Share

บทที่ 1398

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนสะดุ้งลุกขึ้นตื่นด้วยความตกใจ เห็นชุดสีแดงวูบผ่านทางช่องว่างหน้าต่าง

นางเดินไปเปิดประตู ก็เห็นหงไห่ถือดาบยาวเดินออกมาด้วยท่าทีดุดัน

ลั่วชิงยวนปลอบ “ไม่มีอะไร มิใช่หลอนไปเองหรอกหรือ ไปพักเถิด”

เดิมทีหงไห่ตั้งใจจะบอกว่าเขาเห็นเงาสีแดงจริง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าลั่วชิงยวนมิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาจึงมิได้เอ่ยคำใดต่อ

จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในห้อง

เมื่อลั่วชิงยวนกลับเข้าไปที่ห้อง ก็เห็นสตรีชุดแดงผู้นั้นกำลังรอคอยนางอยู่ในห้อง

“อวี๋ตันเฟิ่งหรือ?” ลั่วชิงยวนถามอย่างลองเชิง

สตรีชุดแดงเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าก็ฉลาดนี่”

“เจ้าตายได้อย่างไร?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความสนใจ ด้วยอยากรู้ว่าเหตุใดที่นี่จึงมีสภาพเช่นนี้

ความเคียดแค้นผุดขึ้นมาในดวงตาของอวี๋ตันเฟิ่ง “ถูกคนที่ข้ารักที่สุดฆ่าตาย”

“คนที่เจ้ารักที่สุดหรือ?” ลั่วชิงยวนนั่งลงด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตั้งใจจะฟังเรื่องราวของอวี๋ตันเฟิ่ง

“เจ้าก็คงได้เห็นไปบ้าง ที่นี่เป็นสถานที่ที่ข้าสร้างขึ้นด้วยหยาดเหงื่อแรงกายทั้งหมดของข้า”

“จุดประสงค์แรกเริ่มคือ การรับคนที่ถูกระบุว่าเป็นทาส ข้ามิอาจเปลี่ยนแปลงใต้หล้าอยุติธรรมผืนนี้ได้ แต่ข้าสามารถทำทุกวิถี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
อัญชิษฐา คําเสียง
อื้อ ขาดตอนอีกแล้ว ต่อคร้ารออยู่นะคะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1399

    จู่ ๆ ใบหน้าของนางพลันกลายเป็นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เส้นเลือดฝอยจำนวนมากแผ่ขยายไปบนใบหน้าซีดขาว เส้นเลือดชวนสยองขวัญปูดโปนออกมาใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวยิ่งนักลั่วชิงยวนรีบขว้างยันต์แผ่นหนึ่งออกไปผลักอวี๋ตันเฟิ่งออกไปจนนางกระเด็นไปติดผนังดูจากท่าทางแล้ว นางเกรงว่าอยู่ดี ๆ อวี๋ตันเฟิ่งอาจควบคุมตนเองมิได้และทำร้ายผู้คน“หากเจ้าคิดมิออก ข้าจะช่วยเจ้าเอง”ลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ขึ้นมาแล้วสร้างวงเวทกักขังอวี๋ตันเฟิ่งไว้นางค่อย ๆ หลับตาลงภาพในอดีตอันงดงามของเมืองแห่งภูตผีผุดขึ้นเบื้องหน้าเจ้าเมืองจัดงานสมรสในยามนั้นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นระหว่างหน้าผาอลังการและสง่างามยิ่งนัก มิได้มีบรรยากาศมืดมนแต่อย่างใดมีอาคารอยู่ทั้งสองข้างของสะพานเหล็ก ถนนหนทางกว้างขวาง ประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี แพรพรรณสีแดงปลิวไสวเกี้ยวแต่งงานถูกหามจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง บุรุษที่ขี่ม้าคือโหยวจิ้งเฉิงสตรีในเกี้ยวมีริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันขาวสะอาด ดวงตาสุกใส มีท่าทางองอาจสง่างาม แต่ก็มิอาจซ่อนเร้นความเขินอายของความเป็นสตรีได้นางเต็มไปด้วยความสุขในวันนี้ที่ได้แต่งงาน ทว่าในคืนส่งตัว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1400

    นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางมองไปยังอวี๋ตันเฟิ่งอวี๋ตันเฟิ่งค่อย ๆ สงบลง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้นค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิม เส้นเลือดในดวงตาก็จางหายไปลั่วชิงยวนจึงปล่อยนางเป็นอิสระในดวงตาของอวี๋ตันเฟิ่งเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้น จ้องมองลั่วชิงยวนมิวางตา“โหยวจิ้งเฉิงตายไปแล้ว ข้าต้องการให้เขาถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อย “ตายแล้วหรือ? เขาตายได้อย่างไร?”อวี๋ตันเฟิ่งกล่าวว่า “เมื่อคืนคนที่อยู่ในร่างของชายคนนั้นคือโหยวจิ้งเฉิง!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งประหลาดใจจากนั้นก็นึกถึงใบหน้าของโหยวจิ้งเฉิง และนึกถึงใบหน้าชายที่เห็นในร่างของฝูเหมิ่ง ก็อดมิได้ที่จะใจหายวูบแท้จริงแล้วคือโหยวจิ้งเฉิง!เพียงแต่อายุห่างกันประมาณสิบกว่าปีการปล่อยให้มีชีวิตอยู่ได้นานอีกสิบกว่าปีก็ถือว่าดีเกินไปสำหรับเขาแล้วลั่วชิงยวนพยักหน้าตอบตกลง “ไม่มีปัญหา”“เพียงแต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาตายได้อย่างไร?”อวี๋ตันเฟิ่งตอบว่า “มิรู้”“เมื่อมิกี่วันที่ผ่านมาข้าเพิ่งถูกเจ้าปลดปล่อยออกมา และเพิ่งรู้ว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและกลายเป็นเหมือนข้า”“น่าเสียดายที่ข้ามิอาจฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1401

    เมื่ออวี๋ตันเฟิ่งได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าก็มิรู้เหมือนกัน…”“ข้าถูกกักขังอยู่ในภูเขาแห่งนี้นานแสนนาน เวลาผ่านไปกว่าสิบปีแล้ว ข้ามิรู้เลยว่าบิดามารดาและพี่น้องของข้าเคยมาเยี่ยมเยือนข้าบ้างหรือไม่”“บางทีพวกเขาคงคิดว่าข้าเป็นลูกอกตัญญู ถอดชื่อข้าออกจากตระกูลไปนานแล้วกระมัง…”ท้ายที่สุดแล้ว ในยามนั้นนางก็หนีออกจากบ้านมาที่นี่แต่เพียงผู้เดียวบางทีครอบครัวอาจมิเคยรู้ด้วยซ้ำว่านางอยู่บนภูเขาแห่งนี้“ผ่านไปนานเพียงนี้แล้ว พวกเขาคงลืมข้าไปหมดแล้วกระมัง…”น้ำเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งแฝงไปด้วยความเศร้าช่วงเวลากว่าสิบปีหลังความตาย นอกจากความแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดแล้วก็คงเหลือเพียงความคิดถึงที่มีต่อครอบครัวเมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็อดเห็นใจมิได้ “หากเรื่องนี้แก้ไขได้ ข้าจะลองดูว่าจะสามารถพาเจ้าลงจากเขาไปได้หรือไม่”“จริงหรือ? เจ้าจะพาข้าลงจากเขาได้จริง ๆ หรือ?” อวี๋ตันเฟิ่งกล่าวอย่างเหลือเชื่อนางรู้ว่าโหยวจิ้งเฉิงใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมทารุณเพียงใด นางมิได้หวังว่าจะสามารถจากที่นี่ไปได้อีก“ข้ามิอาจรับประกันได้ คงทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1402

    โชคดีที่นางจับกริชไว้แน่นส่วนคนใบ้ที่อยู่ด้านหลังก็รีบคว้าแขนของนางไว้อย่างรวดเร็วแล้วช่วยพยุงนางไว้ลั่วชิงยวนยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง รอดตายหวุดหวิดในใจของทุกคนตึงเครียดอย่างยิ่ง แต่กลับไม่มีใครเอ่ยคำใด ด้วยเกรงว่าจะทำให้คนอื่น ๆ ตึงเครียดไปด้วย พวกเขาก้าวเท้าแต่ละก้าวบนหน้าผาอย่างเชื่องช้าแต่ดูเหมือนหนทางเบื้องหน้าจะไร้ที่สิ้นสุด มิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะได้เหยียบพื้นอย่างมั่นคงทันใดนั้นเอง หงไห่ที่ไต่นำหน้าก็หยุดนิ่งลั่วชิงยวนจำต้องหยุดตาม มิกล้าเข้าไปใกล้มากนัก เพราะก้อนหินที่เหยียบอยู่นั้นอาจรับน้ำหนักสองคนมิไหวเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ก้อนหินที่เหยียบอยู่พังลงพร้อมกัน พวกเขาจึงเว้นระยะห่างกันพอสมควร“มีกระไรหรือ?” ลั่วชิงยวนถามทันใดนั้นก็มีลมกระโชกแรงพัดมาจากเบื้องหน้า พร้อมกับกลิ่นอายอาฆาตลั่วชิงยวนขมวดคิ้วอันตรายที่มาจากเบื้องหน้าทำให้ลั่วชิงยวนกลั้นหายใจนางขยับเท้าไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วก็ได้เห็นภาพสยองชวนขนลุกบนหน้าผาเบื้องหน้า ฝูเหมิ่งกำลังเกาะติดอยู่ราวกับแมงมุม ซึ่งขวางทางของพวกเขาไว้พอดีที่แขนขาของเขามีกรงเล็บเหล็ก เหมือนกับที่ลั่วชิงยวนเคยเห็นบนร่างข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1403

    ลั่วชิงยวนรีบเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏอยู่เหนือศีรษะของนาง!มิว่าจะเป็นฝูเหมิ่งหรือโหยวจิ้งเฉิงที่อยู่ในร่างของฝูเหมิ่งล้วนจ้องไปที่ลั่วชิงยวนเป้าหมายของพวกเขาคือลั่วชิงยวนมาโดยตลอด!ฝูเหมิ่งแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมกระโจนเข้ามาทันใดนั้นเอง หงไห่ก็ตัดเชือกที่เอวทิ้งแล้วพุ่งตัวกระโจนเข้าใส่ขณะที่เขาหลุดออกจากหน้าผา ลั่วชิงยวนตกใจจนหน้าซีดเผือดจากนั้นก็เห็นหงไห่คว้าตัวฝูเหมิ่งไว้ ทั้งสองร่วงลงจากหน้าผาไปพร้อมกันลั่วชิงยวนตาไวมือไว รีบคว้าเชือกที่ผูกเอวหงไห่ไว้อีกครั้ง แต่แรงของนางกลับฉุดพวกเขาไว้มิได้นางจึงพันเชือกไว้รอบข้อมือเชือกรัดจนข้อมือนางขาวซีดและฝ่ามือถลอกคนใบ้รีบเข้ามาช่วยดึงลั่วชิงยวนไว้ เกรงว่านางจะถูกฉุดกระชากลงไปด้วยหงไห่กอดฝูเหมิ่งไว้แน่น ส่วนฝูเหมิ่งก็กัดแทะไหล่ของหงไห่อย่างโหดเหี้ยมเลือดสาดกระเซ็น เศษเนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่าตกลงไปในหุบเหวลั่วชิงยวนกัดฟันแน่น “เจ้าจงอดทนไว้!”หงไห่ทนความเจ็บปวดอย่างสุดกำลัง บังคับฝูเหมิ่งไว้ให้ได้“ปล่อย! พวกเจ้าฉุดข้าไว้มิได้หรอก! พวกเจ้าจะถูกข้าดึงลงไปด้วย!”โฉวสือชีก็ขยับตัวอย่างกระวนกระวาย หม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1404

    โฉวสือชีชะงักไปครู่หนึ่ง “มีทางลงไปจากหน้าผาด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าหลังจากที่ทั้งสามพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าลงจากเขาไปเมื่อเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม ลั่วชิงยวนก็พาพวกเขามาถึงเชิงผา ที่นี่มีหน้าผาสูงชันทั้งสองด้านและด้านล่างเป็นลำธารตื้น ๆ สายหนึ่งพวกเขาก้าวเท้าไปตามลำธาร เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆที่นี่อากาศหนาวเย็นจัด หนาวจนมือเท้าชาเลยทีเดียวทางเดินบางครั้งก็กว้าง บางครั้งก็แคบ แสงสว่างบางครั้งก็สว่างจ้า บางครั้งก็สลัวเดินไปนานมาก ในที่สุดด้านหน้าก็ปรากฏร่างหนึ่งศพของหงไห่นั่นเองเมื่อตกลงมาจากที่สูงเช่นนั้นจึงมิเหลือแม้แต่ซากศพที่สมบูรณ์...ลั่วชิงยวนหดหู่ใจ หยิบยันต์รวมวิญญาณออกมาแล้วนำขวดออกมาบรรจุวิญญาณของหงไห่แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าโฉวสือชีและคนใบ้ค้นบริเวณนี้มาครู่หนึ่งแล้วเมื่อกลับมาถึง ทั้งสามก็สบตากัน สีหน้าหนักอึ้งไปตามกัน“ฝูเหมิ่งยังมิตาย”พวกเขามิพบศพของฝูเหมิ่งเรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของลั่วชิงยวนอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุด ในร่างของฝูเหมิ่งในตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิงแต่เมื่อตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น ร่างกายของฝูเหมิ่งก็น่าจะได้ร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1405

    สิ่งที่อยู่ในโลงเริ่มสั่นไหวรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น และโลงศพก็ระเบิดออกในที่สุดทันใดนั้น ศพชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาบีบคอฝูเหมิ่งไว้สิ่งที่เป็นกึ่งคนกึ่งผีทั้งสองเริ่มต่อสู้กันลั่วชิงยวนสังเกตอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่า ชายคนนั้นก็ดุร้ายเช่นกันและเป็นสิ่งที่อันตรายมากทั้งสองเข้าโรมรันต่อสู้กันอย่างดุเดือดเนื่องจากศพชายคนนั้นฉุดรั้งฝูเหมิ่งไว้ ลั่วชิงยวนจึงหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ขึ้นมาสังเกตการณ์ในถ้ำแห่งนี้อย่างเงียบ ๆแท้จริงแล้วที่นี่คือหนึ่งในจุดรวมพลังศพของอวี๋ตันเฟิ่งก็ควรจะอยู่ที่นี่ ไม่มีทางผิดพลาดแน่แต่ถ้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กเพียงเท่านี้ มองปราดเดียวก็เห็นทั่วแล้ว ไม่มีที่ให้เข้าไปลึกกว่านี้แล้วลั่วชิงยวนถือเข็มทิศมองอยู่นาน และทันใดนั้นดวงตาของนางก็พลันเป็นประกายใต้พื้นถ้ำ!เมื่อมองไปยังใต้โลงศพก็พบว่าเป็นจานกลมขนาดใหญ่ น่าจะขยับได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็เริ่มค้นหาตัวไขกลไก ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่รูปปั้นหินบนผนัง“พวกเจ้าช่วยคุ้มกันข้าหน่อย!”ลั่วชิงยวนหยิบเชือกออกมาคล้องที่เอวพร้อมมัดไว้ก่อนจะส่งปลายเชือกให้อาถู่และโฉวสือชีถือไว้จากนั้นนางก็กระโจนไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1406

    ทั้งสามรีบวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในมิช้า โหยวเซียงและต่งอวิ๋นซิ่วก็นำผู้คนจำนวนมากมาถึงที่นี่อย่างรีบร้อนแต่เมื่อทั้งคณะพุ่งเข้าไปในถ้ำ กลับพบว่าสิ่งนั้นหายไปแล้ว!สีหน้าของต่งอวิ๋นซิ่วเปลี่ยนไป นางตวาดเสียงดัง “ตามหาให้ทั่ว!”“ข้ามิเชื่อหรอกว่าจะยังมีใครที่เดินเหินไปมาอย่างอิสระในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ได้!”ยามนี้ลั่วชิงยวนมีแผนที่อยู่ในมือ นางสามารถเดินไปไหนมาไหนในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ได้อย่างอิสระจริง ๆนางถึงขนาดรู้ทุกซอกทุกมุมในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ดีกว่าต่งอวิ๋นซิ่วและพรรคพวกด้วยซ้ำเพราะนั่นคือแผนที่ที่อวี๋ตันเฟิ่งวาดให้นาง ซึ่งละเอียดลออยิ่งส่วนพวกต่งอวิ๋นซิ่ว ท้ายที่สุดแล้วความทุ่มเทที่พวกนางมีต่อเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ย่อมมิอาจเทียบกับอวี๋ตันเฟิ่งได้ ความเข้าใจที่พวกนางมีจึงด้อยกว่าอวี๋ตันเฟิ่งลั่วชิงยวนเดินตามแผนที่ มิได้วิ่งหนีเข้าไปในหน้าผาหากไปในเส้นทางนั้นก็อาจถูกตามทันได้ขณะที่วิ่งหนี ลั่วชิงยวนก็แหงนหน้ามองตามผนังหินไปด้วยในที่สุดก็พบทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งแม้จะสูงไปสักหน่อยแต่ทางขึ้นไปก็มิได้ชันมาก ปีนป่ายขึ้นไปก็ได้แล้ว“ปีนขึ้นไปทางนั้น!”เมื่อ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status