ราชาแมงมุมหน้าผีเติบโตมาในป่าลึกลับ จึงเข้าใจสถานการณืในป่าลึกลับได้เป็นอย่างดี ตอนนี้จึงทำการเปรียบเทียบออกมาจั๋วซือหรานทำปางมือหลายครั้ง จากนั้นจึงหยิบขวดใบหนึ่งไว้ในมือเพียงไม่นาน ของเหลวในขวด ก็กลายเป็นสีม่วงคล้ำดูลึกลับ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ไหลผ่าน รู้สึกได้ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อ ท้ายสุดก็อาจจะเปลี่ยนจากม่วงเป็นดำ"นายท่านคิดจะนำมาหลอมยาหรือ?" แมงมถมน้อยถามขึ้นจั๋วซือหรานคิดๆ "ก็ยังไม่แน่ใจนัก สรุปคือ เก็บบางส่วนมาเล่นก่อน ถ้าภายหลังมีประโยชน์ ข้าค่อยมาคิดอีกที หมอกพิษที่ปันอวิ๋นใช้กับปรมาจารย์กู่พรมแดนใต้ตอนนั้นก็น่าสนใจมาก น่าจะใช้หมอกพิษอยู่ด้านในไม่น้อยเลย"จั๋วซือหรานพูด ตาโค้ง สายตาเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา "ถ้าข้าว่างจะลองดู บางทีอาจจะ ทำซ้ำหมอกพิษของเขาออกมาได้..."ถึงอ่างไร เขาก็เองก็ไม่ได้มีสิทธิทรัพย์สินทางปัญญานี่นะ"แต่ว่า..." จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็เอียงตัวเล็กน้อย เหลือบมองไปด้านหลังผาดหนึ่ง "ในเมื่อเป็นหมอกพิษระดับนี้ เช่นนั้นเจ้าพวกตัวปัญหาข้างหลังก็คงทนไม่ได้นานเท่าไรแล้ว""คุณสมบัติร่างกายของคนทั่วไป ทนกับหมอกพิษนี้ได
สาเหตุที่บอกว่าไม่ปกติเพราะถ้าจะเทียบกับลม สู้พูดว่าเป็นกระแสอากาศเล็กๆ ที่มีความเร็วแตกต่างจากกระแสลมรอบๆ จะดีกว่าและจุดที่ไม่ปกติอยู่ที่ กระแสลมผิดปกตินี้อยู่ข้างหูนางนี่เอง!ความเร็วในปฏฺิกิริยาของจั๋วซือหรานยอดเยี่ยมมาโดยตลอด นางจึงเบี่ยงหลบออกมาไม่มากไม่น้อยราวๆ สองชุ่นแค่สองชุ่นเท่านั้นแต่ก็หลบพ้นการโจมตีของอีกฝ่ายไปได้เสียงฉัวะดังขึ้น เส้นผมของนางสองสามเส้น ถูกตัดออกไปข้างๆ ใบหู"น่าสนใจ" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นร่างของแมงมุมน้อยดูลนลานหน่อยๆ เสียงของมันยังคงขรึมต่ำ "นายท่าน นั่นมันอะไรกัน?"มันแค่สัมผัสได้เท่านั้น ว่าเมื่อครู่มีอะไรบางอย่างโจมตีเข้ามา แต่กลับมองไม่เห็นจับไม่ได้เลยว่าเป็นอะไรที่โจมตีเข้ามาจากนั้นของสิ่งนั้นก็หายไปแล้ว รวดเร็วมากจั๋วซือหรานยื่นมือไปลูบๆ บนหลังแมงมุมน้อย พลังวิญญาณเข้มข้นวูบหนึ่งถ่ายเข้าไปในตัวแมงมุมกร่างกายที่ยังลนลานของมันแต่เดิมจึงสงบลงมา"นายท่าน อะไรโจมตีเข้ามากันแน่?!" แมงมุมน้อยถามจั๋วซือหรานยิ้ม "ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต""ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต?" แมงมุมน้อยทวนซ้ำคำพูดนาง ในน้ำเสียงไม่ค่อยเข้าใจ"ดังนั้นข้าจึงบอกว่าน่าสนใจไงล่ะ"
ดังนั้น ตอนที่สัมผัสได้ถึงกระแสลมเล็กนี้ครั้งถัดมา จั๋วซือหราน...จึงไม่หลบแล้วนางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สัมผัสได้ถึงการถูกโจมตีด้วยพิษ แทงเข้าไปที่กระดูกไหปลาร้าของตนเองจมูกนางพ่นเสียงฮึดฮัดออกมาเบาๆ เหมือนเป็นเสียงครางเจ็บปวด แต่พอฟังอย่างละเอียดจะพบว่า ไม่ได้เจ็บปวดมากมายอะไนนักพริบตาต่อมามุมปากนางก็ยกขึ้น ยกมือตาม คว้าจับ 'อาวุธ' ที่โจมตีเข้ามาแล้วหยุดอยู่ตรงไหปลาร้านางน่าจะเป็น...อาวุธกระมัง?แต่พอเข้ามือก็รู้สึกว่า...สัมผัสแปลกๆเหมือนกับ...ผิวหนังยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากอีกฝ่ายถูกนางคว้าไว้แล้ว ทำให้ความเร็วลดลงจนไม่อาจฉากหลบไปได้อย่างรวดเร็วดังนั้นรูปร่างของอีกฝ่าย จึงเห็นได้อย่างชัดเจนจั๋วซือหรานมอง...คน? ...สิ่งของที่ถูกตนเองจับเอาไว้?ชั่วขณะหนึ่ง นางไม่รู้ว่าจะพรรณนา...ตัวตนตรงหน้านี้อย่างไรครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก็คิดออกมาได้แค่คำเดียว...สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์?หรือ...อาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตัวตนตรงหน้าดูแล้ว มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ดูแล้วเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียวแต่ผิวหนังขาวซีด ในผิวที่ซีดเซียวนี้ เส้นเลือดเส้นลมปราณก็มีสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นบนผิวหนัง ยังมี
"เจ้า..." ดวงตาของหัวหน้าคนคุ้มกันถลึงตาโต สายตาแสดงความตกใจปนพรั่นพรึง จ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความระแวดระวังเขากำลังจะถาม ว่านางยิ้มอะไร?เพิ่งจะส่งเสียงพยางค์แรกออกมา ม่านตาก็หดลงเขาจ้องมองใต้กระดูกไหปลาร้าของนาง บาดแผลน่ากลัวเลือดเนื้อเหวอะหวะที่เดิมทียังมีเลือดพิษสีดำทะลักออกมา กำลังฟื้นตัว...แบบที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!เห็นฉากนี้คาตา ถ้าแค่มีสมองหน่อยก็คงพิจารณาได้ไม่ยากแล้ว ว่าที่นางบาดเจ็บเมื่อครู่ เป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น!เหยื่อล่อที่เอาไว้ล่อพวกเขาออกมา!หัวหน้าคนคุ้มกันก่อนหน้านี้ที่ยังดูคล่องแคล่วปราดเปรียว ตอนนี้กลับตึงขึ้นมาแล้ว เส้นประสาททุกเส้นทั่วร่างล้วนกำลังระแวดระวังจั๋วซือหรานโบกมือไปเช็ดรอยเลือดดำที่ขอบแผลก่อนหน้า บนผิวหนังก็เหลืออยู่เพียงรอยแดงจางๆ เท่านั้นเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานนัก รอยแดงพวกนี้ก็คงหายไปหมด กระทั่งร่องรอยที่เคยบาดเจ็บ ก็น่าจะไม่เหลือหรอ"หุ่นเชิดความมืดหรือ?" จั๋วซือหรานทวนคำที่ออกจากปากหัวหน้าคนคุ้มกันเมื่อครู่อีกรอบ นางยกมุมปากขึ้น เอ่ยขึ้นอย่างสนอกสนใจ "ดูท่า ของดีของเจ้านายพวกเจ้าจะมีอยู่ไม่น้อยเลยสินะ"จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจกับวิช
และตอนนี้เอง นิ้วของเขาขยับกลไกบนตลับหุ่นเชิดหุ่นเชิดตัวนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ จั๋วซือหราน จู่ๆ ก็ขยับขึ้นมาแล้วมือข้างหนึ่งของมัน ถูกจั๋วซือหรานกำไว้แน่น ดังนั้นมันจึงยกเท้าขึ้นมาแล้วเตะกวาดใส่จั๋วซือหรานอย่างรุนแรงบนเท้ายังมีคมมีที่แหลมคมด้วย!เตะกวาดจนมีเสียงลมดัง "วูม..." ขึ้นมา!วิธีรับมือของจั๋วซือหรานง่ายดายมาก ปล่อยการควบคุมที่มือมันก่อน กระโดดขึ้นในที่เดิม ก็เบี่ยงหลบการเตะของมันได้แล้วส่วนมันพอได้รับอิสระภาพ ก็ฉากออกไปอย่างรวดเร็วปฏิกิริยาของหัวหน้าคนคุ้มกันนั่นก็รวดเร็ว และฉับไวมาก!เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างตำมือ ไม่ใช่คนทั่วไปจะรับมือได้ ดังนั้น เขาจึงคิดแต่จะรักษาสมบัติของนายท่านเอาไว้พอหุ่นเชิดความมืดหลุดจากมือนางมา!เขาก็เริ่มถอยหนีทันที! ไม่สนใจจะต่อสู้ต่อ ถอยกลับอย่างรวดเร็วแผนในใจก็เรียบง่ายมาก เดิมทียังอยู่ในหมอกพิษ ขีดจำกัดระยะสายตาก็ส่งผลกระทบมากพอควรแล้วรีบถอยหนี แล้วหายไปท่ามกลางหมอกพิษ ก็ไม่แน่ว่าจะถูกหาตัวเจอยิ่งไปกว่านั้นในใจหัวหน้าคนคุ้มกันก็มีตัวเปรียบเทียบอยู่แล้ว ถ้าหากหญิงสาวคนนี้สามารถหาพวกเขาพบได้เร็วขนาดนี้ เมื่อครู่บางทีคงไม่ต้อ
"แฮ่ก...! แฮ่ก...!"บนคอเขามีเสียงหอบหายใจหนักๆ"ติ๋ง...ติ๋ง..."มือเขากุมไว้บนบ่าตนเอง เลือดสดไหลออกมาจากแผล ไหลลงไปตามมือ ไปรวมกันที่ปลายนิ้ว หยดติ๋งๆ ลงบนพื้นเขากุมแผลของตนเองวิ่งหนีอยู่ในป่าหมอกพิษก็เหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าระยะสายตามัวเลือนไปหมดและไม่รู้ว่าเพราะหมอกหนาเป็นเหตุ หรือว่าเพราะลมหายใจเขาหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ หมอกพิษที่สูดเข้าไปก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้สติสัมปชัญญะค่อยๆ เลือนราง...แต่เขารู้ ว่าตนเองห้ามหยุด ถ้าหยุด...คือความตายเครื่องจักรสังหารนั่นกำลังตามาติดๆ อย่างไม่ลดละ ถ้าแค่ตนเองหยุดลงมา ถึงตอนนั้น บาดแผลบนตัวก็จะไม่ใช่แค่นี้แล้ว จะต้อง...ตายแน่นอน!แต่ว่า มันก็เหนื่อยเหลือเกินหนังตาเองก็หนักขึ้นทุกที ร่างกายเองก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ข้อต่อทุกข้อเหมือนเหมือนถูกเทน้ำหนักลงไป ทำเอารู้สกหนักอึ้งจนแทบจะแบกไว้ไม่ไหวแล้ว!เท้าของเขาก็เหมือนกับการเคลื่อนไหวแบบเครื่องจักร ก้าวตรงไปด้านหน้าทำซ้ำไปเรื่อยๆภายใต้การเคลื่อนไหวที่หนักอึ้งนี้ ถ้าแค่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก็จะทำลายสมดุลนี้ลงราวกับประสาททรายที่พังทลายลงกลายเป็นกองทรายแต่ตอนนี้เอง"โอ๊ะ.
หัวหน้าคนคุ้มกันตกตะลึงอึ้งไปแล้วเพราะว่า เขาจำเสียงนี้ได้ นี่คือจั๋วซือหราน...คนที่ทำให้เขาโมโหจนเข็ดฟันและลนลานจนหลังเย็นวาบ"เจ้า...ทำไม..." เขาอ้าปากพะงาบ ไม่รู้เพราะติดพิษ หรือว่าเพราะตกตะลึงมากเกินไป ชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งความสามารถในการพูดก็เหมือนจะช้าลงมาเสียแล้วจั๋วซือหรานจุ๊ปาก เดินมาตรงหน้าเขาจากนั้นจึงนั่งยองลงมาข้างหน้าเขาหัวหน้าคนคุ้มกันแหงนตามองนาง เขารู้สึกว่า...ท่าทางของนางตอนนี้ เหมือนกับกำลังมองหมาแมวจรจัดอยู่อย่างไรอย่างนั้นและเจ้าเครื่องจักรสังหารนั่น หุ่นเชิดความมืดที่แปลกประหลาด ก็ยืนอยู่ด้านหลังนาง ยังคงค้างอยู่ในท่าขกสองมืออันแหลมคมราวกับรูปสลักก็มิปานภาพเหล่านี้ตรงหน้า ล้วนทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริด ล้วนทำให้เขายากที่จะเชื่อได้"นี่มัน...เพราะอะไรกัน?" ในที่สุดเขาก็ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากจากในลำคอนี่มันเพราะอะไรกัน? ทำไมหุ่นเชิดความมืดที่เขาใช้ถึงได้หันมาโจมตีเขา?แล้วเพราะอะไรนางถึงกลับมาช่วยเขา?เพราะอะไรกัน?จั๋วซือหรานเบ้ปาก จุ๊ปากออกมาทีหนึ่ง เหลือบมองตลับหุ่นเชิดเปื้อนเลือดในอกของเขา เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เจ้าคิดว่านี่เป็นสมบัติล้ำค่
หัวหน้าคนคุ้มกันนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำกลับมาว่า "ขอบคุณมาก"จั๋วซือหรานแค่โบกไม้โบกมือ หมุนตัวเก็บหุ่นเชิดความมืดกลับไปหัวหน้าคนคุ้มกันกระทั่งมองไม่ออกว่านางเก็บหุ่นเชิดความมืดไว้ที่ไหน เพราะตลับหุ่นเชิดความมืดตอนนี้ดูแล้วก็ยังว่างเปล่าอยู่จั๋วซือหรานเตรียมจะออกเดิน คิดๆ แล้วจึงเหลือบมองตลับหุ่นเชิดในมือถามขึ้นว่า "เจ้านายของเจ้า ไปเอาของเล่นชั่วร้ายแบบนี้มาจากไหนกัน?"จั๋วซือหรานอันที่จริงก็พอเดาได้ว่าหัวหน้าคนคุ้มกันนี้ไม่มีทางพูดออกมา แต่นางอย่างไรก็ได้ ถึงยังไงก็แค่ถามดูเท่านั้น จะพูดไม่พูดมันก็เรื่องของอีกฝ่ายรออยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ยินเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันจั๋วซือหรานจึงตระหนักขึ้นว่า อีกฝ่ายน่าจะไม่ยอมบอกแล้วนางเองก็ไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรวันนี้ก็ได้ของไม่คาดคิดมาแล้วนางไม่มีความคิดที่จะให้หัวหน้าคนคุ้มกันต้องลำบากใจอีก ถึงอย่างไรตอนที่นางกลับถึงเมืองหยาง ก็ต้องไปหาผู้เฒ่าเหอคนนั้นอยู่แล้ว ไปสอบถามว่าเป็นอย่างไรกันแน่แต่ว่า จั๋วซือหรานเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันดังลอดเข้ามา "เจ้าสำนักเมาฆาวารีคือปรมาจารย์วิชาเหยี่ยน ในสำนักเ
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย