03
หูหลี่กลับมายังห้องทำงานของตน พลางใช้มือข้างขวาขึ้นมาจับไว้ที่คางแล้วใช้มือข้างซ้ายแนบกับหน้าท้องของตนขบคิดถึงรอยเท้าปีศาจที่เจอเมื่อสักครู่ บริเวณชายป่าใกล้หมู่บ้านที่ตนเป็นผู้นำ การที่มีเหล่าปีศาจเริ่มเข้ามาใกล้หมู่บ้านฉิงอี้อย่างนี้ นั่นแปลว่าปีศาจเหล่านั้นเริ่มรู้ถึงต้นรักใหญ่แล้ว ต้นรักใหญ่เป็นต้นไม้ที่เป็นยารักษาโรคทั้งต้น มีสรรพคุณแตกต่างกันออกไปหลายอย่าง จึงเป็นที่ต้องการของใครหลาย ๆ คน หมู่บ้านฉิงอี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรักษาต้นรักใหญ่ต้นนี้ให้ห่างจากเหล่าปีศาจและมนุษย์มายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งบิดามารดาของหูหลี่เองก็ถูกเหล่ามนุษย์ฆ่าตายเพราะเหตุนี้เช่นกัน สมัยเมื่อ 10 ปีก่อนหูหลี่ยังเป็นเด็ก หมู่บ้านฉินอี้ที่หูหลี่และครอบครัวได้อาศัยอยู่ซึ่งห่างออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ 2 ลี้ ซึ่งบิดาของหูหลี่เป็นถึงประมุขของหมู่บ้านฉินอี้แห่งนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชาวบ้านต่างล้มตายกันมากมายและทำให้หมู่บ้านแห่งนั้นต้องล่มสลายไปในช่วงค่ำคืน ส่วนชาวบ้านที่เหลือรอดก็ต่างแตกแยกจากกันไปคนละทิศละทาง หูหลี่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตามคำสั่งของบิดามารดา หลังจากที่บิดามารดาของหูหลี่และชาวบ้านที่ช่วยกันปกป้องหมู่บ้านฉินอี้ถูกสังหารหมด สื่อ หลานโจวผู้เป็นรองประมุขแถมยังเป็นบิดาของโมลู่หานก็ได้หวนคืนกลับมาช่วยหูหลี่ออกมาจากหมู่บ้านแห่งนั้น จากนั้นไม่นานหมู่บ้านแห่งนั้นก็ได้ลุกโซนไปด้วยเปลวเพลิง รองประมุขหลานโจวได้พาหูหลี่กับโมลู่หานมาอาศัยอยู่ในป่าลึกพร้อมกับอบรมสั่งสอนหูหลี่กับโมลู่หานอย่างเคร่งครัด โดยไม่ลืมที่จะฝากฝังต่อหูหลี่กับโมลู่หานให้ช่วยกันออกตามหาเหล่าชาวบ้านที่รอดชีวิต เพื่อให้กลับมาช่วยปกปักรักษาต้นรักใหญ่ตามเจตนารมณ์ของเทพสวรรค์ดังเดิม หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตลงให้ทั้งสองช่วยกันก่อตั้งหมู่บ้านใหม่ให้ห่างจากหมู่บ้านเก่าประมาณ 2 ลี้ขึ้นมาอีกครั้งให้ได้ จากนั้นผ่านไป 10 ปี ท่านรองประมุขก็ได้สิ้นชีพลงด้วยพิษของเผ่าปีศาจ ทำให้หูหลี่กับโมลู่หานต้องออกเดินทางตามหาเหล่าชาวบ้านที่แตกแยกในเหตุการณ์ครั้งนั้นตามคำสั่งของรองประมุขหลานโจว ทั้งสองออกเดินทางตามหาเหล่าชาวบ้าน 1 ปีเต็ม เมื่อรวบรวมเหล่าชาวบ้านมาได้เกือบทั้งหมดแล้วหูหลี่กับโมลู่หานจึงเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมาโดยตั้งนามของหมู่บ้านแห่งนี้ว่าหมู่บ้านฉิงอี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหมู่บ้านเก่าของพวกตนที่ถูกพวกมนุษย์ทำลายไป หลังจากที่หมู่บ้านแห่งนี้ถูกสร้างเสร็จ หูหลี่จึงได้ให้เหล่าชาวบ้านออกเสียง เพื่อเลือกผู้นำและรองผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมา ชาวบ้านในหมู่บ้านฉิงอี้ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่สัตว์แห่งเทพและไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นสัตว์ที่บำเพ็ญตะบะมายาวนาน จนสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เช่นมนุษย์ปกติ มีพลังติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดไม่ต่างอะไรจากเผ่าปีศาจมากนัก ซึ่งพลังจะขึ้นอยู่จากการที่สัตว์เหล่านั้นสามารถบำเพ็ญตบะของตัวเองให้ไปถึงขั้นไหน บางสัตว์ก็บำเพ็ญตบะถึงขั้นเทพเซียนก็มี แต่ขั้นนี้จะเป็นขั้นที่จะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ซึ่งน้อยนักที่เหล่าสัตว์จะสามารถบำเพ็ญตบะถึงขั้นนี้ได้ ส่วนมากเหล่าสัตว์จะบำเพ็ญตบะถึงขั้นพื้นฐานเท่านั้น หูหลี่ถูกชาวบ้านเลือกให้เป็นผู้นำของหมู่บ้านฉิงอี้แห่งนี้ ส่วนโมลู่หานถูกชาวบ้านเลือกให้เป็นรองผู้นำ เนื่องจากทั้งสองเป็นบุตรชายของประมุขหลี่ฉิงและรองประมุขหลานโจวจึงทำให้เหล่าชาวบ้านเชื่อใจและให้ทั้งคู่ขึ้นมาเป็นผู้นำของพวกตนดังเช่นบิดาของทั้งคู่ ยามนี้สิ่งที่หูหลี่เป็นกังวลมีอยู่เรื่องเดียวนั่นก็คือภรรยาของตนที่เก่งกาจในเรื่องปรุงโอสถรักษาให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านฉิงอี้แห่งนี้ นางเป็นสตรีที่มีความสามารถในเรื่องการปรุงโอสถอยู่มาก นางรู้จักสมุนไพรมากมายที่แม้แต่ตนและหมอยาเองก็ไม่รู้จัก หูหลี่ได้รู้เรื่องนี้ตอนที่เสี่ยวลู่เข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านฉิงอี้แห่งนี้ได้ 2 เดือนและได้ยกเรือนว่างให้เป็นห้องปรุงโอสถแก่นางพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปรุงโอสถ นานวันเข้าชาวบ้านก็ต่างพากันแต่งตั้งนางให้เป็นหมอยาและนักปรุงยาที่เก่งที่สุดแห่งหมู่บ้านฉิงอี้ ชาวบ้านคนใดที่เป็นไข้ไม่มีใครที่นางไม่สามารถรักษาให้หายได้ กระทั่งนางกับสาวรับใช้ได้ล่วงรู้ความลับของผู้คนในหมู่บ้านฉิงอี้ว่าแท้จริงแล้วผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ นางกับสาวรับใช้ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวแถมพวกนางยังคงคอยช่วยเหลือชาวบ้านเฉียดเช่นปกติ ทำเหมือนพวกนางไม่เคยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อน ในเมื่อซือหูหลี่เช่นตนยังมีชีวิตอยู่ผู้ใดก็มิอาจมาทำร้ายเสี่ยวลู่ฟูเหรินของตนได้ทั้งนั้น ประตูห้องทำงานถูกเลื่อนออกทำให้หูหลี่หลุดออกจากภวังค์ความคิดของตน พลางช้อนสายตาจ้องมองไปยังร่างเพรียวบางของเสี่ยวลู่กับร่างกำยำของโมลู่หานที่ย่างกายเข้ามาภายในห้องทำงานตามกันติด ๆ ลู่ปิงปิงในร่างของเสี่ยวลู่เดินเข้ามาหาหูหลี่ที่โต๊ะทำงานของเขา ใบหน้าเรียวสวยต่างเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม การที่เธอมาหาเขาถึงที่นี่แน่นอนว่าเธอจะต้องมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเขาอย่างแน่แท้ " ข้าขอตัวไปทำงานของข้าก่อนนะ " โมลู่หานยิ้มอ่อนให้กับทั้งสองแล้วเดินปลีกตัวมานั่งทำงานที่โต๊ะทำงานของตนที่อยู่เยื้องโต๊ะทำงานของสหายรัก " ฟูเหรินเหตุใดเจ้าจึงมาหาข้าถึงที่นี่เจ้าหายดีแล้วหรือ " " ข้ารู้สึกดีมากแล้ว ขอบใจท่านที่เป็นห่วงข้าแถมยังคอยดูแลข้ามิห่างกายอีก ข้าผิดเองที่มิฟังคำเตือนของท่านเลย ข้าขอโทษท่านด้วยนะเจ้าคะที่เอาแต่ใจเช่นนี้ " " เจ้านั่งก่อนสิ " " เจ้าค่ะ " ลู่ปิงปิงนั่งลงตรงข้ามกับหูหลี่ซึ่งเป็นสวามีของเสี่ยวลู่ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เขาเองก็เป็นสามีของเธอในตอนนี้เช่นเดียวกัน " เรื่องนั้นมันผ่านมาแล้วข้ามิโกรธเจ้าหรอก แต่คราวหน้าเจ้าจะต้องมิเอาแต่ใจเช่นนี้ต่อข้าอีกเข้าใจหรือไม่ แล้วการที่เจ้ามาหาข้าที่นี่เจ้ามีเรื่องอันใดจะคุยกับข้ารึ เจ้ากล่าวมันออกมาได้เลยฟูเหรินของข้า เจ้ามิต้องกลัวว่าข้าจะดุเจ้าหรอก " " ถ้าเช่นนั้นข้ามิอ้อมค้อมแล้วนะเจ้าคะ ข้าอยากจะมาขออนุญาตจากท่านไปที่ป่าลึกทางแถบตะวันออกยามที่ข้าหายป่วยดีแล้วเจ้าค่ะ ที่นั่นมีสมุนไพรที่ข้าต้องการจะนำมาปรุงโอสถหลายชนิด หวังว่าท่านจะอนุญาตให้ข้ากับซูซู่ไปนะเจ้าคะ " ลู่ปิงปิงเอ่ยความต้องการของเธอออกมาในทันท่วงที เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าตามใจภรรยาของเขามากแค่ไหน เพราะฉะนั้นครั้งนี้เธอจะต้องได้ไปที่นั่นอย่างแน่นอน แต่เขาจะให้เธอกับสาวรับใช้ไปในรูปแบบไหนก็แค่นั้นเอง " ได้สิแต่เจ้าจะต้องให้ข้าติดตามไปด้วยไม่เช่นนั้นก็อย่าคิดว่าเจ้าจะได้ไป " หูหลี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบใบหน้านิ่งตึง จนลู่ปิงปิงถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นห่วงภรรยาของเขามากแค่ไหน แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นห่วงมากถึงขนาดนี้เลย ช่างเป็นโชคดีของเสี่ยวลู่จริง ๆ เธอเองถ้าได้เจอกับผู้ชายสักคนเธอก็อยากจะเจอกับผู้ชายดี ๆ อย่างหูหลี่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เธอคงจะไม่มีสิทธิ์เหล่านั้นแล้วล่ะ เฮ้ย...แค่คิดเธอก็ได้แต่กลุ้มใจไม่หาย... เชิงอรรถ^ 1^ 2 ลี้ (里) = 1 กิโลเมตร (公里) หรือ 1000 เมตร (米) 2^ ต้นรักใหญ่ : ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูงได้ถึง 25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มค่อนข้างกลม เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทาแตกเป็นร่องยาว เปลือกชั้นในสีชมพูอ่อน กิ่งอ่อนและยอดปกคลุมด้วยขนยาวสีขาว กิ่งแก่เกลี้ยง หรือมีขนสั้น ๆ ใบคล้ายใบมะม่วงหิมพานต์ มักพบแมลงไข่ไว้ตามใบและจะเกิดเป็นตุ่มกลม ๆ ตามใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับเป็นกลุ่มตอนปลายกิ่ง ใบรูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานแกมรูปรี กว้าง 3.5-12 ซม. ยาว 20-30 ซม. ปลายแหลมหรือกลม โคนมนหรือรูปลิ่ม ขอบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ใบแก่มีสีเขียวเข้ม มีไขปกคลุม ผิวใบมีขนสีน้ำตาลทั้งสองด้านโดยเฉพาะเมื่อใบอ่อน มีขนปกคลุมหนาแน่น หลังใบมีขนสีน้ำตาลประปราย ท้องใบมีขนหนาแน่นแต่จะหลุดไปเมื่อใบแก่เต็มที่ เส้นแขนงใบ ข้างละ 15-25 เส้น นูนชัดเจนทางด้านบน เป็นแบบร่างแหชัดเจนทางด้านล่าง ก้านใบยาว 1.5-2.5 ซม. ต้นรักใหญ่ มีทั้งสรรพคุณและพิษ ความเป็นพิษ 1. น้ำยางสดมีพิษ ทำให้ผิวหนังอักเสบ และคันมาก น้ำยาง รสขมเอียน เป็นยาถ่ายอย่างแรงและกัดเนื้อสด 2. ขนจากใบแก่เป็นพิษต่อผิวหนัง เมื่อถูกผิวหนังทำให้คันทั่วตัว อาจทำให้คันอยู่นานเป็นเดือน ผิวหนังอาจบวมพอง การแก้พิษมีหลายวิธี เช่น เอาเปลือกและใบสักมาต้มน้ำอาบ, ใช้ใบเหงือกปลาหมอสับต้มน้ำอาบติดต่อกัน 3-4 ครั้ง, ใช้เปลือกพะยอมต้มน้ำอาบ, ชงชาจีนให้แก่จัดใช้เตรียมเป็นน้ำอาบ อ้างอิงมาจาก https://apps.phar.ubu.ac.th/phargarden/main.php?action=viewpage&pid=27619จ้าวจื่อเหนียงนั่งอยู่บนโขดหินจ้องมองการต่อสู้ของลูกสมุนอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดดลงจากโขดหินมุ่งตรงไปหาภรรยาทันที หยี่หมิงใช้พลังของนางที่มีทั้งหมดไปยังค่ายกลหวังทำลาย นางใช้เวลาอยู่สักพักแผงค่ายกลก็เริ่มร้าวและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ร่างของนางจะลงไปนั่งฟุบกับพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังไปมาก จ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์มิรอช้ารีบเข้ามายืนอยู่ข้างต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผนึกค่ายกลถูกทำลาย ทั้งสองหวังนำเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปปลดผนึกหวังคืนชีพให้กับจอมราชาปีศาจอย่างซีจ้าวเหว่ยและนำส่วนที่เหลือของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำเป็นโอสถขายให้กับปีศาจในเผ่าชิงหรางที่ปราบร่างโคลนมายาที่หูหลี่สร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้วก็ลอยตัวมายืนอยู่ข้างกายของหลิวถาเอ๋อร์ โดยมีปีศาจลูกสมุนที่บำเพ็ญตบะถึงขั้นกลางสิบกว่าตนยืนอยู่ข้างหลังจ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์รวมพลังกันเพื่อดึงเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมิสนใจหยี่หมิงที่เป็นภรรยาแถมยังสูญเส
18หมู่บ้านใหม่ฉิงอี้ลู่ปิงปิงยืนอยู่บนเรือนไม้ไผ่สองมือจับราวกั้นของเรือนเอาไว้ ใบหน้ากลมสวยแหงนขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด หวนคิดถึงสามีที่อยู่ต่อสู้กลับเผ่าปีศาจ ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม หวังว่าการย้อนมาในอดีตของเธอจะทำให้เผ่าสัตว์อสูรแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครไปอย่างในภพชาติของเธออีกแล้ว หูหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย ขอร้องล่ะ" คุณหนูดึกมากแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าค่ะ หากคุณหนูมิสบายขึ้นมาแล้วท่านหูหลี่กลับมาพบเข้า ซูซู่อาจจะโดนท่านหูหลี่ทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ " ซูซู่พยายามหาคำกล่าวให้สมเหตุสมผล เพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่มาที่นี่คุณหนูของนางก็เอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม นางมั่นใจว่าท่านเขยจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เป็นแน่ มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" ข้าอยากอยู่ตรงนี้อีกสักประเดี๋ยว ซูซู่เจ้าคิดว่าท่านพี่จะชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยถามสาวรับใช้ในขณะที่ใบหน
17หน้าประตูหมู่บ้านฉิงอี้พระจันทร์สีเลือดปรากฏขึ้นพร้อมกับกองกำลังปีศาจที่มาเยือนอยู่หน้าประตูของหมู่บ้านฉิงอี้ โดยมีจ้าวจื่อเหนียง (ปีศาจงูแดงผู้พี่) จ้าวซินเหว่ย (ปีศาจงูดำผู้น้อง) หลิวถาเอ๋อร์ (ปีศาจหงส์เพลิง-น้องสาวของจอมราชาปีศาจ) และหยี่หมิง (องค์หญิงเผ่ามนุษย์) นำทัพในครั้งนี้ ค่ายกลที่ถูกร่ายปกคลุมหมู่บ้านฉิงอี้ทำให้กองกำลังของเผ่าปีศาจไม่สามารถเข้าโจมตีหมู่บ้านได้ในทันที " หมู่บ้านแห่งนี้ถูกร่ายค่ายกลป้องกันเอาไว้ขอรับท่านจ้าว " ซิงซือหังปีศาจสามตากล่าวรายงานต่อนายท่านของตน หากต้องการทำลายค่ายกลป้องกันนี้จะต้องใช้พลังอยู่มิน้อย" เรื่องค่ายกลปล่อยให้ข้ากับซินเหว่ยเป็นผู้ทำลายเอง หากค่ายกลถูกทำลายแล้ว ท่านจ้าวและปีศาจทุกตนเข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย " หลิวถาเอ๋อร์กล่าวจบก็ลอยตัวขึ้นไปอยู่กลางอากาศคู่กับคู่หมั้นของนาง ก่อนที่ทั้งสองจะร่ายพลังใส่ค่ายกลของหมู่บ้านฉิงอี้ มินานค่ายกลป้องกันก็ถูกทำลายลง" ปีศาจทุกตนบุกเข้าโจมตีได้ ทำลายเผ่าสัตว์อสูรทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียว! " จ้าวจื่อเหนียงสั่งการเสียงดัง" เย้! ฆ่า! ฆ่า!
16ป่าลึกฐานลับของเผ่าปีศาจมุมปากหนาแสยะยิ้มออกมายามเห็นข้อความลับด้านในของแผ่นกระดาษ ในที่สุด...ในที่สุดก็หาเจอเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า " หลงซูเจ้าจงไปบอกปีศาจทุกตนและมนุษย์ที่ติดตามให้เตรียมตัวให้พร้อมถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว "" ขอรับนายท่าน ปีศาจทุกตนและพวกมนุษย์ทั้งหลายจงฟัง พวกเจ้าจงเตรียมตัวกันให้พร้อมในอีกมิช้ากองกำลังเผ่าปีศาจจะมาถึงฐานลับของพวกเรา ต่อจากนี้ถึงเวลาที่เผ่าปีศาจจะบุกเข้าโจมตีพวกเผ่าสัตว์อสูรเสียทีและแย่งชิงต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของเผ่าปีศาจของพวกเราซะ เพื่อช่วยให้ท่านจอมราชาปีศาจของพวกเราฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ " " เฮ้! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! " ปีศาจติดตามพากันส่งเสียงดังสนั่นป่าทึบ นานเท่าใดแล้วที่พวกมันมิได้ออกไล่ล่าเช่นนี้ จึงทำให้พวกมันฮึกเหิมกันใหญ่" ท่านพ่อ " เซียวหลี่หันมาเอ่ยเรียกบิดาของตน หากเป็นเช่นนี้เผ่าสัตว์อสูรคงได้จบสิ้นจริง ๆ แน่" ทำตามแผนของพวกมันไปก่อนแล้วจากนั้นค่อยคิดหาวิธีกันใหม่ " ผู้อาวุโสเว่ยหันมาตอบบุตรชายเสียงแผ่ว จากสถานการณ์ตรงหน้าพวกตนจะต้องคิดหาวิธีการตั้งรับกับสถานการณ์นี้กันใหม่เสียแล
15 ชิงหรางที่ตามหาต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดูแลจากเผ่าสัตว์อสูรตามบัญชาเทพสวรรค์ นางใช้เวลาสามวันสามคืนในที่สุดนางก็พบที่ซ่อนของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ห่างออกไปจากหมู่บ้านฉิงอี้ 1 ลี้ ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำลึก บริเวณปากถ้ำถูกร่ายค่ายกลบังตาเอาไว้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะน้อยนิดก็มิอาจเห็นทางเข้าของถ้ำนี้ได้ รอบต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มีแสงสีทองอร่ามเปล่งออกมาอยู่ตลอด ผลิผลสีแดงออกมามากมาย บริเวณโคนก้านของผลจะมีปีก 5 ปีก เป็นรูปขอบขนาน เชื่อมอยู่ระหว่างโคนปีกและผลยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีคริสตัลสีแดงงอกออกมากระจัดกระจายตลอดทางเดิน ซึ่งคริสตัลเหล่านี้มีแสงเปล่งออกมาทำให้ถ้ำมิมืดและน่ากลัวแถมยังมีสมุนไพรหายากบางชนิดเกิดภายในถ้ำแห่งนี้ด้วย บริเวณปากถ้ำจะมิมีผู้คุ้มกันจะมีก็แต่เพียงบริเวณต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น สัตว์อสูรที่คุ้มกันมีทั้งหมดหกตน ยืนล้อมต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ตัวนางมิสามารถเข้าไปใกล้ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงถอยหลังออกมาจากที่แห่งนี้ก่อน ยังไงซะต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตกเป็นของเผ่าป
14เรือนแม่ทัพเหยาชูร่างสูงกำยำของผู้เป็นเจ้าเรือนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาไม่ไกลจากห้องของตัวเองและห้องของสตรีที่พามารักษามากนัก สายตาคมเฉี่ยวทำการกวาดมองไปทั่วบริเวณของเรือน หวังหาผู้ร้ายที่แอบรุกรานเข้ามาในยามวิกาล แต่แท้จริงแล้วกลับกำลังมองหาสตรีที่เจ้าตัวได้นำออกมาจากป่า เพื่อพามารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก ซึ่งนางมีนามว่าชิงหราง นางอ้างว่าตัวของนางเป็นชาวบ้านมนุษย์ธรรมดาที่ออกมาเก็บสมุนไพรไปขายเพื่อประทังชีวิตก่อนยามโหย่วสตรีนางนี้ได้มาขอตนออกไปซื้อของกับสาวรับใช้ที่อยู่ในเรือนมานาน กระทั่งบัดนี้เข้ายามซวีแล้วทั้งสองยังมิกลับมากันเลย หรือไม่ทั้งสองก็อาจจะเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้นกลางทาง มิได้ตนจะต้องออกไปตามหาทั้งสอง คืนปล่อยไว้แบบนี้มิดีแน่ เหยาชูวางแก้วชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจากเกาอี้กำลังจะเดินออกจากศาลา แต่ทว่าเจ้าตัวยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากศาลาเลยแม้แต่ก้าวเดียว ชิงหรางกับสาวรับใช้ก็เดินเข้ามาภายในเรือนเสียก่อน ชิงหรางเข้ามาภายในเรือนของแม่ทัพได้ก็สั่งให้สาวรับใช้นำของที่ซื้อมาไปเก็บภายในห้องนาง ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาท่านแ