บทที่ 6 จับสมุนอาบน้ำ
ใช้เวลาในการคิดคำนวนแล้ว รุ่ยฉีตัดสินใจอาบน้ำให้เด็ก ๆ เองเพื่อความรวดเร็ว เริ่มจากเจ้าตัวเล็กสุดและโตสุด
"ซิงอี รออาบทีหลังได้ไหม ขออาบให้พี่ใหญ่กับน้องเล็กก่อน" รุ่ยฉีหันมาบอกตัวแทนหมู่บ้าน
"งั้นฉันไปรดน้ำสวนดอกไม้รอนะแม่"
ซิงอีหันมาบอกแม่และเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อดูแลสวนดอกไม้ จากที่ค้นในความทรงจำ มันคือสวนที่ซิงอีเป็นคนขอทำ โดยไปขุดดอกไม้มาจากข้างทางบ้างและมาปลูกแบบตามใจฉัน เดาว่าคงรักสวยรักงามแน่เลย ผู้หญิงกับของสวยงามเป็นสิ่งคู่กัน
"เสร็จแล้วมารอ อย่าออกนอกบ้านไปไหนล่ะ" รุ่ยฉียังคงกำชับ
"ฉันโตแล้วแม่ ฉันรู้" ซิงอีตอบรุ่ยฉีแล้วเดินออกไปทางหน้าบ้าน
แหม! แม่ตัวแทนหมู่บ้าน โตแล้วรู้แล้ว แต่คำว่าชู้รู้แค่ว่าสวยและดี โอ๊ย รุ่ยฉีกลุ้มใจ!!
รุ่ยฉีเดินเข้าครัวและยกน้ำที่ต้มเดือดแล้วเข้าไปผสมกับน้ำปกติในห้องน้ำ เพื่อเตรียมให้ชายงามทั้งสองมาลอกคราบ เสร็จแล้วก็ยกน้ำที่เหลือไปตั้งไว้ที่เตาอีกรอบ เพื่อเตรียมให้ลูกสาวคนงาม พอเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำเสร็จ รุ่ยฉีก็สำรวจของใช้ในห้องน้ำว่ามีอะไรบ้าง มีสบู่ก้อนที่มีขนาดเล็กวางอยู่ และมีแปรงสีฟันวางอยู่ 4 ด้าม พร้อมกับกระปุกที่น่าจะเป็นยาสีฟัน รุ่ยฉีหยิบกระปุกมาเปิดดู แล้วมันคล้าย ๆ เนื้อครีม เลยยกขึ้นมาดมดูว่ามันคืออะไร เพราะไม่มั่นใจว่าจะเป็นยาสีฟันตามที่ความทรงจำได้บอกหรือเปล่า
"แม่ดมยาสีฟันทำไม"
สมุนตัวน้อยเดินแก้ผ้าเข้ามานั่งบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้นั่งอาบน้ำในห้องน้ำ และไม่ต้องพิสูจน์อะไรมาก มันก็คือยาสีฟันนั่นแหละ แต่เพราะรุ่ยฉีไม่เคยเห็นเลยต้องการดมกลิ่นเพื่อพิสูจน์ พอสมุนตัวน้อยนั่งแก้ผ้ารอ รุ่ยฉีก็หันหลังให้และหยิบยาสระผม ครีมอาบน้ำ และโลชันสำหรับเด็กออกมาเตรียมไว้ ยังดีที่พอหยิบออกมาแล้วแพ็กเกจไม่ได้ดูหวือหวา สีสันไม่ได้ฉูดฉาดเตะตาอะไร ไม่อย่างนั้นคงทำให้เกิดคำถามที่ว่า มันคืออะไร ได้มาจากไหน และอีกหลาย ๆ คำถามจะตามมา พอเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำเสร็จ รุ่ยฉีก็หยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมา 3 ผืน และผืนเล็กอีก 3 ผืนมาเตรียมไว้ และยังติดนิสัยดมเพื่อพิสูจน์กลิ่นว่ามีกลิ่นใหม่หรือกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ติดอยู่ไหม แต่ผลที่ได้คือกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนของที่ซักและเตรียมพร้อมในการใช้งานแล้ว ทำให้รุ่ยฉีมั่นใจว่ามันใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องซักใหม่ เลยทำให้คิดว่าอย่างอื่นก็คงเหมือนกัน พร้อมใช้เลยไม่ต้องซักก่อน คิดได้ดังนั้นเลยหยิบเอาชุดนอนเด็กมาเตรียมให้พร้อม แต่ก่อนอื่นต้องเริ่มอาบน้ำให้ลูกสมุนก่อน
"พี่ใหญ่ไปไหน ทำไมยังไม่มา"
รุ่ยฉีถามหาหัวหน้าแก๊ง มองออกไปทางประตูห้องน้ำก็เห็นแต่หัวดำ ๆ โผล่มา ยังไม่ยอมเข้ามาในห้องน้ำ
"รออะไรล่ะ รีบเข้ามาจะได้รีบอาบ รีบเสร็จ" รุ่ยฉีบอกกับเจ้าของหัวดำ ๆ ที่อยู่ตรงประตู
"ฉันใส่กางเกงอาบได้ไหมแม่... ฉันโตแล้ว"
หัวหน้าแก๊งยังคงต่อรอง รุ่ยฉีอยากจะแหม! ดัง ๆ ให้ไปไกลรอบจักรวาล แต่ได้แต่เงียบและพยักหน้าตอบรับ เพราะถ้ามัวแต่ชักช้า เจ้าสมุนตัวน้อยจะรอจนปอดบวมถามหา รุ่ยฉีเริ่มเอาน้ำค่อย ๆ รดตัวเขาแล้วบอกว่าจะสระผมให้ ให้เตรียมตัวหลับตาให้ดี อย่าให้ฟองเข้าตา
"สระบ่อยจังแม่ ตัวกับหัวฉันหอมอยู่แล้ว อย่าสระบ่อยเลย มันเปลือง" สมุนตัวน้อยยังต่อรอง
รุ่ยฉีก็ไม่สนใจ หอมตายแหละ แค่เอามือลูบผมเพื่อไล่น้ำตอนที่ค่อย ๆ ราดลงบนหัว มือยังติดผมเอาออกไม่ได้เลย แค่ลูบนะ ยังติดเลย จ้า! พ่อผมหอม! รุ่ยฉีราดน้ำให้ผมเปียกและยังคงแหวก ๆ ดูว่ามันมีตัวอะไรบนหัวไหม ถึงผมจะสั้นแต่ไว้ใจสัตว์ประหลาดที่ชอบอยู่บนหัวไม่ได้เด็ดขาด แหวก ๆ ดูก็พบจนได้ พ่อชายงามตัวหอมผมหอม ขนาดผมสั้นขนาดนี้ยังมีเหา โอ๊ย... มีปัตตาเลี่ยนไหม ฉันจะไถผมออกให้หมดหัว รุ่ยฉีสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ และทำใจ สระหลาย ๆ รอบ สระทุกวัน รักษาความสะอาดมันจะได้ไม่มีอีก แต่ถ้าไม่หาย ทางที่ดีคือโกน! เมื่อคิดตกแล้ว รุ่ยฉีเลยจัดการสระผมให้สมุนตัวน้อย รอบแรกยาสระผมหาฟองไม่เจอเลย ต้องสระถึงสามรอบถึงจะมีฟอง รุ่ยฉีจัดการสระผมไปถึง 4 รอบ ให้ได้ผมที่ดูเป็นผมจริง ๆ ทำไปด้วยก็ได้ยินเจ้าตัวน้อยนี่บ่น สระเยอะทำไมแม่ ไหนจะคุยกันพี่น้องว่ายาสระตัวใหม่ของแม่หอมบ้างแหละ ช่วงที่รุ่ยฉีสระผมให้สมุนตัวน้อย ก็ให้ทั้งสองอาบน้ำไปด้วย โดยรุ่ยฉีคอยบอกว่าต้องทำแบบไหน ขัดตรงไหนบ้าง ส่วนผม รุ่ยฉีจะเป็นคนสระให้ทั้งคู่เอง เพื่อตรวจสอบสัตว์ประหลาดในหัวนั่นเอง
"นี่รู้ไหมว่ามีเหากัน ไหนบอกสระผมบ่อย"
รุ่ยฉีบอกกับทั้งสองคน เพราะตอนนี้รุ่ยฉีย้ายมาสำรวจหัวของหัวหน้าแก๊งแล้ว ซึ่งไม่ได้ต่างกันกับสมุนตัวน้อยเลย เหามากันเต็ม แล้วหัวฉันล่ะ ยิ่งผมยาวถึงกลางหลัง ไม่ใช่มันตั้งรกรากตั้งถิ่นฐานกันแล้วหรอ แค่คิดฉันก็คันหัวแล้ว
"เหาเยอะขนาดนี้ ต่อไปต้องสระผมทุกวันเข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นมันไม่หายแน่ ๆ ถ้าไม่อยากสระทุกวันก็คงต้องโกนหัวแล้วล่ะ" รุ่ยฉีบอกออกไปเพราะถ้าไม่ไหวจริง ๆ คงต้องจับโกนหัว เด็กตัวเท่านี้คงไม่ห่วงสวยห่วงงามเท่าไรหรอก
"แม่โกนให้ฉันเลย ฉันไม่อยากสระทุกวัน" ตอบอย่างพร้อมเพียงกันแบบไม่ต้องนัดหมาย
รุ่ยฉีไม่ได้ตอบหรือพูดอะไร มือยังคงสาละวนกับการสระผมให้หัวหน้าแก๊งอยู่ เสร็จจากสระผมก็เริ่มมาขัดตัวให้ทั้งสองคน ลงสบู่อีก 3 รอบ หลังจากเสร็จแล้วก็ให้ทั้งคู่เตรียมตัวออกไปแต่งตัวข้างนอก เพราะอากาศเย็นและถูสบู่ไปหลายรอบ อาจทำให้ผิวแห้งได้ รุ่ยฉีเลยหยิบออยล์มาทาตัวให้เด็ก ๆ ก่อนจะเอาผ้าขนหนูหนานุ่มห่อตัว และให้เดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปแต่งตัวที่ห้องนอน
รุ่ยฉีเดินนำเข้าห้อง ก่อนทำทีเป็นเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดให้เด็ก ๆ แต่รุ่ยฉีกลับหยิบออกจากมิติ มีชุดนอนทั้งหมด 4 ชุดที่รุ่ยฉีหยิบออกมาเตรียมไว้ให้ครบทุกคน และหยิบแป้งที่อยู่ในตู้ออกมา เตรียมสอนให้เด็ก ๆ ทาเอง รวมถึงกางเกงในของเด็กด้วย ไหน ๆ ในมิติก็มีแล้ว รุ่ยฉีก็หยิบออกมาเตรียมให้พร้อมใส่ พอทั้งสองมาถึง รุ่ยฉีก็ยื่นชุดนอนให้ทั้งคู่ และบอกให้หยิบโลชันที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งมาทาผิวก่อนแล้วทาแป้ง
รุ่ยฉีสอนให้ใส่กางเกงในก่อน แล้วค่อยใส่กางเกงนอก ตอนที่สอนเหมือนจะง่าย แต่ทุกอย่างทุลักทุเลกันน่าดู เพราะแม่มือใหม่สอน ไหนจะเด็ก ๆ หัดทำครั้งแรก ไหนจะเสียงรุ่ยฉีคอยบอกคอยสอนให้ใส่ให้ทำ ไหนจะเสียงเด็ก ๆ ที่คอยแย้งคอยขัด คอยถาม คอยสงสัย กว่าจะเรียบร้อยก็เล่นเอาเหงื่อออก ยังดีที่ถึงแม้เด็ก ๆ จะคอยแย้งคอยถามแต่ก็ทำตาม ไม่ถึงขนาดกับต้องบังคับ อาจเพราะอยากใส่เสื้อผ้าใหม่ด้วยมั้ง จึงทำให้ทั้งคู่ดูกระตือรือร้นที่จะทำบ้าง พอเสร็จจากสองลิงแล้วยังเหลือแม่คนงามที่ผมยาวสลวยอีกคน ไม่รู้มีเหาไปก่อปราสาทเยอะเท่าไรแล้วบนหัวนั้น
"ช่วงรอซิงอีอาบน้ำ ให้ทั้งสองคนขนชุดของตัวเองมากองไว้หน้าห้องนี้ทั้งหมด ถ้าใครไม่ทำจะยึดชุดนอนคืน! "
รุ่ยฉีออกคำสั่งแล้วเดินไปทางหน้าบ้านเพื่อตามคนงามมาอาบน้ำ ยังเดินไม่ถึงไหนเลย แม่คนงามก็เดินยิ้มหวานเข้ามาหา รุ่ยฉีเลยบอกลูกสาวไปรอในห้องน้ำ ส่วนรุ่ยฉีไปเอาน้ำร้อนในครัวมาผสมน้ำเพื่อให้ลูกสาวได้อาบ พอเข้ามาผสมน้ำเสร็จ ก็บอกคนงามเตรียมตัวอาบน้ำ เริ่มแรกรุ่ยฉีก็สำรวจหัวก่อนเลย แค่แหวกนิดเดียวแค่นั้น แม่เอ๊ย!! คนงามยกหัวให้เหาสร้างปราสาทแล้วหรือไง ทำไมมันเยอะอย่างนี้
"แม่ นี่อะไร ทำไมมันหอมแบบนี้"
ซิงอีถามถึงขวดกลม ๆ ที่วางอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ แค่นั่งใกล้ ๆ ก็ได้กลิ่นแล้ว หอมจนหิว
"ยาสระผมและสบู่เหลวอาบน้ำ" รุ่ยฉีตอบลูกสาวออกไป
"ซิงอี ทำไมเหาบนหัวเต็มเลย ถ้าจำไม่ผิด ให้อาบน้ำและสระผมบ่อย ๆ ไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้"
รุ่ยฉีพอจะจำได้ว่าร่างเดิมจะสอนเรื่องความสะอาดให้ลูก และแต่ก่อนจะเป็นคนคอยอาบน้ำให้ลูก แต่มาช่วงเดือนสองเดือนหลังที่ร่างเดิมไม่มีเวลามาดูแลลูกตรงนี้ เพราะมัวแต่เข้าไปในตัวเมืองเลยห่างเรื่องนี้
"ก็อาเล็กกับป้าสะใภ้บอกว่าอย่าสระผมบ่อย มันจะทำให้เป็นไข้และผมแห้งไม่สวย ฉันอยากสวย ฉันเลยไม่สระผมไงแม่ แต่ฉันก็อาบน้ำตามที่แม่บอกนะ" ใคร!! ตัวไหนมันพูดบ้าง!
"ซิงอีมีเหาขนาดนี้ยังคิดว่าสวยอีกหรอ มันหมายถึงเรารักษาความสะอาดไม่ดี หนูเข้าใจผิดไปหมดแล้ว" รุ่ยฉีเริ่มสอนซิงอี
"ป้าสะใภ้ใหญ่บอกว่ามีสัตว์เลี้ยงบนหัวแล้วคือคนสวย เพราะเรามีเมตตาให้สัตว์อยู่บนหัวไงแม่"
ฉันจะไปตบปากยัยสะใภ้ใหญ่! เมตตาแม่มันสิ! เหาจ้า... ไม่ใช่ไถ่ชีวิตโคกระบือที่บอกเมตตา
"ซิงอีฟังนะ คนที่มีเหามันมองได้แบบเดียวคือคนที่สกปรก ไม่รักษาความสะอาด มันมองไม่เห็นความสวยเลย อย่าไปฟังบ้านใหญ่ให้มาก รู้ไหม หนูเข้าใจอะไรผิด ๆ หลายอย่างเลยนะ"
รุ่ยฉีเริ่มมีอารมณ์โมโหและหงุดหงิด แค่ช่วงไม่ถึงสองเดือนดีที่รุ่ยฉีไม่มีเวลาดูลูก เพราะมัวแต่เข้าไปในตัวเมือง ทำให้บ้านใหญ่ สอนเด็ก ๆ ไหนจะชู้ ไหนจะเรื่องความสวยความงามกับลูกสาวคนงามนี้อีก โอ๊ย! สระผมไปด้วย อยากร้องให้ไปด้วย ไหนปากจะคอยสอนคอยบอกแม่คนงามอีก
"ต่อไปอย่าไปฟังเรื่องที่บ้านใหญ่บอกสอนอีก โดยเฉพาะพวกป้าสะใภ้ทั้งหลายและอาเล็กอีกคน ห้ามไปฟังอะไรที่เขาบอก นี่ถ้าสระผมทุกวันแล้วยังมีเหานะ จะจับตัดผมและให้รักษาความสะอาด ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไว้ยาวมันแล้ว"
"โธ่ แม่ ผมสั้นมันจะไปสวยอะไร" แม่คนงามเริ่มโอดครวญ แต่มือก็ยังเล่นฟองสบู่และถูตัวไปด้วย
จ้า! แม่คนงาม! 4 ขวบห่วงสวยห่วงงาม! แต่ถูกสอนมาแบบผิด ๆ นี่แหละหนา เขาถึงบอกว่ามีลูกช่วงนี้อย่าปล่อยปละละเลย ต้องคอยเอาใจใส่ ไม่อย่างนั้นจะเป็นแบบที่เห็นนี่แหละ
ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู
ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด
ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ
บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ
บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย
บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั