ฮูหยินรองเองก็ลุกขึ้นมาแล้ว น้ำตายังไม่ทันแห้ง ก็เริ่มห้ามทัพขึ้นมาโม่จุนท่านผู้สำเร็จราชการแทนจ้องเขม็งใบหน้าที่ไม่ยอมใครของมู่จิ่วซี ในใจเองก็รู้สึกเหงื่อตกแทนนาง แต่ว่าคำพูดของนางก็ทำให้เขารู้สึกเกินคาดเหมือนกันยังคิดว่าคุณหนูใหญ่จะต้องชอบรังแกพวกคนที่ต่ำต้อยกว่าแน่นอนแท้ๆ ไม่คิดเลยว่านางจะปกป้องเช่นนี้"ลู่เอ๋อร์ ครั้งนี้ข้าทำผิดไป ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ซีเอ๋อร์พูดไว้ถูกต้อง สาวใช้ก็เป็นคนเช่นกัน พวกเรามีวันคืนที่สุขสบายได้ ก็เพราะมีพวกเจ้าอยู่"ภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียด มู่เทียนซิงก็ทำการเลือกออกมาใบหน้าเย็นชาของมู่จิ่วซีก็ผ่อนคลายลงในพริบตา ยิ้มเจิดจ้าแยงตา เดินตรงเข้าไปข้างๆ มู่เทียนซิง คล้องแขนของเขาแล้วออดอ้อนทันที"นี่ถึงจะเป็นวีรบุรุษท่านพ่อของข้า ทัศนคติสามด้านของตระกูลมู่พวกเราจำเป็นต้องทำให้ถูกต้อง""เด็กอย่างเจ้านี่นะ ครั้งนี้พ่อผิดเอง แต่ที่เจ้าตีน้องจนสภาพนี้ ก็ไม่ควรรู้สึกผิดบ้างหรือ?" มู่เทียนซิงถูกลูกอ้อนของลูกสาวตีจนแตกพ่าย อารมณ์เองก็ดีขึ้นมาแล้ว ทั่งดวงตาเต็มไปด้วยความรัก"ท่านพ่อ สั่งสอนลูกไม่ดีคือความผิดของผู้เป็นพ่อ น้องชายทำเรื่องเช่นนี้ หากย้อนกลั
มู่จิ่วซีงงงันไปครู่หนึ่ง รีบร้อนยกมือยอมแพ้เอ่ยว่า "โอเคโอเค ข้าผิดเอง ท่านอยากจะพูดอะไร"สองคิ้วโม่จุนขมวดกันแน่ อะไรคือโอเคโอเค? บ้าๆ บอๆ ผู้หญิงคนนี้ท่าจะมีปัญหาจริงๆมู่เทียนซิงเหลือบมองลูกสาวผาดหนึ่ง รู้สึกว่าแปลกอยู่เหมือนกัน ทั้งสามคนเดินตรงไปยังห้องหนังสือของเรือนหน้า"มู่จิ่วซี พูดต่อหน้าพ่อของเจ้าเลย บอกเงื่อนไขการถอนหมั้นของพวกเราออกมาอีกครั้ง" โม่จุนหลังจากนั่งลงก็เอ่ยขึ้นมู่จิ่วซีไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยังพยักหน้า"ได้ ท่านพ่อ ข้ากับท่านผู้สำเร็จราชการแทนพูดเงื่อนไขการถอนหมั้นไว้แล้วว่าให้หาคนร้ายตัวจริงที่ผลักข้าตกน้ำและสังหารหมอหลวงเวินให้เจอ ถ้าหาไม่เจอ ก็สอนวิถีจิตกำลังภายในให้กับข้า ถ้าทั้งสองข้อนี้ทำไม่ได้เลยล่ะก็ ข้าก็คงต้องอภิเษกกับเขาแล้ว"โม่จุนหลังจากที่มุมปากกระตุกเล็กน้อยก็เอ่ยกับมู่เทียนซิงว่า "แม่ทัพมู่ ท่านได้ยินชัดหรือยัง? ขอแค่ข้าสำเร็จเงื่อนไขเพียงข้อเดียวก็ถือว่าสามารถถอนหมั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องการถอนหมั้นนี้ก็จำเป็นต้องให้พวกท่านไปกล่อมพระพันปีหลวง""ไม่ถูกสิ ข้าก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าพวกเราจะไปกล่อมพระพันปีหลวงให้นะ" มู่จิ่วซีเอ่ยขึ้นมาทั
โม่จุนโกรธจนตัวสั่น แต่เพื่อการถอนหมั้นจึงไม่ได้ห่วงกังวลและได้แต่ยื่นมือปรบ"ไม่คิดว่าชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่มู่มีมูลค่าเป็นเงินเพียง 10,000 ตำลึงเงิน" โม่จุนยังคงพูดประชดประชันมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นมา : "เจ้าไม่ต้องมากระแหนะกระแหนข้าหรอก ต่อให้เจ้าไม่ให้ ด้านนอกก็คงพูดถึงข้ายิ่งเข้าไปใหญ่ แค่ได้มา 10,000 ตำลึงก็พอใจมากแล้ว ขอบคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างเป็นคนดี ฮิฮิ"โม่จุนกระอักเลือดขึ้นมาถึงลำคอ แววตาของเขาราวกับปรากฎสีแดงเข้มขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ว่าเขาควบคุมตนเองได้ดี เขาคงกระอักเลือดออกมาแล้ว"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน หญิงสาวเกเรแบบนี้ ท่านอย่าได้ใส่ใจนางเลย" มู่เทียนซิงรู้แค่ว่าตนเองคงได้แต่แค่พูดปลอบใจเท่านั้นโม่จุนถลึงตาจ้องมองมู่เทียนซิงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หลับตาลงและปรับลมหายใจ"พูดตามตรง ฉีฟั่งก็จับได้แล้วและก็สอบปากคำแล้ว เขาบอกว่าไม่มีใครสั่งให้มาทำร้ายเจ้า อีกทั้งยังพูดว่ามีความแค้นส่วนตัวกับเจ้า" โม่จุนลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับลมหายใจที่สงบนิ่ง"ความแค้นส่วนตัว?" นี่ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกเหนือความคาดหมาย "ข้าไม่แม้แต่จะรู้จักฉีฟั่งคนนี้ เขาจะมา
มู่จิ่วซีตกตะลึง จากก็กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้านี่ทึ่มจริง ๆ เจ้าไม่อยากบอก งั้นต่อให้ข้าจะรู้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็แค่สงสัยเท่านั้น""แล้วถ้าคนนี้เป็นคนที่เจ้ารู้จักล่ะ?" โม่จุนเกือบโมโหจนฉุนขาด"เจ้าไม่บอก ข้าก็ถือว่าไม่รู้จัก ยุ่งอะไรกับข้าด้วย" มู่จิ่วซีอยากจะจัดการเจ้าหน้าโลงผุคนนี้จริง ๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่การสร้างวิมานบนอากาศ"เจ้าไม่อยากรู้?" โม่จุนกระตุกยิ้มตรงมุมปากและเอ่ยออกมา"ความสงสัยสามารถฆ่าแมวให้ตายได้ ข้ายังไม่อยากตาย ถ้าเจ้าไม่รู้จักพิษนี้ งั้นก็ถือซะว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน" มู่จิ่วซีเบะปากทำท่าอย่างกับไม่พอใจ"มู่จิ่วซี เจ้านี่ไม่เหมือนกับที่คนภายนอกล่ำลือกันเลย" โม่จุนอดไม่ได้ที่จะยอมรับข้อนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้สองคนจะเคยรู้จักกัน แต่ก็ไม่คุ้นเคยกันมากนักและไม่ได้รู้จักกันอย่างจริงจังมาก่อนเขาเข้าใจนางจากที่คนอื่นบอกเล่า รู้จักนางจากที่คนภายนอกพูดกัน"ปากของคนอื่น คนอื่นอยากจะพูดอะไร ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คนโบราณได้กล่าวไว้ 'สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น' เจ้าเชื่อคำคนอื่นพูดง่ายขนาดนี้ นี่เจ้าเอาชน
"ก็ใกล้เคียงพอกัน ซึ่งคือเจ้าสำนักหอดาราจันทรา" โม่จุนกล่าวอย่างเรียบเฉยมู่จิ่วซีตกใจไปครู่หนึ่ง "เจ้าสำนักหอดาราจันทรา? ที่เขาว่ากันว่าเป็นเหมือนเทพมังกรเห็นหัวมิเห็นหาง จิ้งจอกม่วงคนนั้นน่ะเหรอ?"โม่จุนพยักหน้าและเอ่ยต่อ : "ทั้งหกแคว้นล้วนมีหอดาราจันทรา พลังของเจ้าสำนักคนนี้ไม่อาจดูถูกได้"มู่จิ่วซีถึงกับยิ้มแหยง : "เจ้าพูดก็เหมือนไม่ได้พูด ก็แค่เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวเดียว ข้าจะไปหาเขาเจอได้ที่ไหน""ช่วงนี้เขามาที่หอดาราจันทราของแคว้นเรา" โม่จุนหรี่ตาลงมู่จิ่วซีหัวใจเต้นกระตุกขึ้นมา นางมองไปยังใบหน้าที่พินิจพิเคราะห์ของเขาแล้วพูดขึ้นมา : "โม่จุน พูดตามความจริง หอดาราจันทราเก่งกาจขนาดนั้น เจ้าในฐานะท่านผู้สำเร็จราชการแทนของแคว้นเกาอวิ๋น เจ้าไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยเหรอ ?"โม่จุนมองดวงตากลมโตทั้งสองข้างที่เจ้าเล่ห์และปราดเปรียบของนางอย่างครุ่นคิดและก็ไม่ได้พูดอะไร"เออ เออ เออ ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด แต่ว่าข้าสงสัยถึงแรงจูงใจที่เจ้าบอกข้า" มู่จิ่วซีเผยยิ้ม"เจ้าสำนักหอดาราจันทราพักนี้เหมือนกำลังเปิดรับศิษย์" โม่จุนกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างเรียบเฉย "แต่ว่าก็อาจเป็นแค่ฉากบังหน้า"
เย่อู่เหิงและโม่จุนมองตากัน ในตาของทั้งสองต่างก็มีความตกตะลึงผู้หญิงคนนี้ต้องการจะใช้อุปกรณ์ทรมานเขาด้วยตนเองงั้นเหรอ?การทรมานที่ต้องมีเลือดตกยางออกแบบนี้นางไม่กลัวเลยงั้นเหรอ?มู่จิ่วซีเมื่อเห็นคมดาบของดาบวงพระจันทร์ ในใจของนางก็มีความสุขและก็รีบหยิบขึ้นมาเล่นครู่หนึ่ง สายตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดาบนี้ช่องคล่องมือดีจริง ๆเดี๋ยวกลับต้องมาไว้ป้องกันตัวสักหน่อย แค่เฉือนคอฉับเดียวต้องตายแน่หลังจากนางวางลง นางก็หยิบตะปูเหล็กเล็ก ๆ ยาว ๆ ขึ้นมากำหนึ่งจากนั้นนางก็เดินอย่างเชื่องช้ามาอยู่ตรงหน้าฉีฟั่ง นางแหงนหน้ามองเขา ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้"อีสารเลว คิดว่าข้าจะยอมปริปากเพราะถูกทรมานรึไง? อย่าฝันไปเลย!" ฉีฟั่งถมน้ำลายไปทางมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีเอี้ยวตัวหลบ น้ำลายที่มีเลือดผสมปนก็ถมลงพื้น ดูไปแล้วน่าขยะแขยงอย่างมาก"คุณหนูใหญ่ ให้ข้าน้อยจัดการไหมขอรับ?" เจ้าหน้าที่ชั้นศาลที่สาดน้ำรีบเข้ามาเอ่ยถามมู่จิ่วซีส่ายหัวพร้อมกับพูด : "พวกเจ้าจัดการเขาจนอยู่ในสภาพนี้แล้วยังไม่สารภาพเลย บ่งบอกว่าวิธีการไม่ถูกต้อง ข้าคงต้องลองวิธีใหม่ ๆ กับเขาถึงจะได้"ขณะพู
นี่มันโหดยิ่งกว่าเพชฌฆาตอีกผู้ชายสองคนลึกๆ ก็ได้แต่สงสัยในข่าวลือเรื่องของมู่จิ่วซีอีกครั้ง ว่ามีเพียงดื้อรั้นเอาแต่ใจจริงเหรอ?ทำเรื่องที่โหดร้ายทารุณได้ตาไม่กระพริบขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้ชายยังทำได้ยากเลย"อย่าเพิ่งหมดสติไปล่ะ ถ้าหมดสติไปก็จะต้องฟื้นอีก ไร้ประโยชน์น่า เสียงนี้ฟังดูไพเราะดีไหม?" มู่จิ่วซีจ้องหน้าฉีฟั่งที่ตกใจกลัวจนตาเหลือกพลางก็ดึงเหล็กหมาดไปมาเสียง "แกรกๆ" ทำให้คนได้ยินรู้สึกขนลุกขนพอง อีกอย่างหน้าอกของฉีฟั่งก็เต็มไปด้วยเลือดลดๆ ที่ไหลริน แดงเถือกไปทั้งซีกราวกับผีร้าย"จะ เจ้ามันเป็นนังปีศาจ..." ฉีฟั่งเจ็บปวดจนหน้าตาบิดเบี้ยว เขากัดปากตัวเองจนมุมปากแหวะ พูดจาไม่ชัดเจนแต่ความหวาดกลัวในจิตใจก็ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว สายตาที่มองไปยังมู่จิ่วซีราวกับเห็นปีศาจร้ายก็ไม่ปาน"ตกอยู่ในมือข้า ถึงเจ้าจะอยากตายก็ไม่ได้ตายหรอก ไม่สู้สารภาพออกมาซะ ถ้าสารภาพข้าจะให้เจ้าได้ตายแบบศพสวยๆ สักหน่อย ถึงอย่างไรเจ้ามีชีวิตต่อไปก็ไร้ประโยชน์แล้ว" มู่จิ่วซีกล่าว "แต่ว่าหากเจ้าไม่สารภาพ ในอีกหนึ่งร้อยวันต่อจากนี้ เจ้าจะได้ยินเสียงแบบนี้ทุกวัน"พูดไปก็มีเสียงแกรกๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เย่ฮานมุมปากกระตุกทีหนึ่งก่อนจะพูดว่า "คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็คงจะรีบไปตามหาคนแซ่เซียวคนนั้นแหละขอรับ""คราวนี้ถึงค่อยร้อนรน ก็คนของเซียวหลิงเย่ว์ไม่ใช่หรือไง!" มู่จิ่วซีดูถูกโม่จุนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้นักเย่ฮานรีบพูดขึ้นอย่างตกใจทันที "คุณหนูใหญ่ ท่านเดาออกแล้วเหรอ?""ข้าโง่ขนาดนั้นเชียว? แซ่เซียว มีไฝสีดำที่คาง คงเป็นเซียวเจี้ยนลูกพี่ลูกน้องของเซียวหลิงเย่ว์ล่ะสิ เมื่อสามปีก่อนตระกูลเซียวถูกฆ่าล้างตระกูล ประหารสามชั่วโคตร เซียวเจี้ยนก็คือคนที่หนีรอดไปได้"เย่ฮานก้มหน้าพึมพำ "เซ่อเจิ้งอ๋องคงจะต้องปกป้องสนมเอกสามแน่"มู่จิ่วซีเหล่มองเย่ฮานทีหนึ่งก่อนพูดว่า "ทุกคนต่างรู้ว่าเซียวหลิงเย่ว์กับโม่จุนมีใจต่อกัน แต่พระพันปีหลวงกลับยังประทานงานสมรสให้พวกข้า นี่ไม่ใช่จะทำร้ายข้าให้ตายหรือไง?"เย่ฮานมองไปรอบๆ ร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก กลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า"ไปหาเย่อู๋เหิงยืมรถดีกว่า เราไปหอดาราจันทรากัน" มู่จิ่วซีเปลี่ยนเรื่องทันที"ไปหอดาราจันทรา?" สีหน้าของเย่ฮานเปลี่ยนไปฉับพลัน "คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปหอดาราจันทราด้วยเหตุใด?""แน่นอนว่าไปหาท่านเจ้าของหอดาราจันทร