Share

บทที่ 10

Author: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงชูกำไลหยกในมือ แล้วยื่นไปตรงหน้าซิงจือเหยียน "กำไลหยกชิ้นนี้ ซิงฟานโหรวเป็นคนทำแตก"

ครูประจำชั้นมองดูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ฟานโหรวเป็นเด็กดีขนาดนี้ จะตั้งใจทำกำไลหยกของเธอแตกได้ยังไง? อย่ามาใส่ร้ายฟานโหรวในโรงเรียนนะ"

"ส่วนเธอน่ะ ต่อยคนโดยไม่ไตร่ตรองอะไรเลย ทำตัวไม่ได้เรื่องจริงๆ!"

น่าขันเสียจริง

ซิงฟานโหรวทำกำไลหยกของเธอแตก กลับกลายเป็นไม่ได้ตั้งใจ

แต่การที่เธอต่อยซิงฟานโหรวกลับกลายเป็นว่าเธอเป็นคนมีพฤติกรรมต่ำทรามและตั้งใจจะทำร้าย

เว่ยอวิ่นลู่เห็นกำไลหยกชิ้นนั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "หยกชิ้นนี้ดูแล้วก็ไม่ได้แพงอะไร ถ้าเธอชอบ ฉันซื้อให้ใหม่ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาโกรธกันเพราะเรื่องแค่นี้เลย"

"อีกอย่าง ฟานโหรวมีหยกดี ๆ เยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องตั้งใจทำหยกของเธอแตกหรอก หรูซวง ฉันว่าเธอเข้าใจฟานโหรวผิดไปแล้วนะ"

คำพูดของเธอฟังดูคลุมเครือ อ่อนโยน เหมือนมีน้ำใจ

แต่ในสายตาของคนที่ตั้งใจฟังแล้ว นี่คือการเย้ยหยันอย่างโจ่งแจ้ง

คุณหนูใหญ่ตระกูลซิงอย่างซิงฟานโหรวจะมาสนใจหยกราคาถูกแบบนี้ได้ยังไง มีแต่เซิ่นหรูซวงเท่านั้นแหละที่เห็นหยกแตก ๆ แบบนี้เป็นสมบัติล้ำค่า

คนอย่างซิงฟานโหรวไม่สนใจหยกของเธอเลยสักนิด

นักเรียนรอบข้างต่างพากันหัวเราะ

เซิ่นหรูซวงมองไปที่ดวงตาของซิงจือเหยียน

ดวงตาสีดำสนิทของซิงจือเหยียนก็มองมาที่เธอเช่นกัน

แต่เขากลับไม่พูดอะไรสักคำต่อคำกล่าวหาจากคนรอบข้าง

คงเป็นการยอมรับแล้วสินะ

ในใจของเซิ่นหรูซวงรู้สึกขมขื่น

ที่นี่มีแต่คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง จะไปเข้าใจอะไรได้?

ในขณะนั้น ผู้อำนวยการก็เดินเข้ามาและพูดอย่างจริงจังว่า "เซิ่นหรูซวง เรื่องนี้ยังไงเธอก็เป็นคนลงมือก่อน เธอควรไปขอโทษฟานโหรวนะ”

ผู้อำนวยการเข้าใจและมองเห็นเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน

แม้ว่าจะเป็นที่รู้กันว่าตระกูลซิงรับเลี้ยงเซิ่นหรูซวง แต่สมาชิกในตระกูลซิงกลับให้ความสำคัญกับซิงฟานโหรวมากกว่า

ต่อหน้าคนในตระกูลซิง ความจริงไม่สำคัญอีกต่อไป

เซิ่นหรูซวงต้องขอโทษ

เหยียนเหวินอินทุบอกอย่างคับแค้น "เซิ่นหรูซวง แกเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ต่อยคุณหนูซิงได้ขนาดนี้? รีบขอโทษซะ!"

ซิงจือเหยียนยื่นคำขาด

"เซิ่นหรูซวง ขอโทษซะ" ซิงจือเหยียนพูดด้วยสายตาเย็นชา "ถ้าไม่ขอโทษ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาที่บ้านตระกูลซิงอีก"

ทุกคนต่างตกตะลึง

คำพูดของเขาหมายความว่าจะขับไล่เซิ่นหรูซวงออกจากตระกูลซิงอย่างนั้นหรือ?

เซิ่นหรูซวงไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา เธอเพียงแต่มองกำไลหยกที่แตกสลายในมืออย่างเงียบ ๆ

"พวกคุณไม่มีทางเข้าใจหรอก พวกคุณเป็นคนรวย แค่ใช้เงินนิดหน่อยก็สามารถซื้อหยกที่ดีกว่านี้ได้หลายเท่าแล้ว"

"แต่กำไลหยกชิ้นนี้ พ่อของฉันเก็บเงินมาทั้งปีเพื่อซื้อมัน"

"มันเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายที่พ่อมอบให้ฉันก่อนตาย ฉันเหลือแค่มันเท่านั้น"

สีหน้าตึงเครียดและโกรธของเหยียนเหวินอินชะงักค้างไปทันที เธอถึงกับรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

"หรูซวง ทำไมแกถึงไม่บอกแม่ล่ะ?"

สีหน้าของซิงจือเหยียนและคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรนั้น เซิ่นหรูซวงไม่อยากมองและไม่สนใจอีกต่อไป

เธอกำกำไลหยกในมือแน่น เงยหน้าขึ้นมองผู้อำนวยการ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "หนูไม่ขอโทษ เพราะหนูไม่ได้ทำอะไรผิด"

"หนูจำได้ว่าในห้องเรียนมีกล้องวงจรปิด งั้นก็ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดสิ กล้องวงจรปิดจะบอกความจริงทั้งหมดให้พวกคุณรู้"

ผู้อำนวยการลังเลเล็กน้อย

แววตาของซิงฟานโหรวเครียดขึ้นทันที ก่อนจะโผเข้ากอดเว่ยอวิ่นลู่ น้ำเสียงสั่นเครือเจือสะอื้น

"ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? ฉันถูกเธอทำร้ายขนาดนี้ แค่ขอคำขอโทษมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ? พี่ลู่ลู่ ตัวฉันเจ็บไปหมดเลย"

เว่ยอวิ่นลู่ลูบไหล่ของซิงฟานโหรวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร

เธอหันกลับมามองซิงจือเหยียนอย่างอิดออด เสียงของเธอนุ่มนวล "จือเหยียน"

เมื่อเห็นท่าทางของซิงฟานโหรว ผู้อำนวยการก็หน้าถอดสีลงทันทีแล้วพูดว่า "จะไปดูกล้องวงจรปิดทำไม? บาดแผลบนตัวของฟานโหรวยังไม่พอจะพิสูจน์สิ่งที่เธอทำอีกเหรอ? เธอยังจะแก้ตัวอะไรอีก?"

นักเรียนที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ ต่างก็พูดแทรกขึ้นมาคนละคำสองคำ

"ทุกคนเห็นแล้ว ว่าฟานโหรวแค่ต้องการจะคุยกับเซิ่นหรูซวงดี ๆ แต่เซิ่นหรูซวงกลับคลั่งเหมือนคนบ้าและทำร้ายคนอื่น ไม่มีใครห้ามเธอได้เลย"

"ใช่แล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าเซิ่นหรูซวงเป็นพวกต่ำตม มาแกล้งทำตัวเป็นคนดีทำไม?"

เว่ยอวิ่นลู่เม้มปากอย่างลำบากใจ มือของเธอลูบไหล่ของซิงฟานโหรวเบา ๆ "หรูซวง พวกเราแค่ต้องการคำขอโทษแค่นั้นเอง"

เหยียนเหวินอินมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน เมื่อเห็นสีหน้าของซิงจือเหยียนที่มืดมนขึ้นเรื่อย ๆ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น

เธอรีบดึงข้อมือของเซิ่นหรูซวง "เซิ่นหรูซวง รีบขอโทษซะ! เร็วเข้า! เธออยากให้คนอื่นโกรธจนไล่เธอออกไปจริงๆ ใช่ไหม?"

"ก็แค่หยกชิ้นเดียว แม่ซื้อให้ใหม่ก็ได้ ตกลงไหม? รีบขอโทษซะ!"

เซิ่นหรูซวงหายใจเข้าลึก ๆ สะบัดมือของเหยียนเหวินอินออก แล้วหันหลังกลับไปจ้องมองซิงจือเหยียนอย่างแน่นิ่ง

ในเมื่อเธอได้มีชีวิตอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมให้ใครมาสาดโคลนใส่เธอตามอำเภอใจอีกแล้ว

"แค่ไปดูกล้องวงจรปิด มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?"

"ฉันอยากจะให้เรื่องราวทั้งหมดปรากฏตามความจริง แล้วซิงฟานโหรวมีเจตนาอะไร ที่ต้องขัดขวางไม่ให้ฉันดูกล้องวงจรปิด? ทำไมถึงไม่ยอมให้ดู? หรือว่าทำผิดแล้วกลัวความจริงจะเปิดเผย?"

สายตาของซิงจือเหยียนเฉียบคมและเย็นชา ดวงตาสีดำเรียวยาวของเขาเต็มไปด้วยความกดดันที่หนักอึ้ง

เซิ่นหรูซวงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ "ซิงจือเหยียน ฉันแค่ต้องการดูกล้องวงจรปิด หลังจากดูกล้องวงจรปิดแล้ว ถ้าพวกคุณยังยืนยันว่าฉันทำผิด ฉันก็จะไม่พูดอะไรอีก"

มุมปากของเธอค่อย ๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน "กลัวก็แต่ว่า พวกคุณไม่กล้าดูกล้องวงจรปิด ได้แต่ปิดปากฉันไว้เท่านั้นแหละ"

คำพูดประชดประชันนั้นชัดเจน ทำให้ซิงจือเหยียนก็ยังขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ชาติที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ไม่มีหลักฐานใด ๆ ซิงจือเหยียนก็ตัดสินว่าเธอทำผิด เพื่อปกป้องคนรักในใจของเขา

ซิงจือเหยียนสั่งให้คนขังเธอไว้ในห้องเก็บของในบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน และให้กินข้าวแค่วันละมื้อ

คนใช้ในบ้านต่างก็เอาใจเจ้านายเหยียบหัวคนอ่อนแอ บางวันก็เอาอาหารบูดมาให้ ทำให้เซิ่นหรูซวงไม่ได้กินอะไรเลยในวันนั้น

หน้าต่างในห้องเก็บของปิดสนิท ไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาเลย เซิ่นหรูซวงถึงขั้นเป็นไข้สูง แยกไม่ออกว่าตอนไหนกลางวันหรือกลางคืน รู้สึกสับสนไปหมด สลบไปแล้วก็ตื่นขึ้น ตื่นขึ้นแล้วก็สลบไปอีก

เธอร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ข้างนอก แต่กลับได้ยินเพียงคำตอบที่เย็นชาจากผู้ช่วยพิเศษของซิงจือเหยียน

“คุณหนูเซิ่น ถ้าคุณหนูยังไม่หยุดโวยวายอีก ก็เตรียมตัวถูกขังต่อไปอีกนานได้เลยครับ”

หลังจากหนึ่งเดือน เธอถูกปล่อยออกมาจากห้องเก็บของ ร่างกายซูบผอมจนดูไม่ได้ และถูกส่งไปโรงพยาบาลทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะหมอช่วยไว้ทันเวลา เธอก็คงจะกลายเป็นคนบ้าเพราะพิษไข้ไปแล้ว

เมื่อกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกเด็ดขาด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 263

    จอภาพขนาดใหญ่ด้านหลังยังคงฉายคลิปวิดีโอต่อไป บทเพลงเปียโนที่เคอซานเหมยบรรเลงในวิดีโอนั้นเหมือนกับบทเพลงที่เซิ่นหรูซวงบรรเลงทุกประการ ประสานเสียงกันได้อย่างลงตัวผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเพราะเว่ยอวิ่นลู่พูดยอมรับกับปากของตัวเองว่าลอกเลียนแบบเพราะเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย และเคอซานเหมยเป็นคนคนหนึ่งที่มีอยู่จริงข้อมูลที่ถาโถมเข้ามานั้นท่วมท้นมากเสียจนกรรมการและผู้ชมด้านล่างเวทีต่างตกตะลึง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา“เธอเตรียมตัวมาดีมากเลยนี่” เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงเย็นเยียบของตัวเอง พยายามระงับซ่อนความโกรธที่แทบไม่มีคนรู้เอาไว้ “เธอเคยสืบค้นข้อมูลของเคอซานเหมยมาก่อน ถึงได้รู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้”หยาดน้ำตาสีใสหยดลงมาจากปลายหางตาของเว่ยอวิ่นลู่ เธอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกคิดถึงปนโล่งใจ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกพร้อมยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ “หรูซวง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเข้าใจฉันผิด ฉันเองก็เข้าใจ”“แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจฉันบ้าง ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเองก็วางแผนให้อาเหมยและห่วงใยเธอมากขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ บางทีฉันคงไม่เลือกเดินเส้นทางนี้หรอก”ในขณะที่พูด เธอก็ยิ้มรา

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 262

    หลังจากคลิปวิดีโอเริ่มฉายไปได้ประมาณครึ่งนาที ผู้ชมต่างเงียบกริบทุกคนต่างฟังออกได้ในทันทีว่าในคลิปวิดีโอ เคอซานเหมยกำลังเล่นเพลง ‘ความปรารถนา’ท่าทีของแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่เปลี่ยนจากความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเป็นความประหลาดใจ และในท้ายที่สุดใบหน้าของพวกเขาก็แข็งค้างพวกเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบร้อนพิมพ์ค้นหาเวลาที่เร็วที่สุดที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาถ้าเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย ถ้าอย่างนั้นระหว่างเพลง‘ความปรารถนา’ และเพลง ‘ความรัก’ ก็ต้องมีเรื่องการลอกเลียนแบบเข้ามาเกี่ยวพันอย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาว่าเพลงเปียโนสองเพลงนี้เพลงไหนถูกปล่อยออกมาก่อนกัน และเพลงไหนที่ลอกเลียนแบบวันที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอแสดงไว้อย่างชัดเจนที่มุมขวาบนของจอภาพสิ่งที่ต้องหาตอนนี้คือวันที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมา“เดี๋ยวก่อน ดูบนเวทีสิ”แฟนคลับคนนั้นยังไม่ทันได้กดค้นหาก็โดนคนด้านข้างขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนเขาเงยหน้าขึ้นมองบนเวที สายตาจ้องเขม็งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เว่ยอวิ่นลู่เดินจากที่นั่งผู้ชมขึ้นไปยังบนเวที เวลานี้ เธอยืนอยู่

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 261

    ไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพก็ปรากฏชัดเจนมากขึ้นเป็นภาพของห้องเปียโนที่แสนเรียบง่าย พร้อมเปียโนที่แค่มองก็เห็นได้ว่าเป็นเปียโนราคาถูกหนึ่งหลัง และหญิงสาวงดงามสะอาดตาที่สวมชุดเดรสลายดอกไม้เรียบ ๆ รวบผมครึ่งศีรษะ เธอก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย ปอยผมคลอเคลียอยู่บริเวณด้านข้างใบหน้า“ครูคะ โอเคแล้วค่ะ”น้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนเยาว์ดังก้องขึ้นในวิดีโอ หญิงสาวที่ปรากฏในวิดีโอไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา น่าจะเป็นเสียงของคนที่กำลังถ่ายวิดีโอเมื่อได้ยินเสียงนี้ คนส่วนใหญ่ในห้องแสดงล้วนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เร็วสิคะคุณครู ไม่ต้องเขินหรอก บทบรรเลงเสียงเปียโนที่เพราะขนาดนี้เราก็ต้องอัดไว้ให้ดีสิคะ”ทุกคนค่อย ๆ หันไปมองเซิ่นหรูซวงช้า ๆ และกระจ่างแจ้งในทันทีเสียงในคลิปวิดีโอคล้ายกับเสียงของเซิ่นหรูซวงในตอนนี้มาก ดังนั้นคนที่ถ่ายคลิปวิดีโออยู่คือเซิ่นหรูซวง!หญิงสาวในคลิปวิดีโอเอียงศีรษะพลางยิ้มบาง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความระอาใจ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “โอเค ถ้าเธอบอกว่าได้ก็คือได้ล่ะนะ”“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ!”

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 260

    เว่ยอวิ่นลู่กำมือแน่น แต่สีหน้าก็ยังดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากยิ่งเป็นช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องใจเย็นและคุมสถานการณ์ให้ได้นิ่งเท่านั้นถึงจะชนะ ไม่ให้เซิ่นหรูซวงได้ทำสำเร็จแน่เว่ยอวิ่นลู่เอาแต่จ้องมองไปที่เวทีตลอด แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเวทีนั้นทันทีสายตาเธอชะงักไปนิดนึง มีแววตาบางอย่างฉายวาบขึ้นมา แล้วเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง“เป็นอะไรไป?”ซิงจือเหยียนเหมือนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน แล้วกระซิบข้างหูเธอ เสียงที่พูดออกมาก็นุ่มทุ้มใจของเว่ยอวิ่นลู่เต้นตึกตักนิดนึง เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลนะ”ดวงตาที่สวยคมเข้มของซิงจือเหยียนดูลึกลับและมืดมิดไปอีกท่ามกลางบริเวณที่นั่งผู้ชมที่ค่อนข้างมืดสลัว เขาหล่อจนเกินจริงมาก ๆ เว่ยอวิ่นลู่มองแล้วก็หน้าแดงใจเต้น “มองฉันแบบนี้ทำไมเหรอ?”ซิงจือเหยียนพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเพลงของเซิ่นหรูซวงมีจุดขัดแย้งกับเพลงของเธออยู่หน่อยนะ”เว่ยอวิ่นลู่ตะลึงไปเล็กน้อยถ้าเธอจำไม่ผิด เรื่องบทเพลงนี้ ซิงจือเหยียนเคยได้ยินเซิ่นหรูซวงเล่นแค่ครั

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 259

    “เพลงที่เล่นไม่ใช่เพลง “ความรัก” ของเว่ยอวิ่นลู่เหรอ? เป็นเพลง “ความปรารถนา” ของเคอซานเหมย แต่นั่นก็เป็นผลงานของเว่ยอวิ่นลู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"“เซิ่นหรูซวงบ้าไปแล้วหรือ? เอาอีกแล้ว? บทเรียนครั้งเดียวยังไม่ทำให้เธอยอมแพ้อีกเหรอ ก็บอกไปหมดแล้วว่าเคอซานเหมยก็คือนามแฝงของเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริง ๆ!”“นั่นสิ ฉันว่าเธอคงอิจฉา เห็นเว่ยอวิ่นลู่กำลังจะคว้าแชมป์ ก็เกิดอิจฉาตาร้อน ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ดี คนอื่นก็อย่าหวังมีความสุขด้วยทำนองนั้น!”จวงเหมยจับใจความชื่อของเคอซานเหมยได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว แววตามีความประหลาดใจแวบหนึ่งเมื่อมีทีมรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงนั้น กลุ่มผู้ชมก็ไม่ได้พูดคุยกันนาน พวกเขาถูกบังคับให้หยุดพูด ทำให้จวงเหมยอยากฟังต่อก็ทำไม่ได้ชื่อของเคอซานเหมย ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็เผลอหันไปมองเว่ยอวิ่นลู่ที่อยู่ด้านหลังซ้ายมือโดยไม่ตั้งใจเพียงแวบเดียวเท่านั้น ความสงสัยในใจของจวงเหมยก็ยิ่งลึกมากขึ้นถึงแม้เว่ยอวิ่นลู่จะยังคงรักษาความสงบและอ่อนโยนเหมือนปกติ แต่จวงเหมยก็สังเกตเห็นความรู้สึกกังวลและความกลัว

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 258

    ซิงจือเหยียนพูดเสียงเบาว่า “ได้สิ เดี๋ยวฉันให้ผู้ช่วยจัดการ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”เว่ยอวิ่นลู่เม้มปากยิ้ม “ขอบคุณนะคะ อาเหยียน”จวงเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกเสียดายการแข่งขันเปียโนเย่ว์ไห่รอบชิงชนะเลิศให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าแข่งขันมาโดยตลอด ดังนั้นเกณฑ์การให้คะแนนในรอบชิงชนะเลิศจึงแตกต่างจากรอบแรกและรอบคัดเลือกเล็กน้อย โดยมีคะแนนสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานอิสระอยู่ที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้สัดส่วนจะไม่สูงมากนัก แต่ก็สามารถส่งผลต่อคะแนนและอันดับโดยรวมได้ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จึงเลือกเล่นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเองมีแค่เซิ่นหรูซวงเท่านั้นที่ไม่ได้เลือกเพลงที่ตัวเองแต่งซ้ำยังเป็นเพลงที่เว่ยอวิ่นลู่แต่งขึ้นมาอีกด้วยนั่นหมายความว่า คะแนนห้าเปอร์เซ็นต์ของเซิ่นหรูซวงหายไป ถ้าเธอไม่ได้บรรเลงได้ยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งจริง ๆ ก็คงยากที่จะสู้กับผู้เข้าแข่งขันเก่ง ๆ คนอื่นได้เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างเซิ่นหรูซวงกับเว่ยอวิ่นลู่แล้ว จวงเหมยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีคนที่มาในงานส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่ จวงเหมยภาวนาให้แฟนคล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status