Share

บทที่ 5

Author: หูเทียนเสี่ยว
ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ

“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพ

เฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"

ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้

*

จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"

“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”

ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"

จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้ว่าเขาจะกล้า เขาไม่มีปัญญาหาเสน่ห์หนอนพิษกู่ด้วยซ้ำ“

ฝูซูกล่าวว่า “จะเป็นใครได้อีก ต้องเป็นคุณหนูลิ่วทแน่ ๆ ”

ฝูซางดุฝูซูทันที "ฝูซู ระวังคำพูด เราจะนินทาเรื่องของผู้ใหญ่ได้อย่างไร"

ฝูซูเถียงกลับ"ข้าก็ไม่ได้พูดผิดอะไรสักหน่อย คุณหนูลิ่วอิจฉาคุณหนูของพวกเรา"

จั๋วซือหรานขวมดคิ้ว “เจ้าหมายถึงจั๋วหรูซินหรือ”

ตระกูลจั๋วเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ในตระกูลนี้มีเชื้อสายหลายสาย ซึ่งในระหว่างเชื้อสายต่าง ๆ มักมีการต่อสู้แบบเปิดเผยและเป็นความลับมากมายในตระกูล

บิดาของจั๋วซือหรานเสียชีวิตในสงครามเป็นเวลานานแล้ว และบิดาของจั๋วหรูซินก็ดำรงตำแหน่งสำคัญในครอบครัว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสามารถของจั๋วหรูซินสู้ความสามารถของจั๋วซือหรานมิได้ นางพ่ายแพ้จั๋วซือหรานอยู่เสมอ ดังนั้นจั๋วหรูซินอิจฉาจั๋วซือหราน เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องปกติ

แม้ว่าฝูซูจะพูดอย่างหุนหันพลันแล่น แต่เห็นได้ชัดเจนว่า นางมองทะลุถึงจุดสำคัญของแต่ละเรื่อง

จั๋วซือหราน "ฝูซู เจ้าพูดต่อสิ"

ฝูซู "ตระกูลจั๋วจัดการฝึกฝนแห่งตระกูลสองปีละครั้ง คุณหนูลิ่วมีอายุมากกว่าคุณหนูของข้าหนึ่งปี ดังนั้นนางพลาดการฝึกฝนครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้นางจึงต้องเข้าร่วมการฝึกฝนกับคุณหนู หากคุณหนูได้เข้าร่วมการฝึกฝนครั้งนี้ นางจะทำอะไรได้อีกล่ะ ดังนั้นนางอยากกำจัดคุณหนูแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ”

จั๋วซือหรานฟังคำพูดของฟูซูแล้วยิ้มทันที "นั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว"

ฝูซู “คุณหนูเจ้าคะ หากคุณหนูลิ่วเป็นคนลงมือจริง ๆ คุณหนูจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”

จั๋วซือหราน "ข้าต้องกลับบ้านสิ"

ฝูซางถอนหายใจ"แต่ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสกำลังโกรธมากอยู่เลยนะ"

จั๋วซือหรานจำได้ว่า ตอนนั้น นางตั้งใจยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง ไม่ฟังข้อแนะนำของใคร ๆ ทั้งสิ้น ผู้อาวุโสของตระกูลต่างโกรธเป็นอย่างมาก ทั้งยังกล่าวว่า หากนางยืนกรานที่จะไปตามทางของตัวเอง ชาตินี้ก็อย่าได้กลับมาที่ตระกูลจั๋วอีก

“ต่อให้เหล่าผู้อาวุโสโกรธแค่ไหน ข้าก็ต้องกลับไป” จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ “มิเช่นนั้น จะให้จั๋วหรูซินสมหวังหรือ”

ฝูซางพูดอย่างกังวลว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลืมเรื่องกฎตระกูลไปแล้วหรือ"

เมื่อได้ยินฝูซางพูดเช่นนั้น จั๋วซือหรานแข็งทื่อทันที นางหงุดหงิด

*

ห้องเก็บฝืนลานด้านหนัาของเรือน

หลิ่วเย่หลบตัวที่มุมกำแพง นางหวาดกลัวและตัวสั่ง นางมองไปที่จั๋วซือหราน "คุณ คุณหนูเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากของนางแล้วยิ้ม จากนั้นเอาปลายเท้ายกเก้าอี้ที่ขาหักไม่ดี ทว่านางกลับนั่งได้อย่างนิ่ง

“คุณหนู ข้าน้อยรู้ว่าตนผิด ข้าน้อยถูกผีสิง ข้าน้อยขอคุณหนูโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยสักครั้ง” หลิ่วเย่รีบลุกขึ้นและคุกเข่าต่อหน้าจั๋วซือหราน

จั๋วซือหรานมองนางอย่างเฉยเมยและพูดว่า "ใบซื้อขายตัวของเจ้ายังอยู่กับข้า ตามหลัก เจ้าควรไม่กล้าทรยศข้า"

หลิ่วเย่เอาแต่พูดว่า "ข้าน้อยถูกผีสิงเจ้าค่ะ"

“ถูกผีสิงนั้นหรือ” จั๋วซือหรานพูดพร้อมเสาะยิ้ม “เจ้าเป็นคนขี้กลัวมาโดยตลอด หากไม่มีคนมาให้สัญญากับเจ้าว่า ข้าไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าทำผิด เจ้าก็จะไม่มีวันกล้าทรยศข้า ที่เจ้าพูดว่าถูกผีสิง แล้วผู้ใดกัน…ทำให้เจ้าถูกผีสิง?”

หลิ่วเย่กลอกตาไป ๆ มา ๆ และไม่ปริปากพูด

จั๋วซือหรานส่ายนิ้วแล้วพูดว่า "พ่อค้าทาสกำลังรออยู่ที่ประตูหลังอยู่แล้ว หลิ่วเย่ เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว คิดให้รอบคอบแล้วค่อยตอบ"

เมื่อได้ยินคำว่า "พ่อค้าทาส" หลิ่วเย่ก็สั่นกลัวอย่างมาก นางเป็นทาส และสัญญาซื้อขายตัวอยู่กับจั๋วซือหราน ตราบใดที่จั๋วซือหรานเต็มใจขาย นางก็จะถูกจั๋วซือหรานขายอย่างง่ายดาย

หลิ่วเย่ตัวสั่นและรีบพูด "คุณหนูลิ่วเป็นผู้สั่งการเจ้าค่ะ นางบอกว่า ตราบใดที่ข้อน้อยเชื่อฟังคำสั่งของนาง หลังจากที่คุณหนูออกเรือน คุณท่านก็จะช่วยให้ข้าน้อยหลุดพ้นจากการเป็นทาสเจ้าค่ะ"

จั๋วซือหรานหัวเนาะเย้ยหยัน "จั๋วหรูซินวางแผนเก่งเสียจริง"

ในชะตากรรมของเจ้าของเดิม เจ้าของร่างนี้สละทรัพย์สินของครอบครัวทั้งหมดแล้ว และทรัพย์สินทั้งหมดเหล่านี้ตกเป็นของจั๋วหรูซิน

จั๋วซือหรานไม่ใช่เจ้าของเดิม นางจะไม่มีวันให้จั๋วหรูซินสมความปรารถนา

มีผู้คนมากมายในเมืองหลวง และเวลาผ่านคืนเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันแต่งงานของลูกสาวคนที่เก้าของตระกูลจั๋วถูกแพร่ทั่วมือง

และยิ่งพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งเกินจริงขึ้นเท่านั้น บางคนบอกว่า คุณหนูจั๋วจิ่วคายหนอนยาวเท่าแขนออกจากปากของนาง

“หนอนพิษกู่ยาวเท่าแขนหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้ายังอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”เมื่อได้ยินฝูซูเล่าข่าวลือข้างนอก จั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะ

นางเกิดมาสวยงาม และตอนนี้ในร่างนี้มีจิตวิญญาณของผู้อื่น บุคคลิกของนางดูมีความกล้าหาญเล็กน้อย ซึ่งทำให้นางงามอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก

เพียงว่าอาการบาดเจ็บภายในยังไม่หายดี และใบหน้าของนางยังซีดขาวเล็กน้อย

ฝูซูมองนางอย่างด้วยสายตาว่างเปล่า “คุณหนูเจ้าคะ สีหน้าของคุณหนูดูไม่ดีเลย มิเช่นนั้น... ให้ข้าทาแป้งที่แก้มให้หน่อยไหม”

จั๋วซือหรานยืนขึ้นแล้วพูดว่า "ต้องซีดขาวถึงจะมีคนเห็นใจ สีหน้าดูแย่ หน้าดูซีดเซียวน่ะถูกต้องแล้ว ข้าไปเปลี่ยนชุดสีขาว เดี๋ยวหากฝนตกอีกด้วยยิ่งดี ข้าจะคุกเข่าท่ามกลางสายฝน..."

นางยังไม่ทันพูดจบ นอกห้องมีเมฆดำรวมตัวแล้ว

"เทพช่วยข้าไว้"

ขณะเดียวกัน ในบ้านแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเมือง

ฉินตวนหยางนอนอยู่บนเตียง เพื่อให้กระดูกเข้ากันได้ดี มีคนนำไม้กระดานเกราะขาของเขาไว้

“คุณหนูลิ่ว คุณหนูจะปล่อยข้าเช่นนี้มิได้หรอกนะ”

จั๋วหรูซินดูเย็นชาและจ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ "หุบปาก หากไม่ใช่เป็นเพราะไม่ได้เรื่อง... "

ฉินตวนหยางมองสีหน้าของนางและพูดว่า "คุณหนูลิ่ว ดูเหมือนจั๋วซือหรานไม่ได้ถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่ควบคุม"

“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินพูดอย่างโกรธ “ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเสน่ห์หนอนพิษกู่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้”

ฉินตวนหยางทำได้แค่ยิ้ม "ใช่ ๆ ขอรับ แต่แม่หนอนกู่ตายแล้ว มิเช่นนั้น... ท่านไปหาอีกตัวมาสิ"

จั๋วหรูซินเหลือบตามองเขา "เจ้าคิดว่า ที่ลิทธิกู่ของดินแดนทางใต้เลี้ยงแม่หนอนกู่ง่ายมากหรือ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเสียเงินไปตั้งเท่าไร"

นอกประตูมีเสียงคนรับใช้ของนางดังขึ้น“คุณหนูเจ้าคะ ได้ข่าวว่า คุณหนูจิ่วกลับบ้านเพื่อสารภาพผิดแล้ว”

“อะไรนะ” สีหน้าของจั๋วหรูซินเปลี่ยนทันที แลนางรีบลุกขึ้นและกลับบ้าน

ฉินรุ่ยหยางกังวลทันที "คุณหนูลิ่ว ข้าควรทำอย่างไรดี"

จั๋วหรูซินมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "รอก่อน ข้าจะขอฝ่าบาททรงถวายพระราชโองการการสมรสให้เจ้า แล้วเรามาดูกันว่า ถึงเวลานั้น นางจะปฏิเสธได้อย่างไร"
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
Bua Phimjirapa
ตัวร้ายชื่อ ฉินรุ่ยหยาง หรือ ฉินตวนหยางกันแน่คะ อ่านแล้วงง ค่ะ เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก แนะนำเพิ่มเติมคือ ตรวจเช็คชื่อ แล้วก็คำผิด ก่อน จะน่าอ่านมากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ
goodnovel comment avatar
KingKaew Sueanoi
เนื้อเรื่องดีมากค่ะ แต่อยากให้เรียบเรียงแก้คำผิดอีกสักรอบค่อยลง ภาษาจะได้สลวยอ่านง่าย คนอ่านก็จะเยอะมากขึ้น พัฒนาต่อไปนะคะ
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1460

    จั๋วซือหรานคิดๆ เสริมเข้ามาอีกประโยคหนึ่ง "ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ต้องหนี ก็ต้องไปทำความเข้าใจสถานการณ์แบบรูปธรรมมาก่อน"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งยิ่งไปกว่านั้นจั๋วซือหรานหลังจากที่รู้เป้าหมายของสภาผู้อาวุโส ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นรางๆอันที่จริงนางเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามิติในแหวนเสวียนเหยียนของตนเองมันคืออะไรกันแน่ไม่แน่ การเดินทางครั้งนี้อาจจะได้คำตอบเส้นทางไปยังเมืองโม่ ยาวไกลมากจริงๆ ระหว่างทางก็เจอสถานการณ์หลายอย่าง ทั้งคนปล้นกับสัตว์ประหลาด เจอมาหมดถ้านี่เป็นกลุ่มอื่นคงจะจบลงที่กลางทางแล้วแต่โจรพวกนี้ก็ดวงไม่ดี ดันมาเจอกับกลุ่มของพวกเขาขั้นตอนโดยพื้นฐานจะเป็นปันอวิ๋นกับถังฉือสองคน ซึ่งหารือกันอย่างเกียจคร้านถังฉือ: "เจ้าไปไหม?"ปันอวิ๋น: "ข้าขี้เกียจ เจ้าไปแล้วกัน"ถังฉือ: "ข้าเองก็ขี้เกียจ"ปันอวิ๋น: "คืนนี้ข้าจะให้ซือหรานย่างปลา น้ำจิ้มผลไม้ปลาย่างของนางนี่อย่างเด็ด"ถังฉือ: "ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"จากนั้นถังฉือก็ออกไปไม่ถึงสองนาที การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงจั๋วซือหรานบางครั้งตอนที่นอนกลางวันก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย! เพิ่งมารู้เรื่องเอาตอนย่างปลาช่วง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1459

    ถังฉือน่าจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้จริงๆ ดังนั้นจึงรู้เนื้อหาไม่ค่อยมากนักถ้าหากเป็นจั๋วซือหรานล่ะก็ คงจะตรวจสอบเป้าหมาย แผนการ ของอีกฝ่ายมาจนหมดแล้วยังดีที่ถึงแม้ข้อมูลของถังฉือจะไม่เยอะมาก แต่พอบวกกับข้อมูลที่ปันอวิ๋นรู้บางส่วนรวมส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้จั๋วซือหรานรวบรวมข้อมูลคร่าวๆ แล้วจึงสรุปออกมา"สรุปก็คือ ในเรื่องที่สภาผู้อาวุโสลิ้มรสความหอมหวานจากเกาะลอยฟ้าด้วยพลังแห่งมังกรคราม เลยคิดอยากจะได้พลังแห่งสัตว์เทพที่มากกว่า หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ต้องการ...แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์"พูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง ทั้งเหมือนประชดและเหมือนไม่มี นางเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์ที่เป็นของพวกเขาเท่านั้น"น่าจะประมาณนี้นั่นล่ะเพียงแต่ว่าล้มเหลวไปแล้ว เพราะพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากการพันธนาการ มันไม่ได้ผลลัพธ์แบบที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้"หลักๆ คือเจ้าเสียวหม่านี่รู้ข้อมูลมาน้อยเกินไปแล้ว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้น "ดังนั้นพวกเรารีบไปที่เมืองโม่ดีกว่า ชิงตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยมาก่อน ข้อมูลที่พวกเขารู้ต้องมากกว่านี้แน่นอน"จั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1458

    สายตาของปันอวิ๋นก็มองมาทางเขา รู้สึกทอดถอนใจหน่อยๆถังฉือไม่พูดต่อ แต่ปันอวิ๋นก็เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นจึงหันมาบอกกับจั๋วซือหรานว่า "พยัคฆ์ขาวนั่นตอนนั้นก็เป็นเขานี่ล่ะที่จับไป""..." จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายความเงียบงันของถังฉือเมื่อครู่ทันทีมิน่า น่าจะตอนนั้นสินะ เขาถึงได้เข้าใจต่อเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง"สรุปคือ..." ถังฉือเนื่องจากมีนิสัยแบบนั้น ดังนั้นต่อให้รู้สึกเชิงขอโทษอยู่บ้าง แต่มันก็เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเขาพูดต่อว่า "สรุปคือ หลังจากข้าพาเขาไป พวกเขาก็หาวิธีคิดจะใช้พลังแห่งพยัคฆ์ขาว ข้าเข้าใจไม่มากนัก จำได้ลางๆ ว่า พวกเขาหวังจะมีพลังแห่งสัตว์เทพ แล้วจะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนเกาะลอยฟ้าขึ้นมา"ฟังถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงอย่างไร คนที่เคยลิ้มรสความหอมหวานมาแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรสความหอมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เพียงแต่ว่า จั๋วซือหรานเพิ่งจะคิดแบบนี้ ก็เห็นถังฉือขมวดคิ้ว เหมือนจะดูไม่ค่อยพอใจกับเนื้อหาคำพูดของตัวเองราวกับว่า รู้สึกว่าคำพูดของตัวเอง ยังแสดงความหมายที่อยากจะบอกออกมาไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status