มารยายั่วรัก เคยออกกับสนพ.มาแล้วนะคะ ตอนนี้ลงให้อ่านในฉบับปรับปรุงแก้ไขสำนวนที่ยังบกพร่องค่ะ สำหรับพล็อตและการดำเนินเรื่องไม่ได้ปรับแก้ไขแต่อย่างใด อาจมีการเปลี่ยนเนื้อหาในบางส่วนให้สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้นค่ะ สำหรับเรื่องนี้อาจจะไม่ดีเท่างานปัจจุบันนะคะ แต่พยายามแก้ออกมาให้ดีที่สุดค่ะขอบพระคุณมากค่ะ
/
/
/
บทนำ
แสงไฟสลัว ๆ ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลางดูเงียบสงบไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกและเสียงกำไลที่ดังขึ้นเป็นระยะจากการสลับเรียบไพ่ ใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงสาววัยกลางคนถูกแต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางจับจ้องมองแม่หมอตรงหน้าที่ก้มหน้าพลิกไพ่ยิปซีแต่ละใบอย่างใจจดใจจ่อ พลางระแวงกลัวผลที่จะออกมาไม่ดี
สายตาเริ่มแสดงถึงความกังวล นิ้วเรียวที่มีรอยเหี่ยวย่นจิกบนกระเป๋าหนังราคาแพง เมื่อเห็นแม่หมอส่ายหน้าด้วยความเครียดพร้อมก้มมองไพ่สิบใบที่ถูกพลิกออกมาถูกจัดเรียงตามตำราอย่างเรียบร้อย
“เป็นอย่างไรบ้างคะ”
เพ็ญรตีถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
“ผลทำนายของลูกชายคุณ”
“ลูกชายของดิฉัน....”
เพ็ญรตีถาม พลางมองหน้าแม่หมออย่างรอคำตอบ เธออยากรู้ว่าชะตาของลูกชายว่าเป็นอย่างไร เพราะกำลังอยู่ในช่วงวัยเบญจเพสพอดี
“ลูกชายของคุณอาจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งดีและไม่ดี”
“เรื่องอะไรคะ” หล่อนถามอย่างสงสัยพลางจ้อมองรอคำตอบด้วยความหมาดกลัว ทว่าแม่หมอกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“เขาจะพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ ที่คุณไม่อาจแก้ไขได้ เรื่องอื่นนอกจากนี้ฉันไม่อาจบอกได้”
เมื่อได้ยินเพ็ญรตีมีสีหน้ากังวลคิดห่วงลูกชาย “แม่หมอบอกหน่อยไม่ได้หรอ ฉันจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ”
เพ็ญรตีถอนหายใจออกมาเมื่อได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าแทนคำพูด “แม่หมอคะ”
“ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว...”
ฝนตกฟ้าร้องอย่างหนักในยามเย็น แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไปตามเวลา รถยนต์แล่นอยู่บนท้องถนนนอกตัวเมืองด้วยความเร็วสูง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานชำเลืองมอง พร้อมเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา นิ้วเรียวกดรับโทรศัพท์ที่หน้าจอก่อนจะเสียบบูลทูธที่หูขึ้นพร้อมยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อรู้ว่าคนปลายสายคือใคร
[มนต์อยู่ไหนครับ ภัทรเป็นห่วง]
น้ำเสียงทุ้มจากปลายสายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ใกล้เข้าเมืองแล้วค่ะ ภัทรไม่ต้องห่วงมนต์นะ มนต์มาบ่อยค่ะ” สายตาจับจ้องมองไปที่ท้องถนน พลางยิ้มอย่างมีความสุข นึกถึงเมื่อได้กลับไปพบคนรัก
[จะให้ภัทรไปรับไหมครับ]
“ไม่ต้องหรอก อีกแค่สองสามชั่วโมงมนต์ก็ถึงแล้วค่ะ”
[มนต์ แต่ภัทรว่า ...]
“ภัทรไม่ต้องห่วงมนต์นะ”
[ครับ งั้นขับรถดี ๆ นะ ภัทรรอมนต์อยู่นะ]
“ค่ะ แล้วพบกันนะคะ”
[ครับ]
ทันทีที่วางสาย มือซ้ายแกะบูลทูธออกวางไว้ที่เดิมดวงตากลมเบิกกว้างมองไปยังถนนกว้างด้วยความตกใจ รถบรรทุกขนาดสิบล้อขับมาด้วยความเร็วสูง ตัวรถเซไปเซมาทำให้เบี่ยงหลบไม่ทัน หญิงสาวกำพวงมาลัยรถแน่นด้วยความกวาดกลัว ไม่ละพยายามบิดหักคันรถหลบรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว
“ กรี๊ดดดดด !”
โครม !!
/
/
/
/
เรื่องนี้เเนวโรเเมนติกดร่ามาพาฟันนะคะ พระเอกสายอ่อย นางเอกสายอ่อยจ้า !
ประตูห้องปิดลง จิรภาณินท์เดินมานั่งที่เตียงอย่างหมดแรง ทั้งที่ควรจะกลับถึงบ้านเมื่อตอนเที่ยง แต่เพราะต้องไปยกเลิกงานพริตตี้ที่ทำอยู่ไปชั่วคราว พร้อมหาเหตุผลอ้างจนผู้จัดการยอมฟังจิรภาณินท์หยิบเช็คในกระเป๋าออกมา เงินมัดจำครึ่งแรกห้าล้านเข้าไปแล้ว เรื่องนี้คงจะให้แม่รู้ไม่ได้ ปิดไว้เป็นความลับดีที่สุด“พรุ่งนี้สินะที่ต้องไปทำงานใหม่” เธอพึมพำกับตัวเอง“พ่อคะ อย่าโกรธณินท์นะคะ ณินท์แค่อยากให้แม่มีความสุข” หญิงสาวพนมมือขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกผิด “แค่สามเดือนเท่านั้น เป็นกำลังให้ใจณินท์นะคะ”จิรภาณินท์ เป็นเสมือนลูกหัวแก้วหัวแหวน ตั้งแต่เล็กเธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี บิดาของเธอที่ทำงานเป็นผู้จัดการในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มารดาของเธอไม่เคยออกไปรับทำงานตั้งแต่มีเธอ ครอบครัวของเธอดูอบอุ่นและเป็นที่อิจฉาของคนหลาย ๆ คนถึงแม้จะอยู่กันในแค่บ้านหลังเล็ก ๆ แต่เมื่อเธออายุได้สิบแปดปี บิดาเธอล้มป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย มีเพียงเงินก้อนใหญ่ที่พอจะเลี้ยงดูสองแม่ลูกได้ แต่นั่นก็ไม่พอเมื่อเงินก้อนนั้นค่อยหมดลง
“ณินท์ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”จินดารัตน์พยักหน้า“ทำไมคุณถึงให้ณินท์ทำงานนี้คะ”“ทำไมคุณถึงให้ณินท์ทำงานนี้คะ”“ฉันก็แค่คิดว่าเธอน่าจะทำได้สำเร็จก็เท่านั้น อีกอย่างเธอมีวุฒิการศึกษาที่สูงพอควรจะเข้าไปทำงานได้ เธอคงจะไม่ว่าฉันหรอกนะ ที่สืบดูประวัติของเธอ”หญิงสาวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ ทำงานหมายความว่ายังไงกัน !“ไม่ค่ะ ณินท์เข้าใจว่าคุณต้องรู้ก่อนว่าณินท์เคยทำงานอะไรมาบ้าง” หญิงสาวตอบ“เข้าเรื่องกัน ฉันจะให้เธอไปเป็นผู้ช่วยหลานชายในบริษัท ฉะนั้นคุณสมบัติเธอตรงกับข้อกำหนดของบริษัทพอดี ถ้าเกิดไม่ตรงคงไม่ให้ทำงานนี้เพราะเธอต้องเข้าใกล้หลานชายทั้งวัน”“แล้วคุณไม่กลัวฉัน ...” ไม่กล้าที่จะถาม อายเสียเปล่า“หลงรักหลานชายฉันน่ะหรอ” เสียงของจินดารัตน์พูดต่ออย่างรู้ทัน พลางยิ้มหัวเราะออกมาเพราะเรื่องนั้นไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าหลานชายของเธอรู้สึกอย่างไร ถ้าหากจะรักกันจริงเธอก็ไม่คิดที่จะห้ามของเพียงลบอดีตที่ไม่มีวันกลับมาออกไปเท่านั้นก็
สายลมพัดผ่านเข้าหน้าต่างในเวลาเย็นจิรภาณินท์นั่งมองการ์ดนามบัตรอยู่ในมือด้วยความลังเลใจ งานที่เธอควรจะตัดสินใจทำดีหรือไม่ หลังจากที่ฟังจากปากของผู้หญิงอายุคราวแม่ของเธอ ย้อยกลับไปเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา จินดารัตน์ชวนเธอออกไปทานอาหารมื้อกลางวัน ก่อนจะเปิดประเด็นคุยเรื่องงานที่เรียกเธอมาพบ แต่แบบนี้เขาเรียกว่างานได้หรือเปล่านะ‘คุณแม่คะ เพ็ญขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ’ เพ็ญรตีพูดด้วยท่าทางหยิ่งแสดงออกถึงความไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่‘มีอะไรอีกล่ะแม่เพ็ญ’‘ก็แค่ จ้างให้มาเปลี่ยนใจเจ้าภัทร แต่หล่อนไม่มีสิทธ์หลงรักลูกชายฉัน’ เพ็ญรตีพูดเสียงแข็ง ไม่แม้แต่จะมองใบหน้าของจิรภาณินท์ที่ยังนิ่งเงียบไม่ตอบโต้สิ่งใดทั้งสิ้น‘จำนวนเงินจ้างและหน้าที่ ฉันจะบอกเธออีกทีถ้าเธอตกลง’ จิรภาณินท์ยังคงนั่งมองการ์ดที่อยู่ในมือ พลางทบทวนเงื่อนไขที่จินดารัตน์เสนอให้เธออีกครั้ง... ภายในห้องรับแขกมีแต่ความนิ่งเงียบ สายตาของเพ็ญรตีแสดงถึงความไม่พอใจออกมาจนชัดเจน เมื่อทราบถึงจำนวนเงินมากมายเกินตัวกว่าจะยอมรับได้ จินดารัตน์มองพร้อมส่ายหน้ากับลูกสะใภ้ตระกูลสูงเพียบพร้อมทุกอย่าง“เพ็ญรับไม่ได้ค่ะคุณแม่ มันมากเกินไป” เพ็ญรตีคัด
เสียงเพลงเปิดดังไปทั่วงาน จินดารัตน์นั่งอยู่ในงานกวาดสายตามองภายในงานอย่างไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ มอเตอร์โชว์ที่ไม่ค่อยจะมีผู้หญิงมาดูรถยนต์ สิ่งที่เธอเห็นมีแต่เพียงผู้ชายทุกอายุ ไม่ว่าจะเป็นอายุยี่สิบต้นจนไปถึงอายุห้าสิบปลาย ๆ แต่สายตาที่มองรถนั้นแทบจะไม่มีเลย ทันทีที่แสงไฟบนเวทีใหญ่ดับลง สายตาทุกสายตาจับจ้องไปที่กลางเวทีด้วยความตื่นเต้น ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกชายของเธอเช่นเดียวกัน ไฟกลางเวทีเปิดขึ้น ปรากฏร่างหญิงสาวใบหน้าสวย จมูกโด่งสวย รับริมฝีปากบางอิ่มสีชมพู ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางในชุดเกาะอกกางเกงขาสั้นสีดำพร้อมเสื้อคลุมหนัง ยืนคู่กับรถสีดำรุ่นล่าสุดประจำปีด้วยท่าทางที่ยั่วยวน“สวัสดีครับ นี่คือรุ่นล่าสุดนำเข้าจากประเทศเยอรมนี” พิธีกรหนุ่มพูดลากเสียงยาว เมื่อพูดจบก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น แต่ทว่าทุกสายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่พริตตี้สาวไม่วางตารวมทั้งจินดารัตน์ด้วยเช่นกัน “นี่แม่เพ็ญ พริตตี้ที่ยืนเกาะรถคนนั้นใครน่ะ” จินดารัตน์ถาม มองหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยอย่างชื่นชม“ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เพ็ญว่าคุณแม่อย่าไปใส่ใจเลยดีกว่าค่ะ” เพ็ญรตีมองด้วยความไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ เธอไม่ชอบ พริตตี้มาตั้
เสียงตะโกนเรียกจากด้านล่างของผู้เป็นแม่ดังขึ้น หญิงสาวใบหน้าสวยที่หลับใหลอยู่บนเตียงขนาดกลางค่อย ๆ ปรือตาขึ้นด้วยความรำคาญจากเสียงรบกวน มือขวายกขึ้นบังแสงแดงที่ส่องผ่านม่านเข้าแยงตา ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมขยี้เส้นผมสีน้ำตาลไหม้อย่างงัวเวียเช้าอีกแล้วทำไมเวลานอนช่างสั้นแบบนี้นะ“ยัยณินท์ทานข้าวได้แล้ว” เสียงผู้เป็นแม่ตะโกนดังจากข้างล่าง“ค่า” จิรภาณินท์ตะโกนตอบ เธอขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงพลางถอนหายใจออกมาพร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปที่ห้องน้ำเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ สองเท้าเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเลือกหยิบชุดเดรสสีดำ ออกมาเพื่อสวมใส่ เป็นวันที่น่าเบื่อสำหรับเธออีกวัน ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่สุจริต ใช่ว่าเธออยากจะทำแต่เพราะได้เงินดี งานสมัยนี้หายากจะตายไป ยิ่งสำหรับเธอแล้วถึงแม้ว่าจบมาได้สองปีแต่เธอก็ยังเลือกที่จะทำงานแบบนี้ต่อ ทั้งที่งานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสาขาที่เธอเลือกเรียนจบมาแม้แต่น้อย เพราะเธอเคยสมัครงานไปแล้วแต่ไม่มีการเรียกตัวเธอเข้างานทำรอแล้วรออีก ให้ทางบริษัทเรียกตัวเธอแต่กลับไม่มีวี่แววถึงสามเดือน...เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที หญิงสาวเด
แสงไฟสลัวภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ร่างของชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เปลือกตาบีบหนารัดแน่น มือเกร็งยกขึ้นเพื่อคว้าบางสิ่งที่กำลังเดินจากไป “มนต์ อย่าไปจากภัทร” ชายหนุ่มละเมอพร้อมยกมือขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว“มนต์ กลับมา กลับมา !” เขาสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมเสียงลมหายใจหอบ สายตาคมมองไปรอบ ๆ ห้องที่คุ้นเคย ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกเต็มไปด้วยเหงื่ออย่างเหนื่อยล้า ฝันถึงอีกแล้ว ความเจ็บปวดยังคงซ้ำเหมือนเดิมไม่มีวันหาย อีกแค่วันเดียวทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งแบบนี้ ทำไมต้องพรากพิศชามนต์ไปด้วย งานแต่งงานถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างดีร่วมสามเดือนขาดแต่เพียงเจ้าสาวในวันแต่งงาน จากงานแต่งกลับกลายเป็นงานอำลา ถ้าคืนนั้นไม่เกิดขึ้น ในเวลาแบบนี้เขาคงกอดพิศชามนต์อยู่ในอ้อมกอดทุกคืน ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง สองเท้าก้าวยาวเดินตรงไปที่ห้องน้ำ สายน้ำจากฝักบัวค่อยไหลสู่ร่างกายแกร่งผิวสองสี ยกมือลูบใบหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปปิดฝักบัว กำปั้นแขนซ้ายยกขึ้นทุบกำแพงอย่างแรง หยดน้ำตาของลูกผู้ชายค่อย ๆ ไหลออกมา ห้าปีผ่านมาแล้ว แต่ก็ยังทำใจรับกับการจากไปของคนรักไม่ได้ ก