เสียงนกร้องแผ่ว ๆ คลออยู่ในสวนข้างกองถ่าย มุมที่ทีมงานจัดไว้เป็นโซนมินิโซฟาวางอยู่กลางสวนดอกไม้ มีพร็อพ
ดอกไม้แซมรอบ ๆ ให้ดูโรแมนติกแบบง่าย ๆ
มาคินนั่งอยู่บนโซฟาไม้ ขายาวพาดไว้ข้างหนึ่ง มือดีดกีต้าร์โปร่งเบา ๆ เป็นซาวด์แบ็กกราวด์ให้ภาพดูอบอุ่น ร้อยดาวนั่งยอง ๆ อยู่ข้างเขา เธอไม่ได้มองกล้องเลยสักนิด
“เมื่อยมั้ย นั่งพื้นแบบนั้น” มาคินถามเสียงเบาไม่ให้หลุดไมค์
“ฉันถนัดกว่า” เธอยิ้มตอบ สายตาร้อยดาวมองมือเขาที่วางอยู่บนคอร้องกีต้าร์ สลับกับมองหน้าเขาเหมือนเธอเห็นแค่เขาคนเดียว
ทีมงานยกกล้องถ่าย Long Shot ตอนนั้นเองมีเอฟซีที่มาเฝ้ากอง แอบยกมือถือขึ้นกดแชะเผลอซูมจับเฉพาะสองคน โฟกัสสายตาร้อยดาวที่มองมาคินแบบคนรักชัด ๆ
หลังถ่ายจบในกองถ่าย อ๊อฟกับก๊อปเปอร์เดินเข้ามาแซว
“พี่มาคิน! วันนี้อารมณ์ศิลปินแรงเกินนะพี่ สายตาพี่ร้อยดาวมองจนกูยังเขินแทน” ร้อยดาวเขินจนหน้าแดง เธอหยิกแขนมาคินทีนึง
“จะหาว่าฉันเล่นใหญ่เหรอ”
“ใหญ่ก็ได้ใหญ่น่ารักก็ดี” มาคินหันไปกระซิบข้างหู ทำเอาเธอเบือนหน้าหนีทันที
ไม่กี่ชั่วโมงต่อม ภาพถ่ายนั้นโผล่ในทวิตเตอร์พร้อมแฮชแท็ก #MakInRoidao #คู่จิ้นหรือคู่จริง
“สายตาผู้หญิงชัดมาก นี่มันแฟนกันแล้วปะวะ”
“แอบถ่ายเขาแบบนี้มันจะเกินไปมั้ย แต่ก็เขินนะ”
“ไม่โอเค มาคินต้อง belong to แฟนคลับเท่านั้น”
“เอ๊ะ บางคนหวงแรงไปละมั้ง คนเราจะรักกันไม่ได้เลย”
ใต้โพสต์เริ่มมีดราม่าเล็ก ๆ หลายเสียงตีแตกออกเป็นสองฝ่าย แฟนคลับกลุ่มหนึ่งส่งหัวใจ ซัพพอร์ต #เรือมาคินร้อยดาวลอยแน่ อีกฝ่ายกลับเริ่มตั้งโพสต์ระบายว่าหวงศิลปิน เกรงว่าถ้าทั้งคู่รักกันจริงจะทำงานคู่จิ้นต่อไม่ไหว
หลังเวลากองถ่ายเลิก ร้อยดาวเห็นรูปแล้วหน้าเจื่อนนิด ๆ เธอหันไปมองมาคินที่ยืนจัดกีต้าร์เก็บเข้ากล่อง
“ถ้ามีคนไม่ชอบเราเป็นคู่กันจริง ๆ จะทำไง” มาคินยักไหล่ แล้วยื่นมือมาแตะหัวเธอเบา ๆ
“ก็ไม่ทำไงอยู่ให้มันเห็นว่าเราไม่ใช่แค่คู่จิ้น เราเป็นของกันและกันจริง ๆ ” เธอเงยหน้ามองเขา หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม แม้จะรู้ดีว่าหลังจากนี้ เรื่องหัวใจอาจไม่ใช่เรื่องง่ายในโลกของคนรักศิลปิน
ห้องแต่งตัวเล็ก ๆ หลังเวทีผับแห่งนี้เปิดไฟสลัว ร้อยดาวนั่งอยู่หน้ากระจก มือสางผมไปมาโดยไม่รู้ว่าทำไปกี่รอบแล้ว เสียงหัวใจเต้นดังเหมือนกลองแตกแต่ไม่มีใครได้ยิน
ทุกครั้งก่อนขึ้นเวที เธอเคยคิดว่าตัวเองแกร่งพอแต่วันนี้เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่ในอก สิ่งที่คนพิมพ์ในคอมเมนต์ สิ่งที่เธอเคยบอกตัวเองให้
“ปล่อยไปเถอะ” มันกลับวนซ้ำในหัวเหมือนฝนที่ตกกระหน่ำซ้ำที่เดิม
เสียงเบสแน่น ๆ กระหึ่มในผับเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยแฟนเพลง ไฟสลัวแต่พอจะเห็นใบหน้าร้อยดาวบนเวที เธอสวมชุดเดรสเรียบ ๆ สีขาว แขนเสื้อบางพลิ้วเหมือนกลีบดอกไม้ แต่ข้างในกลับร้อนรุ่มเกินกว่าจะควบคุม
เสียงกีต้าร์ของมาคินเคล้าเบา ๆ ข้างเธอแต่ร้อยดาว กำไมค์แน่นจนมือสั่น
“เธอเห็นข่าวนั้นหรือยัง”
“ร้อยดาวคงเป็นตัวถ่วง มาคินดังได้เพราะตัวเองไม่ใช่เธอ”
“เสียงเธอเพี้ยน ร้องให้มันดีหน่อยเถอะ”
คำพูดที่เธอแอบอ่านผ่านจอมือถือ ลอยวนอยู่เต็มหัว ร้อยดาวพยายามฮัมท่อนแรกด้วยน้ำเสียงคุมคีย์ แต่ปลายเสียงสั่น
น้ำตารื้นขึ้นมาค้างตรงขอบตา จนกระทั่งท่อนฮุคสุดท้าย
เธอหลุดเสียงไปจริง แล้วก็เหมือนทุกอย่างตีกลับมาพร้อมกัน น้ำตาหยดแรกไหลร่วงกลางไฟสปอตไลต์ คนในผับเงียบกริบ เพลงยังไม่จบแต่เธอเอื้อมมือปาดน้ำตาไม่ทัน
เสียงเธอสั่นจนแทบกลืนคำ
“ขอโทษนะคะ” เธอพูดออกไมค์ ทั้งที่เพลงยังเล่นไม่จบ
มาคินที่ยืนดีดกีต้าร์ข้าง ๆ เห็นสีหน้าเธอแล้ววางมือทันที
เขาก้าวเข้ามาชิด ปิดไมค์ของเธอแล้วกอดไหล่ร้อยดาวไว้ทั้งที่ไฟบนเวทียังสาดใส่ทั้งคู่ มาคินร้องเพลงจนจบคนเดียว ร้อยดาวยืนหันหลังพยายามควบคุมตัวเอง มุมเสียงมาคินในความเงียบ
“ไม่เป็นไร ได้ยินมั้ย ไม่เป็นไร” เสียงเขากระซิบอยู่ข้างหูเธอ แม้จะถูกไมค์อีกตัวแอบจับเสียงได้ราง ๆ
“เธอไม่ได้ร้องเพี้ยน เธอไม่ได้แย่เธอแค่เหนื่อยรู้มั้ย”
เธอส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก เปียกแก้มเปียกคอเสื้อ
ภาพแฟนคลับหลายคนยกมือถือขึ้นถ่ายไว้ แต่เธอไม่เห็นอะไรอีกแล้ว นอกจากเสียงวิจารณ์ที่ยังแว่วซ้ำในหัว
“ฉันพยายามแล้วมากแล้ว” ร้อยดาวสะอื้นปนเสียงสั่น
“ฉันไม่อยากให้คนมาว่า ว่าฉันไม่มีค่า ไม่มีฝีมือ" มาคินกอดเธอแน่นขึ้นแขนเขาเหมือนฝาครอบที่กั้นเธอออกจากเสียงซุบซิบ
“ถ้าไม่มีเธอ จะไม่มีฉันด้วย เข้าใจมั้ย” เธอผละออกมามองหน้าเขา ดวงตาบวมแดง เขาจับไมค์ตัวเดิมขึ้นมาพูดต่อหน้าเอฟซีที่ยังเงียบ
“พวกคุณทุกคนรู้ใช่มั้ยว่าร้อยดาวตั้งใจแค่ไหน” เสียงคนดูเงียบแต่เริ่มมีเสียงปรบมือประปราย
“ครั้งหน้าถ้าจะวิจารณ์กัน ช่วยมองสิ่งที่เธอพยายามหน่อย อย่ามองแค่จุดที่เธอสะดุด เพราะไม่มีใครบนโลกที่ร้องเพลงได้เพอร์เฟ็กต์ไปตลอด” ร้อยดาวยกมือเช็ดน้ำตา ขาสั่นจนเกือบล้ม มาคินจับมือเธอไว้ ยื่นไมค์ให้เธอ
“จะหยุดร้องตอนนี้ก็ได้ หรือจะสู้ต่อก็ได้ แต่ฉันอยู่ตรงนี้ถ้าเธอจะไปฉันก็จะไปด้วย ถ้าเธอจะยืนฉันก็จะยืนด้วยเข้าใจมั้ยร้อยดาว” เธอมองหน้าเขา ริมฝีปากเม้มแน่น แล้วเธอก็ยกไมค์ขึ้นมาช้า ๆ รวบลมหายใจที่เหมือนแตกเป็นพันชิ้นมาไว้ด้วยกัน
เสียงกีต้าร์เริ่มขึ้นใหม่ ท่อนฮุคเดิมที่เคยสะดุดกลับกลายเป็นเสียงที่สะอื้นแต่ชัดเจน แฟนคลับบางคนเริ่มยกมือขึ้นปรบจังหวะให้เธอเบา ๆ แสงไฟในผับอุ่นขึ้นอย่างประหลาด เมื่อเสียงผู้หญิงที่เกือบยอมแพ้ ยืนขึ้นอีกครั้งข้างคนที่บอกว่า
“ถ้าไม่มีเธอ ไม่มีฉันด้วย”
หลังจบคอน มาคินโอบร้อยดาวลงจากเวที สายตาเอฟซีบางส่วนเปลี่ยนไป มีทั้งคนมองด้วยความสงสาร และคนที่เริ่มเข้าใจว่า ความพยายามของใครบางคน มันไม่ใช่แค่ภาพในโซเชียล
แต่สำหรับร้อยดาว เธอเองยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ เธอจะยังกล้าจับไมค์เคียงข้างมาคินต่อได้หรือเปล่าเพราะเธอกลัวว่า ถ้าไม่มีเธอ มาคินอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่เขาไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้งเดียว
เสียงเครื่องยนต์เบา ๆ กับไฟถนนส้มมัวข้างทาง มาคินขับรถช้า ๆ มือเขาวางบนพวงมาลัย แต่หางตามองคนที่นั่งกอดขาอยู่เบาะข้างอย่างเงียบ ๆ ร้อยดาวเอาหัวพิงกระจก รถเงียบจนได้ยินเสียงหายใจขาด ๆ ของเธอ
“ร้อยดาว” เขาเรียกชื่อเธอแผ่ว ๆ แต่เธอไม่ตอบ
“ขอโทษนะที่วันนี้มันเป็นแบบนี้” ร้อยดาวยังเงียบไปอีก เธอกัดริมฝีปากจนแดงเหมือนพยายามกลั้นทุกอย่าง มาคินตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าข้างทางในจุดจอดฉุกเฉิน ปิดไฟฉุกเฉิน เขาหันมาเธอทันที
“มองหน้าหน่อยได้ไหม” เธอช้า ๆ เงยหน้ามา ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้จนหมดแรงแล้ว เธอยิ้มแห้งแต่สายตาเหมือนกำลังโทษตัวเอง
“มันไม่ใช่ความผิดนายหรอกมาคินเป็นฉันเองต่างหาก”
“อย่าโทษตัวเองสิ”
“ก็จริงนี่” เธอเสียงสั่น
“ฉันไม่เหมาะหรอก ฉันแค่คนแต่งเพลงธรรมดาคนจัดการงานอยู่ข้างหลัง ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนข้าง ๆ นายบนเวทีเลยสักนิด”
“ร้อยดาว”
“ทุกครั้งที่ฉันร้องเพี้ยน ทุกครั้งที่คนพิมพ์ด่า ฉันก็ได้แต่ถามตัวเองว่าฉันทำอะไรอยู่ ฉันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ”
เสียงเธอสั่นจนเขาอยากยื่นมือไปปิดปากนั้น ไม่ให้พูดทำร้ายตัวเองต่อ แต่เขาทำได้แค่ฟัง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาแรง ๆ แล้วพูดสิ่งที่ซ่อนมาตลอด
“ฉันกลัวจะทำลายทุกอย่างที่นายสร้างมาด้วยมือฉันเอง กลัวจะพังงาน กลัวจะพังนาย” เขานิ่งไปเหมือนมีค้อนทุบเข้าที่อกทีละคำที่เธอพูดออกมา ร้อยดาวถอนหายใจเหมือนยอมแพ้
“ฉันคิด ฉันคิดจริง ๆ ว่าจะเลิกคู่จิ้น เลิกยืนข้างนายดีไหม ฉันยังแต่งเพลงให้ได้นะ ฉันดูแลทีมให้ได้นะ แค่นั้นก็พอแล้วมั้ง”
เงียบ
รถทั้งคันเงียบเหมือนใครกดปุ่มปิดเสียงโล มาคินมองหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเธอแน่นจนเธอเผลอสะดุ้ง
“ฟังนะ” น้ำเสียงเขาเหมือนบีบทุกอย่างไว้เต็มอก
“ถ้าไม่มีร้อยดาว มันก็ไม่มีมาคินเหมือนกัน เข้าใจไหม”
“มาคิน”
“ฉันไม่ได้อยากให้เธออยู่ข้างฉันเพราะโปรเจกต์ เพราะคู่จิ้น หรือเพราะใครคาดหวัง ฉันอยากให้เธออยู่เพราะเธอคือเธอ”
เขาหยุดเพราะเสียงเธอสะอื้นอีกหน
“ทุกเวทีที่ฉันเล่นถ้าไม่มีเธอ ฉันก็ไม่รู้จะทำเพื่อใครเหมือนกัน เธอไม่ได้แค่ยืนข้างฉันบนเวทีนะ เธอคือคนที่ฉันอยากให้ยืนอยู่ในชีวิตฉันด้วย เข้าใจรึยัง”
ร้อยดาวร้องไห้หนักขึ้น แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความกลัว เธอกำมือเขาแน่นเหมือนจะยึดทุกอย่างไว เขาเอื้อมมืออีกข้างเช็ดน้ำตาให้เธอช้า ๆ แสงไฟข้างทางลอดกระจกมากระทบใบหน้าเธอ ไม่มีเครื่องสำอาง ไม่มีไฟสปอตไลต์ มีแค่เธอคนที่เขารักที่สุด มาคินสูดหายใจลึกแล้วพูดราวกับคำสัญญาที่เธอต้องฟังให้ได้
“ฉันผิดเองที่ลากเธอมาเจออะไรแบบนี้ แต่ถ้าจะให้ฉันแก้ไขโดยการปล่อยเธอไป ฉันทำไม่ได้จริง ๆ ” เขากระซิบใกล้จนเธอได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้น
“เพราะฉันรักเธอเข้าใจไหม รัก ร้อยดาว”
ร้อยดาวซบหน้าลงกับไหล่เขา กำชายเสื้อแน่น เสียงสะอื้นแผ่วลง เหลือแค่เสียงลมหายใจสลับกันในรถคันเล็กที่สว่างแค่ไฟข้างทาง คืนนี้ไม่มีเสียงแฟนคลับ ไม่มีเสียงด่า ไม่มีเสียงปรบมือ มีแค่เสียงคนสองคนที่พูดความจริงใจที่สุดออกมาในวันที่หัวใจพังที่สุด
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็