Share

บทที่ 61

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-09-06 23:36:20

เฉินเซียงหรงยืนอยู่กลางลานแข่งขันด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าปักลายดอกเหมยละเอียดอ่อน ดวงหน้าของนางสงบนิ่ง ทว่าดวงตาคู่งามเปล่งประกายแห่งสมาธิและความมั่นใจ

เบื้องหน้านางยามนี้มีม้วนกระดาษเซวียนจื่อที่ถูกจับขึงตั้งฉากกับพื้น แขวนไว้ด้วยเส้นเชือกเกลียวทองอันบางเบา ซ้ายมือมีโต๊ะที่ตั้งฉินเอาไว้

สายลมพัดดอกเหมยพร่างพรู เซียงหรงยกพู่กันขึ้นด้วยมือขวา พลันปลายนิ้วของมือซ้ายก็เริ่มดีดสายพิณ เพลงที่บรรเลงเป็นทำนองที่รื่นหู ทว่ามีความลึกล้ำคล้ายสะท้อนธรรมชาติ ดั่งสายลมที่พัดผ่านเหล่าดอกเหมยบนภูเขาหิมะ

ปลายพู่กันตวัดไปตามเสียงพิณราวกับเป็นส่วนหนึ่งของท่วงทำนอง นางก้าวขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว อาภรณ์ปลิวตามลมเบา ๆ มือหนึ่งดีดฉินคลอคล้ายบอกเล่าเรื่องราวของสายลมและสายฝน อีกมือลากปลายพู่กันสร้างเส้นสายของภาพบนกระดาษ ขณะดีดพิณ นางหมุนตัว ตวัดพู่กันเป็นเส้นโค้งที่งดงามราวกวางน้อยกำลังโลดแล่นในหุบเขา

ภาพบนกระดาษเซวียนจื่อเริ่มชัดเจนขึ้น เป็นภาพของดอกเหมยยืนต้นท่ามกลางหิมะโปรยปราย

ภาพนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติ แต่ยังเปี่ยมด้วยความหมายลึกซึ้ง เหมือนบอกเล่าถึงจิตใจของผู้วาดที่อดทนต่อความยากลำบากและยืนหยัดได้แม้ในช่วงเวลาที่เหน็บหนาว

จวิ้นหวังเฟยเห็นบุตรสาวของผู้ที่เป็นทั้งน้องสามีและเพื่อนรักที่ตายจากเติบโตมาได้ดีเช่นนี้ ก็อดหลั่งน้ำตาด้วยความภาคภูมิใจประสมคะนึงหาไม่ได้

หลี่จือหลินที่นั่งอยู่ข้างมารดา เฝ้ามองเซียงหรงด้วยสายตาที่ไม่อาจละไปจากนางได้เช่นกัน

ใบหน้าของนางขณะสะบัดปลายพู่กันดีดฉินเปล่งประกายด้วยความสุขและความมั่นใจ ทุกท่วงท่าของนางเต็มไปด้วยความสง่างาม 

เขาพลันรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวใจฉับพลัน 

“นี่ก็คือหรงเอ๋อร์...” จวิ้นหวังเฟยที่นั่งข้างเขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม “หลานสาวแท้ ๆ ของบิดาเจ้า...” 

หลี่จือหลินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อโดยไม่รีรอ “...และว่าที่ภรรยาของลูก” 

คำพูดนั้นทำให้จวิ้นหวังเฟยหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงต่างไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา แต่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นของครอบครัวจวิ้นหวังที่เหล่าบุรุษล้วนเป็นนักรบ

เมื่อเซียงหรงจบการแสดง เสียงเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือและโห่ร้องชื่นชมดังกึกก้อง หวงโฮ่วที่เฝ้าชมอยู่ด้วยสีหน้าสงบนิ่งมาตลอด ยามนี้กลับปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า ในใจปรากฎความคิดหนึ่งอย่างชัดเจน

"สตรีเช่นนี้...นางคืออัญมณีที่แท้จริง"

ยิ่งมองคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกง สวีหวงโฮ่วก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตานัก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 61

    เฉินเซียงหรงยืนอยู่กลางลานแข่งขันด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าปักลายดอกเหมยละเอียดอ่อน ดวงหน้าของนางสงบนิ่ง ทว่าดวงตาคู่งามเปล่งประกายแห่งสมาธิและความมั่นใจเบื้องหน้านางยามนี้มีม้วนกระดาษเซวียนจื่อที่ถูกจับขึงตั้งฉากกับพื้น แขวนไว้ด้วยเส้นเชือกเกลียวทองอันบางเบา ซ้ายมือมีโต๊ะที่ตั้งฉินเอาไว้สายลมพัดดอกเหมยพร่างพรู เซียงหรงยกพู่กันขึ้นด้วยมือขวา พลันปลายนิ้วของมือซ้ายก็เริ่มดีดสายพิณ เพลงที่บรรเลงเป็นทำนองที่รื่นหู ทว่ามีความลึกล้ำคล้ายสะท้อนธรรมชาติ ดั่งสายลมที่พัดผ่านเหล่าดอกเหมยบนภูเขาหิมะปลายพู่กันตวัดไปตามเสียงพิณราวกับเป็นส่วนหนึ่งของท่วงทำนอง นางก้าวขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว อาภรณ์ปลิวตามลมเบา ๆ มือหนึ่งดีดฉินคลอคล้ายบอกเล่าเรื่องราวของสายลมและสายฝน อีกมือลากปลายพู่กันสร้างเส้นสายของภาพบนกระดาษ ขณะดีดพิณ นางหมุนตัว ตวัดพู่กันเป็นเส้นโค้งที่งดงามราวกวางน้อยกำลังโลดแล่นในหุบเขาภาพบนกระดาษเซวียนจื่อเริ่มชัดเจนขึ้น เป็นภาพของดอกเหมยยืนต้นท่ามกลางหิมะโปรยปรายภาพนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติ แต่ยังเปี่ยมด้วยความหมายลึกซึ้ง เหมือนบอกเล่าถึงจิตใจของ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 60

    เสียงกระซิบเหล่านั้นลอยไปถึงหูนางกำนัลของหวงโฮ่วที่อยู่ไม่ไกลจากฝูงชนนางกำนัลเห็นสายตาที่หวงโฮ่วมองไปยังคุณหนูสาม เฉินเซียงหรง ซึ่งยามนี้ยืนรับคำชื่นชมจากทุกทิศทาง ก็รีบปราดเข้าไปกระซิบกระซาบรายงานทันทีฉับพลัน ตาหงส์ที่สงบไว้สง่าของสวีหวงโฮ่วฉายแววชื่นชมประสมยินดีสตรีเก่งกาจและมีนิสัยสงบเสงี่ยม จิตใจมั่นคง ไม่อวดอ้างตน ไม่หวั่นไหวต่อลมปากผู้คน และที่สำคัญ...แม้จะสูญเสียมารดาตั้งแต่ยังเยาว์ บิดาไม่ได้ทะนุถนอมปกป้อง แต่ยังคงมีความอดทน สามารถเติบโตขึ้นมาได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากในจวนเฉินกั๋วกง ซ้ำยังมีความสามารถเลิศล้ำเช่นนี้ ย่อมเป็นยอดหญิงที่หาได้ยาก โบราณว่า ‘ใกล้ชาดเปื้อนแดง ใกล้หมึกเปื้อนดำ’ หากองค์ชายได้อภิเษกกับสตรีเช่นนี้ นอกจากจะทำให้มีเรือนหลังที่มั่นคงแล้ว ยังจะช่วยส่งเสริมจิตใจให้มีความมุ่งมั่นและมั่นคงมากขึ้น ช่วยให้องค์ชายสามารถรับภาระในอนาคตและความท้าทายในราชวงศ์ได้อย่างมั่นใจความคิดเหล่านี้เริ่มซึมซาบเข้าสู่จิตใจของพระนางถูกแล้ว...บุตรสาวของเฉินกั๋วกงที่เกิด

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 59

    ในการแข่งขันรอบที่ห้า อุปกรณ์เขียนอักษรของผู้เข้าแข่งขันล้วนถูกยกออกไปทั้งหมด คงเหลือเพียงโต๊ะและม้านั่งสูงเพื่อให้โฉมสะคราญทั้งหลายได้บรรเลงเจิงเท่านั้นในรอบนี้นักพนันหลายคนต่างลงพนันเอาไว้ว่าคุณหนูใหญ่จวนเฉินกั๋วกง เฉินชิวเยว่ ที่เป็นโฉมงามผู้เป็นยอดฝีมือในการบรรเลงเจิงจะต้องคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันมาได้อย่างแน่นอน แม้แต่ตัวเฉินชิวเยว่เองก็เชื่อเช่นนั้นโดยสนิทใจกระทั่งถึงคราวที่เฉินเซียงหรงต้องแสดงฝีมือ เพียงเสียงดนตรีจากเจิงของนางดังขึ้นท่อนเดียวเท่านั้น บรรยากาศในสวนชิงหลิงอันกว้างใหญ่ราวกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ กระทั่งผู้ที่ไม่ได้รู้ถึงสำเนียงดนตรีลึกซึ้งสักเท่าใด ยังถูกท่วงทำนองอันมีเอกลักษณ์ดึงดูดให้ต้องนิ่งฟัง“นี่มัน...” อาจารย์สอนเจิงผมขาวโพลน ใบหน้ามีริ้วรอยแห่งกาลเวลาผู้หนึ่งเบิกตาโพลง ริมฝีปากอ้าค้างด้วยความตื่นตะลึง “ลำนำเฉียนฉิน!”“ท่านอย่าได้พร่ำเพ้อถึงเพียงนี้เลย” คนอื่นๆ ที่ได้ยินหัวเราะเบาๆ “ลำนำเฉียนฉินหรือ ผู้ใดจะกล้าบรรเลงเพลงนี้ ทั้งความยากของการดีด ทั้งการตีความที่ต้องลุ่มลึก ทั้งยังต้องถ่

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 58

    “ท่านเป็นใครกัน” ฟูเหรินที่เริ่มเรื่องถามอย่างหวั่นๆนั่นสิ! ท่านเป็นใคร! เซียงหรงเองก็อยากรู้เช่นกันราวกับตอบคำถามของนาง ผู้อ้างตัวเป็นคู่หมั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด รอยยิ้มบนริมฝีปากเหี้ยมเกรียมขับให้ใบหน้าคมเข้มดูโหดเหี้ยมยิ่งกว่าใบหน้าโจรภูเขาที่ถูกปราบเมื่อเดือนก่อนด้วยซ้ำ“จวิ้นหวังจ๋างจื่อเพียงหนึ่งเดียวของเทียนจิน หลี่จือหลิน!”พี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อ! เซียงหรงเกือบจะตกใจจนทำพู่กันหลุดมือไปแล้ว ใช่เขาจริงๆ หรือ! ไม่...ไม่ถูก ต่อให้ไม่ใช่เขา แต่เล่นประกาศเสียขนาดนี้ หากท่านลุงกับท่านป้าสะใภ้คิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา แล้วนางจะเอาเหตุผลใดไปบ่ายเบี่ยงกันเล่า! เซียงหรงอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ได้แต่เขียนอักษรต่อไปด้วยใจหดหู่บรรดาผู้คนที่พูดนินทาต่างอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกหลี่จือหลินไม่ได้รอให้ใครกล่าวอะไรอีก เขาโบกมือสั่งให้องครักษ์ที่แต่งกายเรียบง่ายดุจเดียวกันอยู่จัดการเรื่องการพนันขันต่อแทนตน แล้วเดินไปยังที่นั่งข้างมารดา ท่าทางสนิทส

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 57

    โฉมสะคราญต่างทำหน้าที่ของตนในการประชันฝีมือ แต่ผู้มาเฝ้าชมด้านข้างกลับเริ่มประชันคำพูดกันขึ้นมาแล้ว เสียงซุบซิบนินทาจากกลุ่มคนในมุมหนึ่งของสวนชิงหลิงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ“...ช่างน่าอดสูนัก...” ฟูเหรินผู้หนึ่งเอ่ยคล้ายพึมพำกับตนเอง “ไม่ใช่ว่าหลายปีก่อนในงานเทศกาลหยวนเซียว คุณหนูสามถูกคนแปลกหน้าลักพาตัวไป…ย่ำยี…” ราวกับลืมตัว ยิ่งพูดเสียงของฟูเหรินวัยกลางคนก็ยิ่งชัดถ้อยชัดคำขึ้นเรื่อยๆ จนฟังชัดถนัดหู ทำเอาคนอื่นๆ เริ่มหันมามองบุรุษอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลหัวเราะเบาๆ แล้วเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น ข้าจำได้แม่น คุณหนูสามที่ยังเยาว์ถูกบุรุษอุ้มร่างไร้สติไปทิ้งไว้หน้าจวนเฉินกั๋วกง พวกเขาบอกว่านางถูกย่ำยีจนไร้ค่าตั้งแต่นั้นมา”“นางมาทำไมกัน? ข่าวลือของนาง... เป็นข้าคงอับอายจนไม่อาจเงยหน้าอวดใครได้อีก”“ดูเถิด ต่อให้นางจะงดงามหรือมีฝีมือเพียงใด ชื่อเสียงเช่นนั้นย่อมไม่มีตระกูลใดต้องการหรอก”คำพูดเหล่านั้นพร้อมเสียงหัวเราะเยาะแผ่วจางแว่วมาให้ได้ยิน เ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 56

    เสียงฆ้องเบาๆ ดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน หัวข้อในการประชันความสามารถรอบที่สี่ถูกประกาศโดยเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิที่นั่งอยู่ในศาลากลางลาน"สายลมฤดูใบไม้ผลิพลิ้วพัด บุปผานับพันผลิบาน"กลายเป็นว่าในรอบที่สี่ สาวงามทั้งหมดจะต้องแต่งบทกวีจากหัวข้อที่กำหนดให้นี้ให้ได้ก่อน จากนั้นจึงสามารถเริ่ม ‘คัดอักษร’ ตามคำสั่งที่จะได้รับในภายหลัง ทั้งหมดนี้กำหนดให้ใช้เวลาไม่เกินสองก้านธูปเท่านั้น ผู้เข้าแข่งขันจึงพยายามเพ่งสมาธิ ขยับพู่กันจรดลงบนกระดาษ เซียงหรงเองก็เป็นผู้หนึ่ง ที่เริ่มลงมือบรรจงเขียนด้วยท่วงท่าสง่างาม"บุปผาร่วงโรยใต้เงาจันทร์ น้ำค้างหล่นราวน้ำตาผู้คนเฉกเช่นสกุณารำพัน ถึงเมฆางดงามไร้ผู้ยลหยกงามอาจหักด้วยกำลัง สัตย์จริงถูกบิดเบือนด้วยเล่ห์กล"เห็นคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงแต่งบทกวีได้เร็วนัก เหล่าผู้ใคร่รู้ต่างอดใจไม่ไหว ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองมีบางคนเริ่มกระซิบกระซาบ“ถ้อยคำของนาง...ช่างลึกซึ้งและงดงาม”&

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status