หากแต่ท่านพ่อเข้าใจผิดคิดว่าอาจูโดนท่านแม่ทุบตี จึงได้ตำหนิท่านแม่จนท่านแม่เสียใจและล้มป่วย ต่อไปอาจูจะไม่ดื้อไม่ซนแล้วจะดูแลท่านแม่เป็นอย่างดี
เด็กน้อยมองผู้เป็นมารดาด้วยสายตามุ่งมั่น จากนั้นค่อย ๆ ย่องเข้าไปยืนตรงปลายเตียงนอน ใช้มือเล็กแตะตรงหน้าผากมารดาดูว่ายังตัวร้อนอยู่หรือไม่ ท่านพ่อบอกว่าหากตัวร้อนต้องใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ท่านแม่ไข้ก็จะลด ตัวท่านแม่ไม่ร้อนแต่ก็ยังอุ่น ๆ อยู่คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยจึงวิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ทางด้านหยุนชิงเมื่อเด็กน้อยวิ่งออกไปนางก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที แม้ยังสงสัยอยู่ว่าเด็กน้อยนั้นวิ่งไปไหน แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้ตัวแค่นี้ช่างรู้ความจริง หากเป็นโลกที่นางจากมาเด็กอายุแค่นี้ยังร้องไห้งอแง กว่าจะตื่นได้พ่อแม่ต้องปลุกแล้วปลุกอีก ดูตัวอย่างตัวนางเองสิ ขนาดตั้งนาฬิกาปลุกยังกดเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนสุดท้ายก็ไปทำงานสาย
ผ่านไปสักพักจึงได้ยินเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ กำลังเดินเข้ามาจึงได้ล้มตัวลงแกล้งหลับต่อ อาจูน้อยเดินกลับมาพร้อมถังน้ำใบเล็กกับผ้าผืนหนึ่งแล้วนำไปวางไว้ตรงข้างเตียง ด้วยตัวนางเล็กและผอมบาง
จึงทำให้เด็กน้อยที่ตั้งใจจะมาเช็ดตัวให้มารดา ยื่นผ้าชุบน้ำอย่างไรก็ไม่ถึงมารดาสักที เด็กน้อยจึงวางผ้าไว้ขอบถังน้ำแล้วค่อย ๆ ปีนขึ้นบนเตียงอย่างยากลำบาก
“ฮึ้บ อาจูขึ้นไม่ได้ทำไงดี” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก ทำอย่างไรเท้าตนก็ยกขึ้นขอบเตียงไม่ถึงสักที ได้แต่ห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดจึงได้วิ่งออกไปเอาตั่งไม้อันเล็กด้านนอก เพื่อมาใช้เหยียบและปีนขึ้นไปหามารดาได้สำเร็จ
“พี่อี้หลินคือข้ามีเรื่องจะบอกท่านเจ้าค่ะ”“เจ้ามีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ข้าไม่ได้มีเวลาว่างจะมานั่งคุยกับเจ้าได้ทั้งวันหรอกนะ” เขาเบื่อหน่ายสตรีนางนี้ยิ่ง ก่อกวนครอบครัวเขาไม่เลิก คราวนี้จะมีแผนอะไรอีกเขาอยากจะรู้นัก เห็นทีหลังจากนี้หากไม่เลิกราจะต้องสั่งสอนกันบ้างให้หลาบจำ"พี่อี้หลินที่ข้ามาหาท่านเพราะจะมาเตือนเรื่องภรรยาท่าน ตอนนี้นางกำลังจะสวมหมวกเขียวให้ท่านนะเจ้าคะ""เจ้าพูดอะไรของเจ้าข้าไม่เชื่อ" หวังอี้หลินมองอีกฝ่ายอย่างกินเลือดกินเนื้อ เขารู้ดีว่าภรรยาเขาเป็นเช่นไร"ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ ข้าเห็นมากับตาว่านางนัดพบกับไป๋ถังคนรักเก่า ข้ายังเห็นหยุนชิงนำของมากมายไปมอบให้ด้วย แถมยังหยอกล้อต่อกระซิกกันดูมีความสุขด้วยเจ้าค่ะ" เมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนนิ่งขรึมไม่พูดไม่จา นางจึงเดินเข้าไปใกล้แตะหลังมือหวังอี้หลินให้คลายความไม่พอใจลงด้วยเพราะคิดว่าชายหนุ่มไม่พอใจหยุนชิงที่คิดนอกใจเขา ไปพลอดรักกับคนรักเก่า เพียงเท่านี้แผนการนางก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วเผยอวี้เห็นหวังอี้หลินไม่สะบัดมือออก ก็เริ่มได้ใจมืออีกข้างของนางเคลื่อนมากอบกุมมือชายหนุ่ม มองเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ"ไม่เ
ย้อนไปก่อนหน้านั้นหวังอี้หลินที่กำลังรดน้ำผักอยู่ที่สวนหลังบ้าน เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างรั้วหน้าบ้าน เขาจึงเดินไปดูว่าเป็นใครกันที่มาส่งเสียงดังน่ารำคาญแต่เช้าร่างเล็กของอาจูน้อยกำลังให้อาหารน้องไก่อยู่พอได้ยินเสียงอาจูรู้ได้ทันทีว่าผู้มาเยือนคือใคร เด็กน้อยจึงวิ่งออกไปก่อน ร่างเล็กป้อมนั้นยืนเท้าสะเอวแหงนหน้าจนคอตั้งมองเผยอวี้อย่างเอาเรื่อง"ท่านป้ามาหาใครหรือเจ้าคะ" เด็กน้อยเอ่ยถามแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตูให้"ใครป้าเจ้ากัน ข้าจะมาหาใครมันก็เรื่องของข้าเด็กเหลือขออย่างแกอย่ามาแส่" เผยอวี้ตวาดลั่นถึงเด็กนี่จะเป็นลูกของชายที่นางพึงใจ แต่อย่างไรเล่ามิใช่ลูกนางเสียหน่อยต่อไปในอนาคตนางก็จะมีบุตรให้หวังอี้หลินเอง"แต่ท่านป้ามาบ้านข้า" อาจูน้อยก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันแม้นางจะยังเป็นแค่เด็กสามขวบ แต่นางก็รู้ว่าสตรีตรงหน้าจะมาแย่งท่านพ่อไปจากท่านแม่"นั่นมันเรื่องของข้าเป็นเด็กเป็นเล็กควรอยู่ในที่ของตน ภายภาคหน้าหากข้ามาเป็นแม่เลี้ยงเจ้าจะได้ไม่ลำบากมาก""แม่ข้ามีคนเดียวคือท่านแม่หยุนชิงท่านออกไปห่าง ๆ บ้านข้านะ" เด็กน้อยเริ่มเบะปากน้ำตาคลอมองซ้ายมองขวาก้มหยิบหินก้อนเล็กปาใส่เผยอวี้"อีนัง
แต่หลังจากแต่งงานหยุนชิงกลับห่างหายไปไม่ค่อยออกมาพบปะกันอย่างเช่นเคย ได้ข่าวแค่ว่าล้มป่วยเคยไปเยี่ยมสองสามครั้งหยุนชิงกลับไม่ยอมพบ อีกทั้งช่วงนั้นแม่สามีล้มป่วยทางบ้านเกิดปัญหามากมาย ทำให้ไม่ได้ไปเยี่ยมสหายอีกเลย"ข้าสบายดีตอนนี้แข็งแรงแล้วเจ้าอย่าห่วงไปเลยข้าก็คิดถึงเช่นกัน" หญิงสาวกอดตอบตบหลังสหายเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล"ฮือ ๆ จะให้ข้าคลายใจได้อย่างไรไปหาเจ้าก็ไม่ได้เจอสักครั้ง""ข้าขอโทษต่อไปจะไม่ทำตัวเช่นนี้อีกแล้ว" หยุนชิงปลอบสหายได้สักพักซือซือจึงสงบลง"ซือซือแล้วท่านป้าไป๋ล่ะไม่อยู่รึ" หยุนชิงถามถึงไป๋หงส์แม่สามีของสหาย"ท่านแม่เสียไปเมื่อปีที่แล้วน่ะ" ไป๋ถังเป็นผู้ตอบแทนภรรยา"ข้าเสียใจด้วยนะเจ้าคะ"เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มกลับมาเศร้าอีกครั้ง หยุนชิงจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้ทั้งสองคลายจากความเศร้าใจ"จริงสิข้าเอาของมาเยี่ยมพวกเจ้าด้วย" หยุนชิงยื่นตะกร้าของเยี่ยมให้กับสหายไป๋ถังกับซือซือเห็นของข้างในก็มีสีหน้าไม่สู้ดี จะให้รับได้อย่างไรมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น อีกทั้งเงินที่หยุนชิงให้มาเพิ่มในสินสอด พวกตนยังไม่มีปัญญาหามาคืนให้ด้วยซ้ำ หากจะรับของก็ละอายใจเกินไป"อย่า
หลายวันต่อมาหยุนชิงกำลังจะไปเยี่ยมซือซือสหายสนิทของนาง ตั้งแต่ตนกับสหายต่างแยกย้ายกันแต่งงานออกเรือนไปพวกนางก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ประกอบกับว่าตัวหญิงสาวนั้นป่วยเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหนถึงแม้ตอนนี้จิตวิญญาณจะไม่ใช่หยุนชิงคนเดิมแล้ว แต่ความรู้สึกความผูกพันก็ยังมีของคนเดิมทุกอย่าง ดังนั้นหญิงสาวก็จะเหมารวมว่าอีกฝ่ายเป็นสหายของนางด้วยเช่นกันในมือมีของเยี่ยมทั้งนมข้าวโพด ขนมถั่วกวน ไข่อีกสิบฟอง และผักสดจากสวนหลังบ้าน ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นจะมีความเป็นอยู่เช่นไรบ้าง นานมากแล้วที่ไม่ได้พบกันเลย ถึงแม้ว่าจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่หลายปีมานี้วิญญาณเดิม ก็เอาแต่เศร้าตรอมใจร่างกายก็อ่อนแอจนไม่ไปไหนมาไหนเลยเดินมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้นหยุนชิงเหลือบไปเห็นไป๋ถัง สามีของซือซือเข้าพอดี ในมือเขามีตะกร้าใส่ผักป่ามานิดหน่อยสีหน้าก็ดูเป็นกังวลหญิงสาวจึงเอ่ยถาม"พี่ถังท่านไปไหนมาเจ้าคะ"ไป๋ถังที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบกลับบ้าน ได้หันกลับไปทางเสียงที่เรียกตน นั่นหยุนชิงนี่เขาได้ข่าวว่านางป่วยหนักมานานตอนนี้ดูแข็งแรงถึงเพียงนี้เชียวรึดีจริง"อาชิงเองรึ นั่นเจ้าจะไปไหน" เมื่อรู้ว่าเป็นใครไป๋ถังยิ้มเต็
ร่างบางเมื่อเห็นเป้าหมายที่ต้องการ ก็รีบดึงมือสามีไปทันที หวังอี้หลินเห็นสิ่งที่ภรรยาเขาต้องการก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าผลสีม่วง สีแดง นั้นเป็นผลไม้มีพิษหรือ เขาไม่เห็นว่าจะมีใครเก็บมันไปกินด้วยซ้ำ“ชิงเอ๋อร์ เจ้าผลไม้ป่าพวกนี้กินได้ด้วยหรือ”“กินได้สิเจ้าคะ เจ้าผลกลมสีม่วงเรียกว่าบลูเบอร์รี มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานอุดมด้วยวิตามินหลายชนิด มีประโยชน์ ช่วยลดการเสื่อมของร่างกาย ช่วยเรื่องความจำ ส่วนผลนี้ที่มีสีแดง และสีม่วงเข้มเรียกว่า ราสเบอร์รี มีรสค่อนไปทางรสเปรี้ยว อุดมด้วยกรดเอลลาจิก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียด้วยนะเจ้าคะ”“มีประโยชน์เพียงนี้เชียวรึ แล้วที่เจ้าบอกว่าอะไรนะ จิก จิก และยังมี ไวไว แบกทีอีกมันคือสิ่งใดหรือ” เขาเริ่มจะมึนหัวกับคำพูดแปลกของภรรยาแล้ว“เอาเป็นว่ามันมีทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดีแล้วกันเจ้าค่ะ บุรุษโบราณนี่ช่างสงสัยซะจริง” หยุนชิงเมื่อโดนคำถามเช่นนี้ของสามีก็เริ่มจะแปลไม่ถูกเหมือนกัน นางจึงเลือกบอกปัดไป และยังแอบบ่นชายหนุ่มเสียงเบาตอนท้ายอีกด้วย“ผู้ใดบุรุษโบราณรึ”“ไม่มี๊ ไม่มีเจ้าค่ะ ท่าน
การค้าน้ำผึ้งของบ้านตระกูลหวังเป็นไปด้วยดี จากที่มียอดสั่งเดือนละหนึ่งร้อยไหเพิ่มเป็นสองร้อยไห จากที่จ้างชาวบ้านทำงานตอนแรกแค่สามคน ตอนนี้ก็เพิ่มเป็นสิบคนโดยให้ค่าแรงรายวันคนละยี่สิบอีแปะ ค่าแรงยี่สิบอีแปะนี้ถือว่าเท่ากันกับการเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองก็ว่าได้ มีหรือชาวบ้านจะไม่อยากทำกันก่อนจ้างทำงานหยุนชิงให้ทุกคนลงชื่อทำสัญญา ว่าจะไม่นำสูตรการทำน้ำผึ้งนี้ ไปทำสิ่งใดก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของสูตร ซึ่งส่วนนี้หวังอี้หลินเป็นคนแนะนำนางมา หยุนชิงก็เห็นว่าดีจึงได้ทำสัญญานี้ขึ้นมาก่อนจะตกลงทำงานบ้านตระกูลหวังตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินแต่อย่างใด ทั้งสองสามีภรรยาก็ได้บริจาคเงินทุกเดือน จำนวนสองตำลึงเข้ากองกลางหมู่บ้าน เพื่อไว้ทำคุณประโยชน์และพัฒนาหมู่บ้านต่อไปเรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านดีใจกันเป็นอย่างมาก ถนนหนทางในหมู่บ้านเป็นทางเรียบตลอด ไม่มีหลุมมีบ่อเหมือนเมื่อก่อน และการเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ได้งานทำ ไม่ต้องออกไปหางานกันข้างนอกให้ลำบากผู้นำหมู่บ้านก็ถึงกับยิ้มแก้มปริ เนื่องจากได้รับคำชมจากทางการว่าเขาทำงานได้ดี จนไม่รู้จะขอบคุณครอบครัวหวังอย่างไรดี หากมีปัญหาเขาก็จะช่วยเต็มที่แน่
ผ่านไปสักพักหวังอี้หลินจึงได้เดินออกมา ภรรยาเดินมาตามที่หลังบ้านบอกว่านายช่างที่จะสร้างบ้านมาถึงแล้ว เขาจึงหยุดงานที่อยู่ในมือทุกอย่างไว้ก่อน ส่วนอาจูน้อยหยุนชิงได้มอบหมายให้ไปให้อาหารน้องไก่ที่เล้าเพื่อรอเวลากินข้าวทั้งสามได้นั่งปรึกษากันเรื่องสร้างบ้าน หยุนชิงได้นำแบบบ้านให้นายช่างเฉินได้ดู นางทำเป็นบ้านชั้นเดียวแต่แบ่งพื้นที่เป็นหลายห้อง มีห้องโถงรับรองข้างหน้า ห้องน้ำติดห้องโถงหนึ่งห้อง ถัดไปทางด้านซ้ายเป็นห้องครัว และยังให้นายช่างทำท่อจากไม้ไผ่ดึงน้ำจากลำธารให้เข้ามาใช้ภายในบ้านได้สะดวก ซึ่งสิ่งนี้สามีนางก็เห็นดีด้วยจะได้ไม่ต้องหาบน้ำให้เหนื่อยด้านขวาตอนแรกหยุนชิงให้เพิ่มห้องสร้างเพียงแค่สามห้องนอน แต่หวังอี้หลินบอกให้นายช่างทำเพิ่มเป็นสี่ห้องนางก็ได้แต่สงสัยทำห้องเยอะขนาดนั้นเขาจะให้ใครมาอยู่กัน“แล้ววัสดุพวกเจ้าจะใช้เป็นสิ่งใด” นายช่างเฉินถามถึงวัสดุที่จะใช้สร้าง เขาจะได้คำนวณค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง“ข้าต้องการสร้างบ้านจากอิฐหลังคาต้องทำเป็นกระเบื้อง และโรงเรือนใช้จากไม้ขอรับ”“ถ้าเช่นนั้นราคาบ้านก็จะสูงกว่าทำจากไม้ ข้าคำนวณแล้วตัวบ้านสองร้อยตำลึง ส่วนโรงเรือนหนึ่งร้อยตำลึง
ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รับรู้แล้วว่าครอบครัวของหวังอีกหลินทำน้ำผึ้งขาย บางครอบครัวก็มาของานทำ ครอบครัวไหนหน้าด้านหน่อยก็ถึงกับขอสูตรไปทำขายเอง และครอบครัวนั้นคือครอบครัวของเผยชุนคู่อริเก่าของหยุนชิงนั้นเอง แน่นอนว่าพวกนั้นโดนหยุนชิงด่าไล่ตะเพิดออกจากบ้านทันทีเพื่อเป็นการแก้ปัญหาไม่ให้วุ่นวายไปมากกว่านี้ หวังอี้หลินจึงขอให้ผู้นำหมู่บ้านประกาศให้ชาวบ้านมาลงชื่อไว้ หากใครต้องการงานทำ จนกว่าจะสร้างบ้านและโรงเรือนทำน้ำผึ้งเสร็จ เขาจะมาคัดเลือกอีกทีว่าผู้ใดจะได้เข้าทำงานเป็นตามคาดชาวบ้านแทบจะทั้งหมู่บ้านมาลงชื่อไว้เพื่อหวังว่าตนจะได้ทำงาน บ้านที่กำลังจะสร้างหวังอี้หลินได้ไปปรึกษาผู้นำหมู่บ้าน ท่านก็ได้แนะนำนายช่างเฉินที่มีฝีมือการสร้างบ้านโดยเฉพาะจากหมู่บ้านข้าง ๆ ให้ อีกสองวันนายช่างเฉินจะเข้าไปหาชายหนุ่มที่บ้านเพื่อพูดคุยตกลงราคา“ข้าขอบคุณท่านลุงมู่มากนะขอรับ ที่ช่วยเป็นธุระให้หลายเรื่อง” ชายหนุ่มขอบคุณผู้นำมู่ที่ช่วยเป็นธุระให้ทั้งเรื่องการสร้างบ้าน และเรื่องชาวบ้านที่ต้องการมาทำงานกับตน“ไม่เป็นไรเราคนหมู่บ้านเดียวกันมีสิ่งใดก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว หากชาวบ้านมีงานทำย่อมเป็นสิ่งดี” ผู้นำ
ทั้งสองฝ่ายตกลงนามทำสัญญากันเรียบร้อย สองสามีภรรยาจึงได้กล่าวลาเถ้าแก่เกา และไม่ลืมบอกที่อยู่ของพวกเขาไว้ หากว่าเถ้าแก่มีอะไรก็ให้ไปหาพวกเขาได้ทุกเมื่อ“ท่านพี่เราไปร้านฝากเงินดีหรือไม่เจ้าคะ เงินเยอะขนาดนี้คงไม่เหมาะที่จะมีไว้ติดตัว”“ก็ดีเหมือนกันเอาตามที่เจ้าว่าเถอะ” ภรรยาว่าเช่นไรเขาก็ว่าเช่นนั้น เชื่อฟังภรรยารับรองว่าดีทุกอย่าง“พวกเราซื้อเกวียนไว้ใช้เองดีหรือไม่เจ้าคะ จะได้สะดวกเวลาเอาของมาส่งด้วย”“เช่นนั้นเอาแค่เกวียนวัวก็พอเจ้าว่าอย่างไร”“ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะ”หยุนชิงฝากเงินในชื่อของนางห้าร้อยตำลึง อาจูห้าร้อยตำลึง ส่วนของหวังอีกหลินเขาให้นางฝากในส่วนของเขาแค่สามร้อยตำลึงพอ ส่วนที่เหลือให้ภรรยาเก็บไว้ หยุนชิงจึงตัดสินใจว่าเงินอีกเจ็ดร้อยตำลึงนางจะเก็บไว้สร้างบ้าน ซื้อเกวียนและของที่จำเป็นเข้าบ้านที่สร้างใหม่หากเงินส่วนนี้ไม่พอ ก็ยังมีสินค้ารอบใหม่รอขายอยู่ยังไงก็พอสำหรับส่วนนี้เสร็จธุระจากการฝากเงินทั้งสองไปที่ร้านขายเกวียนต่อ โดยหวังอี้หลินเลือกวัวหนุ่มและวัวตัวเมียหนึ่งคู่ หากว่าเลี้ยงต่อไปก็จะมีลูกมีหลานไว้ใช้งานอีกในภายภาคหน้า โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อวัวอีก“เถ้าแก่ข้าต้องก