ลั่วชิงยวนจ้องมองพวกเขาด้วยความระแวดระวัง ในมือซ่อนเตี่ยฉุยไว้ในยามนี้นางอ่อนแอเกินไป ได้แต่พึ่งพาเตี่ยฉุยหวังเพียงจะพาทั้งสองหนีออกไปแต่ในขณะนั้นเอง คนใบ้กลับเดินมายืนอยู่เบื้องหน้าลั่วชิงยวน มองพวกเขาด้วยเจตนามุ่งสังหารถูหมิงและคนอื่น ๆ มิทราบถึงความแข็งแกร่งของคนใบ้ ในเมื่อเขาสังหารฝูเหมิ่งได้ย่อมมิอ่อนแอ จึงไม่มีใครกล้าลงมือโดยพลการแต่เมื่อได้ยินเสียงงูในป่าถูหมิงจึงตัดสินใจเสี่ยง“ลุย!”เมื่อได้ยินคำสั่ง หลายคนก็พุ่งเข้ามาถูหมิงก็ยกดาบขึ้นฟันเช่นกันเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารการต่อสู้ใกล้ปะทุขึ้นลั่วชิงยวนและคนใบ้ร่วมมือกันต้านทานคนเหล่านี้นางและคนใบ้ทาผงไล่งูไว้บนตัวแล้ว ในยามนี้จึงมิเกรงกลัวว่างูจะเข้ามาล้อมโจมตีทันใดนั้นเอง ก็มีฟ้าแลบหลายครั้งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามราตรีแสงสว่างวาบไปทั่วบริเวณในความสว่างชั่วครู่ของสายฟ้านั้นปรากฏร่างในชุดสีแดงขึ้นในสายตาของทุกคนมีคนร้องอุทานออกมา สายตาจับจ้องไปที่ความมืด “เมื่อครู่นี้อะไรกัน!”คนอื่น ๆ กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตกใจลั่วชิงยวนเหลียวมอง จึงเห็นสตรีชุดแดงแวบผ่านไปนางโผล่มาอีกแล้วเมื่อสายฟ้าแลบขึ้นอีกครั้
เมื่อคนใบ้ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็รีบคว้าข้อมือนางไว้ มิอยากให้นางไปลั่วชิงยวนกล่าวว่า “วางใจเถิด ข้าเพียงแค่อยู่บริเวณใกล้ ๆ นี้ มิเป็นอะไรหรอก”โอสถห้ามเลือดหมดแล้ว บาดแผลที่หลังของคนใบ้สาหัสถึงเพียงนั้น หากมิได้ยารักษาก็เกรงว่าจะมิอาจประคองชีวิตได้ถึงรุ่งเช้าซูเซียงก็ต้องการสมุนไพรอย่างเร่งด่วนเช่นกัน“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา” ลั่วชิงยวนกำชับคนใบ้คนใบ้พยักหน้าจากนั้นลั่วชิงยวนก็เข้าไปยังป่ารกทึบเพื่อหาสมุนไพรราวกับไม่มีผู้ใดเคยย่างกรายเข้ามาในขุนเขาแห่งนี้มาก่อน พุ่มไม้หนาทึบจนแทบไม่มีทางเดินแต่ก็ดีแล้ว เพราะสมุนไพรมีมากมายแม้จะมิใช่ของวิเศษล้ำค่าแต่ก็เป็นยารักษาที่ดีนางเก็บสมุนไพรมามากมายเมื่อกลับไปอย่างตื่นเต้น นางกลับพบว่า…ทุกคนหายไปแล้ว!ทั้งคนใบ้และซูเซียงหายไปหมดแล้ว!ความหนาวเย็นยะเยือกแผ่ซ่านขึ้นมาในใจทันทีนางมองหาไปทั่วก็มิพบเงาร่างของทั้งสองกระทั่งสงสัยว่าตนเดินมาผิดที่หรือไม่แต่นางกลับเห็นรอยเลือดบนพื้นเป็นรอยเลือดที่ถูกลากไป!ลั่วชิงยวนใจหายวูบต้องเกิดเรื่องกับคนใบ้แล้ว!นางหยิบเข็มทิศออกมา พลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งควา
เนื่องจากมันสูงเกินไป ลั่วชิงยวนจึงต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเกาะตามผนังหินทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้แต่ผนังหินนั้นเกือบจะตั้งตรง และไม่มีสิ่งใดให้ยึดเกาะเพื่อปีนขึ้นไปได้เลย ลั่วชิงยวนทำได้เพียงเกาะชะง่อนหินที่ยื่นออกมาเพื่อช่วยผ่อนแรงจากนั้นร่างของนางก็ตกลงสู่เบื้องล่างมิได้รับบาดเจ็บสาหัสมากนัก เพียงแต่ข้อเท้าพลิกเบื้องล่างมีแสงสว่างริบหรี่ ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าถ้ำนี้ลึกเกือบสิบเมตรเบื้องล่างมีหินกระจัดกระจายมากมาย ข้างหินเหล่านั้นยังมีกระดูกสีขาวโผล่ให้เห็นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเบื้องล่างนี้จะมีผู้คนมาตายอยู่เป็นจำนวนมากมิรู้ว่าเป็นสถานที่แห่งใดเมื่อครู่... ซูเซียงเป็นคนผลักนางลงมาหรือ?ในขณะนั้นเอง ที่ปากถ้ำด้านบนก็มีร่างหนึ่งค่อย ๆ ยื่นศีรษะออกมาคนผู้นั้นคือซูเซียง!ซูเซียงหมอบอยู่ที่ปากถ้ำด้วยสีหน้าเป็นกังวล ด้วยความกระวนกระวายว่า “เจ้าเป็นกระไรหรือไม่?”“บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”“ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ข้าเท้าลื่นล้มลงไป เลยพลั้งมือผลักเจ้า”“ข้าเองก็มิรู้ว่าที่นี่มีหลุมใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วย”ลั่วชิงยวนนั่งอยู่บนพื้นพลางคลึงข้อเท้าพลางมองสำรวจโดยรอบ แล้ว
ในชั่วขณะนั้น ซูเซียงตกตะลึงจนหน้าซีดเผือดทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวมิทันนางชักกริชออกมา ขณะเดียวกันลั่วชิงยวนก็ออกแรงดึงนาง สองเหตุการณ์เกิดขึ้นแทบจะพร้อมกันซูเซียงจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า ลั่วชิงยวนล่วงรู้ถึงเจตนาของนางแล้ว!ในขณะที่ร่างดิ่งลงสู่เบื้องล่าง ซูเซียงก็คว้าจับเถาวัลย์ไว้แน่นลั่วชิงยวนใช้ขาทั้งสองข้างพันรอบเถาวัลย์ ร่างกายดิ่งลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวในมือพุ่งแทงไปยังซูเซียงซูเซียงร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วแล้วกระแทกพื้นอย่างแรง จากนั้นก็พุ่งเข้ามาต่อสู้กับลั่วชิงยวนความเร็วของซูเซียงทำให้ลั่วชิงยวนประหลาดใจ ในระหว่างการต่อสู้ กรงเล็บเหล็กที่ยื่นออกมาจากแขนเสื้อของนางส่องประกายแสงเย็นเยียบลั่วชิงยวนรีบหลบหลีก ซูเซียงเตะเข้ามา กรงเล็บเหล็กก็ปรากฏออกมาจากฝ่าเท้าของนางเช่นกัน ทั้งร่างของนางเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารลั่วชิงยวนเพิ่งสังเกตเห็นว่าสตรีผู้นี้ซ่อนอาวุธไว้ทั่วร่างหลังจากการต่อสู้ดุเดือด ลั่วชิงยวนใช้กำลังทั้งหมดกดซูเซียงลงบนพื้น“เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าเป็นคนทำให้คนใบ้หายไปใช่หรือไม่!”ซูเซียงมองนางด้วยแววตาอำมหิต ทันใดนั้นก็อ้าปากพ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ลั่วชิงยวนก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างว่ากระไรนะ?นางรู้สึกมิอยากจะเชื่อเลยแต่ซูเซียงก็มิได้กล่าวต่อ พลันหายตัวไปที่ปากถ้ำเมื่อลั่วชิงยวนหันกลับไปมองด้านบนศีรษะ ก็มีวัตถุขนาดใหญ่ค่อย ๆ บดบังแสงทั้งหมดเมื่อแสงสว่างน้อยนิดแสงสุดท้ายถูกบดบังลง เสียงของซูเซียงก็ดังขึ้น “ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอก จงรอความตายอยู่ในนั้นเช่นเดียวกับผู้อื่นเสียเถอะ!”“อีกสิบวันข้าจะมาเก็บศพเจ้า!”ซูเซียงกัดฟันขณะพูดประโยคสุดท้ายลั่วชิงยวนเชื่อว่าหากซูเซียงมิได้แพ้นาง ซูเซียงคงจะฉีกร่างนางให้แหลกเป็นชิ้น ๆ ไปนานแล้วสู้มิได้จึงเลือกที่จะขังนางให้ตายอยู่ในที่แห่งนี้แผ่นหินด้านบนนั้นดูท่าทางแล้วหนักยิ่งนัก ลั่วชิงยวนเป็นกังวลว่าแผ่นหินจะร่วงลงมาทับซูเซียงหาของเช่นนี้พบ แสดงว่านางคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี กระทั่งอาจจะเคยฆ่าคนในที่แห่งนี้มาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้งด้วยนางอาจจะมาถึงเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้นานกว่าทุกคนก็เป็นได้แต่สิ่งที่นางมิเข้าใจคือ เหตุใดปีศาจราคะอย่างตู้เฟิงเฉินจึงกลายเป็นรักเดียวในชีวิตของซูเซียงไปได้?จากความทรงจำที่นางเห็นมา ภรรยาของตู้เฟิงเฉินถูกกระทำอย่างท
นี่มันเสียงหงไห่มิใช่หรือ!“หงไห่?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถามลองเชิงอีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย จากนั้นกล่าวทันที “เจ้าก็มาถึงที่นี่ด้วยหรือ!”ลั่วชิงยวนตกใจ นี่คือโฉวสือชี!ทั้งสองหยุดต่อสู้กันในทันทีลั่วชิงยวนจุดไฟอีกครั้งเพื่อให้แสงส่องสว่างโดยรอบจึงได้เห็นโฉวสือชีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดส่วนหงไห่นั่งพิงผนังหิน กำลังไอออกมาเป็นเลือด“เขาเป็นอะไร?” ลั่วชิงยวนรีบเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าหงไห่ถูกงูกัดที่หลังมือจึงได้รับพิษนางก็รีบนำยาถอนพิษมาให้หงไห่กิน จากนั้นฝังเข็มเพื่อเอาพิษออกหงไห่จึงรอดชีวิตมาได้โฉวสือชีนั่งยอง ๆ บนพื้น ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “โชคดีที่เจอเจ้า มิเช่นนั้นคราวนี้หงไห่คงมิรอด”ลั่วชิงยวนมองดูสภาพของทั้งสอง เกรงว่าคงต้องเผชิญกับพายุโลหิตมา“พวกเจ้าอยู่ด้วยกันกี่คน? ข้าเจอจวี้ซานในป่า เขาตายแล้ว”ลั่วชิงยวนถามด้วยความเป็นห่วงโฉวสือชีผู้สีหน้าเคร่งขรึมส่ายหน้า “ข้ามิรู้ ในบรรดาคนที่ข้าพบ มีคนตายไปแล้วสามคน ข้าหาเจอแค่หงไห่”“อีกสองคน เกรงว่าจะประสบเคราะห์ร้ายเช่นกัน”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ใจหายวูบ“อยู่ที่ใด พาข้าไปหน่อย”จากนั้นโฉวสือชีก็พยุงหง
ล้วนเป็นงูทั้งนั้น!ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด!ด้านบนเป็นตาข่ายที่สานจากเถาวัลย์และด้านบนนั้นก็มีงูขดอยู่เต็มไปหมดบางครั้งก็มีงูตกลงมาในน้ำด้วยโฉวสือชีกล่าวด้วยความหวาดหวั่น “คนมากมายในป่าแห่งนี้ล้วนถูกลากตัวไป แล้วตกลงมาจากหลุมบนสุด ถูกงูพวกนั้นกัดกินจนหมดสิ้น”“ข้ากับพวกเขาก็พบกันที่นี่เช่นกัน แต่ช่วยไว้ได้แค่หงไห่เท่านั้น”เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็ดิ่งวูบคนใบ้ก็ถูกลากไปเช่นกัน เขาจะตกมาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยหรือไม่?นางมองไปยังสุดปลายสะพานโซ่ ที่นั่นเป็นพื้นที่ราบ แต่ก็มืดสนิทจนมองอะไรมิเห็น“ข้าจะไปที่นั่น” ลั่วชิงยวนหยิบกระบี่ห้วงสวรรค์ขึ้นมา แล้วมุ่งหน้าไปยังสะพานเหล็กลอยน้ำโฉวสือชีห้ามมิได้ ทำได้เพียงวางหงไห่ลง แล้วจับจ้องร่างของลั่วชิงยวนอย่างระมัดระวังหากมีอันตรายใด ๆ จะได้เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีลั่วชิงยวนรีบเดินข้ามสะพานลอย พยายามมิให้เปียกน้ำ เพราะน้ำจะชะล้างผงไล่งูที่เท้าเมื่อวิ่งไปถึงจึงเห็นคนใบ้นอนอยู่บนพื้นจริง ๆนางรีบแบกคนใบ้ขึ้นมา โชคดีที่บริเวณใกล้เคียงไม่มีงู เขาจึงมิได้ถูกงูกัดลั่วชิงยวนแบกร่างเขาขึ้นบนหลังอย่างยากลำบากแล้วกัดฟันประค
โชคดีที่หลังจากเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็พบกระท่อมหลังหนึ่งเป็นกระท่อมที่ฝังตัวอยู่บนผนังหิน มองดูคล้ายถ้ำมากกว่าที่นี่ค่อนข้างทรุดโทรม มีฝุ่นจับหนาเตอะ ดูเหมือนจะไม่มีใครอาศัยอยู่มานานแล้วแต่ในกระท่อมมีฟางปูไว้หนามากและค่อนข้างแห้ง ทุกคนจึงตัดสินใจพักที่นี่ก่อนลั่วชิงยวนตรวจสอบ แล้วกล่าวว่า “ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นที่ที่คนเลี้ยงงูเคยอาศัยอยู่”ที่มุมห้องมีตะกร้าใส่งูจำนวนมากวางอยู่ ทว่ายามนี้ด้านในนัน้ว่างเปล่าลั่วชิงยวนล้างทำความสะอาดหม้อและชาม ก่อนจะนำมาต้มยาระหว่างที่รอก็พันแผลให้คนใบ้อีกครั้งคนใบ้คงจะเจ็บปวดแผลมาก จึงได้ตื่นขึ้นมาพอดีกับที่ลั่วชิงยวนกำลังนำยามาให้เขา “เจ้าดวงแข็งถึงเพียงนี้ คงมิตายง่าย ๆ หรอก”คนใบ้รับชามยาไป ลังเลเล็กน้อยก่อนเขียนบนพื้นว่าซูเซียงมีพิรุธลั่วชิงยวนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว แต่ถ้ามิใช่เพราะซูเซียง ข้าก็หาเจ้ามิพบ”ดูเหมือนว่าในยามนั้นซูเซียงจะสู้กับคนใบ้ด้วยอากาศโดยรอบเย็นลงเรื่อย ๆ โฉวสือชีจึงก่อไฟให้แรงขึ้น แล้วกล่าวว่า “ยามนี้น่าจะกลางคืนแล้ว”“พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะเฝ้ายามให้”ลั่วชิงยวนพิงกำแพง แต่กลับนอนมิหลับนาง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ