แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ

“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพ

เฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"

ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้

*

จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"

“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”

ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"

จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้ว่าเขาจะกล้า เขาไม่มีปัญญาหาเสน่ห์หนอนพิษกู่ด้วยซ้ำ“

ฝูซูกล่าวว่า “จะเป็นใครได้อีก ต้องเป็นคุณหนูลิ่วทแน่ ๆ ”

ฝูซางดุฝูซูทันที "ฝูซู ระวังคำพูด เราจะนินทาเรื่องของผู้ใหญ่ได้อย่างไร"

ฝูซูเถียงกลับ"ข้าก็ไม่ได้พูดผิดอะไรสักหน่อย คุณหนูลิ่วอิจฉาคุณหนูของพวกเรา"

จั๋วซือหรานขวมดคิ้ว “เจ้าหมายถึงจั๋วหรูซินหรือ”

ตระกูลจั๋วเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ในตระกูลนี้มีเชื้อสายหลายสาย ซึ่งในระหว่างเชื้อสายต่าง ๆ มักมีการต่อสู้แบบเปิดเผยและเป็นความลับมากมายในตระกูล

บิดาของจั๋วซือหรานเสียชีวิตในสงครามเป็นเวลานานแล้ว และบิดาของจั๋วหรูซินก็ดำรงตำแหน่งสำคัญในครอบครัว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสามารถของจั๋วหรูซินสู้ความสามารถของจั๋วซือหรานมิได้ นางพ่ายแพ้จั๋วซือหรานอยู่เสมอ ดังนั้นจั๋วหรูซินอิจฉาจั๋วซือหราน เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องปกติ

แม้ว่าฝูซูจะพูดอย่างหุนหันพลันแล่น แต่เห็นได้ชัดเจนว่า นางมองทะลุถึงจุดสำคัญของแต่ละเรื่อง

จั๋วซือหราน "ฝูซู เจ้าพูดต่อสิ"

ฝูซู "ตระกูลจั๋วจัดการฝึกฝนแห่งตระกูลสองปีละครั้ง คุณหนูลิ่วมีอายุมากกว่าคุณหนูของข้าหนึ่งปี ดังนั้นนางพลาดการฝึกฝนครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้นางจึงต้องเข้าร่วมการฝึกฝนกับคุณหนู หากคุณหนูได้เข้าร่วมการฝึกฝนครั้งนี้ นางจะทำอะไรได้อีกล่ะ ดังนั้นนางอยากกำจัดคุณหนูแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ”

จั๋วซือหรานฟังคำพูดของฟูซูแล้วยิ้มทันที "นั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว"

ฝูซู “คุณหนูเจ้าคะ หากคุณหนูลิ่วเป็นคนลงมือจริง ๆ คุณหนูจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”

จั๋วซือหราน "ข้าต้องกลับบ้านสิ"

ฝูซางถอนหายใจ"แต่ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสกำลังโกรธมากอยู่เลยนะ"

จั๋วซือหรานจำได้ว่า ตอนนั้น นางตั้งใจยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง ไม่ฟังข้อแนะนำของใคร ๆ ทั้งสิ้น ผู้อาวุโสของตระกูลต่างโกรธเป็นอย่างมาก ทั้งยังกล่าวว่า หากนางยืนกรานที่จะไปตามทางของตัวเอง ชาตินี้ก็อย่าได้กลับมาที่ตระกูลจั๋วอีก

“ต่อให้เหล่าผู้อาวุโสโกรธแค่ไหน ข้าก็ต้องกลับไป” จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ “มิเช่นนั้น จะให้จั๋วหรูซินสมหวังหรือ”

ฝูซางพูดอย่างกังวลว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลืมเรื่องกฎตระกูลไปแล้วหรือ"

เมื่อได้ยินฝูซางพูดเช่นนั้น จั๋วซือหรานแข็งทื่อทันที นางหงุดหงิด

*

ห้องเก็บฝืนลานด้านหนัาของเรือน

หลิ่วเย่หลบตัวที่มุมกำแพง นางหวาดกลัวและตัวสั่ง นางมองไปที่จั๋วซือหราน "คุณ คุณหนูเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากของนางแล้วยิ้ม จากนั้นเอาปลายเท้ายกเก้าอี้ที่ขาหักไม่ดี ทว่านางกลับนั่งได้อย่างนิ่ง

“คุณหนู ข้าน้อยรู้ว่าตนผิด ข้าน้อยถูกผีสิง ข้าน้อยขอคุณหนูโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยสักครั้ง” หลิ่วเย่รีบลุกขึ้นและคุกเข่าต่อหน้าจั๋วซือหราน

จั๋วซือหรานมองนางอย่างเฉยเมยและพูดว่า "ใบซื้อขายตัวของเจ้ายังอยู่กับข้า ตามหลัก เจ้าควรไม่กล้าทรยศข้า"

หลิ่วเย่เอาแต่พูดว่า "ข้าน้อยถูกผีสิงเจ้าค่ะ"

“ถูกผีสิงนั้นหรือ” จั๋วซือหรานพูดพร้อมเสาะยิ้ม “เจ้าเป็นคนขี้กลัวมาโดยตลอด หากไม่มีคนมาให้สัญญากับเจ้าว่า ข้าไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าทำผิด เจ้าก็จะไม่มีวันกล้าทรยศข้า ที่เจ้าพูดว่าถูกผีสิง แล้วผู้ใดกัน…ทำให้เจ้าถูกผีสิง?”

หลิ่วเย่กลอกตาไป ๆ มา ๆ และไม่ปริปากพูด

จั๋วซือหรานส่ายนิ้วแล้วพูดว่า "พ่อค้าทาสกำลังรออยู่ที่ประตูหลังอยู่แล้ว หลิ่วเย่ เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว คิดให้รอบคอบแล้วค่อยตอบ"

เมื่อได้ยินคำว่า "พ่อค้าทาส" หลิ่วเย่ก็สั่นกลัวอย่างมาก นางเป็นทาส และสัญญาซื้อขายตัวอยู่กับจั๋วซือหราน ตราบใดที่จั๋วซือหรานเต็มใจขาย นางก็จะถูกจั๋วซือหรานขายอย่างง่ายดาย

หลิ่วเย่ตัวสั่นและรีบพูด "คุณหนูลิ่วเป็นผู้สั่งการเจ้าค่ะ นางบอกว่า ตราบใดที่ข้อน้อยเชื่อฟังคำสั่งของนาง หลังจากที่คุณหนูออกเรือน คุณท่านก็จะช่วยให้ข้าน้อยหลุดพ้นจากการเป็นทาสเจ้าค่ะ"

จั๋วซือหรานหัวเนาะเย้ยหยัน "จั๋วหรูซินวางแผนเก่งเสียจริง"

ในชะตากรรมของเจ้าของเดิม เจ้าของร่างนี้สละทรัพย์สินของครอบครัวทั้งหมดแล้ว และทรัพย์สินทั้งหมดเหล่านี้ตกเป็นของจั๋วหรูซิน

จั๋วซือหรานไม่ใช่เจ้าของเดิม นางจะไม่มีวันให้จั๋วหรูซินสมความปรารถนา

มีผู้คนมากมายในเมืองหลวง และเวลาผ่านคืนเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันแต่งงานของลูกสาวคนที่เก้าของตระกูลจั๋วถูกแพร่ทั่วมือง

และยิ่งพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งเกินจริงขึ้นเท่านั้น บางคนบอกว่า คุณหนูจั๋วจิ่วคายหนอนยาวเท่าแขนออกจากปากของนาง

“หนอนพิษกู่ยาวเท่าแขนหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้ายังอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”เมื่อได้ยินฝูซูเล่าข่าวลือข้างนอก จั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะ

นางเกิดมาสวยงาม และตอนนี้ในร่างนี้มีจิตวิญญาณของผู้อื่น บุคคลิกของนางดูมีความกล้าหาญเล็กน้อย ซึ่งทำให้นางงามอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก

เพียงว่าอาการบาดเจ็บภายในยังไม่หายดี และใบหน้าของนางยังซีดขาวเล็กน้อย

ฝูซูมองนางอย่างด้วยสายตาว่างเปล่า “คุณหนูเจ้าคะ สีหน้าของคุณหนูดูไม่ดีเลย มิเช่นนั้น... ให้ข้าทาแป้งที่แก้มให้หน่อยไหม”

จั๋วซือหรานยืนขึ้นแล้วพูดว่า "ต้องซีดขาวถึงจะมีคนเห็นใจ สีหน้าดูแย่ หน้าดูซีดเซียวน่ะถูกต้องแล้ว ข้าไปเปลี่ยนชุดสีขาว เดี๋ยวหากฝนตกอีกด้วยยิ่งดี ข้าจะคุกเข่าท่ามกลางสายฝน..."

นางยังไม่ทันพูดจบ นอกห้องมีเมฆดำรวมตัวแล้ว

"เทพช่วยข้าไว้"

ขณะเดียวกัน ในบ้านแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเมือง

ฉินตวนหยางนอนอยู่บนเตียง เพื่อให้กระดูกเข้ากันได้ดี มีคนนำไม้กระดานเกราะขาของเขาไว้

“คุณหนูลิ่ว คุณหนูจะปล่อยข้าเช่นนี้มิได้หรอกนะ”

จั๋วหรูซินดูเย็นชาและจ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ "หุบปาก หากไม่ใช่เป็นเพราะไม่ได้เรื่อง... "

ฉินตวนหยางมองสีหน้าของนางและพูดว่า "คุณหนูลิ่ว ดูเหมือนจั๋วซือหรานไม่ได้ถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่ควบคุม"

“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินพูดอย่างโกรธ “ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเสน่ห์หนอนพิษกู่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้”

ฉินตวนหยางทำได้แค่ยิ้ม "ใช่ ๆ ขอรับ แต่แม่หนอนกู่ตายแล้ว มิเช่นนั้น... ท่านไปหาอีกตัวมาสิ"

จั๋วหรูซินเหลือบตามองเขา "เจ้าคิดว่า ที่ลิทธิกู่ของดินแดนทางใต้เลี้ยงแม่หนอนกู่ง่ายมากหรือ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเสียเงินไปตั้งเท่าไร"

นอกประตูมีเสียงคนรับใช้ของนางดังขึ้น“คุณหนูเจ้าคะ ได้ข่าวว่า คุณหนูจิ่วกลับบ้านเพื่อสารภาพผิดแล้ว”

“อะไรนะ” สีหน้าของจั๋วหรูซินเปลี่ยนทันที แลนางรีบลุกขึ้นและกลับบ้าน

ฉินรุ่ยหยางกังวลทันที "คุณหนูลิ่ว ข้าควรทำอย่างไรดี"

จั๋วหรูซินมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "รอก่อน ข้าจะขอฝ่าบาททรงถวายพระราชโองการการสมรสให้เจ้า แล้วเรามาดูกันว่า ถึงเวลานั้น นางจะปฏิเสธได้อย่างไร"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Bua Phimjirapa
ตัวร้ายชื่อ ฉินรุ่ยหยาง หรือ ฉินตวนหยางกันแน่คะ อ่านแล้วงง ค่ะ เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก แนะนำเพิ่มเติมคือ ตรวจเช็คชื่อ แล้วก็คำผิด ก่อน จะน่าอ่านมากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ
goodnovel comment avatar
KingKaew Sueanoi
เนื้อเรื่องดีมากค่ะ แต่อยากให้เรียบเรียงแก้คำผิดอีกสักรอบค่อยลง ภาษาจะได้สลวยอ่านง่าย คนอ่านก็จะเยอะมากขึ้น พัฒนาต่อไปนะคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1367

    พอได้ยินเสียงนี้ จั๋วซือหรานก็รู้ว่าเจ้าของเสียงน่าจะเป็นแม่ทัพทหารประจำการเมืองลั่วหม่า...แม่ทัพเย่เจิงคนนั้นจั๋วซือหรานมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "แม่ทัพดูแลเมืองลั่วหม่าได้สงบจริงๆ ข้าก็เลยรู้สึกสบายๆ น่ะ""ถ้าหากสงบจริง ใต้เท้าคงไม่โดนโจรปล้นที่ด้านนอกนั่นหรอก" เสียงของเย่เจิงดังลอดออกมาจากด้านในฟังเนื้อหาแล้ว เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องที่จั๋วซือหรานถูกปล้นแล้วจั๋วซือหรานเดินเข้าไปในโถง และเห็นแม่ทัพเย่ที่นั่งอยู่แล้วเทียบกับฉีฮ่าวที่ดูกักขฬะแล้วยังสง่างามกว่าหน่อย แต่ก็ยังดูดุดันกว่าอิงเซ่าที่สง่างามทรงภูมินิดๆ"แม่ทัพเย่" จั๋วซือหรานยิ้มๆสายตาของเย่เจิง พิจารณาอยู่บนตัวหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ในสายตาก็มีการสำรวจตรวจสอบอย่างไม่มีปิดบังเขาปักหลักอยู่ในเมืองลั่วหม่ามาหลายปี ถือได้ว่าเป็นการประจำการอยู่แนวหน้าตลอดทั้งปีคนแบบเขาจะเป็นพวกกระดูกแข็งและรับมือยากถ้าจะให้เขามาประจบสอพลออะไรแบบนั้น คงจะทำไม่ได้แน่สำหรับเรื่องนี้ พวกขุนนางใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวง ส่วนใหญ่ก็ไม่เต็มใจจะยอมรับเท่าไร กระทั่งรู้สึกขี้เกียจจะออกมาพบเสียด้วยซ้ำแต่สำหรับจั๋วซือหราน กลับโผล่หน้าออกมาด้วยต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1366

    และขี้เกียจจะกลับไปบนรถม้าแล้ว จึงขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าตัวที่นำอยู่ เตรียมจะตรงไปยังจวนแม่ทัพเมืองลั่วหม่าตามที่ทหารชี้ทางไว้แต่ก่อนหน้าที่จะไป นางก็ยังไม่ลืมกำชับกับหัวหนาทหารว่า "คนพวกนี้ ถ้าออกมาจากในคุกก็จะมีใบรับรองความภักดีแล้ว พวกเขาคงจะไปช่วยพวกคนชั่วในเมืองซื่อหนานก่อเรื่องไม่ดีแน่ ดังนั้นห้ามปล่อยพวกเขาออกมาเด็ดขาด"ดวงตาของเหล่าโจรก็ถลึงโตขึ้นมา มองไปทางจั๋วซือหรานและหญิงสาวชุดแดงบนหลังม้านั้น ใบหน้าเล็กที่ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทิน งดงามหาใดเปรียบก็ยิ้มขึ้นมาจนเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวัน แต่ในแววตานั้นกลับไม่มีความอบอุ่นใดอยู่เลย ราวกับจะเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีกสายตาที่ไม่มีความอบอุ่นใดของนางตกมาอยู่บนตัวพวกเขา จ้องมองมาเรียบๆ "พวกเจ้าคิดว่ากฏหมายใช้กับคนหมู่มากไม่ได้ พอปล้นชิงแล้วขอแค่ไปยังเมืองซื่อหนานได้ กฏหมายก็จะเอาผิดพวกเจ้าไม่ได้สินะ"นางจ้องพวกเขา "แต่ข้าเอาผิดพวกเจ้าได้ ทนรับเอาไว้ก็แล้วกัน"พูดคำนี้จบ จั๋วซือหรานก็คีบท้องม้า ติดตามทหารที่นำทาง ตรงไปยังจวนแม่ทัพทหารประจำการของเมืองลั่วหม่า เป็นส่วนหนึ่งของกองพันพยัคฆ์ทมิฬแห่งกองทัพสยบแดนใต้แม่ท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1365

    ถ้าถูกจับเข้าห้องขัง พวกเขาไม่ใช่ยังต้องคิดหาวิธีแหกคุกออกมาอีกถึงจะหลบเข้าไปใช้ชีวิตอย่างสงบในซื่อหนานได้รึไงกัน?จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นมา ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงนี้ ในใจก็รู้สึกตึกตักขึ้นมาอย่างประหลาด...น่าจะเพราะ...เป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีกระมัง?สรุปคือ หลังจากเสียงหัวเราะเบาๆ ของนาง พวกเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "โอ้ พวกเขาน่ะ..."สายตานางหรี่ลง แววตาเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายแล่นวาบในดวงตาพญาหงส์ของนาง"พวกเขาเป็นคนที่คิดจะมาปล้นขบวนรถข้าที่ด้านนอกเมืองลั่วหม่าน่ะ"พอคำนี้ออกไป เหล่าโจรต่อให้เดาได้ถึงความเป็นไปได้นี่ แต่ก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่และเหล่าทหารเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน ร้อนรนขึ้นมาทันที"มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? กำเริบเสิบสานเสียจริง!"ในดวงตาของหัวหน้าทหารมีความโกรธอยู่ตรงหน้าคนนี้คือว่าที่โหวหลวนหนานนะ ทั่วทั้งหลวนหนานล้วนเป็นพื้นที่ศักดินาของนาง ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่านางไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแออะไรเลยอีกด้วยชื่อเสียงของคนผู้นี้ลือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว เป็นตัวตนที่ค่อนข้างร้ายกาจเลยทีเดียว...ในอนาคตจะต้องมีเรื่องที่ต้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1364

    จั๋วซือหรานส่งป้ายผ่านด่านให้กับทหารทหารประตูเมืองหยิบป้ายผ่านด่านของนาง ขึ้นมามองไปมองมาอย่างละเอียดจากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อจั๋วซือหรานรู้สึกว่าปกติดี แม้ว่านางจะถูกอวยยศเป็นโหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกแต่งตั้งพื้นที่ศักดินาเป็นหลวนหนานด้วยแต่การสื่อสารที่ยังไม่พัฒนานัก ทำเลที่ตั้งของเมืองลั่วหม่าเองก็ค่อนข้างห่างไกลอีกด้วยต่อให้แม่ทัพทีประจำการอยู่ในเมืองลั่วหม่าจะรู้ข่าวแล้ว แต่ก็อาจจะไม่ได้แจ้งลงมาขุนพลกับทหารด้านล่างยังไม่รู้ ก็ดูเป็นเรื่องปกติดังนั้นทหารจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ที่หยิบเอา 'ป้ายตราปลอม' ที่มีตราประทับโหวออกมาหลอกลวงฉับพลัน สีหน้าก็ปั้นยากขึ้นมาทันทีหัวเราะเย็นชาขึ้นเสียงหนึ่ง "เจ้านี่บังอาจนักนะ! เจ้าคิดจะล้อเล่นกับเมืองลั่วหม่ารึ? ตาสีตาสาที่ไหนแค่ถือป้ายผ่านทางมั่วๆ มา ก็คิดว่าจะเนียนเข้าไปในเมืองลั่วหม่าได้รึไงกัน?"จั๋วซือหรานครุ่นคิดสาเหตุปัญหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าน่าจะเพราะเนื้อหาในป้ายผ่านทางไม่ตรงกับข่าวที่พวกเขารู้มากระมังจะทำอะไรได้ล่ะ ป้ายผ่านทางสมัยนี้ก็ไม่มีเครื่องหมายป้องกันการปลอมแปลงอย่างพวกตราเลเซอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1363

    พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน เฟิงเหยียนก็ขมวดคิ้วจากนั้นก็ถามปันอวิ๋นขึ้นคำหนึ่ง "เป็นแบบนี้หรือ?""แปลกใหม่ดีใช่ไหมล่ะ?" ปันอวิ๋นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนแม้จะค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่รอการตัดสินใจของจั๋วซือหรานเขารู้สึกว่า ไม่ว่านางจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะไม่มีความเห็นทั้งนั้นเนื่องจากนางนั้นเฉลียวฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ความคิดของนางมักจะมั่นคงและมีเหตุผลแต่จั๋วซือหรานก็หัวเราะถามขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องน้อยมีความคิดอะไรไหม?"ท่านอ๋องน้อยคิดในใจว่าข้าจะมีความคิดอะไรได้ ข้าอยู่กับไก่แล้วก็ต้องตามใจไก่ไปสิ...เขาชะงักไปครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ฟังเจ้านั่นล่ะ"ปันอวิ๋นหัวเราะอยู่ข้างๆ น่าจะเพราะชอบและพอใจที่ได้เห็นท่าทางเชื่อฟังและทำตามของเฟิงเหยียนแบบนี้หลังจากจั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม "ถ้างั้น...พวกเราก็คิดหาวิธีเนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน?"สำหรับเรื่องนี้ เฟิงเหยียนกับปันอวิ๋นไม่มีความเห็นใดอย่าว่าแต่เนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานเลย ต่อให้จะเนียนเข้าไปในสภาผู้อาวุโส ถ้าพวกเขาคิดหาวิธี ก็น่าจะพอทำได้อยู่ปันอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1362

    จั๋วซือหรานเองก็ไม่มีอะไรต้องไต่สวนพวกเขาอีกแล้ว จึงเอียงหน้าไปทางแมงมุมของนางโจรพวกนั้นก็ขนลุกชูชันขึ้นทันที!เพราะครั้งที่แล้วตอนนางเอียงหน้าไปทางแมงมุมแมงมุมตัวนั้นก็เฉือนเนื้อของคนคนนั้นออกมา!อารมณ์หวาดกลัวของพวกเขา ก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาในใจอีกครั้งแต่คิดไม่ถึงว่า แมงมุมยักษ์ตัวนั้นจะไม่ได้กรีดเนื้อหนังพวกเขาเพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อย ก็พ่นใยออกมาอีกสองสามก้อนทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพถูกห่อเหมือนดักแด้อีกครั้ง ขยับตัวไม่ได้ ปากก็พูดไม่ได้...เหลือแค่จมูกที่ยังหายใจกับดวงตาที่ยังมองวัตถุเห็นคนที่ถูกกรีดจนกรีดร้องไม่หยุดก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้เองก็เงียบเสียงไปแล้วด้วยตอนแรกเขายังอัดอั้นหน้าดำหน้าแดงอยู่ แต่เขาก็ค่อยๆ สงบลงมาแล้วเพราะหลังจากที่ใยแมงมุมของแมงมุมตัวนี้พันเข้ามา...บาดแผลก็เหมือนจะไม่ค่อยเจ็บแล้ว...?จั๋วซือหรานขี้เกียจจะสนใจพวกเขาเดินตามปันอวิ๋นขึ้นมาด้านหน้าปันอวิ๋นยังจุ๊ปาก เอียงตามองโจรพวกนั้น เบ้ปากเอ่ยขึ้นว่า "เจ้านี่ก็เมตตาเกินไป"ใยของแมงมุมหน้าผีมีฤทธิ์ทำให้ชาอยู่สินะ ยังไม่ทันได้สั่งสอนพวกเขาจนหนำใจเลยนี่? ดันหยุดความเจ็บปวดให้พวกเขาเสียแล้ว?แล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status