รถของมาคินจอดเทียบหน้าบ้านพักศิลปินของค่ายในช่วงดึก ร้อยดาวนั่งนิ่งอยู่ข้างคนขับ ดวงตาเธอยังบวมแดงเพราะเพิ่งปล่อยโฮกลางคอนเสิร์ตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ไฟหน้าบ้านพักส่องลอดกระจกมาพอให้เห็นเงาหน้ากัน
มาคินเอนตัวพิงพวงมาลัย ก่อนจะหันมาลูบหัวคนข้าง ๆ เบา ๆ
“อย่าไปคิดมากกับพวกคีย์บอร์ดคอมเมนต์พวกนั้นเลยนะ…เหนื่อยก็พักก่อน”
ร้อยดาวไม่ตอบอะไร นอกจากก้มหน้าซ่อนสายตาที่เริ่มคลออีกหน มาคินยื่นมือไปจับมือเธอ บีบเบา ๆ
“อยู่กับฉันตรงนี้…ไม่มีใครทำอะไรเธอได้ เข้าใจมั้ย” เธอพยักหน้าแทนคำตอบ แค่ได้ยินเสียงเขาใจมันก็อุ่นกว่าตอนยืนร้องไห้บนเวทีเป็นร้อยเท่า
ภายในบ้านพักศิลปินยังเงียบ อ๊อฟกับแก๊ปเปอร์ที่อยู่บ้านข้าง ๆ คงนอนกันหมดแล้ว มาคินหยิบของจำเป็นออกจากรถ หันไปสั่งเธอด้วยน้ำเสียงกึ่งบังคับ
“คืนนี้พักที่นี่กับฉัน อย่าเถียง เข้าใจมั้ย ร้อยดาวพยายามจะเถียงตามนิสัย
“แต่ฉัน”
“ไม่มีแต่ เธอจะกลับไปนอนคนเดียวแล้วเครียดต่ออีกไม่ได้นะ เข้าใจ”
ร้อยดาวเบะปากนิด ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเข้ามาในบ้าน พอเห็นห้องพักเดิมที่เธอเคยอยู่ ทุกอย่างยังสะอาดเรียบร้อยเพราะมีแม่บ้านคอยจัดให้ตลอด
“ไปอาบน้ำเถอะ…ฉันจะจัดที่ให้” มาคินดันเธอไปทางห้องน้ำ ก่อนจะยืนกอดอกยิ้มบาง ๆ มองตามเหมือนเฝ้าเด็กดื้อ
มาคินค่อย ๆ ดันประตูห้องพักเดิมของร้อยดาวเข้ามา
ไฟหัวเตียงสีวอร์มทำให้ทุกอย่างในห้องดูสงบเหมือนเดิม ผ้าห่มพับเป็นมุม หมอนวางเรียง รอยยับบนเตียงยังคล้ายวันก่อนเธอจะย้ายออก
เขาวางของบางอย่างลงบนโต๊ะ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หมอนใบเดิมที่มีกลิ่นแชมพูจาง ๆ ของร้อยดาวทำให้เขาสูดลมหายใจยาวเหมือนคนได้กลับบ้าน
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ร้อยดาวในชุดนอนตัวหลวม เดินเช็ดผมออกมาด้วยสีหน้ามึน ๆ พอเห็นคนวิสาสะนอนกลางเตียงก็ตาขวางทันที
“นี่ ใครอนุญาตให้นายมานอนบนหมอนฉัน" มาคินยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่น
“หมอนมันหอม มันคงคิดถึงกลิ่นเธอนะ”
“พูดบ้าอะไร นั่นมันของฉัน นายจะมานอนตรงนี้ได้ยังไง”
เธอวางผ้าขนหนูบนเก้าอี้ เดินมาสะกิดให้เขาลุก แต่มาคินไม่ขยับสักนิด เขากลับคว้าข้อมือเธอไว้ ดึงให้ล้มลงบนเตียงข้าง ๆ จนร้อยดาวต้องเอามือยันอกเขา
“มาคิน”
“เธอไม่โกรธฉันแล้วใช่มั้ย” เขาพูดเสียงอ้อนต่ำ ๆ
“ฉันแค่อยากอยู่กับเธอ คืนนี้ฉันขออยู่ตรงนี้ได้ไหม” ร้อยดาวถอนหายใจยาว ดวงตายังแดง ๆ เพราะเพิ่งร้องไห้บนเวที เธอพูดเสียงแข็งแต่เบา
“ฉันไม่ได้โกรธ ตอนนี้ฉันแค่เหนื่อย”
“ก็พักตรงนี้ไง” เขายื่นมือไปจัดผมเปียก ๆ ของเธอให้แห้งดีขึ้น
“ฉันจะอยู่ตรงนี้ทั้งคืน จะเฝ้าเธอจนกว่าจะหลับ”
“แล้วนายจะไปนอนตรงไหน นี่มันเตียงฉันนะ” มาคินยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็ตรงนี้ไง เตียงเราสองคนคืนนี้” ร้อยดาวฟาดเขาเบา ๆ ที่ไหล่
“พูดจาไม่อายปาก”
“แล้วเธออายเหรอ” เขาแกล้งกอดเธอแน่นขึ้น
“เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา จะให้นอนกอดหมอนคนเดียวได้ไง” เธอหัวเราะทั้งที่หน้าแดงเพราะแพ้ความขี้อ้อนของเขาทุกที สุดท้ายก็ยอมซุกหน้าลงบนไหล่เขาอยู่ดี เงียบไปพักใหญ่ เสียงหายใจสองคนสลับกันเบา ๆ
“ขอบคุณนะที่อยู่ข้างฉัน”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ” มาคินกระซิบแผ่วข้างหู
“ต่อให้วันไหนเธอเหนื่อย จนไม่อยากยืนบนเวทีอีกอย่างน้อยก็กลับมานอนตรงนี้ได้เสมอ เข้าใจมั้ย”
เธอพยักหน้าในอ้อมกอดเขา มาคินกดจูบลงบนหน้าผากเธอเบา ๆ เป็นเหมือนสัญญาว่า พรุ่งนี้ถ้าล้มอีก เขาก็จะอยู่ข้างเธอเหมือนเดิม
เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบา ๆ ในห้องพักที่คุ้นเคย ร้อยดาวหลับไปก่อนในอ้อมกอดของเขา ส่วนมาคินก็ซุกหน้าลงบนกลุ่มผมที่ยังมีกลิ่นแชมพูจาง ๆ
กลิ่นนี้อบอุ่นเหมือนเจ้าของมันไม่มีผิด มือของเขาลูบแผ่นหลังบางอย่างแผ่วเบา เหมือนจะกล่อมให้เธอหลับลึกขึ้นอีก ทั้งที่คนหลับก็หมดแรงอยู่แล้ว
มาคินขยับใบหน้าลงมาใกล้ข้างหูของเธอ เสียงหายใจของร้อยดาวยังคงสม่ำเสมอ ชวนให้เขาเผลอยิ้มบาง ๆ
เขารู้ดีว่าคืนนี้เธอเปราะบางแค่ไหน เขาก็รู้ดีเหมือนกันว่าลึก ๆ ในใจตอนนี้ เขาอยากจะทำมากกว่าแค่นอนกอด อยากให้เธอรู้ว่ามีเขาอยู่ทุกส่วนในชีวิตจริง แต่ก็ได้แค่ข่มใจไว้
ปลายนิ้วเขาลูบผมเธอเกลี่ยไปมาที่แก้ม สองตาปิดลงซับกับผิวแก้มนุ่ม ๆ อย่างอดกลั้น หัวใจมันยิ่งเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงเธอพึมพำในฝัน คล้ายกับเรียกชื่อเขาเบา ๆ
“มาคิน” เสียงเหมือนคนละเมอ แต่กลับดังชัดในหัวเขาจนใจสั่น
“ฉันอยู่ตรงนี้” เขากระซิบตอบกับหน้าผากของเธอ ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเหมือนจุมพิต แต่ไม่ล้ำเส้นไม่อาจทำได้ในตอนนี้
เพราะเขารู้ว่าเธอเหนื่อยมากพอแล้ว คืนนี้เขายอมอดทน จะไม่ดึงเธอเข้ามากว่านี้ จะไม่เอาใจที่ร้อนรนไปกดทับหัวใจของคนที่เขารักที่สุด ขอแค่ได้กอดได้อยู่ตรงนี้ในคืนที่เธอไม่เหลือใครก็พอแล้วสำหรับเขา
มาคินกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิด ก่อนจะหลับตาลงข้าง ๆ เธอ เสียงเครื่องปรับอากาศยังพัดเบาอยู่ในห้อง แต่คืนนี้ในหัวใจของเขาเงียบสงบ เพราะเขารู้ว่าต่อให้พรุ่งนี้จะเหน็บหนาวหรือวุ่นวายแค่ไหน เธอจะไม่ต้องเผชิญมันคนเดียวอีกแล้ว
เขาก้มลงจูบหน้าผากเธอแผ่ว ๆ ราวกับกระซิบขอโทษและสัญญาในเวลาเดียวกัน
"ฉันจะอยู่ข้างเธอแบบนี้ จนกว่าจะเลิกร้องไห้นะ” คำพูดนั้นเบาแทบไม่ต่างจากลมหายใจ แต่ผนังบาง ๆ ของบ้านพักศิลปินกลับไม่อาจปิดเสียงได้ทั้งหมด
ในอีกมุมหนึ่งห้องถัดไปที่ไฟหัวเตียงยังไม่ดับสนิท
อ๊อฟนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงที่นอนไม่ค่อยหลับ เขาได้ยินเสียงประโยคขาด ๆ จากฝั่งห้องของมาคิน เสียงเหมือนคนกำลังปลอบใครบางคน และเสียงนั้นก็ชัดพอจะเดาได้ว่าเป็นใคร อ๊อฟไม่คิดจะเดินออกไปขัดจังหวะหรอก เขาแค่ยิ้มขำเบา ๆ ในลำคอ
“เฮ้อ แม่ง เป็นเอามากนะมึง”
เขาหัวเราะเบา ๆ เหมือนคนพูดกับตัวเอง หัวใจเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉา แต่กลับรู้สึกเอ็นดูคู่เพื่อนรักที่ต่อหน้าทุกคนชอบแหย่กัน ขัดกัน แต่สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้กันมากที่สุดอยู่ดี
อ๊อฟพลิกตัวอีกครั้ง ดึงผ้าห่มคลุมหัว แต่ก่อนหลับก็ยังเผลอพึมพำออกมา
“ก็ดีแล้ว มีมึงคอยดูแลกันแบบนี้ เธอคงไม่ร้องไห้คนเดียวอีก”
ไฟหัวเตียงดับสนิทลงพร้อมเสียงลมหายใจของอ๊อฟที่เริ่มสม่ำเสมอทิ้งให้คืนนี้ เป็นคืนที่พิเศษที่สุดสำหรับคนสองคนที่กำลังกอดกันอีกห้อง และเพื่อนอีกคนที่เฝ้าดูอยู่ในความเงียบ เพราะในโลกของพวกเขา ไม่มีใครต้องสู้คนเดียวอีกต่อไป
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็