เมื่อถึงห้องน้ำ ฟ้าลดาโก่งคออาเจียนอาหารออกมาจนหมดท้อง เธอรู้สึกคลื่นไส้มาเป็นเดือนแล้ว กินได้แต่น้ำผักผลไม้ แม่ก็สังเกตเห็นแต่หญิงสาวก็อ้างเพียงว่ากินแต่อาหารจืด ๆ มานานจนท้องไส้ไม่ค่อยยอมรับอาหารรสจัดแบบไทย ๆ
ล้างปากล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็พาร่างบอบบางจนแทบปลิวลมกับใบหน้าซีดเซียวเดินออกจากห้องน้ำ ยังไม่อยากกลับไปที่โต๊ะแต่เลือกเดินออกไปสูดอากาศด้านนอกที่ระเบียงติดแม่น้ำ
เมื่อผลักประตูกระจกออกมา สายลมของเดือนมีนาคมก็สัมผัสใบหน้า แม้จะเป็นสายลมอุ่นแต่ก็ทำให้หายใจได้โล่งขึ้น เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้น หญิงสาวนักเรียนนอกจึงหันกลับจะเข้าไปในร้าน ลูกค้าจากด้านในกำลังผลักประตูกระจกออกมาพอดีเธอจึงหยุดรอ ร่างสูงชะงักกึกตอนที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาตาคมเข้มคู่นั้น ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างขึ้นพร้อมกัน
“ฟ้า!”
“ธี!”
***สามปีก่อน...
“ไม่อยากให้ฟ้าไปเลย แค่คิดว่าต้องอยู่คนเดียวก็ใจจะขาดแล้ว”
ธีทัตออดอ้อนร่างบางเปล่าเปลือยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา สองร่างอิงซบกันอยู่บนเตียงกว้าง ห้วงยามหวามหวานเพิ่งผ่านพ้นไปอย่างเร่าร้อนแต่ชายหนุ่มก็ยังตระกองกอดเธอไม่ห่าง...เขารักเนื้อตัวนุ่มนิ่ม รักเรือนผมหอมกรุ่น รักกลิ่นกายสาวและรักทุกอย่างที่เป็นฟ้าลดา
รักจนอดกลัวไม่ได้ว่าเขาจะทรมานใจเพียงใดเมื่อเธอกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษตั้งสามปี
“เวอร์มากเลยนะธี เผลอ ๆ ฟ้าไปไม่กี่ชั่วโมง ธีก็แอบมีสาวใหม่ ฟ้ารู้หรอกนะว่าธีน่ะร้ายใช่ย่อย”
“ไม่เวอร์สักหน่อย พูดจริงทุกคำ ตั้งแต่คบกับฟ้าก็ไม่เคยมีใครเลยนะ ไม่เชื่อเหรอ”
ธีทัตไม่ได้ปากหวานเอาใจ แต่เขาพูดจริง ก่อนหน้ามาเจอฟ้าลดาเขาอาจจะเที่ยวบริหารเสน่ห์กับสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้าอย่างที่เธอว่าไว้ แต่หลังจากได้รู้จักกับหญิงสาวคนนี้ ความน่ารัก สดใส ฉลาด และอ่อนหวานของเธอ ก็มัดใจเขาไว้ได้แน่นสนิทชนิดที่ไม่มีสายตาไปมองใครได้อีก
ในวัยยี่สิบหกปี เพื่อน ๆ ยังคงใช้ชีวิตโสดอย่างคุ้มค่า แต่ธีทัตกลับอยากใช้ชีวิตคู่กับฟ้าลดาแล้ว ตอนที่เขาพูดเรื่องแต่งงาน เธอกลับหัวเราะและบอกเขาว่ากำลังวางแผนจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ เขาถึงกับช็อกไปหลายวัน
“จะไม่ให้ธีตามไปด้วยจริง ๆ หรือ... ธีไปได้นะ แค่อังกฤษเอง แม่กับพ่อไม่ว่าอะไรด้วย”
ธีทัตยังออดอ้อนประโยคเดิม เขาตั้งใจจะตามไปอยู่กับเธอด้วยที่นั่น ลูกชายเศรษฐีอย่างเขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงปากท้องอะไร แค่จะบินไปเมืองนอกเพื่ออยู่กับแฟน ไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่คนที่ห้ามเด็ดขาดไม่ให้เขาตามไปด้วยก็คือเธอนี่แหละ
“บอกแล้วไงถ้าธีไปด้วย ฟ้าจะไม่มีสมาธิเรียนกันพอดี”
“ธีจะไปทำให้ฟ้าเสียสมาธิได้ยังไงกันล่ะ”
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม ก่อนจะพลิกตัวขึ้นทาบทับร่างบางของเธอไว้อีกครั้ง แววตาส่องประกายร้อนเร่าราวกับจะหลอมละลายคนใต้ร่าง
“นี่ไง... ก็ทำแบบนี้นี่แหละ”
หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่ว ธีทัตยิ้มเจ้าเล่ห์ อารมณ์ที่เพิ่งดับไปถูกจุดขึ้นมาอีกอย่างง่ายดาย... ยิ่งรู้ว่าเธอไม่ให้เขาตามไปอังกฤษด้วยเขาก็ยิ่งอยากใช้เวลาที่อยู่กับเธอตอนนี้ให้คุ้มค่าที่สุด
ช่วงเดือนแรก ๆ ที่ฟ้าลดาไปถึงอังกฤษ เธอยังคงติดต่อกับธีทัตแทบทุกวัน ก่อนจะค่อย ๆ ทิ้งระยะห่างด้วยเหตุผลว่าเรียนหนัก งานเยอะ อยากโฟกัสกับการเรียนเพื่อจะได้จบแล้วกลับประเทศไทยเร็ว ๆ
ธีทัตคิดถึงคนรักทุกลมหายใจเข้าออกและยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะโทรหาเพราะกลัวเป็นการรบกวน เขาตั้งใจว่าเมื่อวันที่ฟ้าลดาบินกลับมา เขาจะขอเธอแต่งงานทันทีแล้วทั้งสองจะไม่ต้องอยู่ห่างกันอีก
ตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ธีทัตอาจจะเคยคบหาหญิงสาวมาแล้วมากมาย แต่ฟ้าลดาคือรักเดียวของเขา และตัวเขาเองในวัยยี่สิบหกปีก็มั่นใจเหลือเกินว่านั่นคือรักสุดท้าย
เมื่อมองย้อนกลับไป ชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะกับความไร้เดียงสาของตัวเอง
กลับมาที่ปัจจุบัน“ธี!”
“ฟ้า! ฟ้าจริง ๆ ด้วย”
ธีทัตตื่นเต้นดีใจที่ได้พบอดีตคนรักโดยไม่คาดฝัน หญิงสาวก็ทั้งตกใจและดีใจไม่ต่างกัน
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะได้เจอกันที่นี่”
“นั่นสิ... ร้านโปรดของฟ้าไงธีจำได้ นี่ฟ้ามากับใคร แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอกเราบ้างเลย”
ธีทัตถามรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้น ไม่มีวี่แววตัดพ้อหรือน้อยอกน้อยใจ สายตาที่เขามองเธอก็ยังเต็มไปด้วยความจริงใจเหมือนเช่นคืนวันเก่าก่อน
ที่เปลี่ยนไปก็มีเพียงแต่ตัวเธอนี่แหละ ฟ้าลดารู้ตัวดี...
“เพิ่งกลับมาไม่กี่วันนี้เองก็เลยยังไม่ได้บอกใครน่ะ นี่ฟ้ามากับพ่อกับแม่แล้วก็อานุช ธีล่ะมากับใคร”
“มากับพวกเพื่อน ๆ พวกไอ้ภูมิ ไอ้ต่อ ยังจำได้ไหม”
“อืม จำได้สิ”
ฟ้าลดารู้จักกลุ่มเพื่อนของธีทัตเป็นอย่างดี แต่วันนี้ที่สถานะเปลี่ยนไป ชายหนุ่มก็รู้ดีเกินกว่าจะถามเธอว่าอยากไปพบปะเพื่อนฝูงเก่า ๆ หรือเปล่า ตรงข้ามกับเขา
“ธีขอไปสวัสดีพ่อกับแม่ได้ไหม ฟ้าสะดวกหรือเปล่า”
เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ ฟ้าลดาไม่คิดว่าธีทัตจะยังอยากเจอคนในครอบครัวของเธอ... แต่แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธ
นาทีต่อมา พ่อแม่และอาของฟ้าลดาจึงเห็นหญิงสาวเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับอดีตแฟนหนุ่ม ทุกคนต่างดีอกดีใจเพราะไม่ได้เจอชายหนุ่มมานานแล้ว
“สบายดีนะครับพ่อ แม่ อานุช”
“พ่อสบายดี ทุกคนสบายดี ธีล่ะลูก”
“ผมก็เรื่อย ๆ ครับพ่อ แล้วย่าน้อยล่ะครับ”
“ย่าก็สบายดี แต่ก็แก่ไปเยอะแล้วล่ะ ว่าง ๆ ธีไปเที่ยวหาย่าบ้างสิลูก ทุกคนยินดีต้อนรับลูกนะ”
เฟื่องฟ้าเอ่ยบ้าง ชายหนุ่มตอบรับทันที
ฟ้าลดามองปฏิกิริยาของทุกคนตรงหน้า ยังคงแปลกใจและเจ็บแปลบอยู่ลึก ๆ ธีทัตเป็นคนอัธยาศัยดี จริงใจ และเป็นที่รักของทุกคน ทำไมครั้งหนึ่งเธอจึงเคยทำร้ายผู้ชายคนนี้ได้ลงคอกันนะ
เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาตอนที่ยังเรียนปริญญาโทอยู่ เพราะได้พบรักใหม่ที่อังกฤษและตั้งใจจะไม่กลับเมืองไทยในเร็ววัน เป็นการบอกเลิกที่เด็ดขาด ธีทัตบินตามไปถึงที่อังกฤษเพื่อคุยกันต่อหน้า และเมื่อแน่ใจแล้วว่าฟ้าลดาไม่ต้องการมีเขาในชีวิตแล้วจริง ๆ ชายหนุ่มก็ยอมบินกลับเมืองไทยโดยไม่ฟูมฟายหรือตีโพยตีพายให้เธอต้องลำบากใจ
เพื่อนสนิทส่งข่าวไปบอกว่าหลังจากนั้นเกือบสามเดือน ที่ธีทัตใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง ควงสาวไม่เลือกหน้า ราวกับต้องการประชดที่ถูกบอกเลิก ฟ้าลดาไม่รู้ว่าเขาทำใจได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่ที่แน่ ๆ คนที่เธอเห็นในตอนนี้ไม่มีร่องรอยความบาดเจ็บหรือขุ่นขึ้งเลยแม้แต่น้อย
ธีทัตอำลานที เฟื่องฟ้า และนุชจรี ก่อนรับปากอีกครั้งว่าจะไปเที่ยวหาคุณย่าน้อยที่บ้านก่อนจะขอตัวกลับโต๊ะของเขา...
“ธีไม่เปลี่ยนเลยนะ ร่าเริงเหมือนเดิม”
นุชจรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเหมือนวันก่อนเก่า ฟ้าลดายิ้มอ่อน
“นั่นสิคะ ฟ้าก็ดีใจที่เห็นเขาสบายดีและไม่ได้โกรธฟ้า”
“โต ๆ กันแล้วล่ะลูก คนดี ๆ อย่างธีเขาก็คงเข้าใจ เห็นเขากับลูกยังเป็นเพื่อนกันได้แม่ก็สบายใจนะ”
“ค่ะแม่”
คนเป็นลูกสาวรับคำเบา ๆ ก่อนจะตักกินอาหารด้วยลิ้นที่ไม่รู้รส
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท