ไฟซอยเสาเดียวกระพริบเหมือนจะดับ เสียงมอเตอร์ไซค์ขี่ผ่านหัวซอยหายลับไปพร้อมเสียงท่อดังแสบหู ไกลออกไปอีกนิดเป็นเสียงแตรสองแถวที่ขับวนหาผู้โดยสาร ทั้งหมดผสมกับเสียงแมวจรจัดร้องหง่าว ๆ อยู่บนกำแพงอิฐดำเปื้อนคราบสกปรก
พื้นซอยแฉะ น้ำสกปรกขังในร่องซีเมนต์ มีซองขนม ถุงขยะ กระป๋องเบียร์ยับยู่ยี่กองรวมกันข้างถังแดงที่ล้นออกมา มีกลิ่นบุหรี่ที่มือกาวพ่นควันออกมาคละคลุ้งไปกับกลิ่นกาวที่เขาสูดเข้าปอด
เงาสองเงายืนหันเข้าหากันเงาหนึ่งคือ ยิปซีผู้หญิงแต่งตัวจัดแต่ปกปิดตัวตมิดชิด แว่นตาซ่อนใบหน้า หมวกที่ปิดบัง เธอเขี่ยเท้ากับเศษขยะไปมา ขณะที่อีกมือกำเงินในกระเป๋าแน่น
อีกเงาคือมือกาว ผู้ชายหัวมันใบหน้าซูบ มีรอยแผลถลอกตรงคาง กลิ่นตัวเขาเหม็นผสมเหงื่อกับกาวจนยิปซีเบือนหน้าแทบอาเจียน
เสียงรถซาเล้งผ่านไปตรงปากซอย คนลากซาเล้งไม่ได้มองเข้ามาด้วยซ้ำ ทุกอย่างเหมือนเงียบแต่ความอันตรายกำลังหมุนวนรอบตัว
“กลัวเหรอแม่สาว ซอยแบบนี้ถึงมีคนเห็นก็ไม่มีใครกล้าเสือกหรอก” มือกาวหัวเราะแห้ง ปากเหม็นกาว เขาเอียงหัวมองผู้หญิงตรงหน้าเหมือนแมลงสาปที่คิดว่าแค่เหยียบก็ตาย
ยิปซีเบือนหน้าหนีเธอกำชายหมวกให้คลุมใบหน้าให้มิดกว่าที่เป็น แต่รังสีดูถูกยังแผ่จากสายตาที่ตวัดกลับมา
“อย่าเพิ่งคิดจะเล่นแสบนัก แกแค่เอามันให้เข็ด เอาให้มันกลัว อย่าให้ถึงตายเข้าใจมั้ย” เสียงเธอราบเรียบแต่ฟังแล้วเย็นจนขนลุก ชั่ววินาทีที่แสงไฟซอยกะพริบผ่าน ใบหน้าใต้เงาหมวกยิ่งดูน่ากลัว
“ปล้นแล้วจะไม่เจ็บตัวได้ไงวะ ฉันจัดให้หนักนิดนึงได้ปะ รับรองมันร้องไห้ขี้มูกย้อยให้เห็นแน่” มือกาวยกถุงกาวขึ้นสูดฟอดใหญ่ กลิ่นเหม็นฉุนตลบไปทั่วซอย น้ำเน่าในร่องซีเมนต์เหม็นจนแทบสำลัก
“จะทำอะไรก็ทำ แต่ระวังตัวแกให้ดี ถ้าพลาด ฉันไม่ช่วยขยะอย่างแกนะ จำไว้” ยิปซีจ้องเขาในความมืด เสียงรถสองแถวแตรยาวลอดเข้ามาในซอยแคบ ๆ แต่ไม่มีใครสนใจคนสองคนที่กำลังตกลงงานสกปรก
“ฮ่าแม่สาวคนสวย” มือกาวเอียงคอ หัวมัน ๆ ส่งเงาดำบนกำแพงอิฐถลอก
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำให้ตายหรอก แต่เงินเธอมันหอมดีนี่หว่า…เดี๋ยวจัดให้ อย่าลืมหลังจบงานส่วนที่เหลือ”
เสียงแมวจรจัดกระโจนใส่ถังขยะดัง โครม เศษเบียร์และกระป๋องเปล่ากลิ้งลงพื้น กลิ่นบุหรี่ กาว และเหงื่อผสมจนเหม็นตลบซอยมันกระเด็นมาโดนขาเธอ
ยิปซีสะบัดมือเหมือนรังเกียจ ก่อนถอยออกมาแค่ก้าวเดียว ไฟซอยกระพริบวูบสุดท้าย ร่างผู้หญิงที่คิดจะสั่งฆ่าแบบไม่เปื้อนมือกับชายติดกาวที่พร้อมขายวิญญาณให้เศษเงิน ถูกกลืนไปในความเปลี่ยวที่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย
เสียงแมวร้องลากยาวแล้วทุกอย่างก็กลับเงียบสนิท เหลือแค่กลิ่นกาวที่ยังฟุ้งเหมือนตราตรึงกลิ่นบาปเอาไว้
หน้าค่ายเพลง ก่อนแผนลงมือจริง
“วันนี้คุยกับพี่โปเต้ก็สรุปดีนะ” เสียงอ๊อฟพูดขึ้นพลางหันไปชนไหล่ก๊อปเปอร์ คนข้างๆ ขำพรืดตาม
“ดีอะไรล่ะ กูจะร้องแหกปากอยู่คนเดียว พวกมึงปล่อยกูเป็นตัวตลก” ก๊อปเปอร์โวยวาย แต่เสียงหัวเราะก็ยังไม่หยุด มาคินหัวเราะเบาๆ ดึงร้อยดาวให้ถอยห่างจากประตูค่าย
“เดินไปส่งมั้ยรีบกลับกันก่อนเดี๋ยวฝนตก” ร้อยดาวยกมือโบก
“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้”
“กลับเองได้ก็ยังต้องมีคนไปส่ง” มาคินกดเสียงดุแต่หางตายังยิ้มจาง ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์มองแล้วโห่ล้อเลียนกันไปมา
ร้อยดาวหันขำ แต่แล้วเสียงเครื่องยนต์ แง๊น! แง๊น! ดังแทรกมาจากมุมลานจอดเกือบจะถึงใกล้ป้อมยาม เสียงแต่งท่อมันแสบหูจนทุกคนต้องหันไปมอง
“ใครวะซิ่งแถวนี้ นี่ค่ายเพลงไม่ใช่สนามแข่ง” อ๊อฟขมวดคิ้ว
มือกาวกับเพื่อนบนมอเตอร์ไซค์ ไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้นไฟหน้ากระพริบวูบ ๆ ป้ายทะเบียนไ่ม่มี คนซ้อนท้ายใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ มีผ้าปิดจมูกซ้อนอีกชั้น
มือกาวหันไปแสยะยิ้มในเงาไฟ ลมหายใจยังเหม็นกลิ่นกาวที่ซึมติดหน้ากาก
“แม่สาวนั่นแหละคนที่ยัยคุณนายจ้างกูไว้" เสียงมันครางต่ำผ่านหมวกกันน็อค มือตบถุงกาวที่ซุกในกระเป๋าเสื้อ เพื่อนซ้อนท้ายหัวเราะแห้ง ๆ
“เอาดิ เฉี่ยวมันหน่อยมั้ย จะได้รู้ว่ากูดักดูอยู่”
กลับมามุมร้อยดาวที่ยังไม่รู้ตัวว่าจะเกิดเรื่องกับตนเอง
“กลับจริงเหรอ” มาคินยังถามย้ำเพราะเห็นร้อยดาวหันไปมองเสียงเครื่องยนต์ที่ดังแสบหู
“เออสิ นายจะห่วงอะไรนักหนา” เธอยักคิ้วหาเรื่องจะหยอกกลับ
แต่ทันใดนั้น เสียงมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่อง แง๊น ๆ มันปาดหัวรถเข้ามาตรงข้างฝั่งร้อยดาวเธอเดินริมขอบถนนจนปลายผมเธอสะบัด ลมแรงจากรถเฉี่ยวหน้าหวิด ๆ
“เฮ้ย” อ๊อฟเกือบคว้าแขนคนซ้อนไว้ได้ แต่ไม่ทัน
ร้อยดาวหันขวับ ใจเต้นแรง มาคินรีบยื่นมือคว้าเธอมาไว้ด้านหลังทันที ดวงตาเขาตวัดมองตามไฟท้ายมอเตอร์ไซค์ที่หายเข้าไปในตรอกข้างตึก
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มแล้วเงียบหาย เหลือแค่เศษฝุ่นปลิวกลางลาน เงาไฟถนนวูบวาบคล้ายมีคนยืนซุ่มมองจากไกล ๆ แต่ทุกอย่างกลับเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มันใครวะ ไอ้พวกนี้มันหาเรื่องหรือเปล่า” ก๊อปเปอร์สบถ มาคินกระชับมือจับไหล่ร้อยดาวแน่นขึ้น ดวงตาเขานิ่งสนิท
“ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ ใครมันอยากลองดี คงจะเริ่มแล้วจริง ๆ ”
"เป็นอะไรกันไหมครับ" ยามที่ป้อมเห็นเข้ารีบวิ่งมาถาม ร้อยดาวเม้มปากแน่น ใจเธอเต้นตุ้บไม่เป็นจังหวะ แต่เธอรู้ดี…นี่มันแค่คำเตือนน่าขนลุกกว่าด่ากันต่อหน้าเสียอีก
"ขอบคุณค่ะ แค่เฉี่ยวผ่าน ยังไม่ได้ชนคะ"
เสียงเครื่องมอเตอร์ไซค์เงียบหายไปแล้ว แต่เสียงหัวใจร้อยดาวยังเต้นโครมคราม มือน้อยของเธอเย็นเฉียบ มาคินสังเกตได้ชัด
“เธอโอเคมั้ย เดี๋ยวมานี่ก่อน" เขายื่นมือไปกุมข้อมือเธอแน่น อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ยืนมองด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ฉัน ฉันแค่ตกใจ” ร้อยดาวกัดริมฝีปาก เธอพยายามดึงมือออกแต่เขาไม่ยอมปล่อย
“ไม่มีใครรู้ว่ามันจะบ้าอะไรอีก เข้าไปข้างในก่อน เข้าไปในค่ายทุกคนเลย” มาคินหันไปสั่งเสียงแข็ง ดวงตาเขาเข้มเหมือนจะพุ่งไปลากคนร้ายด้วยมือเปล่า อ๊อฟตบบ่าพี่ชายเบา ๆ
“เออ เข้าไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวมึงคุยกับโปเต้เลยนะ”
โปเต้กำลังยืนคุยเรื่องโปรเจกต์กับสงคราม ใบหน้าเขาขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นมาคินพาร้อยดาวเดินตัวสั่นเข้ามาพร้อมอ๊อฟกับก๊อปเปอร์
“เกิดอะไรขึ้น” โปเต้ถามทันที เสียงนิ่งแต่มีน้ำหนัก
“เด็กโดนเฉี่ยว” อ๊อฟรีบเล่าแทน
“มีไอ้พวกแต่งท่อ ขี่มาปาดหน้าหวิดหัวทิ่ม เล่นเอาหลอนกันหมด" ก็อปเปอร์บอกเฮีย ร้อยดาวหันไปมองเฮียสงคราม ดวงตาเธอแดงนิด ๆ
“มันเหมือนตั้งใจจริง ๆ ค่ะเฮีย เหมือนเขามาดักรอมันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ ๆ” สงครามช้อนสายตาคมกริบขึ้นมองหน้ามาคิน
“เห็นหน้าได้มั้ย”
“มันใส่หมวกเต็มใบปิดหมดครับ แต่ตรงนั้นมีกล้องอยู่ผมว่าจะไปขอกล้องวงจรปิดในห้องควบคุมมาดูด้วย ” มาคินตอบฉะฉาน มือยังไม่ยอมปล่อยมือร้อยดาว โปเต้ถอนหายใจ มองสองคนสลับกัน สีหน้าคล้ายจะเครียดกว่าทุกที
“ดีแล้ว เก็บหลักฐานไว้ อย่าให้เรื่องพวกนี้มันเลยเถิด ไปบอกคนในห้องว่าเฮียขอไป” สงครามเคาะนิ้วบนแฟ้มงานเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงต่ำแต่เด็ดขาด
“ไปแจ้งความไว้ด้วย ลงบันทึกประจำวัน เก็บภาพกล้องไปให้ครบเรื่องนี้กูจะไม่ปล่อยผ่าน”
“ครับเฮีย” มาคินตอบทันที อ๊อฟกับก๊อปเปอร์พยักหน้ารับคำ
สงครามปรายตามองร้อยดาวที่ยังดูหน้าเสีย
“เธออยู่กับพวกมันไปก่อน อย่าเพิ่งกลับบ้านคนเดียว จะไปไหนให้ยะห์ขับรถให้ เดี๋ยวเฮียจะบอกยะห์ให้”
อากาศในห้องประชุมยังตึงเครียด ร้อยดาวยืนใกล้มาคินจนแทบชิบ เสียงฝนพรำบางเบานอกหน้าต่างเหมือนช่วยกดบรรยากาศให้นิ่งสนิทขึ้น ไม่มีใครรู้เลยว่าคืนนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกกี่วัน คนที่ซุ่มเงาอยู่นั้นจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่ เฉี่ยวเล่นอีกต่อไป
กำลังใจจากครอบครัวหลังจากนั่งพักได้ไม่นาน เสียงประตูข้างเวทีก็เปิดออกอย่างเบา ๆ แม่ของร้อยดาวเดินนำเข้ามาก่อน ตามด้วยพ่อแม่ของมาคิน ทุกคนยิ้มให้กันด้วยความเก้อเขินปนอบอุ่น“แม่” ร้อยดาวร้องเรียกเสียงเบา ลุกไปกอดแม่ตัวเองแน่น แม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ“ลูกทำได้ดีแล้วนะ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มาคินเดินไปยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเอง ก่อนจะหันมายกมือไหว้แม่ร้อยดาวด้วย ร้อยดาวยกมือไหว้พ่อแม่มาคินเช่นกัน“ขอบคุณนะคะ ที่มาดูพวกเราด้วยตัวเอง” ร้อยดาวก้มศีรษะบอกแม่มาคินด้วย รอยยิ้มบนหน้าทุกคนเหมือนเชื่อมกันไว้แน่นกว่าเดิมในอ้อมแขนพ่อของมาคินมี เจ้ามะยม หมาตัวน้อยหูตั้ง ๆ ใส่ผ้าพันคอสีเหลือง ส่วนเจ้าก้อนทองนั่งอยู่บนตักแม่ร้อยดาว ขนฟูจมอยู่ในตะกร้าใส่ของกิน พร้อมเสียงเห่าเมื่อเจอหน้าร้อยดาวทันที“ดูสิ ๆ พาเด็ก ๆ มาด้วย เผื่อจะให้กำลังใจพวกแก” แม่มาคินพูดขำ ๆ แล้วอุ้มเจ้ามะยมเดินวนไปรอบ ๆเจ้าก้อนทองกระโดดออกจากตะกร้า พุงเล็ก ๆ ชะโงกดมถุงขนมบนโต๊ะ ทำเอาอ๊อฟกับก๊อปเปอร์หัวเราะแล้วแหย่มันเล่น“โอ๊ย ก้อนทองนี่กินเก่งเหมือนแม่มันเลย" ก๊อปเปอร์แซวแล้วโดนร
วันแถลงข่าวเปิดตัว 1st Anniversary คู่วงจิ้น Kin&Daoจัดที่โถงใหญ่ของค่าย ศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องยืนออรอให้กำลังใจอยู่รอบนอกมาคินใส่สูทสีเบจ เนี้ยบแต่ดูอบอุ่น ร้อยดาวอยู่ในเดรสยาวลูกไม้สีขาวอมชมพู รวบผมหลวม ๆ ให้ดูน่ารักแต่สง่าสองคนเดินจับมือออกมาหน้าแบ็กดรอปพร้อมกัน ท่ามกลางแฟลชกล้องจากนักข่าวและเสียงกรี๊ดของเอฟซีที่ตามมาตั้งแต่เช้าหลังตอบคำถามเรื่องอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์เพลง และเซอร์ไพรส์เวทีใหญ่ ร้อยดาวหันมามองกลุ่มแม่ ๆ เอฟซีที่ยืนรวมกันตรงแถวหน้า เธอจับไมค์แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สั่นนิด ๆ เพราะตื้นตัน“ขอบคุณนะคะ ที่รักกันมาตลอดปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่อยู่ข้างเราตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่มีเวทีเป็นของตัวเองแบบนี้” เธอยกมือไหว้แฟนคลับทุกบ้าน เสียงกล้องยังดังไม่หยุด แต่ทุกคนจะได้ยินถ้อยคำที่ออกจากใจเธอชัดเจน“หนูขออ้อนแม่ ๆ ทุกบ้านเลยนะคะ วันจริงอย่าลืมพากันมาดูพวกเราด้วยนะ มาเจอกันหน้างานอีกครั้ง จะมีที่ว่างตรงนี้ให้แม่ ๆ เสมอค่ะ” เสียงกรี๊ดแทบแตกฮอลล์ มาคินหันมามองแฟนสาวแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา“ถ้าใครไม่ได้มานะ ดาวจะน้อยใจจริง ๆ ด้วย”หลังจบช่วงตอบ
วันซ้อมใหญ่เปิดเวที 1 ปีคู่จิ้นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดกลาง ถูกจัดไฟรันระบบเต็มสูบเป็นรอบ ซ้อมใหญ่ โปสเตอร์ข้างเวทีติดป้ายชัดเจน “1st Year Anniversary คู่จิ้นรักร้อยดาว x มาคิน”ร้อยดาวสวมเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ขาสั้นง่าย ๆแต่บนเวที เธอเหมือนคนละคน จับไมค์ด้วยมือที่เคยสั่นแต่วันนี้กลับมั่นคงเสียงหัวเราะของทีมซาวด์ ทีมแดนซ์ ทีมไฟดังระหว่างพักเบรก โปเต้ยืนกอดอกดูงานเงียบ ๆ ส่วนสงครามนั่งหลังบอร์ดควบคุมไฟด้วยแววตาเหมือนพ่อที่ภาคภูมิใจในลูกศิษย์มาคินยืนอยู่ข้างเธอในชุดสบาย ๆ เหมือนกัน เขาหันมาดึงสายกีตาร์ปรับจูนให้แฟนสาวเอง มือเขากับมือเธอสอดกันแว็บหนึ่ง“พร้อมมั้ยดาว” เสียงมาคินทุ้มนุ่ม ไม่ได้ถามแบบโปรดิวเซอร์ แต่ถามในฐานะคนที่อยู่ข้างเธอทุกครั้งร้อยดาวพยักหน้า เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใส เธอยกไมค์ขึ้น ร้องท่อนฮุคเพลงเก่าที่เธอเคยเขียนไว้ ครั้งนี้ เธอร้องในชื่อของเธอจริง ๆเสียงกลองซ้อมรัวตามจังหวะเบา ๆ พวกเด็กฝึกงานที่ยืนดูกันอยู่ตรงขอบเวทีโห่เชียร์กันเบา ๆ อ๊อฟกับก๊อปเปอร์ที่มาซ้อมแดนซ์เซ็ตใหญ่ทีหลังยังส่งเสียงแซว“พี่ดาวแม่งอย่างเท่! ฮู้วววว”“พี่มาคินอย่าเขินดิ๊! หยิกแก
นามแฝงในเพลงมือของสงครามที่ยื่นให้ร้อยดาวเดินเข้ามาในห้องโปรดิวเซอร์ของค่ายที่เธอคุ้นเคยดี แต่วันนี้บรรยากาศกลับอึดอัดจนลมหายใจแทบขาดห้วงโปเต้นั่งข้างเฮียสงครามเหมือนมือขวาที่เฝ้ารอดูว่าบทสนทนานี้จะไปจบตรงไหนบนโต๊ะไม้สีเข้ม เอกสารหลายแผ่นถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไฟสปอตไลท์ในห้องประชุมสว่างพอจะเห็นเงาหน้าร้อยดาวที่ซีดเผือดและมือเล็กที่กำชายเสื้อแน่น สงครามวางปากกาลงบนแฟ้มเสียงเบา ดวงตาคมใต้แสงไฟสบตาเธอโดยไม่กระพริบ“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังจะเอาเพลงเก่ามาขายซ้ำ ใช่เพลงเดียวกับที่เธอเคยเขียนไว้หรือเปล่า เพลงที่เธอใช้นามแฝงตอนนั้น” เสียงเขาราบเรียบ เหมือนครูใหญ่เรียกเด็กนักเรียนมาคุย แต่ในความนิ่งนั้นกลับกดดันเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอกร้อยดาว ร้อยดาวหลบตา ปลายนิ้วเธอขยำชายกางเกงจนยับยู่ยี่ เธอพยายามจะตอบ แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบแห้ง“ค่ะ” เพียงคำเดียวก็พอให้โปเต้ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เห็นร่องรอยเจ็บเก่าที่เธอเก็บไว้มานานสงครามพยักหน้าช้า ๆ เขาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นสำเนาสัญญาเก่าที่มีตราประทับชื่อกันจ์ชัดเจน“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่ากันจ์มันทำอะไรไว้”“มันไม่ใช่แค่เพล
อดีตของร้อยดาวเบื้องหลังเพลงที่ไม่มีชื่อเธอเสียงลมจากแอร์ตัวเก่าดังหึ่ง ๆ ในห้องซ้อมส่วนตัวที่ร้อยดาวใช้ฝึกทุกวัน คืนนี้เธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิมที่ใกล้เปียโนไฟฟ้ามากที่สุด มือบางยังคงถือโน้ตเพลงเก่าแผ่นเดิมไว้แน่น ปลายนิ้วที่เคยแต่งทำนองนั้นสั่นเล็กน้อยเหมือนกำลังรื้อความทรงจำที่เธอพยายามลืมมาตลอดร้อยดาวถอนหายใจ ลมหายใจร้อนวาบเพราะเพิ่งร้องเพลงใหม่กับมาคินจนคอแห้ง แต่สิ่งที่ติดอยู่ในหัวเธอกลับไม่ใช่เพลงใหม่ ไม่ใช่ท่อนฮุคหวาน ๆ ที่เขาเพิ่งชมว่าเพราะที่สุดตั้งแต่แต่งมา กลับเป็นประโยคท่อนหนึ่งในสมุดโน้ตแผ่นนี้ที่เธอแต่งมันด้วยลายมือสั่น ๆ ในวันที่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบ“ฉันยังจำเนื้อเพลงได้ทุกคำเลยมาคิน แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ร้องมัน" เสียงเธอเบาราวกับกลัวว่าลมแอร์จะพัดมันหายไปมาคินหันมามองแฟนสาวตรงหน้า เขานั่งพิงขอบเปียโน ปล่อยให้เสียงกีตาร์โปร่งที่เพิ่งวางไว้เงียบสนิทแสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนในดวงตาเขาอย่างระมัดระวังเขารู้ดีว่าร้อยดาวรักทุกคำ ทุกท่อน ทุกเมโลดี้ในสมุดโน้ตนั้นมากแค่ไหน เขาเคยเห็นเธอลงแรง แก้คำ แก้คอร์ดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยเห็นเธอพูดถึงมันด้วยแววตาเจ็บเท่านี้มาก่อน“ทำไมล่ะดาว นั
ถูกมือกาวย้อนกลับ1645 คำทางเข้าคอนโดของยิปซี ค่อนข้างมืด ไม่มีผู้คนมากนัก“เฮ้ แม่นางเอก เงินฉันอยู่ไหน”เสียงแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่โผล่มาจากเงามืดหลังรถตู้จอดส่งของ ผมมันเยิ้มกลิ่นกาวและบุหรี่คลุ้งลอยปะทะ จับคอเสื้อยิปซีทันทีที่เธอเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงแฟนคลับ ไฟลานจอดรถสว่างเป็นจุด ๆ แต่กลับไม่มีใครสังเกตว่ามีคนกำลังลงไม้ลงมือ“อย่ามาโวย แกยังไม่ได้ทำงานให้ฉันด้วยซ้ำ จะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำเหี้ยอะไร”ยิปซีแหวเสียงสูง ใบหน้าแต่งจัดแต่เหงื่อซึม เธอใส่ชุดเดรสรัดรูปคลุมด้วยโค้ทยาว พยายามแกะมือมันออกแต่โดนบีบแน่นกว่าเดิม“ฉันติดคุกเพราะแกนะเว้ย แกเป็นคนจ้าง ถ้าฉันไม่ได้ตังค์ แกก็อย่าหวังจะได้อยู่ดี ๆ”เสียงเด็กกาวกระแทกพร้อมฟันเหลือง มันหัวเราะหยันเธอเบี่ยงหน้าเลี่ยงกลิ่นกาวที่พ่นรดอยู่ใกล้“อย่ามาขู่ฉันนะ ไอ้ขี้ยา”ยิปซีฟาดเล็บเข้าหน้ามันเต็มแรง เสียงเพี้ยะสะท้อนในลานจอด รถขนเครื่องเสียงสั่นเบา ๆ เหมือนร่วมเป็นพยาน“อีดอก” เด็กกาวสบถลั่น ผลักเธอไปกระแทกผนังคอนกรีตด้านหลังเวที เศษกระดาษโปสเตอร์คอนร่วงปลิวลงเท้าเธอ“สภาพแกตอนนี้ก็เหมือนหมาข้างถนนแล้วล่ะ ยัยนางเอกตกกระป๋อง”เด็